Group Blog
 
 
มกราคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
16 มกราคม 2550
 
All Blogs
 
A Journey....to London Part IV (.....Trip to British Musuem.....)










หลังจากไปเที่ยวที่ London Eye เรียบร้อยแล้ว เราไปเที่ยวกันต่อน่ะค่ะ นี่เลยค่ะ British Museum พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก่อตั้งเมื่อปี 1753 หรือตรงกับปี พ.ศ.2296 ตามพระราชบัญญัติแห่งรัฐสภา เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์เก่าแก่ของโลก และถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของมนุษย์ จัดแสดงทรัพย์สมบัติของชาวแอสซีเรียน มัมมี่อียิปต์ ศิลาโรเซตตา ประติมากรรมจากวิหารพาเธนอน แจกันพอร์ตแลนด์ นอกจากนี้ยังมีเกรทคอร์ตซึ่งเพิ่งเปิดในปี 2000 เป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการ 12 รายการที่น่าสนใจมากที่สุดในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ และเป็นพื้นที่จัดแสดงในร่มขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป

หลังคาช่วงแรกของพิพิธภัณฑ์จะมุงด้วยหลังคากระจก ออกแบบโดยสถาปนิก "เซอร์ นอร์แมน โฟ" สว่างชนิดไม่ต้องง้อแสงไฟ รอบๆ มีร้านขายขนม มีโต๊ะประชาสัมพันธ์ มีร้านขายของที่ระลึกและขายหนังสือ กลุ่มที่เข้ามานอกจากนักท่องเที่ยวแล้ว ยังมีพวกกลุ่มนักเรียนอีกด้วย

ที่แรกที่เราจะไปชมกันก็คือ Reading Room หรือห้องอ่านหนังสือนั่นเอง หนังสือที่หายากที่สุดก็จะมีให้อ่านในห้องอ่านหนังสือนี้ และที่นี่เคยมีบุคคลสำคัญระดับโลกอย่าง "คาร์ล มาร์กซ์" และ "เลนิน" มานั่งอ่านหนังสือที่นี่ด้วย







ต่อไปคือ "ห้องอียิปต์" ว่ากันว่าสมบูรณ์ที่สุด จะเป็นรองก็แต่ที่พิพิธภัณฑ์อียิปต์ในกรุงไคโรเท่านั้น ภายในห้องจะจัดแสดงทรัพย์สมบัติของชาวแอสซีเรียน มัมมี่อียิปต์ และศิลาโรเซตตา ซึ่งเป็นศิลาจารึกอียิปต์สมัย 196 ปีก่อนคริสตกาล สลักเป็น 2 ภาษา คืออียิปต์ และกรีก

ศิลานี้ใช้แบบตัวอักษร 3 แบบ แบบแรกเรียกว่า "เฮียโรกลีฟิก" อักษรอียิปต์โบราณ ใช้เพื่อกรณีพิเศษ หรือเกี่ยวกับศาสนา แบบที่ 2 เรียกว่า "เดโมติก" ภาษาโดยทั่วไป เป็นภาษาธรรมดาที่ใช้ในอียิปต์ และแบบที่ 3 คือภาษากรีก ก้อนหินจะแบ่งเป็น 3 ช่วงชัดเจน จารึกบนหินก้อนนี้ทำให้ปริศนาของอียิปต์ถูกไขออก



จากศิลาโรเซตตา มาที่วิวัฒนาการมัมมี่ เริ่มที่ซากศพชาวอียิปต์ที่ถูกฝังบนพื้นทราย เป็นซากศพสมบูรณ์ ว่ากันว่า เล็บ และเส้นผมงอกมาเรื่อยๆ ทุกปี ปรื๋อ!! น่ากลัวอ่ะ

ถัดมาเป็นมัมมี่สตรี ระบุว่าเป็นสตรีที่มีฐานะและหน้าตาดี โครงหน้าที่เห็นชัดคือจมูกโด่งเป็นสันสวยงาม มัมมี่ทั้ง 2 นี้ เป็นการอธิบายว่า ในสมัยอียิปต์โบราณนำศพไปฝังไว้ในทะเลทรายร้อนระอุ ความร้อน และความแห้งแล้งทำให้ร่างกายแห้งอย่างรวดเร็ว แบคทีเรียไม่มีโอกาสย่อยสลายศพเสียก่อน จึงกลายเป็นมัมมี่ไปตามธรรมชาติ



ส่วนตู้โชว์มัมมี่ที่สมบูรณ์ พร้อมอุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัว แสดงถึงความพยายามของชาวอียิปต์ศึกษา เพื่อจะรักษาสภาพศพให้คงทนอยู่ได้ ด้วยการแช่อาบศพเพื่อชะงักการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย แล้วพันด้วยแถบผ้าลินิน เรียกกรรมวิธีนี้ว่า การทำมัมมี่



ขั้นตอนการทำมัมมี่
ขั้นแรกคือ การแช่อาบศพ อาบศพด้วยเหล้าที่ทำจากน้ำตาลสด และชำระล้างด้วยน้ำจากแม่น้ำไนล์ ผ่าช่องท้องด้านซ้าย เพื่อเอาอวัยวะภายในออก เหลือไว้แต่หัวใจ ที่เชื่อว่าเป็นศูนย์รวมแห่งปัญญา ผู้ตายยังต้องใช้ในโลกแห่งวิญญาณ ชำระล้างอวัยวะภายในจนสะอาดกลบด้วยเกลือเม็ดเนตรอน สอดขอที่ทำด้วยสำริดเข้าทางช่องจมูกเกี่ยวเอาเนื้อสมองออกมา วางกลบด้วยเกลือเม็ดให้แห้ง ช่องว่างภายในก็ใส่เกลือเม็ดป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ศพจะถูกแช่เกลือ 40 วันจนแห้ง และจะถูกนำมาชำระด้วยน้ำจากแม่น้ำไนล์อีกครั้ง เคลือบผิวหนังด้วยน้ำมันให้ผิวหนังคงสภาพอ่อนนุ่ม อวัยวะภายในที่แห้งจะถูกจับยัดเข้าไปพร้อมขี้เลื่อย หรือใบไม้ และผ้าลินิน เพื่อให้ดูเหมือนยามมีชีวิตอยู่ ไม่ยุบตัวลง จากนั้นจะชำระศพด้วยน้ำมันหอมอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะนำไปพันผ้าลินิน

การพันห่อมัมมี่
ขั้นแรก จะพันศีรษะและลำคอก่อน ด้วยแถบผ้าลินินแล้วก็จะพันนิ้วมือ และนิ้วเท้าแยกกันทีละนิ้ว แล้วก็พันห่อแขนและขา แต่ละทบก็จะใส่เครื่องราง เพื่อปกปักรักษาผู้ตายในระหว่างการเดินทางไปสู่ภพใหม่ ผู้เชี่ยวชาญจะพันแขนขามัมมี่เข้ากับส่วนร่าง ตำรา "มนตราสำหรับผู้ตาย" ก็จะรวมห่อไปด้วยให้ถือไว้ในมือของมัมมี่

จากนั้นจะพันผ้าเพิ่มรวมให้ร่างถูกพันรวมกันหมด แต่ละชั้นของผ้าลินิน ผู้ทำมัมมี่จะทาไว้ด้วยเรซิ่น เพื่อให้ผ้าลินินยึดติดกัน แล้วห่อด้วยผ้าผืนใหญ่อีกทีหนึ่ง จะวาดรูปเทพ "โอซีรีส" บนผ้าที่ห่อมัมมี่นั้น เอาผ้าผืนใหญ่ห่ออีกชั้นหนึ่ง แล้วมัดตราสังด้วยแถบผ้าลินินตลอดร่างเป็นครั้งสุดท้าย ปิดด้านบนของมัมมี่ด้วยแผ่นกระดาน ก่อนจะเอาไปใส่ในโลงศพ 2 โลงซ้อนกัน เอาโลงไปใส่ในโลงหินแกะสลัก พร้อมด้วยเครื่องเรือน เสื้อผ้า ของมีค่า อาหารและเครื่องดื่ม จะถูกจัดวางไว้อย่างพร้อมเพรียง เป็นเสบียงให้ผู้ตายได้เดินทางสู่ปรภพ


Cool Slideshows


พล่ามมามากมายเกี่ยวกับมัมมี่ เดี๋ยวจะเบื่อกันเสียก่อน แต่ก่อนที่จะไปต่อกันที่อื่น ก็จะมีรูปปิดท้ายของมัมมี่อีกนั่นแหละ แต่อันนี้เป็นมัมมี่ของแมว และปลาค่ะ





พิพิธภัณฑ์นี้ใหญ่มาก ๆ ค่ะ เดินจนเมื่อยเลยค่ะ มีหลายห้องมากมาย ทั้งห้องญี่ปุ่น เกาหลี และอีกมากมายอธิบายไม่หมดเลยค่ะ เอาเป็นว่าเอารูปรวม ๆ มาให้ดูดีกว่าน่ะค่ะ




Cool Slideshows



Create Date : 16 มกราคม 2550
Last Update : 1 ตุลาคม 2550 2:52:49 น. 9 comments
Counter : 2685 Pageviews.

 
ภาพสวย เล่าเรื่องสนุกจริงๆ
ขอบคุณนะคะที่พาเที่ยว


โดย: YGHarding (YGHarding ) วันที่: 17 มกราคม 2550 เวลา:9:31:52 น.  

 
มาเยี่ยมแล้วก็ได้รู้เรื่องการทำมัมมี่ด้วยเลย...ดีจังว่างๆจะลองทำมัมมี่คุณชาย..ไม่ใช่พูดเล่น...ใช่..ต้องขอบใจน่ะจ๊ะที่พาไปเที่ยว ได้ความรู้ด้วย..วันหลังพาไปอีกน้า...


โดย: Raa aaR (Katja ) วันที่: 18 มกราคม 2550 เวลา:23:24:33 น.  

 
อยากหาโอกาสไปเที่ยวบ้างจัง

แต่ก็มีความสุขที่ได้ชมภาพสวย

และมีการอธิบายรายละเอียด

ได้อารมณ์เหมือนไปเองจริงๆ ค่ะ


โดย: angel_exx (ALFA-TANGO ) วันที่: 19 มกราคม 2550 เวลา:8:40:49 น.  

 
อยากไปจังเลยค่ะ

ยิ่งใหญ่ทั้งเรื่องราว

และสถานที่นะคะ

อยากดู"ห้องอิยิปต์"ที่สุดเลยค่ะ


โดย: เจ้าแห่งโชคชะตา วันที่: 20 มกราคม 2550 เวลา:15:56:30 น.  

 
บลอก น่ารักจัง เพลงก็เพราะค่ะ


โดย: same sun not so far วันที่: 1 เมษายน 2550 เวลา:15:42:52 น.  

 
ปีหน้าตั้งใจว่าจะเที่ยวยุโรปแบบ
Eurail pass ให้ได้ และลอนดอนก็เป็นจุดหมายหนึ่ง
ทำงานๆๆ ขอเก็บตังค์ก่อนน่ะครับ

วันนี้ชอบแบคกราวด์จังเลย
ได้อารมณ์มากๆ


โดย: Dr.Manta วันที่: 12 มิถุนายน 2550 เวลา:6:57:51 น.  

 
อยากไปแต่ไม่มีเงิน
อยากรู้เกี่ยวกับการแต่งกายประจำชาติอียิปต์


โดย: dr.boy IP: 222.123.82.97 วันที่: 27 มิถุนายน 2550 เวลา:15:33:34 น.  

 


โดย: 55+ IP: 203.150.138.200 วันที่: 11 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:58:54 น.  

 
อืมน่ารักดีมากค่ะ


โดย: นุ่น IP: 58.147.101.183 วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:10:08:06 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

bluecomet
Location :
England United Kingdom

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]






This Blog is best viewed at 1440 x 900 and 4803_Kwang_MD font

Friends' blogs
[Add bluecomet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.