บ๊ายบาย โรนัลโด้
16/2/2554
แม้จะเคยมีเสียงวิจารณ์ว่า โรนัลโด้ เป็นนักเตะอ้วน, ขี้เกียจและจอมปาร์ตี้ แต่คงไม่มีใครปฏิเสธว่าในช่วงพีคๆ เขาคือศูนย์หน้าที่ดีที่สุดในโลกอย่างแท้จริง
อดีตดาวยิงทีมชาติบราซิลวัย 34 ปี ได้ประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันจันทร์ที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา พร้อมกับกล่าวทั้งน้ำตาในงานแถลงข่าวว่า "ในหัวผมอยากจะเล่นต่อไปแต่ร่างกายมันไม่ไหวแล้ว มันถึงเวลาที่ผมจะต้องไปเสียที"
ความจริงแล้ว "เจ้าโล้นทองคำ" ถือว่าอยู่ในช่วงกึ่งรีไทร์มาพักใหญ่เพราะนับตั้งแต่ย้ายกลับมาอยู่ประเทศบ้านเกิดกับทีมโครินเธียนส์ เมื่อปี 2009 เขาก็แทบจะไม่ค่อยได้ลงเล่น และข่าวคราวส่วนใหญ่ตามหน้าหนังสือพิมพ์ก็มักจะเกี่ยวข้องกับเรื่องปาร์ตี้มากกว่าผลงานในสนาม
กระนั้นก็ตาม โรนัลโด้ หลุยส์ นาซาริโอ เด ลิม่า หรือที่แฟนลูกหนังทั่วโลกเรียกสั้นๆ ว่า "โรนัลโด้" ก็ยังเป็นที่จดจำอยู่เสมอในฐานะดาวยิงพรสวรรค์สูงที่เคยเล่นกับทีมยักษ์ใหญ่อย่างบาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด, อินเตอร์ และ มิลาน มาแล้ว
ระหว่างที่ค้าแข้งอาชีพ หัวหอกชาวบราซิเลียนทำไปมากกว่า 350 ประตูให้กับต้นสังกัด รวมถึงสถิติอันน่าทึ่งในการเล่นทีมชาติเมื่อกดไป 62 ประตูจากการลงสนาม 97 นัด และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงสถาปนาตัวเองเป็นหนึ่งในยอดนักเตะที่ดีที่สุดในโลกแบบไร้ข้อโต้แย้ง
โรนัลโด้ คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่าเป็นครั้งแรกในปี 1996 ขณะที่อายุเพียง 20 ปี ก่อนที่จะกลายเป็นเพียง 1 ใน 2 นักเตะที่ได้รางวัลนี้ 3 สมัยเช่นเดียวกับซีเนอดีน ซีดาน อดีตจอมทัพทีมชาติฝรั่งเศส
นอกจากนั้น "เจ้าโล้นทองคำ" ยังได้รางวัลบัลลง ดอร์ อีก 2 สมัย และกลายเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย หลังจากที่ซัดไปรวมกันทั้งหมด 15 ประตู (1998 ทำไป 4 ประตู, 2002 ทำไป 8 ประตู และ 4 ประตูในปี 2006 ที่เยอรมัน)
ไม่เพียงแต่ความเฉียบขาดในการทำสกอร์เท่านั้นที่ทำให้ โรนัลโด้ กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในวงการลูกหนังช่วงปลาย 1990 และต้นทศวรรษ 2000 เพราะเขายังเป็นคนที่มีอารมณ์ขันบวกกับรอยยิ้มกว้างๆ หรือข่าวความเป็นหนุ่มเจ้าสำราญที่ถูกนำเสนอผ่านสื่ออยู่ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องจักรถล่มประตูให้กับต้นสังกัดมาตลอด แต่น่าเสียดายที่หัวหอกรายนี้กลับไม่เคยได้เหรียญแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาคล้องคอแม้แต่ครั้งเดียว แม้ว่าจะเคยเล่นให้กับ 4 ยักษ์ใหญ่ของยุโรปมาแล้วก็ตาม
ระหว่างที่อยู่กับบาร์ซ่าในฤดูกาล 1996-97 โรนัลโด้ ทำได้ถึง 47 ประตูจากการลงสนาม 49 นัดในทุกถ้วย แต่ยักษ์ใหญ่แห่งคาตาลันกลับพลาดแชมป์ลา ลีก้า แต่ก็ยังดีที่ได้แชมป์ยูฟ่า คัพ มาปลอบใจ
จากนั้น โรนัลโด้ ก็ย้ายไปหาประสบการณ์ในกัลโช่ เซเรีย อา กับอินเตอร์ ซึ่งเขาก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ทีมได้แชมป์ยูฟ่า คัพ ในปี 1998 แต่ถือเป็นเรื่องน่าผิดหวังอย่างยิ่งที่นั่นเป็นเพียงความสำเร็จเดียวที่ดาวยิงแซมบ้าได้รับตลอดเวลา 5 ฤดูกาลกับ "งูใหญ่" ที่ซึ่งเขาทำไป 59 ประตูจาก 99 นัด
โรนัลโด้ ย้ายไปอยู่กับเรอัล มาดริด ในช่วงซัมเมอร์ปี 2002 ด้วยค่าตัว 39 ล้านยูโรและเสื้อของเขาก็ทำลายสถิติยอดขายสูงสุดในวันแรกที่ออกวางจำหน่ายทันที โดยระหว่างที่อยู่กับ "ราชันชุดขาว" กองหน้าร่างท้วม ได้เล่นเคียงข้างกับซีดาน, โรแบร์โต้ คาร์ลอส และ หลุยส์ ฟิโก้ ในยุค "กาลาคติกอส" อันเลื่องชื่อด้วย
หนึ่งในเกมที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดก็จะเป็นเกมที่ โรนัลโด้ ตะบันแฮตทริกใส่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในรอบก่อนรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีกปี 2003 ซึ่งนั่นทำให้เขาได้รับการยกย่องสรรเสริญถึงความเป็นเพชรฆาตหน้าประตูที่ยากจะหาใครมาเทียบเคียง โดย โรนัลโด้ ถือเป็นหนึ่งในคีย์แมนที่ช่วยให้เรอัล มาดริดคว้าแชมป์ลีกไปครองในฤดูกาล 2002-03 และ 2006-07 บวกกับแชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัล คัพ 2002
ทว่า เมื่อเริ่มมีปัญหาอ้วนจนพลิ้วไม่ออกบวกกับอาการเจ็บเข่าเรื้อรัง "ราชันชุดขาว" ก็ตัดสินใจปล่อยหัวหอกดีกรีแชมป์โลก 2 สมัยไปให้กับมิลานในปี 2007 แต่โชคร้ายก็มาเยือนโรนัลโด้อีกครั้งเมื่อเขาเจ็บเข่าอย่างหนักในเดือนก.พ. 2008 จนต้องผ่าตัดอีกครั้งและหมดอนาคตในลีกยุโรปไปโดยปริยายจนต้องย้ายกลับไปบราซิล
โรนัลโด้ เผยในการแถลงข่าวว่าเขาอยากจะฝืนเล่นต่อจนจบฤดูกาลกับโครินเธียนส์ แต่สภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวย จนต้องยอมรับสภาพและแขวนสตั๊ดในวันวาเลนไทน์ในที่สุด
แม้ว่าวันนี้ โรนัลโด้ จะกลายเป็น "อดีต" ไปแล้ว แต่ผลงานการทำประตูอันน่าทึ่งของเขาก็คงจะอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลทั่วโลกไปอีกนานเช่นเดียวกับอดีตตำนานกองหน้ารุ่นพี่อย่าง เปเล่ และ ดีเอโก้ มาราโดน่า
ข้อมูลจาก //football.impaqmsn.com
Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2554 |
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2554 9:12:38 น. |
|
0 comments
|
Counter : 3063 Pageviews. |
|
|
|
|
|