จิบชาชมดอกไม้ไปพลาง คุยกันเบาๆ ที่สวน..เจ้าแก้ว กังไส





Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
4 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 
ต้นอ่อนใบรัก ตอนที่ 22

ตอนที่ 22


วิมลินจากเขาไปแล้วจริงๆ ห้องพักในคอนโดของเขาดูว่างเปล่าไปถนัดตา ถ้วยใส่แปรงสีฟัน
ที่เคยมีแปรงสองอันวางไว้ด้วยกัน บัดนี้ก็เหลือแต่แปรงของเขาวางอยู่เดียวดาย ตู้เสื้อผ้า
ที่เคยอัดแน่นจนต้องโละตู้ใบเก่า แล้วซื้อตู้ใหม่ขนาดสี่ประตูเข้ามาแทนที่เมื่อวิมลินเข้ามาอยู่
ตอนนี้พื้นที่ว่างเหลือถึงสามในสี่เลยทีเดียว ข้าวกล้าเดินสำรวจอีกครั้ง หล่อนไปแล้วจริงๆ
ไม่ทิ้งไว้แม้กลิ่นอาย ชายหนุ่มพลันรู้สึกว่าห้องของตนกว้างขึ้นกว่าเดิมมาก ทั้งที่เคยคิดจะ
ขยับขยายหาที่อยู่ใหม่ที่กว้างขวางกว่านี้แท้ๆ

จากห้องนอนมาที่ห้องนั่งเล่นสายตาไปสบเข้ากับถุงกระดาษสีดำใบใหญ่แปะตราแบรนด์เนมหรู
ถูกตั้งเอาไว้บนโต๊ะรับแขก เหมือนรอให้ใครบางคนมาพบเห็นมันโดยง่าย ชายหนุ่มเปิดถุงออก
พบว่าภายในมีกล่องแบรนด์เดียวกันบรรจุอยู่ภายใน เมื่อเปิดออกดูก็พบว่าเป็นกระเป๋า
ใบที่เคยซื้อให้วิมลิน ข้าวกล้าเก็บกระเป๋าใบนั้นใส่ถุงผ้าที่หุ้มไว้ก่อนจะวางใส่กล่อง
แล้วหย่อนลงไปในถุงกระดาษเหมือนตอนพบมัน จากนั้นก็พยายามติดต่อไปหา
เจ้าของกระเป๋า แต่ไม่ว่าจะเรียกสายไปกี่ครั้งก็ไม่สามารถติดต่อได้ เขาจึงเบนเข็ม
ไปที่เพื่อนสนิทของวิมลินแทน

“เปิ้ลใช่ไหม ผม..กล้านะ คือวิมเขาลืมของไว้ แต่โทรหาแล้วเขาปิดโทรศัพท์น่ะ
ฝากบอกด้วยนะ” แต่เมื่อปลายสายตอบกลับมา เขาเสียอีกที่เป็นฝ่ายนิ่งไป
วิมลินไม่ต้องการพบเขาในตอนนี้ และกระเป๋าใบนั้นหล่อนคืนให้

“คืนให้? ผมจะเอาไปทำอะไร? ซื้อให้เขามันก็เป็นของเขา ถ้าเขาไม่สะดวกมารับ
ผมเอาไปฝากไว้ที่เปิ้ลได้ไหม?”

แต่เมื่อได้รับการปฏิเสธ และอีกฝ่ายทำท่าไม่อยากเสวนาด้วยแล้ว ชายหนุ่มก็จำใจวางสายลง
ด้วยอารมณ์ครุ่นคิด หรือเขาพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด...ใจจริงเขาไม่ได้เสียดายเงินที่ซื้อกระเป๋า
แสนแพงใบนั้นให้หล่อน เพียงเพื่อปรารถนาจะเห็นรอยยิ้มดีใจเท่านั้น ข้าวกล้าไม่ได้เสียดาย
เวลาที่ผ่านไป เพียงแต่เขาเสียดายที่หล่อนมองไม่เห็นความรักที่เขาทุ่มเทให้ไป ในขณะที่
วิมลินเสียใจนักหนาที่เขาแปลราคาความรักเป็นการลงทุน หรือมันผิดตั้งแต่แรก...ผิดตั้งแต่
ที่เริ่มรักกันโดยไม่ศึกษากันและกันให้ถ่องแท้ เมื่อความรักถดถอยความคิดที่สวนทางกัน
ก็ยิ่งชัดเจนขึ้น

รสขมฝืดคอของความรักยามหมดรสหวานแล้วมันเป็นเช่นนี้นี่เอง เขาเสียใจทว่ากลับไม่ได้
รู้สึกแสบร้อนทุรนทุรายอย่างที่เคยคาดคิด เพียงแต่โลกทั้งใบมันว่างเปล่าไปหมด ความรู้สึก
ล่องลอยจนเหมือนในสมองตีบตันไปชั่วขณะ จนไม่อาจคิดสิ่งใดเป็นรูปธรรมได้ ข้าวกล้า
นั่งนิ่งอยู่นานจนได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของตนดังขึ้นมา

“ครับ” ชายหนุ่มกรอกเสียงลงไป

“พี่กล้า บลูเองนะคะ”

“อ้าว บลูว่าไง?” เสียงสดใสนั้นทำให้เขาตื่นขึ้นจากภวังค์

“พี่กล้าเป็นไงบ้าง?”

“อะไรเป็นไง? ก็สบายดีนี่ จะมาทวงรูปใช่ไหม? ”

“นั่นก็ใช่ค่ะ แต่บลูมีเรื่องมาปรึกษานิดหน่อยค่ะ”

เสียงแม่หมวยน้อยหัวเราะแหะๆ มาแต่ไกล ในใจชายหนุ่มเริ่มกระตุกสังหรณ์อะไรแปลกๆ ขึ้นมา
ก็แม่คนนี้เคยมาพร้อมกับความเงียบที่ไหนกันเล่า

“มีอะไรเหรอ? หรือว่าตกลงกับโจไม่ลงตัว”

“พี่กล้า อย่าพูดถึงนายนั่น บลูลอยแพนายโจไปแล้วค่ะ เชอะ!” สาวน้อยกรีดเสียงร้องขึ้นมา
ทันที จนคนฟังเผลอหัวเราะตามไปด้วย

“ไม่สงสารเขามั่งเหรอ?”

“ไม่ค่ะ...มาทำเป็นโกหกแม่ป่วยอีก คนอะไรแช่งได้กระทั่งแม่ตัวเอง ผิดก็ขอโทษมาเลยสิ
ไม่ต้องมาอ้างโน่นอ้างนี่แก้ตัว”

“เอาน่า...เขาขอโทษแปลว่าเขาแคร์บลู”

“แต่ความรู้สึกบลูไม่เหมือนเดิมนี่คะ บลูเหม็นเขียวไปแล้ว”

“ฮ่า ฮ่า พูดเป็นแกงบูดไปได้ เป็นเพื่อนกันอย่าไปโกรธเขานานเลย แค่นี้คงเข็ดแล้วล่ะ”

“ค่ะ...เพื่อน” ข้าวกล้าหารู้ไม่ว่าปลายสายกำลังนั่งยิ้ม นึกดีใจที่เขาไม่เห็นหมอนั่นเป็นแฟนหล่อน
...อา..แบบนี้ทางสะดวกขึ้นแล้วสิ อิ อิ

“แล้วเรื่องนี้เหรอที่จะปรึกษาพี่”

“ไม่ใช่ค่า...คือว่าบลูลำบากใจอ่ะ แต่ว่า...บลูคิดถึงคนอื่นไม่ออก”

“อะไรเหรอ? เออ ถ้าพี่ช่วยได้ก็ช่วยนะลองบอกมาสิ”

“พี่กล้าขา..า บลูคิดไม่ผิดเลยที่โทรมาหาพี่กล้า” กิริฎาส่งเสียงตื่นเต้นเรียกว่ารู้สึกอย่างไร
ก็แสดงออกอย่างนั้น จนชายหนุ่มชักจะแสบแก้วหูแล้ว

“ยังไม่ได้รับปาก ลองบอกมาก่อนสิ”

“แหะๆ ค่ะ คืองี้นะคะ...พี่กล้าคิดจะเลี้ยงแมวตัวใหม่หรือยังคะ”

“ยัง” ชายหนุ่มตอบไปทันทีแบบไม่ต้องคิดมากมาย

“อ๋า...”

“ก็มันเป็นภาระเหมือนกัน แถม...เออนั่นแหละ อย่างที่เรารู้”

“คืนดีกับพี่วิมแล้วเหรอคะ?” เสียงใสนั่นนิ่งสนิทไปทันที “งะ...งั้นบลูไม่รบกวนดีกว่า
เดี๋ยวจะลองถามคนอื่นๆ ดู งั้นแค่นี้นะคะ” ข้าวกล้าไม่แน่ใจว่าเขาคิดไปเองหรือไม่
แต่เสียงที่ได้ยินนั้นดูหม่นหมองไปทันตา

“อ้าว? เดี๋ยวสิมีอะไรก็ว่ามา”

“แต่ว่าพี่วิมไม่ชอบแมว...”

“เกี่ยวอะไรกับวิมล่ะ? เลิกกันไปแล้วนี่”

“ละ..เลิก เลิกแน่นะคะ”

เสียงที่เหี่ยวแห้งเหมือนดอกไม้ขาดน้ำก็พลันสดใสขึ้นมาทันที จนข้าวกล้าตกใจ...เขากำลังเศร้า
เพิ่งเลิกกับแฟนแท้ๆ แต่ทำไมหนอถึงเผลอยิ้มเมื่อรู้ตัวว่ากำลังถูกสาวน้อยวัยทีนปลื้มอยู่

“อื้ม...เขาขนของออกไปจากบ้านพี่แล้วด้วย แต่ดันทิ้งกระเป๋าไว้ใบไม่รู้จะเอาไปทำอะไร”

“เขาอยากให้พี่ไปง้อมั้งคะ เลยแกล้งลืมไว้” กิริฎาคิดว่ามันเป็นแผนสไตล์ลูกผู้หญิง อยากให้ง้อ
แต่ไม่อยากเสียหน้าต้องเป็นฝ่ายง้อเอง

“ไม่ใช่หรอก...เพื่อนของวิมบอกว่าเขาคืนให้พี่ ใบที่พี่เคยซื้อให้เลิกกันแล้วคงไม่อยากเก็บไว้
แต่พี่ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร? เออ...เราเอาไปใช้ไหม? ยังใหม่อยู่เลยเพิ่งซื้อมาไม่นานนี้เอง”

“ไม่ค่ะ!” เด็กสาวตอบเสียงดังฟังชัด ใครจะอยากไปใช้ต่อจากแฟนเก่าของหนุ่มที่แอบปิ๊งกัน

“พี่ก็ไม่รู้จะเอาทำอะไร จะทิ้งก็เสียดาย ใบเป็นแสน...รอบตัวพี่คงไม่มีใครอยากได้”

“ใบเป็นแสน? แบรนด์เนมเหรอคะ ยี่ห้ออะไรเหรอ?”

“Chanel”

“รุ่นไหนคะ?”

“เอ...ไม่รู้สิ” แน่ล่ะเขาไม่สนใจมันตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว จึงไม่สามารถบอกรุ่นได้ สิ่งที่จำขึ้นใจ
คือมันแพงและมันเป็นแบรนด์เนมแค่นั้น

“จำไม่ได้น่ะ กระเป๋าสะพายสีดำๆ สายเป็นโซ่คล้องหนัง ซื้อมาแสนนิดๆ”

“พี่กล้าก็เอาไปขายต่อสิคะ?”

“ขายใคร?” คำถามนี้เล่นเอากิริฎาปวดหัว พี่กล้าที่แสนจะมองโลกลึกล้ำ แต่บทจะซื่อบื้อขึ้นมา
ก็ไม่มีบอกกล่าวล่วงหน้า

“ใครก็ได้ที่อยากได้ค่ะ”

“โอ้ยย..มันแพง คนรอบตัวคงไม่เอาหรอก”

ชายหนุ่มแน่ใจว่าในบรรดาเพื่อนฝูงรอบตัวคงไม่มีใครลงทุนเท่าเขาอีกแล้ว และถ้าพวกมันรู้เข้า
คงสรรเสริญเขาด้วยเสียงหัวเราะเยาะเย้ยเป็นการใหญ่

“พี่กล้าก็มันมีที่ขายตั้งเยอะแยะ ทั้งร้านมือสอง ทั้งในเน็ต คนอยากได้ก็ยังมีอีกเยอะแยะค่ะ”
หล่อนแนะนำไปแต่ข้าวกล้ายังคงครุ่นคิดอยู่ไม่ได้ตอบหล่อนไปในทันที

“เอางี้...ไว้ใจบลูไหมเดี๋ยวบลูไปขายให้เอง”

“ทำไมจะไม่ไว้ใจล่ะ แต่จะดีเหรอรบกวนเราหรือเปล่า?”

“พี่กล้าขา...บลูเสียอีกกวนพี่กล้าไปตั้งกระบุงโกยลืมแล้วเหรอ?” สิ้นคำตัดพ้อข้าวกล้าถึงได้
หัวเราะออกมา

“งั้นฝากด้วยนะ เดี๋ยวพี่เอาไปให้พร้อมรูปถ่ายเรา”

“ได้เลยค่ะ”

“ขอบใจนะคนเก่ง ว่าแต่เราจะมาปรึกษาอะไรพี่ไม่ใช่เหรอ? ไหงกลายเป็นพี่ปรึกษาเรา
ไปแทนล่ะ?”

“เออ...นั่นสิคะ เกือบลืม” กิริฎายิ้มแฉ่งเมื่อได้รับคำชม แต่เหนือสิ่งอื่นใดเดี๋ยวหล่อนจะช่วย
กำจัดสมบัติของแฟนเก่าออกไปจากห้องพี่ข้าวกล้าเอง รับรองไม่เหลืออะไรไว้ให้
ถ่านไฟเก่าคุแน่ๆ

“คืองี้ค่ะปะป๊าของบลูน่ะมีลูกแมวเกาะล้อมา?”

“หา?”

“มันอยู่ในล้อแม็กซ์ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ค่ะ ปะป๊าขับมาตั้งไกล จนรถคันอื่นเขาเห็นหัวลูกแมว
ยื่นออกมาจากล้อเลยตามมาเรียก ลูกแมวตัวนิดเดียวเองค่ะ โชคดีมันไม่เป็นอะไรเลยค่ะ
อึดมากกกกก...ก ”

“จริงอ่ะ รอดมาได้ไงนี่?”

“ยังไงมันก็รอดมาแล้วล่ะค่ะ แต่ปะป๊าไม่รู้ว่ามันขึ้นมาจากที่ไหน เลยลองกลับที่ที่จอดรถ
ไว้ครั้งล่าสุด แล้วเจ้าตัวเปี๊ยกสงสัยจะมึนๆ อยู่ก็ไม่ยอมไปไหน ปะป๊าเลยเอามันกลับมา
ด้วยค่ะ แต่ว่าที่บ้านบลูเป็นตึกแถว ไม่สะดวกเลี้ยงแมวเดี๋ยวมันพันแข้งพันขาอาม่า
ตอนลงบันไดล่ะแย่เลย”

“อ้อ...ก็เลยต้องหาคนเลี้ยงมัน”

“ค่ะ มันน่ารักมากเลยนะคะ ตาโต๊โต ตัวสีเทาใส่ถุงเท้าขาว อาจจะเป็นลูกครึ่งเปอร์เซียก็ได้ค่ะ
ขนมันแอบยาวกว่าแมวบ้านนิดหนึ่งแต่ไม่ฟูนะคะ”

“ตัวผู้ตัวเมียล่ะนั่น?”

“ตัวเมียค่ะ แต่ยังเล็กมากเลยน่าจะแค่เดือนเดียว บลูไม่เคยเลี้ยงแมวเสียด้วยสิ กลัวเลี้ยง
ไม่รอดจังท่าทางยังไม่อดนม แล้วให้มันอยู่ที่นี่ก็ไม่สะดวกด้วยบ้านบลูอยู่ถนนใหญ่
เดี๋ยวมันวิ่งออกไปโดนรถเหยียบเอา” หล่อนสาธยายมาเสียน่าสงสาร จนชายหนุ่มคล้อยตาม

“งั้นเอามาฝากพี่ไว้ก่อนก็ได้ จนกว่าจะหาคนเลี้ยงมันได้แล้วกัน”

“พี่กล้าไม่เลี้ยงไว้เลยเหรอคะ นะๆๆๆ” หล่อนรีบอ้อนต่อ

“นี่ๆ ทีละขั้นๆ ถ้าไม่มีคนเอาค่อยว่ากันอีกทีนะ”

“ก็ได้ค่ะ ปะป๊าคงดีใจหาคนเลี้ยงมันได้แล้ว นี่ปะป๊าบอกว่าใครเอาไปเดี๋ยวช่วยค่าข้าว
มันด้วยนะคะ เดือนละห้าร้อย”

“โอ้โฮแจกแมวแถมเงิน พ่อบลูท่าจะเป็นอาเสี่ยสินี่”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ แต่ปะป๊าว่ามันมีดวงมาหาป๊า มันไม่ตายก็ควรจะอุปถัมภ์มัน
แต่เราไม่สะดวกเลี้ยงเท่านั้นเองค่ะ ก็เลยช่วยค่าข้าวแล้วกัน”

“เอามาแต่แมวพอ เงินไม่ต้อง ถ้าจะช่วยก็ไว้ไปซื้ออาหารแมวด้วยกันก็พอ โอเคไหม?”

“กรี๊ดดดดดดดดด...ด!! พี่กล้าใจดีที่สุดเลยค่ะ”

“ดีใจเฉยๆ พออย่ากรี๊ด หูจะแตกแล้ว”

ข้าวกล้ายิ้มกว้าง ลืมเลือนความทุกข์เมื่อครู่ไปเสียสิ้น ส่วนกิริฎารู้สึกราวกับยิงนัดเดียว
ได้นกสองตัวมากิน นี่ล่ะมั้งที่เขาเรียกว่าดวงความรักกำลังขึ้น แล้ววันนั้นทั้งวันหล่อนเอาแต่
ร้องเพลงบุพเพสันนิวาสด้วยท่าทางอิ่มเอม

“เมื่อคิดให้ดีโลกนี้ประหลาด บุพเพสันนิวาสที่ประสาทความรักภิรมย์ คู่ใครคู่เขา
รักยังคอยเฝ้าชม คอยภิรมย์เรื่อยไป...” เสียงใสครวญเพลงซ้ำไปมาอยู่แค่ท่อนเดียว
เพราะร้องได้แค่นั้น แต่แค่นั้นก็เรียกความสนใจจากคนในบ้านได้เป็นอย่างดี

“อาบลูอีเป็งอาลาย?” อาม่าวัยชราซึ่งกำลังไม่เข้าใจหลานสาวถามขึ้นมาเป็นคนแรก
หลังจากมองอยู่นาน

“ไม่ต้องไปสนใจอีหรอกอาม่า สงสัยอาเจ้คิดว่าตัวเองเป็นวนิดาแหงๆ เลย” น้องชายวัยมัธยม
ของกิริฎาสรุปด้วยสีหน้าชืดชา แล้วหันไปเล่นเกมเพลย์สเตชั่นต่อ



อ่านต่อตอนหน้าค่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอเม้าท์หน่อย


เด็กหญิง "กีวี" เป็นแขกรับเชิญประจำตอนค่ะ ที่ว่าติดล้อมานี่เรื่องจริงนะคะ
กีวีงอกออกมาจากล้อแม็คค่ะ เพื่อนของพี่สาวเอามาให้ค่ะ บอกว่ามันไปติด
ในล้อของเขาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ แล้วเรื่องราวก็เป็นแบบในนิยายนั่นเลยค่ะ
แต่พี่เขาไม่เคยเลี้ยงแมวมาก่อน เลยยกเจ้าตัวเล็กให้มาอยู่บ้านเจ้าแก้วค่ะ

ดูสิคะ น่ารักไหม?





ตอนมาแรกๆ ตัวจิ๋วเดียว น้ำหนักแค่ 3 ขีดเอง เดี๋ยวนี้เป็นกิโลแล้วค่ะ



เทียบขนาดกับรองเท้าใส่ในบ้าน



เดี๋ยวนี้ตัวโตขึ้นมาหน่อย ไม่ค่อยกลมแต่ออกยาวๆ ค่ะ



แต่ก็ยังตัวน้อยถ้าเทียบกับพี่ๆ แล้วล่ะก็




ตอนนี้เบาๆ หน่อยเนอะ สองตอนก่อนนี่ตบกันเสียงดังลั่นร้านอาหารแล้ว
ตอนนี้ชมแมวไปพลางๆ ค่ะ แล้วไงเดี๋ยวเจอกันตอนหน้านะคะ







Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2554 21:11:59 น. 8 comments
Counter : 1243 Pageviews.

 
ตามอย่างต่อเนื่อง ลุ้นๆ ^^


โดย: CuteCool วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:5:53:45 น.  

 
น้องแมวนี่น่ารักจริงๆๆ


รอพี่กล้า ก่ะ น้องบลู นะ


โดย: คน-เหงา IP: 202.28.180.202 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:10:12:16 น.  

 
อย่านะบลู....อย่าแย่งเราสิ


โดย: ^^ IP: 118.172.212.143 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:17:52:34 น.  

 
5555 น่ารักซะ


โดย: รวมการเฉพาะกิจ IP: 111.104.196.74 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:00:35 น.  

 
หนูบลูเริ่มจีบพี่กล้าแระ โดยมีแม่สื่อตัวน้อย เอาใจช่วยหนูบลูจ้ะ ด.ญ.กีวีน่าเอ็นดู๊ แถมยิ้มหวานอีกแน่ะ(ที่ถ่ายกับรองเท้า)


โดย: แก้วเจ้าจอม IP: 223.205.239.230 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:9:58:33 น.  

 
กีวี น่ารักจังเลย...จริงๆชอบทั้งหมาทั้งแมวนะคะ..แต่ไม่สามารถเลี้ยงได้เพราะสงสาร กลัวมันเหงาและก็อด..เพราะไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ค่ะ


โดย: phophanm IP: unknown, 202.32.8.238 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:11:37:57 น.  

 
CuteCool : ใกล้จบเต็มทีแล้วล่ะค่ะ

คน-เหงา : คาดว่าตากล้าน่าจะรับเลี้ยงแมวตลอดชีพนะคะ กีวีออกจะน่ารัก

^^ : ให้เลือกค่ะระหว่าง กล้า กับ แมว เม้มไว้ได้ชิ้นเดียวนะคะ

รวมการเฉพาะกิจ : กีวีมันถ่ายรูปขึ้นค่า แมวเล็กๆ มักจะน่าเจี๊ยะ พอโตแล้วก็น่าตื๊บแทน

แก้วเจ้าจอม : เป็นแผนใช้แมวเป็นสะพานรักค่ะ อิ อิ

phophanm : ถ้าเลี้ยงตัวเดียวมันจะติดคนค่ะ แต่ถ้าเลี้ยงสองตัวเขาจะเล่นกันเอง ไม่ค่อยมากวนเรา แต่ถ้า...เลี้ยงมากกว่านั้น มันจะไม่ค่อยสนใจเราเลยค่ะ มัวแต่เล่นกันเอง สนใจเราเฉพาะตอนหิวเท่านั้น




โดย: แก้วกังไส วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:19:10:14 น.  

 
คนรักนิยายช่วยหน่อยนะคะ

ตอนนี้เรากำลังทำวิทยานิพนธ์หัวข้อ "การอ่านนวนิยายออนไลน์ของเด็กและเยาวชนไทย" เลือกด้วยความชอบส่วนตัวล้วนๆ อิอิ

ผลที่ได้นอกจากจะมีประโยชน์ทางการศึกษาแล้ว ผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นนักเขียน คนอ่าน เว็บไซต์ สำนักพิมพ์ ยังสามารถนำไปใช้ได้จริงอีกด้วย
รบกวนเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ช่วยทำแบบสอบถามให้หน่อยนะคะ (แบบสอบถามไม่ยาวค่ะ) แต่ต้องเก็บข้อมูลเป็นจำนวนมหาศาล Y_Y

https://spreadsheets.google.com/viewform?formkey=dFF4VmgxRW9hUzIyZ0NoYUtsd2ZUaHc6MQ

(เค้าไม่ให้ฝังลิงค์อ่าาาา)

ปล.ส่งต่อคนอื่นได้นะค้า ไม่หวงๆ จักเป็นพระคุณอย่างสูง (-/\\\\-)

ขอบคุณมากค่ะ


โดย: Baibua วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:1:41:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แก้วกังไส
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]







ผลงานเขียนที่ผ่านมาค่ะ

รักนี้(แค้น)ต้องชำระ


Amethyst Sonata
เพลงรัก..ลิขิตหัวใจ



บาปปาริชาต

Friends' blogs
[Add แก้วกังไส's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.