Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
 
17 กุมภาพันธ์ 2550
 
All Blogs
 
ความหน้าไหว้หลังหลอกของสังคมไทย บทความน่าสนใจกรณีคุณโชติรสค่ะ

หลังๆมานี่คงไม่มีใครไม่รู้เรื่องของคุณโชติรสหรือน้องเอมี่กับชุดที่เธอสวมไปงานประกาศรางวัลสุพรรณหงส์นะคะ เพราะเข้าเฉลิมไทยทีมีให้อ่านและดูจนตาลาย

แต่สิ่งที่พัทคิดมาตลอดและไม่ได้พูดกับใครนอกจากพ่อพอกุลและไอ้อ้วน ในวันนี้มันมาอยู่ในบทความของคุณตุลสถิตย์ ทับทิมใน The nation แล้วค่ะ บทความนี้พ่อพิกุลส่งมาพร้อมคำว่า two thumps up article พอพัทอ่านแล้ว โอ้ยยย มันช่างจี๊ด ทนไม่ไหวแล้ว ขอนำมาเผยแพร่และแปลแปะไว้ ณ ที่นี้เลยค่ะ

ปล พัทแปลเอง ถ้าผิดหรือตกตรงไหน บอกด้วยนะคะ อ้อ การแปลครั้งนี้ยึดหลักอาจารย์สมบัติ จันทรวงศ์แปลเจ้าผู้ปกครองของมาเคียเวลลี่ เพราะอย่างนั้น หากท่านอ่านแล้วงง โปรดไปเรียนกับอาจารย์ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ !

//www.nationmultimedia.com/2007/02/14/pda/opinion_30026811.html

STOPPAGE TIME
Sexy dress exposed ugly truths about society's hypocrisy
ชุดเซ็กซี่เปิดโปงความจริงอันน่ารังเกียจเกี่ยวกับความหน้าไหว้หลังหลอกในสังคม

First of all, I thought it was a ridiculous dress.
ก่อนอื่น ผมคิดว่าชุดนี้มันพิลึกชอบกล

What emerging actress and student Chotiros Suriyawong wore to Friday's Subhanahongsa Awards, triggering a storm of social controversy, made my jaw drop for the wrong reason. I am clueless when it comes to female fashion - here's a straight guy talking - however, when the likes of me have the audacity to criticise a woman's evening wear like this, it's time to listen, girls.
ชุดที่โชติรส สุริยะวงศ์ นักแสดงหญิงหน้าใหม่/นักศึกษาสวมไปงานประกาศรางวัลสุพรรณหงส์เมื่อวันศุกร์จนทำให้เกิดการโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อน/มากมายในสังคมทำให้ผมอ้าปากค้างด้วยเหตุผลที่ผิด ผมไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยเกี่ยวกับแฟชั่นของผู้หญิง นี่เป็นคำพูดของผู้ชายแท้ๆน แต่ว่าเวลาที่คนอย่างผมกล้าพอที่จะวิพากษ์วิจารณ์ชุดราตรีของผู้หญิงแบบนี้ ก็ถึงเวลาที่สาวๆต้องฟัง

Why I'm bothered, though, is not due to the fact that Chotiros in "that thing" reminded me of a lobster. The outcry she stirred up is more amazing than the dress itself, and when people suggested she be denied a university degree, and an entertainment bigwig exploited the uproar by acting like a cardinal, social hypocrisy or narrow-mindedness has paled her weird fashion sense completely.
แต่สิ่งที่ผมรู้สึกไม่สบายใจไม่ได้เกี่ยวกับความจริงที่ว่าโชติรสใน ‘เจ้าสิ่งนั้น’ ทำให้ผมคิดถึงกุ้งล็อบสเตอร์ แต่การประท้วงอย่างรุนแรงที่เธอก่อให้เกิดขึ้นมานั้นน่าทึ่งมากกว่าชุดเสียอีก และเมื่อมีคนเสนอว่าไม่ให้มอบปริญญาแก่เธอ และคนสำคัญในวงการบันเทิงฉวยโอกาสใช้ประโยชน์จากความสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นด้วยการทำตัวเหมือนเป็นนักบวช ความหน้าไหว้หลังหลอกในสังคมหรือทัศนคติอันคับแคบทำให้รสนิยมทางแฟชั่นอันแปลกประหลาดของเธอเทียบไม่ติดเอาเลยทีเดียว

Don't get me wrong. If I had a teenaged daughter and she prepared to leave home like that, I would have stopped her for a serious discussion. But that's the whole point. It's an issue for the family. If Amy's folks didn't mind it, why should we? Granted, she was probably a few "inches" away from breaking the legal barrier but police didn't arrest her, did they?
อย่าเข้าใจผมผิด ถ้าผมมีลูกสาววัยรุ่นและเธอเตรียมตัวจะออกจากบ้านในสภาพนั้น ผมจะต้องหยุดเธอเพื่อคุยกันอย่างจริงจัง แต่นั่นคือประเด็นของเรื่องทั้งหมด มันเป็นเรื่องของครอบครัว ถ้าครอบครัวของเอมี่ไม่ว่าอะไร ทำไมเราจะต้องว่าด้วย แน่ล่ะที่เธอเฉียดจะฝ่าฝืนกฎหมายไปแค่ไม่กี่ ‘นิ้ว’ แต่ตำรวจก็ไม่ได้จับกุมเธอ ใช่ไหม

You can decry her taste, but demanding social punishment violates her basic human rights. The way we dress is the way we choose to express ourselves, and this is even more fundamental than the right to express our opinions. If we can't recognise that Chotiros was simply expressing herself in the most elementary way, we shouldn't give a damn on what our new constitution will look like because we don't really care.
คุณสามารถประณามรสนิยมของเธอได้ แต่การเรียกร้องการลงโทษทางสังคมเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของเธอ วิธีที่เราแต่งตัวคือวิธีที่เราเลือกที่จะแสดงออกถึงตัวเรา และสิ่งนี้ถือว่าเป็นขั้นพื้นฐานเสียยิ่งกว่าสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของเราเสียอีก ถ้าเราไม่สามารถยอมรับได้ว่าโชติรสเพียงแต่แต่งกายเพื่อแสดงออกถึงตัวเธอเองในวิถีทางที่พื้นฐานที่สุดแล้ว เราก็ไม่ควรไปสนใจว่ารัฐธรรมนูญใหม่ของเราจะเป็นอย่างไรเพราะเราไม่ได้ใส่ใจกับมันจริงๆหรอก

The attempt to drag Thammasat University into it beggars belief. She was representing "herself", not the institution, on that night. News reports said she might be reprimanded, which is very interesting.
ความพยายามที่จะลากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ให้เข้ามาเกี่ยวด้วยนั้นเหลือเชื่อมากๆ ในคืนนั้นเธอเป็นตัวแทนของ ‘ตัวเธอเอง’ ไม่ใช่สถาบัน รายงานข่าวระบุว่าเธออาจจะถูกตักเตือน ซึ่งน่าสนใจมาก

What would administrators of a university that has been a guardian of rights and liberty as well as one that has cherished and encouraged a tradition of ideological provocation tell Chotiros?
ฝ่ายบริหารของมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยซึ่งเป็นผู้พิทักษ์สิทธิและเสรีภาพ เช่นเดียวกันกับการเชิดชูและส่งเสริมให้เกิดการท้าทายระบอบความคิดจะบอกกับโชติรสว่าอะไร

What will they tell a student who wore a revealing dress to a gala dinner party?
พวกเขาจะบอกกับนักศึกษาที่สวมชุดเปิดเผยไปงานเลี้ยงกาล่าดินเนอร์ว่าอะไร

Thammasat and its people are supposed to protect Chotiros, who is said to be a good student. They are supposed to stand by her rights and inform an overreacting society that she didn't harm anyone, and there are more "real" moral issues that require attention. And they are supposed to go after the likes of Somsak Techaratanaprasert, the big boss of Sahamongkol Film, who has ordered all footage of her deleted from one of his movies.
ธรรมศาสตร์และคนของมหาวิทยาลัยควรจะปกป้องโชติรส ผู้ที่ถูกกล่าวถึงว่าเป็นนักศึกษาที่ดี พวกเขาควรจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างสิทธิของเธอ และบอกกับสังคมที่มีปฏิกริยาเกินเหตุว่าเธอไม่ได้ทำร้ายใคร และมีประเด็นทางศีลธรรมอื่นๆที่ ‘จริง’ กว่านี้ที่ต้องการความสนใจ และพวกเขาก็ควรจะจัดการคนแบบสมศักดิ์ นายใหญ่แห่งสหมงคลฟิล์มที่สั่งตัดฉากของเธอจากหนังเรื่องหนึ่งของเขาจนหมด

Whether it's a knee-jerk reaction or opportunism, what Somsak has done may be nastier than Chotiros' dress. "We are not a porn company," said the man, who isn't even her direct employer. Being a big man in an industry that relies heavily on artistic provocation, creativity and open-mindedness, he has either succumbed meekly to a dubious social outburst or, worse, stepped on a defenceless girl in order to be seen as having taken the moral high ground.
ไม่ว่ามันจะเป็นปฏิกริยาอัติโนมัติหรือการฉวยโอกาส สิ่งที่สมศักดิ์ทำลงไปอาจจะน่ารังเกียจกว่าชุดของโชติรส ‘เราไม่ใช่บริษัทหนังโป๊’ ชายผู้นั้นกล่าว เขาไม่ได้เป็นนายจ้างโดยตรงของเธอเสียด้วยซ้ำ การเป็นคนมีตำแหน่งใหญ่โตในอุตสาหกรรมที่พึ่งพาการกระตุ้นท้าทายทางศิลป์ ความคิดสร้างสรรค์และทัศนคติที่เปิดกว้างอย่างยิ่งยวด ถ้าเขาไม่ได้ยอมศิโรราบต่อโทสะของสังคมอันน่ากังขา หรือแย่ไปกว่านั้นก็คือเหยียบย่ำหญิงสาวไร้ทางสู้เพื่อให้ถูกมองว่ามีศีลธรรมจรรยาเหนือกว่า

Chotiros may have unveiled too much of her skin, but we may be seeing a man's real colours.
โชติรสอาจจะเปิดเผยเนื้อตัวของเธอมากเกินไป แต่เราอาจจะได้เห็นสันดานที่แท้จริงของชายคนหนึ่ง

Not many women have come out to defend Amy, and this may be sadder than Somsak's questionable response to the controversy. Again, we are hearing arguments focused on "decency". Again, "culture" and "Thai-ness" are coming into play. Debate can go on forever, but the uproar and media frenzy indicate that Chotiros has committed a bigger crime than wife beating or sexual harassment in the workplace. Apparently, what she has done is not regarded to be part of female liberation, but something self-serving or an attempt to seek publicity. Which might be true. But the problem with our society is that self-serving or attention-seeking men are perfectly fine, including those acting on primitive impulses. Singer Tata Young once had to apologise to the Thai public for having announced that she had fallen in love with tennis star Paradorn Srichaphan. Actress Kataleeya McIntosh had to do the same after her personal romantic secrets broke out into the open. Chotiros is joining the Female Victims of Social Hypocrisy Club.
ไม่มีผู้หญิงออกมาปกป้องเธอมากนัก และสิ่งนี้อาจจะน่าเศร้าใจกว่าการตอบสนองที่น่าสงสัยของสมศักดิ์ที่มีต่อความขัดแย้งนี้ อีกครั้งที่เราได้ยินคำถกเถียงที่พุ่งเป้าไปที่ ‘ความเหมาะสม’ อีกครั้งที่ ‘วัฒนธรรม’ และ ‘ความเป็นไทย’ เข้ามามีบทบาท การโต้เถียงในเรื่องนี้สามารถมีต่อไปได้อย่างไม่มีวันจบสิ้น แต่ความขัดแย้งและความคลั่งของสื่อมวลชนบ่งบอกว่า โชติรสได้ประกอบอาชญากรรมที่รุนแรงกว่าการทารุณภรรยาหรือการล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงาน เห็นกันชัดๆเลยว่าสิ่งที่เธอทำลงไปไม่ได้ถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการปลดปล่อยของสตรี แต่เป็นสิ่งที่ทำลงไปเพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือเป็นความพยายามในการเรียกร้องความสนใจ ซึ่งอาจจะเป็นความจริง แต่ปัญหาของสังคมเราก็คือ ผู้ชายที่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือเรียกร้องความสนใจเป็นสิ่งที่ยอมรับได้อย่างไม่มีข้อกังขา รวมถึงพวกที่ทำตามสัญชาติญาณด้วย ครั้งหนึ่งนักร้อง ทาทา ยัง ต้องขอโทษคนไทยที่ประกาศออกมาว่าเธอตกหลุมรักกับภราดร ศรีชาพันธุ์ นักเทนนิสชื่อดัง แคทลียา แมคอินทอช นักแสดงหญิงก็ต้องทำอย่างเดียวกันหลังจากที่ความลับเรื่องความสัมพันธุ์ส่วนตัวของเธอถูกเปิดโปง โชติรสกำลังเข้าร่วมชมรมสตรีที่ตกเป็นเหยื่อความหน้าไหว้หลังหลอกของสังคม

We have near heard of universities firing male students for visiting prostitutes, or companies demoting male executives for fathering illegitimate children.
เราไม่เคยได้ยินมหาวิทยาลัยไล่นักศึกษาชายออกเพราะไปเที่ยวโสเภณี หรือบริษัทที่ลดตำแหน่งของผู้บริหารชายเนื่องจากให้กำเนิดลูกนอกสมรส

If there has been any social condemnation of those men at all, it's surely not been half as strong as what Chotiros is facing, for wearing that lobster dress. She has exposed more than her cleavage and her thighs.
ถ้าเคยมีการลงทัณฑ์ทางสังคมกับชายเหล่านี้ไม่ว่าจะในทางใดก็ตาม แน่นอนว่ามันไม่รุนแรงถึงครึ่งของสิ่งที่โชติรสเผชิญอยู่จากการสวมชุดกุ้งล็อบสเตอร์ เธอได้เปิดเผยมากกว่าร่องอกและต้นขาของเธอ

Through the controversy of what she wore, we are seeing an odd "culture", one where exercising her fundamental rights can cost a woman her job and where "decency" goes hand in hand with hypocrisy and opportunism.
จากความขัดแย้งของสิ่งที่เธอสวม เรากำลังเห็น ‘วัฒนธรรม’ อันน่าแปลก วัฒนธรรมที่การใช้สิทธิพื้นฐานของเธอสามารถทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งสูญเสียงานและวัฒนธรรมที่ ‘ความเหมาะสม’ ไปด้วยกันกับความหน้าไหว้หลังหลอกและการฉวยโอกาส

Tulsathit Taptim
ตุลสถิตย์ ทับทิม

ตัวหนาเป็นไฮไลท์ของพัทเองค่ะ

อ่านแล้วรู้สึกยังไงกันบ้างคะ

สำหรับพัทนะ จี๊ดแรกเลยคือกระแทกใจเหลือเกิน จี๊ดสองคือ ทำไมถึงไม่มีผู้หญิงออกมาเขียนมั่งว้า คือคุณตุลสถิตยืเขียนดีเหลือเกิน แต่ถ้ามีผู้หญิงเขียนถึงเรื่องนี้แบบนี้มันคง endorse อะไรได้อีกเยอะ จี๊ดสามคืออาจารย์ชลิดาภรณ์จะเขียนว่ายังไงบ้างหว่า

แต่พออ่านแล้วพัทคิดว่าประเด็นใหญ่ๆสำหรับพัทมีสองเรื่องค่ะ

เรื่องที่หนึ่ง เรื่องของร่างกายและสิทธิในร่างกายของสตรี พัทว่าที่มาพูดๆกันว่าเฟมินิสต์ตัวจริงจะไม่นิยมการใช้ร่างกายเพื่อแสวงหาผลประโยชน์หรืออะไรก็ตามแต่ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าในกระบวนการความคิดเรื่องของเฟมินิสต์นั้นก็ไม่ได้ homogeneous หรือกลมกลืนกันเป็นเนื้อเดียว สำหรับพัท พัทเห็นด้วยกับความคิดที่ว่าความเป็นเฟมินิสต์นั้นก้าวล่วงหรือ transcend มากกว่าประเด็นการเปิดเผยร่างกายไปมาก อย่างแรกก็คือพัทคิดว่าร่างกายเราเป็นของเรา เราจะเปิด จะปิดตรงไหนก็เรื่องของเรา ตราบใดที่ไม่ได้ล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่น อันนี้พูดเรื่องสิทธิในร่างกายของเราอย่างเดียวนะคะ และไม่ควรจะเชื่อมโยงหรือลากประเด็นที่ว่าการเปิดเปลือยร่างกายเท่ากับการเป็นหญิงสำส่อน เลว ต่ำ ฯลฯ อะไรก็ตามที่มีผู้เกิดอารมณ์ปะทุกันในกระทู้ หรือยกเอาคำนิยามของหญิงดีที่สังคม (ซึ่งส่วนใหญ่ก็โคตรจะ male-dominated) มาเป็นที่ตั้งว่าหญิงดีเปรียบได้กับแม่/ธิดาอันประเสริฐหรืออะไรอย่างนั้น และไม่ควรกระทำการใดๆบ้างมาเป็นหลัก เพราะในที่นี้การแต่งตัวของคุณเอมี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอเป็นหญิงเลว

พัทว่าถ้าคุณคิดว่าความสวยความงามเนื้อหนังมังสาของคุณมีค่าพอกันกับหรือว่ามากกว่าสมองของคุณ และคุณเลือกที่จะขายมันมากกว่าขายสมอง มันก็เรื่องของคุณ และคุณมีสิทธิที่จะทำได้ ไม่ควรจะมีใครมาบ้าจี้ตัดหนังของคุณออกเพียงเพราะคุณเลือกจะแสดงออกถึงสิ่งที่คุณคิดว่าเป็น asset ของคุณ

แต่ขอบอกหน่อยเถอะค่ะว่าถ้าทำแล้วก็รับเซ่ คือถ้าจะขายจุดนี้ก็รับไปเลย อย่ามาขอโทษขอโพยว่าถ้ารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นคุณจะไม่ทำลงไป ถ้าทำเพื่อชื่อเสียงความสนใจ ก็รับไปตรงๆ แต่ก็นั่นล่ะนะคะ อาจจะเข้าทางกับสังคมไทยที่มักจะบอกกันเสมอว่า 'ใจอ่อน/ให่อภัยคนกลับใจ' ซึ่งน้องเขาอาจจะเกิดเพราะความกรุณาปรานีของสังคมเลยก็ได้อ่ะนะคะ

พัทว่าตรงนี้พัทนิยมคุณนิว นางเอกโบเอามากกว่าที่ออกมาพูดว่าทำไปเพราะอยากดัง ซึ่งก็ทำให้ตั้งคำถามต่อไปอีกว่าทำไมถึงคิดกันว่าถ้าจะดังในสังคมไทย/วงการบันเทิงไทยต้องโป๊ และคำถามที่ว่าทำไมสังคมไทยที่ปากว่าอนรุกษ์ประเพณีขนบธรรมเนียมอันโบราณและการรักนวลสงวนตัวกับค่าของความบริสุทธิ์ของหญิงถึงได้มีภาพเกือบเปลือยแปะอยู่ตามหน้าหนังสือพิมพ์ประจำ (หัวเขียวมากยิ่งเปลือยมาก โดยเฉพาะทุกวันอาทิตย์) แถมมันก็ขายดีจริงๆน้อ

เรื่องที่สองคือประเด็นเรื่องสถาบันการศึกษา ในฐานะศิษย์เก่ามธ. ขอบอกว่าจี๊ดมากที่อธิการออกมาตำหนิคุณโชติรส คุณโชติรสไปในฐานะดารา ไม่ใช่นักศึกษา เธอไม่ได้แบกสถาบันไปกับเธอด้วย จริงอยู่ที่เธออาจพูดถึงสถาบัน เพราะนั่นอาจจะเป็นหนึ่งในจุดขายของเธอ แต่ในฐานะมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ควรจะออกไปเต้นตามสื่อและ assume moral high ground ตำหนิคุณโชติรสในสิ่งที่เธอทำในฐานะปัจเจกชนด้วยหรือ

เรื่องอื่นมีตั้งเยอะแยะทำไมไม่ทำ วุ้ย

จริงๆแล้วจี๊ดมากเพราะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับสถาบันการศึกษาระดับสูงสุดของไทยน่ะค่ะ เพราะจากเวปคุณเฟย์ที่ว่าจุฬาแบนหนังสือฟ้าเดียวกันฉบับรัฐประหาร โปรดตามไปอ่านนะคะ เพราะว่าจขบ.ห่อเหี่ยวใจมากจนพิมพ์ต่อไม่ไหว

//www.faylicity.com/book/news/

ไหนล่ะอิสระทางปัญญา!!


Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2550 2:12:50 น. 27 comments
Counter : 1826 Pageviews.

 
คุณพัทแปลเก่งจังเลยค่ะ ถือโอกาสอ่านบทแปลไม่อ่านภาษาอังกฤษซะเลย

เห็นด้วยกับบทความนี้มากๆ ค่ะ สังคมไทยกลายเป็นอะไรไปหมดแล้วก็ไม่รู้ วิคว่าที่ธรรมศาสตร์จำเป้นต้องเรียกน้องเอมี่ไปคุยก็เพราะกลัวถูกตำหนินั่นแหละค่ะว่าไม่ทำอะไรเลย


โดย: the Vicky วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:4:12:46 น.  

 
จี๊ดมาก ถึงมากที่สุดเลยอ่ะพัท
อ่านแล้วก็อยาก กราบตีน คุณตุลสถิตย์
( เด๋วจะโทรไปถามเพื่อนที่เนชั่นว่าเขาคือใคร )

แล้วก็ขอบคุณพัทที่แปลได้อรรถรสมาก

คิดอยู่เหมือนกันว่า ขบวนการสิทธิสตรีจะว่าอย่างไร อ.ชลิดาภรณ์จะว่าอย่างไร

และที่สำคัญ ในฐานะที่เป็นศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ พี่ก็ผิดหวังมากที่ธรรมศาสตร์
ยอมศิโรราบต่อสื่อกระแสหลัก ทำตัวแบบเดียวกับมาเฟียหนังไทยคนนั้น
โกรธจริงๆ นะ โกรธมากกกกกกกกกกกกกกกก


โดย: grappa วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:8:54:43 น.  

 
วุ้ย พี่เห็นว่าแปลแบบสไตล์ไหน
พี่เคยบอกพัทหรือยังว่า ตอนไปฟลอเรนซ์ พี่ไปเดินตามหาบ้านมาคิอาเวลลี่ด้วยนะ
เจอถนนชื่อ มาคิอาเวลลี่ ไปด้อมๆ มองๆ บ้าน ( กึ่งวิลล่า ) หลังหนึ่งอยู่ตั้งนาน

อ้อๆ มีอีกประเด็นหนึ่งที่ยังไม่ได้บอก
เสียดาย ถ้าเรา คิดว่า Body is Politic
การต่อสู้ของเอมี่ ก็แพ้ราบคาบ เฮ้อ


โดย: grappa วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:9:02:31 น.  

 
ว่ะ ฮ่ะ ฮ่า

Welcome to Thailand นะค้าบพี่พัท

สังคมไทยเป็นสังคม "ตามน้ำ" อ่า อีกอย่าง เรื่องนี้หา "เหยื่อ" ง่ายด้วย อะไรๆ มันเลยไปในทางเดียวกันหมด

เห็นด้วยกับพี่พัทที่ว่า กล้าใส่ก็ต้องกล้ารับอะ

และถึงแม้เธอจะทำตัวไม่เหมาะสมเลย แต่สังคมก็ไม่มีสิทธิไปลงโทษเธอขนาดนั้น ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายสักนิด

ชอบบทความนี้ค่ะ ^^


โดย: Clear Ice วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:9:22:26 น.  

 
เราก็คิดเหมือนกันน่ะ ว่าทำไมต้องไปว่า เธอ (เอมี่) ขนาดนั้น หันไปทางไหนก็มีแต่คนด่า ด่าแบบ เหยียบมิด จมดิน รู้สึกสงสารเธอจัง "อาวุธที่รุนแรงในการฆ่า(หัวใจ)คนที่สุด ก็คือคำพูดนี้เอง"

ในขณะที่ "เสี่ย" ก็คงจะกลัวโดนด่า เลยชิงด่าก่อน ด้วยการประกาศแบน การประกาศแบนเธอ กลับกลายเป็นผลดี สำหรับเสี่ย เพราะมีคุณหญิง ส่งจมขอบคุณ พร้อมชื่มชม "เสี่ย" ว่าเป็นคนดี

รู้สึกสงสาร และ เห็นใจเอมี่จัง ท่อยุ่ดีๆ ก็กลายเป็นเหยื่อ ของสังคม "มือถือสาก ปากถือศีล" จริงๆ


โดย: รักเหมียวแต่ไม่รักเด็ก วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:9:55:38 น.  

 
ดิฉันเข้ามา blog คุณเป็นครั้งแรกด้วยชื่อหัวเรื่องแท้ๆ แต่กลับพบว่าเรามีความคิดต่อเรื่องนี้คล้ายกันมากค่ะ

โดยส่วนตัวดิฉันคิดเพิ่มอีกหน่อยในฐานะแม่ว่า หากมีลูกสาว ดิฉันคงต้องปลูกฝังทัศนคติที่มีต่อการแต่งกายที่รัดกุมให้มากกว่าการแต่งกายตามแฟชั่น

ขอบคุณสำหรับการแปลและการเสนอความคิดเห็นที่เป็นธรรมต่อผู้หญิงคนหนึ่งค่ะ


โดย: tiara วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:10:45:58 น.  

 
บทความนี้โดนใจจริงๆค่ะ
ขอบคุณเจ้าของบล็อกนะคะ


โดย: a r i t s u m e m o o n (a r i t s u m e m o o n ) วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:10:55:03 น.  

 
มาแลกเปลี่ยนความเห็น

คือถ้าถามว่าชอบมั้ยที่เห็นเธอแต่งชุดอย่างนั้นไปงาน ก็ไม่ชอบเอาซะเลย ไม่ชอบมากๆ

แต่ถามว่าเห็นด้วยกับการกระทำของเสี่ยกับสถาบันมั้ย ก็ไม่เห็นด้วยค่ะ


เฮ้อ..สถาบันอันเป็นที่รักของข้าพเจ้า อะไรกันเนี่ย


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:10:58:47 น.  

 
เพิ่งได้ติดตามข่าวก็เมื่อวานนี้หรือว่าก่อนหน้านี้เองค่ะคุณพัท ... พอคุณพัทเขียนเรื่องนี้เราก็มาอ่านกันเพิ่มเติม ..

ไม่รู้นะ นิดว่าบางครั้งสังคมบ้านเรามันเป็นสังคมเละๆ เละที่นี้คือ เละทางความคิดอ่า บางอย่างเอาอะไรก็ไม่รู้มาเป็นกฏ มาตั้งเอาบรรทัดฐานอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งบางอย่างก็เรียกว่าเกินรับไปหน่อยคะ

แต่เห็นด้วยไม๊ว่าการแต่งตัวแนวนั้นดี ก็บอกได้ว่าไม่ใช่สไตล์ชอบ แต่ว่ามันต้องมองเหตุผลอื่นสิค่ะ ไม่ได้มองแต่ส่วนนั้นอย่างเดียว เพราะมันไม่ทั้งหมดของคนหนึ่งคน เลย ...อ่านแล้วอินกับเหตุผลเลยค่ะ ยอมรับว่าคงจะเขียนโดนใจหลายคนเลย และคุณพัทเองก็เอามาแปลให้เราอ่านกันอีกที แอบอ่านที่แปลอย่างเดียวเลยค่ะ เพราะตอนนี้โหมดภาษาพักชั่วคราว


โดย: JewNid วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:17:04:46 น.  

 
เนื้อแท้สังคมไทยเป็นสังคมเปิดเผยเนื้อตัว แต่คนไทย (โดยเฉพาะสถาบันที่สถาปนาตัวเองว่าเป็นผู้ "ปกป้องวัฒนธรรมไทย") สมัยนี้ไม่ยอมรับ ดันไปยึดติดค่านิยมแบบอังกฤษวิคตอเรียนที่ชนชั้นปกครองสมัยก่อนรับเข้ามาเพื่อให้ "เทียมหน้าเทียมตาฝรั่ง" จะได้ไม่เป็น "บ้านป่าเมืองเืถื่อน" ซะอย่างนั้น


โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:17:15:13 น.  

 
เข้ามาเยี่ยมบล็อกคุณพัทค่ะ ขอบคุณที่เข้าไปเป็นแขกคนเเรกของบล็อกนะคะ

เรื่องน้องเอมี่นี่ ตามอ่านมาได้สักพัก ตอนแรกที่เห็นชุดก็เฮ้อ ทำไมถึงต้องเข่งกันโป้ขนาดนี้

แต่เวลาผ่านไปซักพัก กระแสที่ต่อต้านน้องเค้ามันมากเกินไป เด็กเพิ่งอายุ 20 นิดๆ เนี่ยจะรับมันไหวเหรอคะ คนอยากโหนกระเเส อยากพูด อยากประณามเนี่ยมากมายเต็มไปหมด ในห้องเฉลิมไทย มีกระทู้นึงเขียนว่า ระวังนมที่ทำมาเน่านะ (ก่อนหน้านั้นแนะนำตัวก่อนว่าเคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน) อ่านแล้วโอ สะอึก มันถึงกับต้องขนาดนี้เลยเหรอ

เฮ้อ บ้านเมืองเรามันแปลกๆ นะคะ


โดย: ออม (Pattylala ) วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:18:52:33 น.  

 
พี่ไม่รู้จักคุณโชติรส และไม่ได้อ่านข่าวเลย แต่ได้อ่านบทความนี้แล้ว พี่ไม่แปลกใจเลยที่วันนึงจะมีคนลุกขึ้นมาวิจารณ์เช่นนี้

พี่เชื่อว่าข้างนอกนั่นหนะ ยังมีคนที่มีความอึดอัดใจเหมือนเรา ๆ อีกหลายคน ที่บางครั้งก็ไม่รู้จะไประบายกับใคร ทุกครั้งที่เกิดกรณีแบบนี้ ไม่ว่าจะกรณีดาราคนไหน ๆ กลายเป็นเรื่องลุกลามใหญ่โต พี่ว่ามันน่ารังเกียจ และน่าอดสูใจมากกว่าที่พวกเขาไปว่าดาราพวกนั้นเสียอีก

เห็นด้วยทุกประเด็นกับผู้เขียน และพัท

พร้อมกันนั้นก็รู้สึกสะใจมาก เพราะสิ่งที่พี่คิดมานานว่าสังคมไทยนั้นมีส่วนที่เต็มไปด้วยความหน้าไหว้หลังหลอก และประเภทมือถือสากปากถือศีลอยู่เยอะมาก ไว้เว้นแม้กระทั่งสถาบันที่น่านับถือต่าง ๆ ที่บางครั้งถูกกลืนไปตามกระแสสังคม เพียงเพราะว่าไม่กล้าแสดงจุดยืน (หรืออาจจะติดเชื้อจากสังคมส่วนใหญ่ไปแล้วก็ได้)



โดย: พี่จูน (MoneyPenny ) วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:22:40:08 น.  

 
เห็นด้วย ว่า การด่า/ลงโทษตามกระแสมันก็เกินไปอยู่เหมือนกัน

เห็นด้วย ว่า กล้าใส่ก็ต้องกล้ารับ

แต่พี่มองว่ากรณีเอมี่นี่ คงเหมือนเชือดไก่ให้ลิงดู? ระยะหลัง แฟชั่นไทยน่ากลัวขึ้นทุกที ถ้ากระแสสังคมจะหันมาแอนตี้พวกแต่งล่อแหลม แล้วทำให้แฟชั่นยุคต่อไปมันจะเพิ่มเนื้อผ้ามากขึ้น ปิดสิ่งที่ควรสงวนให้มากขึ้น ก็นับว่าคุ้มกับการที่ดารา/นักศึกษาคนหนึ่งจะกลายเป็นเหยื่อโดนจวกเละแบบนี้

ถามว่าสงสารเธอไหม? พี่เฉย ๆ นะ เพราะไปอ่านเจอตอนที่เธอเดินเข้างาน แล้วร้องว่ากระเป๋าตก จากนั้นค่อย ๆ ก้มลงหยิบกระเป๋า + อ่านคำพูดที่เธอให้สัมภาษณ์ ถามหนึ่งตอบไปสิบ ... กับอะไรบางอย่างที่ชี้ชัดไม่ถูก (ประมาณว่าอคติมั้ง) แล้วไม่ชวนสงสารแฮะ ทำได้แค่เลิกตามข่าวเธอ

แสดงว่ากระแสด่ายังไม่หมดไปอีกเรอะ?


โดย: ยาคูลท์ วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:23:40:46 น.  

 
รู้สึกแย่กับคนที่ออกมาปาวๆ ว่าเป็นนายก/อดีตนายกสมาคมหนังอะไรนั่น

ดับเบิลสแตนดาร์ด
ที่ใครบางคนที่เขาเคยโปรดปราน โชว์ซะเห็นไปถึงไส้ติ่ง
ยังไม่สะดิ้งออกมาโวยเลย เฮ้อ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:23:50:10 น.  

 
รู้สึกผิดหวังกับธรรมศาสตร์ และคณะศิลปศาสตร์พอสมควรค่ะ

เราเป็นรุ่นพี่ของคุณเอมี่ และ ยังจำความคิดของคณะศีลปศาสตร์ในคณะที่เรากำลังศึกษาอยู่ได้อย่างดี
ว่าเสื้อผ้า คืออาภรณ์ห่มกาย และไม่ได้ใช้วัดว่าใครเป็นคนดีหรือไม่ดีั

การแต่งกายของคุณเอมี่ อาจจะรุนแรงไป ในสายตาของคนหลายๆ คน
แต่ เรื่องที่น่าสนใจในกรณีนี้สำหรับเราคือ ทำไม... คนที่ไม่ได้ทำผิดกฎหมายแม้แต่ข้อเดียว ต้องรับการลงโทษทางสังคมอย่างมากมายถึงเพียงนี้ และทำไม ธรรมศาสตร์ ถึงเป็นไปกับเขาด้วย
และ ถ้าเธอไม่เผอิญเป็น นักศึกษาธรรมศาสตร์ เธอจะซวยขนาดนี้ไหม


โดย: rebel วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:23:57:01 น.  

 
เรื่องทำนองนี้มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอ่ะนะ สังคมไทยก้เป้นงี้แหละ ความไม่แฟร์เกี่ยวกับสิทธิสตรี หรือ สิทธิส่วนตัว อ่านแล้วไม่เซอร์ไพร์ส แต่ก็เหนื่อยใจแทน

แต่เราก็ว่าถ้าเป็นคนดังก็ต้องทำใจ ต้องแกร่งให้พอ ถ้าคิดจะทำต้องรับให้ได้ ธรรมศาสตร์น่ะ ไม่ใช่อย่างสมัยก่อนอีกต่อไปแล้ว จริงๆตั้งแต่รุ่นที่เราอยู่ก็รู้สึกแล้วว่านี่ไม่ใช่ธรรมศาสตร์แบบที่เราเคยอยากจะเข้านักเข้าหนา

โชติรสที่ใช่คนที่หน้าร้ายๆรึเปล่าน่ะ เราห่างเหินวงการมานาน (พูดเหมือนเคยเป็นดารา 55)​ บทความนี้น่าสนใจดีจ้ะ


โดย: nzmum วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:5:24:56 น.  

 
เฉย ๆ กับเธอ
ตัวเธอ ของเธอ

ทำอะไรก็ตามใจเธอ


โดย: ผู้สาวเมืองยศ วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:14:53:18 น.  

 
เห็นด้วยที่สุดกับความเห็นของคุณยาคูลท์
โดยไม่แทบต้องเพิ่มเติมอะไรอีก
แต่ขอเพิ่มนิดนึงแล้วกัน
สังคมจำเป็นต้องเชือดไก่ให้ลิงดูค่ะ
มิฉะนั้น จะมีลิงนุ่งชั่วห่มชั่ว (อันนี้ภาษาพระนะ)
ยั่วกิเลสราคะขึ้นอีกมากในสังคมเรา
หากเกิดเหตุรุนแรงทางเพศขึ้นกับลูกสาวบ้านอื่น
เพราะจุดเริ่มต้นจากการยั่วราคะของใครบางคน
สังคมจึงค่อยรู้สึกหรือ
กามราคะมีหนุนเนื่องอยู่ในจิตใจของคนอยู่แล้ว
ไม่ควรไปกระตุ้นเร่งเร้ามันขึ้นมาอีกด้วยวิธีการใดๆ
ถ้าอยากขายตัวเองให้เสี่ยคนไหน
ก็ direct sell ไปเสียเลยดีมั๊ย
อย่าอาศัยการโฆษณาตนเองผ่านสื่อสาธารณะแบบนี้
คนที่ไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีแบบนี้สมเป็นบัณฑิตหรือ
โดยเฉพาะในสถาบันการศึกษาระดับอุดมปัญญา
นั่นแสดงว่าการศึกษาไม่ได้ช่วยยกระดับจิตสำนึก
ในตัวของคุณเลย


โดย: หอมกร วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:8:29:18 น.  

 
เราก็ไม่ชอบการแต่งกายของเธอในวันนั้น



แต่.. เราก็คิดว่า


เธอไปฆ่าใครตาย หรือเป็นชู้ แย่งสามีใครเขามาหรือ ทำไมต้องประมาณกันซะขนาดนี้ด้วย

อย่างที่คุณพัทบอก ปกหนังสือพิมพ์หัวเขียวฉบับวันอาทิตย์น่ะ โป๊กว่านี้ตั้งเยอะ ไม่เห็นมีใครออกมาร้องแร่แห่กระเฌอแบบนี้บ้างล่ะ ประนามต่อว่าดาราคนที่ขึ้นปกนั้นบ้างล่ะ

ไม่เข้าใจสังคมไทยมากขึ้นทุก ๆ วัน





โดย: Masaomi (Masaomi ) วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:20:11:47 น.  

 
ไปเห็นคอมเมนท์ที่บล็อกคุณสาวไกด์แล้วตกใจ ที่ว่าไม่ค่อยชอบอ่านนิยายเท่าไหร่ นี่ขนาด "ไม่ค่อย" ชอบอ่านนะคะเนี่ย โห


โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:19:34:06 น.  

 
พี่ไม่มีแผนจะไปฟลอเรนซ์นะ

ไปอ่านมาจากไหน? พี่แทบไม่เคยเข้าห้องนั้นด้วยซ้ำ


โดย: ยาคูลท์ วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:1:07:30 น.  

 
//www.sameskybooks.org/webboard/show.php?Category=sameskybooks&No=1944

//www.sameskybooks.org/webboard/show.php?Category=sameskybooks&No=1942


โดย: Il Maze วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:4:35:52 น.  

 
คิดว่า ทุกคนทำอะไร ต่างก็มีเหตุผลของตนเองนะคะ

จริงอยู่ว่า การแต่งตัวของน้องเค้า ไม่ได้สมควรถูกประนามมากขนาดนั้น

แต่ทำไมจึงมีแต่คนออกมาด่า....

อยากจะคิดว่า ก็เพราะทุกคนที่ออกมานั้น มีความอึดอัดใจ กดดันมานานแล้ว ว่า ทำไมผู้หญิงที่แต่งตัวเพื่อขายภาพ ขายเรือนร่าง เพื่อชื่อเสียงพวกนี้ มีมากขึ้นๆ ทุกทีในสังคม

และพวกเธอก็ล้วนโด่งดัง ขณะที่คนแต่งตัวเรียบร้อย ไม่เคยได้พื้นที่แสดงภาพของตนในสื่อต่างๆ มากเท่าเลย

ความกดดัน ไม่พอใจของสังคมอันนี้เอง ทำให้คนจำนวนมาก เมื่อสบโอกาสเหมาะ มีเป้าหมายขึ้นมา ก็เลยทุ่มเทความคับแค้น ไม่พอใจ ในสังคมของเราออกมา โดยการรุมประนามน้องเค้า (เพราะเรื่องการรุมประนามสื่อที่มีอิทธิพลนั้น ทุกคนต่างก็อยากด่า แต่น้ำท่วมปาก ไม่กล้าด่าแรงๆ ตรงๆ)

และเมื่อเหตุการณ์นี้ เป็นที่รู้กันกว้างขวางมาก เรียกว่าดังสุดๆ ขึ้นมา

ผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ทางมหาวิทยาลัย ก็ต้องออกมาทำอะไรสักอย่าง
เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานต่อไป แสดงถึงแนวทางของมหาวิทยาลัย ว่าไม่นิยมให้นักศึกษา แต่งตัว ไม่เหมาะสมในสายตาของสังคม

ซึ่ง ถ้าทางมหาวิทยาลัย ไม่ทำอะไร ไม่ตำหนิ นักศึกษา ที่ทำเช่นนี้แล้ว

เชื่อได้ว่าในอนาคต จะต้องมีผู้ลุกขึ้นมาทำอย่างนี้อีก

เพราะอะไรน่ะหรือคะ ก็เพราะว่า ทำแล้วดัง ดังมาก...โดยไม่มีข้อเสียหรือบทลงโทษจากสถาบันการศึกษา และทางอาชีพเลย

ต่อไปใครคิดจะทำ ก็จะยิ่งทำกันได้มากขึ้น โดยไม่เกรงว่าจะมีผลเสียทางอาชีพ

แค่ยอม ถูกด่า...แล้วก็จะยิ่งดัง....จริงไหมคะ

การที่เราจะ ไม่พอใจอะไร ไม่พอใจใคร หรือต่อต้านการตัดสินใจทำอะไรของใครนั้น ก็ควรจะคิดให้รอบคอบ

ไม่ใช่สักแต่ว่า ติ และประนาม เพราะเช่นนั้น ก็ไม่ต่างกับการที่เรา ไม่พอใจอะไรอยู่ในใจ แล้วก็เทเอาความไม่พอใจนั้นไปใส่ในการด่าคนอื่น

ไม่เห็นด้วยกับการต่อว่าน้องเค้ามากอย่างนี้ตั้งแต่แรก

แต่การที่มีคนทำท่าจะเปิดประเด็น หันมาด่ามหาวิทยาลัย และผู้อื่นที่ เริ่มออกมาวางมาตรการเพื่อหยุดยั้งการ โป๊ เกินไป นั้น ก็ไม่ถูกต้องเช่นกัน

ที่จริง เราควรลดการ ต่อว่า ผู้อื่น ด้วยความโกรธ ที่มากเกินไป และเสนอแนวทางสร้างสรร เพื่อสังคมที่ดีขึ้นจะดีกว่านะคะ


"พาล เพ่งโทษ ผู้อื่น....บัณฑิต เพ่งโทษ..ตนเอง"
(พุทธพจน์)


โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:10:03:03 น.  

 
ทำไมลงโทษเธอรุนแรงจังเลย ยังไงเธอก็โดนสังคมลงโทษอยู่แล้ว น่าจะไปลงโทษ นักศึกษาหญิงที่ใช่ชุด นศ. รุ่นรัดติ้วดีกว่า เห็นเดินกันให้เกลื่อนบ้านเกลื่อนเมืองไปหมด

คุณพัทแปลเก่งจังเลยค่ะ


โดย: KungGuenter วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:3:23:28 น.  

 
เพิ่งกลับมาตอบนะคะ เพิ่งได้ออกจากโรงพยาบาลน่ะค่ะ

อีกมุมมองของความรู้สึก เป็นรักแนวแปลกๆ ติสท์หน่อยๆ บอกไม่ถูกค่ะ

จะลองยืมอ่านมั้ยคะ?

เพราะลองเอาเข้าโครงการให้ยืมที่บล็อกแล้ว


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:8:46:19 น.  

 
พี่พัทแปลเก่งแล้วยังเขียนเก่งอีก อ่าน blog พี่ทีไรสนุกทุกที สนใจเขียนหนังสือบ้างไหมจ๊ะ อิอิ เขาเป็นเจ๊ดันให้เอาป่ะ ก๊าก


โดย: ฝนตกแดดออก วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:17:59:05 น.  

 
แวะมาเยี่ยมค่ะ กับน้องคนนี้ไม่ขอออกความเห็น เพราะถ้าออกมันต้องแรงมากๆ ไอ้เรามันเข้าขั้นปากหมาซะด้วยสิ


โดย: น้องหมาบีเกิ้ล วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:19:27:18 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Il Maze
Location :
Athens Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




Friends' blogs
[Add Il Maze's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.