จิบชาชมดอกไม้ไปพลาง คุยกันเบาๆ ที่สวน..เจ้าแก้ว กังไส





Group Blog
 
 
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
30 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
ต้นอ่อนใบรัก ตอนที่ 2

ตอนที่ 2



หยาดน้ำฝนทยอยทิ้งตัวลงมาจากฟากฟ้า พรำลงมาเรื่อยๆ กระทบบานกระจก
ดังเปาะแปะ เป็นทำนองคู่ไปกับเสียงฉึ่กฉั่กของรถไฟที่กำลังเคลื่อนตัว
ออกจากสถานีหัวลำโพง เบาะนั่งด้านตรงกันข้ามกับข้าวกล้ายังคงว่างเปล่า
แต่ชายหนุ่มไม่ได้ให้ความสนใจนัก ดวงตาสีสนิมเหล็กคู่นั้นเหม่อมองออกไป
นอกหน้าต่าง มองวิวที่กำลังเคลื่อนตัวช้าๆ จนกระทั่งรถไฟเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
จนใกล้ถึงสถานีต่อมาจึงค่อยชะลอตัวลง

เสียงจากรอบข้างดังกว่าเมื่อแรกนัก ผู้คนทยอยกันขึ้นมา ในขณะที่พนักงาน
ตู้เสบียงเดินสวนทางกับผู้โดยสาร เครื่องแบบน้ำตาล-สีครีมของพนักงาน
ตู้เสบียงหยุดลงข้างกาย แล้วถามเขาว่าสนใจจะสั่งอาหารหรือไม่ ข้าวกล้า
รับเมนูมาพิจารณาครู่หนึ่ง ก็ต้องเงยหน้าขึ้น เมื่อเก้าอี้ว่างเปล่า
ตรงกันข้ามเขามีเป้ใบใหญ่โยนโครมลงมา เด็กสาววัยรุ่นเจ้าของเป้ยืนหอบ
อยู่ข้างๆ ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่ง

“ขอโทษนะ กว่าจะออกจากบ้านได้โดนป๊าสั่งโน่นสั่งนี่อยู่ตั้งนาน ตกรถไฟจนได้
นี่เราต้องจ้างแท็กซี่วิ่งมาดักหน้ารถไฟเลยนะ บ้าจัง...เออนี่โจ...เราอ่ะ...”
เสียงแจ้วๆ ชะงักลงแค่นั้นเมื่อหล่อนมองเห็นคนที่นั่งอยู่ก่อนชัดๆ

“ว้าย!! ขอโทษค่ะ นั่งผิดที่” เด็กสาวเก้อเขินเป็นอย่างมาก หล่อนรีบคว้าเป้
ขึ้นสะพายหลังแล้วเดินออกไปทันที กิริยานั้นทำให้ข้าวกล้านึกขำ

แต่ไม่นานนักหล่อนก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง ในมือเด็กสาวมีตั๋วรถไฟอยู่
หล่อนมองตั๋วกับเลขที่นั่งสลับกันไปมา ก่อนจะลากสายตายาวมาหยุดที่
ใบหน้าคมสันของข้าวกล้า

“เอ่อ...ขอโทษนะคะ นี่ที่นั่งเบอร์ 13 ถูกต้องใช่ไหมคะ?” สาวหมวยตรงหน้า
มีสีหน้าไม่สู้จะดีนัก ชายหนุ่มรับตั๋วจากมือหล่อนมาดูให้ก่อนจะส่งคืน

“ครับ ไม่ผิดที่หรอก”

“งั้น...ถ้าบลูนั่งไม่ผิดที่ คุณพี่ก็นั่งผิดที่แล้วล่ะค่ะ”

กิริฎาลำบากใจที่จะบอกว่าคนเฟอะฟะน่ะไม่ใช่หล่อนแต่เป็นเขาต่างหาก
ออกจะมาดเซอร์ผมยาวแบบนี้ไม่น่าเบ๊อะบ๊ะเลย หล่อนพิจารณาคนตรงหน้า
แล้วก็เผลอให้คะแนน หน้าเข้ม หล่อ เซอร์ ให้เก้าเลย ใจจริงอยากให้
สิบคะแนนแต่ว่า ขอตัดหนึ่งคะแนนข้อหาตาถั่วนั่งผิดที่ แต่ขอติอีกข้อเถอะ...
เขาน่าจะโกนหนวดให้เกลี้ยงกว่านี้หน่อยนะ งั้นตัดอีกคะแนนแล้วกัน
เหลือแค่แปดก็พอ

“ผมว่าไม่ผิดนะ” พอหล่อนทักมาข้าวกล้าเลยต้องควักตั๋วตัวเองออกมาดู
หมายเลขเช่นกัน

“นี่ไง เบอร์ 14” เขาพูดพลางส่งให้หล่อนดูด้วยตาตัวเอง

“เอ๋?...เป็นไปได้ไงอ่ะ? ก็ๆๆๆ ตรงนี้เป็นที่นั่งของโจ...เอ้ย เพื่อนฉันน่ะค่ะ
นัดกันเอาไว้ แล้วก็เพื่อนคนอื่นๆ ด้วย”

“ผิดขบวนหรือเปล่า? แต่เลขที่นั่งก็ตรงนี้นะครับไม่น่าผิด”

“แต่ว่าๆ !!?”

“เพื่อนๆ คนอื่นๆล่ะครับนั่งตรงไหน? เจอกันหรือยัง?”

“จริงด้วยคนอื่นล่ะ?”

หล่อนอุทานออกมาเสียงดังเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ แล้วรีบเหลียวหากลุ่มเพื่อนตัวเอง
แต่ไม่เห็นคนที่ควรจะพบเลยแม้แต่คนเดียว กิริฎาเริ่มหวั่นใจหล่อนทิ้งเป้ใบโต
ไว้บนเก้าอี้เบอร์ 13 แล้วเดินพล่านไปมาเหมือนหนูติดจั่นไปทั่วขบวนรถไฟ

“ไม่เจอใครเลยค่ะ ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ?” เด็กสาวหน้าซีดลงจนเห็นได้ชัด

“ใจเย็นๆ ครับ มันอาจจะมีอะไรผิดพลาดเท่านั้นเอง ลองโทรหาเพื่อนๆ
ก่อนดีไหม?”

คำแนะนำของเขาทำให้หล่อนเริ่มตั้งสติได้ จึงรีบคว้าโทรศัพท์จากกระเป๋าย่าม
สีชมพูลายกระต่ายที่สะพายอยู่ขึ้นมาโทรหาเพื่อนทันที

“ปลาแกอยู่ไหน? ฉันอยู่บนรถไฟทำไมไม่เจอใครเลยล่ะ พวกแกนั่งตรงไหนน่ะ
หา?” ปลายสายยังไม่ทันได้อ้าปากออกเสียงแม้แต่คำเดียว หล่อนก็รัวเข้ามา
เป็นชุดใหญ่

‘เซอร์ไพร์ไหม? ไม่มี กขค.ไปขวางทริปแสนหวาน’ เสียงเด็กสาว
รุ่นราวคราวเดียวกัน ตอบกลับมาอย่างแจ่มใสร่าเริง

“เซอร์ไพร์บ้านแกสิ หมายความว่ายังไง?”

‘ไม่ดีเหรอ? จะได้ออกเดทกันตามลำพังไง?’

คำตอบของเพื่อนทำให้กิริฎาอ้าปากค้างไปหลายวินาที กว่าจะหุบปากลงได้
ถ้ามีแมลงบินผ่านมันคงเข้าไปทำรังแล้วล่ะ หล่อนอยากจะอ้าปากด่าเพื่อนต่อ
แต่เมื่อเหลือบไปเห็นสายตาที่มองอยู่ของผู้ชายที่นั่งตรงกันข้าม กิริฎาก็รีบ
งับปากตัวเองลง แล้วลุกขึ้นจากเข้าอี้เดินเลี่ยงไปหาที่ที่หล่อนจะกรี๊ดได้
โดยไม่น่าเกลียด แล้วที่นั้นก็คือช่องว่างระหว่างตู้โบกี้นั่นเอง

“บ้าเหรอ? น่าเกลียดตาย พวกแกทำแบบนี้ได้ไงไม่ปรึกษากันก่อน?”

‘เอาน่า ก้อยมันรับรองว่าตาโจไว้ใจได้ ถ้ามันไม่ได้เรื่องเดี๋ยวแพ่นกระบาลให้’

“แน่นะแก...”

‘แน่สิ...จะไปคิดไรมากมาย ห้องพักก็จองไว้คนละห้องน่า ห้องพักน่ารักมาก
รีสอร์ทนั้นไงที่แกบอกว่าชอบ นี่ฉันจ่ายค่าห้องแบบตัดบัตรเครดิตไปแล้วด้วยนะ
เดี๋ยวกลับมาแกค่อยมาเคลียร์กะฉัน จะได้เหลือเงินไว้ช็อปปิ้งเยอะๆ ไง ขอบคุณ
เพื่อนที่แสนดีเสียสิยะ’


“ขอบใจย่ะ แต่ปัญหามันไม่อยู่ตรงนั้น” สาวน้อยหน้าหมวยเริ่มครางสะอื้น
ขึ้นมาอีกครั้ง

‘ทำไมอีกเล่า โตเป็นวัวเป็นควายแล้วยังจะกลัวอะไรอีกหา? ไหนแกบอกว่า
อยากไปเดทตามลำพังกับโจไง ไหนใครวางแผนว่าจะลอยแพพวกฉัน
แล้วหนีไปเที่ยวกันเองสองคนตอนถึงเชียงใหม่แล้วน่ะ’


“ก็ใช่...เราก็ตั้งใจไว้อย่างนั้นนะ...แต่ แต่”

‘ไม่มีแต่แล้วบลู กล้าๆ หน่อยสิ’ ปลาให้กำลังใจเพื่อน หล่อนคิดว่าเพื่อนรัก
วิตกจริตเพราะไม่เคยไปเที่ยวต่างจังหวัดกับหนุ่มๆ แต่เดี๋ยวขี้คร้านจะสนุก
จนลืมเพื่อนสิไม่ว่า

“ก็อยากจะกล้าอยู่นะ แต่....โจอยู่ไหนล่ะ?” คำตอบที่ได้รับกลับมาทำให้
เพื่อนของหล่อนนิ่งอึ้งไปชั่วอึดใจ ก่อนจะถามออกมาด้วยเสียงดัง

‘หมายความว่ายังไง? อย่าบอกนะว่าไอ้คุณโจมันตกรถไฟ เหลือแกโด่เด่
นั่งอยู่คนเดียว’


“มันไม่ใช่อย่างนั้น...แต่คนที่ถือตั๋วของโจแล้วนั่งอยู่กับฉันน่ะ...ใครก็ไม่รู้ไม่รู้จัก”
ปลายประโยคเสียงของกิริฎาแหลมสูงแทบจะกลายเป็นกรี๊ดแตกอยู่
มะรอมมะร่อแล้ว

‘หา? นี่แกนั่งผิดที่หรือเปล่า?’

“ไม่ใช่ฉันเช็คตั๋วแล้ว เขาก็ไม่ได้นั่งผิดที่เช็คตั๋วแล้วเหมือนกัน”

‘อ้าว? ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ? โจมันหายไปไหนล่ะ?’ ปลาเริ่มวิตกกังวลขึ้นมา
อีกคนแล้ว


“ก็นั่นแหละที่จะถามม...ม!” เสียงหล่อนเริ่มกรรโชกจนเพื่อนชักสยอง

‘ว้าย... ใจเย็นๆ ไว้ก่อนแก อย่าเพิ่งกินหัวฉัน เดี๋ยวฉันโทรไปหาก้อย
ให้มันเช็คโจให้ แล้วยังไงจะโทรบอก ถ้าท่าไม่ดีแกก็ลงเลยแล้วกัน
สถานีไหนก็ได้ ไม่ต้องไปมันแล้วเชียงใหม่’
กิริฎาพยักหน้ารับ
แล้วพูดตอบโต้อีกสองสามประโยคก่อนจะวางสาย

หลังจากนั้นหล่อนก็พยายามจิ้มๆๆๆ และจิ้ม ไปยังเบอร์โทรของโจ แต่อนิจจา
เบอร์นี้เหมือนไม่เคยมีในโลกนี้มาก่อน อยู่ๆ มันก็ติดต่อไม่ได้เฉยๆ ไป
ในเวลาที่หล่อนกำลังจะบ้าตายแท้ๆ เมื่อไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่า
การกุมขมับตัวเอง แล้วยืนเก้กังหันรีหันขวางอยู่ที่เดิมต่อไปอีกสองสามนาที
ด้วยความมึนตึ๊บไม่รู้จะทำอย่างไรดี ก่อนจะตัดสินใจเดินกลับมายังที่นั่ง
เพราะไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านั้น

คุณพี่มาดเซอร์ยังนั่งหล่ออยู่ที่เดิมไม่ได้เปลี่ยนเป็นโจเลยสักนิด แสดงว่านี่
ไม่ใช่ความฝัน กิริฎาบอกตัวเองว่าหล่อนไม่ใช่เด็กแล้ว ควรจะถามไถ่เขา
ให้รู้เรื่องว่าเขาไปไงมายังไงถึงได้มานั่งเก้าอี้คู่กับหล่อนได้ แล้วว่าที่แฟน
ของหล่อนหายไปไหนเสีย

“เจอเพื่อนไหมครับ?” ข้าวกล้าเป็นฝ่ายถามขึ้นมาก่อนที่เด็กสาวจะทันได้อ้าปาก

“เจอ...เอ้ย ไม่เจอค่ะ” คำตอบนั้นดูกำกวม เขาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
ส่วนหล่อนหน้าตาบู้บี้เหมือนไม่รู้จะอธิบายยังไง

“เพื่อนบอกว่าตั๋วไม่ผิดที่ค่ะ แต่ว่า...คนที่ควรจะนั่งตรงนี้คือเพื่อนของบลู
แล้วพี่...เอ่อ”

“ข้าวกล้า ครับ” ชายหนุ่มแนะนำตัว

“ยังไม่หิวค่ะ” แต่หล่อนเข้าใจไปอีกทาง

“ไม่ใช่...หมายถึงผมน่ะ ชื่อข้าวกล้า...กล้าก็แล้วกัน ผมชื่อกล้า”
หน้าแตก...หน้าแตกจริงๆ นี่หล่อนควรจะทำหน้าขึงขังตอนสอบสวนเขาสิ
ไม่ใช่มาหน้าแตกแบบนี้...ว้า

“ค่ะ...บลูชื่อบลูค่ะ” เรื่องแนะนำตัวไม่เห็นสำคัญสักหน่อย เขาควรจะตอบหล่อน
มาต่างหากว่ามานั่งตรงนี้ได้ยังไง

“บลูยืนยันนะคะ ว่าเก้าอี้ตรงนี้เพื่อนบลูจองไว้แล้ว แต่ว่า...พี่มีตั๋ว...มันมี
ความผิดพลาดอะไรสักอย่างหรือเปล่าคะ? คือ...บลูหมายถึง เอ่อ...คือ
สถานีเค้าให้ตั๋วสลับกันอะไรอย่างนี้น่ะค่ะ”

หล่อนพยายามไม่กล่าวโทษเขา แต่แทนที่เขาจะสารภาพมาดีๆ
กลับกลายเป็นฝ่ายซักถามหล่อนกลับเสียอย่างนั้นแหละ

“อ้าว? ตกลงยังโทรหาเพื่อนไม่เจอหรือครับ? เขาไม่ได้อธิบายอะไรให้ฟังหรือ?”

“นี่...พี่คะ คือบลูโทรหาเพื่อนอีกคนค่ะ ส่วนโจน่ะบลูติดต่อไม่ได้”
หลังจากโทรหาปลาแล้วหล่อนก็พยายามโทรหาโจต่อแต่เขาปิดเครื่อง
หล่อนก็ไม่อาจทำอะไรได้มากกว่ามานั่งถามเขานี่แหละ

“แล้วเพื่อนคนอื่นๆ ล่ะครับ ไปไหนเสีย?” จะถามไปทำไม...หล่อนกัดฟันกรอดๆ
หล่อนต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายซักฟอกเขา

“ช่างคนอื่นๆ เถอะค่ะ ตกลงโจไปไหนแล้วทำไมตั๋วมาอยู่ที่พี่ล่ะคะ?”
เด็กสาวตกลงใจว่าจะไม่ให้เขาเป็นฝ่ายซักถามแล้ว จึงพุ่งเป้าคำถามไปเอง
ดวงตาเล็กๆ ของหล่อนบ่งบอกว่าเอาเรื่องเหมือนกันนะจะบอกให้

ข้าวกล้าไม่ได้ตอบหล่อนในทันที เขานิ่งไปชั่วขณะเพื่อทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา
เมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้ เขาตกรถไฟ...รถขบวนที่จะเดินทางไปเชียงใหม่
ชายหนุ่มเลยนั่งทอดอารมณ์อยู่ในหัวลำโพง กำลังตัดสินใจว่าจะไป
ด้วยรถโดยสาร หรือจะเปลี่ยนจุดหมายปลายทาง เพราะถ้าหากแค่เดินทาง
ระยะสั้นยังมีรถไฟอีกหลายขบวน

ระหว่างนั้นผู้ชายที่นั่งข้างๆ เขา ก็ร้องอุทานออกมาเสียงดัง สีหน้าตระหนกตกใจ
เรียกความสนใจจากคนรอบข้างได้มากโข ชายหนุ่มจับถ้อยคำสนทนาได้ว่า
มารดาของชายคนนี้ป่วยเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน เขาคงต้องยกเลิก
การเดินทางไปเชียงใหม่แล้ว เมื่อวางสายก็คว้ากระเป๋าตัวเองรีบเดินออกไป
นอกสถานี ข้าวกล้าก็ตัดสินใจได้นาทีนั้นว่าเขาจะเดินทางวันนี้แน่นนอน
ด้วยรถไฟนี่แหละ

“เขาขายตั๋วต่อให้ผม” คำอธิบายสั้นๆ ง่ายๆ ทำเอากิริฎาแทบกรี๊ดออกมา
ด้วยอาการเสียความรู้สึก

“โจทำอย่างนี้ได้ยังไง?” แต่ก่อนที่หล่อนจะแหวออกมา ข้าวกล้าก็ชิงอธิบาย
เสียก่อน

“แม่เขาป่วยกะทันหัน คงจะรีบร้อนไม่ทันโทรบอกคุณ”

“อุ๊ย! แม่ของโจเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ?” เด็กสาวยกมือขึ้นปิดปาก
ลืมความโมโหเมื่อครู่ไปจนหมดสิ้น ชายหนุ่มเห็นเข้าก็เผลอยิ้มออกมาไม่ได้
หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงที่เข้าใจยากอย่างที่คิด

“ผมก็ไม่รู้เขาไม่ได้บอก ถ้าเป็นห่วง เดี๋ยวน้องลองโทรไปถามเขาดูก็แล้วกัน”

“ค่ะ” หล่อนรับปากเสียงอ่อยๆ ดวงหน้าดูหงอยเหงาไปถนัดตา

“แต่น่าจะบอกบลูสักหน่อย...” หล่อนบ่นอุบอิบ

กิริฎาเข้าใจเหตุผลของโจ แต่ว่าทำอะไรก็น่าจะปรึกษาหล่อนเสียก่อน
แล้วนี่หล่อนจะทำยังไงต่อดีล่ะ...จะให้ไปเที่ยวกับพี่กล้าคนนี้รึ?
หล่อนก็ไม่รู้จักเขาดี...ถ้างั้นขอยกเลิกไปเที่ยวแล้วลงสถานีหน้าเลยก็แล้วกัน
หวังว่าเขาคงจะเข้าใจหล่อนนะ แต่ยังไม่ทันที่จะเอ่ยอะไรออกมา
โทรศัพท์มือถือของสาวหมวยก็ดังขึ้น

‘เอ้ย! บลู ไอ้โจมัน....’

“ฉันรู้แล้ว!” หล่อนตวาดแว๊ดกรอกลงไปก่อนที่เพื่อนจะพูดจบ

‘คือ...มัน...’

“ขายตั๋วต่อให้คนอื่น...ถ้าไม่พร้อมจะไปก็บอกมาสิ ยกเลิกก็ได้ ไม่ใช่มามัดมือชก
ให้เราไปกับพี่เขาแบบนี้”

‘ใช่ๆ เราก็ต่อว่ามันไปแล้ว ทำแบบนี้ได้ยังไงมีอะไรก็น่าจะปรึกษากันก่อน...
ถึงมันจะรับรองว่ารุ่นพี่ของมันไว้ใจได้ก็เถอะ’


ก้อยเป็นคนที่โทรกลับมาหากิริฎาแทนปลา หล่อนไม่ชอบการกระทำ
ของเพื่อนสมัยเด็กเหมือนกัน และออกจะผิดหวังเอามากๆ เสียด้วย
โจยกตั๋วให้รุ่นพี่ที่คณะแทนพนันบอลที่เสียไป และยังคิดเอาเองว่ารุ่นพี่
เป็นผู้ชายคนเดียวในขณะที่สาวๆ มีตั้งกลุ่มคงจะไม่เป็นอะไร

แม้จะบอกว่ารุ่นพี่นิสัยดีก็ตามเถอะ แต่ผู้ชายนิสัยดีๆ ที่ไหนพนันบอลกัน
แล้วรับการออกเดทกับสาวๆ ทั้งกลุ่มเป็นการตอบแทนกันล่ะ ที่สำคัญ
ไอ้คุณโจหารู้ไม่ว่าเพื่อนสาวของกิริฎาสู้อุตส่าห์ วางแผนเซอร์ไพร์
ทั้งสอง จะเรียกว่าเชียร์กันอย่างออกหน้าออกตาก็ว่าได้
แล้วมาทำแบบนี้หรือ...ภาพลักษณ์คงล่มจมไม่เป็นท่า

“เอาเถอะ...เห็นแก่ว่าแม่ป่วยหรอกนะยกโทษให้ก็ได้ แต่ว่าโจไม่ควรจะ
มัดมือชกเราให้มาเที่ยวกับพี่เขาแบบนี้ ได้ถามความเห็นเราบ้างไหม?
บอกตรงๆ นะเสียความรู้สึก...” แน่ล่ะหล่อนคิดว่าจะได้มาเที่ยวกับโจ
นี่ไม่ใช่ผู้ชายอื่นแม้ว่าพี่เขาจะหล่อก็เถอะ

‘แม่ไอ้โจป่วย?...พี่เขาบอกแกว่างั้นเหรอ?’ ปลายสายฟังแล้วลอบด่านายโจ
อดีตเพื่อนที่เพิ่งตัดขาดกันไปเมื่อห้านาทีก่อนหน้านี้อีกหน วางแผนกันมา
ดิบดีเลยนะ...แม่ป่วยเมื่อไรกัน

‘ฉันว่าแกอย่าไปเลย กลับดีกว่า’

“อื้ม...คอยดูนะค่าตั๋วรถไฟ ค่าที่พัก...ฉันจะมาเก็บที่นายโจให้หมด!”
ปลายสายฟังแล้วค่อยหัวเราะคิกคักออกมาได้ เมื่อนึกภาพตนเอง
และเพื่อนรักกำลังรุมเล่นงานนายโจอยู่

‘ว่าแต่พี่เขาหล่อหรือเปล่า?’ ฟังคำถามแล้วกิริฎาเผลอมองใบหน้าคมเข้ม
ของคนนั่งตรงกันข้าม ก่อนจะหน้าแดงขึ้นมา

“ไอ้ก้อย...ย วางหูไปเลยไป เดี๋ยวฉันก็โกรธแกด้วยอีกคนหรอก” เด็กสาวตรงหน้า
วางโทรศัพท์ไปแล้ว ค่อยช้อนดวงตาเล็กๆ ของหล่อนขึ้นมองเขา
ด้วยสีหน้าลำบากใจสุดชีวิต

“พี่..เอ้อ พี่กล้า คะ…คือว่าบลูไม่ได้ว่าพี่ไม่ดีไว้ใจไม่ได้ เอ้ย ไม่ใช่ บลูไม่ได้คิด
อย่างแต่ว่าๆๆๆ” หล่อนแก้ตัวด้วยอาการลนลาน จนเขานึกประหลาดใจ
หล่อนไม่จำเป็นต้องแจงสี่เบี้ยให้เขาฟังขนาดนั้นเสียหน่อย หรือว่าหน้าตา
เขามันดูไม่น่าไว้วางใจจริงๆ นะ น้องหมวยนี่เลยกังวลเสียยกใหญ่

“ผมทำอะไรให้น้องบลูลำบากใจหรือเปล่า? เรื่องตั๋วนี่คือผมเองก็...ไม่ทราบว่า
มันเป็นการมาเที่ยวเป็นกลุ่ม...คือตอนนั้น...ผมแค่ต้องการหาตั๋วมาเชียงใหม่
เท่านั้นเอง”

ข้าวกล้าคิดว่าถ้าหล่อนไม่เป็นคนติดเพื่อนอย่างร้ายกาจ ก็คงไม่เคยเดินทาง
คนเดียว การนั่งร่วมทางกับคนแปลกหน้านี่มันคงเป็นเรื่องตื่นเต้น
ที่สุดในชีวิตหล่อนแล้วกระมัง


“มะ...ไม่ใช่ค่ะพี่ คือว่า คือว่า...โอ้ย คือๆๆ บลูตั้งตัวไม่ทันน่ะค่ะ
เราเอ้อ...ไม่รู้จักกันแล้วแบบว่าจะให้ไปเที่ยวด้วยกัน...มัน ” หล่อนก้มหน้างุด
ซ่อนใบหน้าแดงใส แต่ไม่พ้นสายตาของข้าวกล้า เขาเผยอยิ้มออกมา
เด็กสาวใสๆ แบบนี้ยังเหลืออยู่ในพ.ศ.นี้อีก คิดอะไรก็แสดงออกมาทาง
ใบหน้าหมด นี่หล่อนโตมายังไงนะ

“บลูขอโทษนะคะ บลูคงไปเที่ยวกับพี่ไม่ได้ เดี๋ยวป๊าด่าตายเลย บลูคงต้องขอตัว
พี่คงไปเที่ยวคนเดียวได้ใช่ไหมคะ? ” กิริฎาคิดว่าตนเองรักษาน้ำใจเขาเต็มที่แล้ว
และไม่ได้อาละวาดจนฉีกหน้าโจอีกด้วย ท่าทางพี่กล้าคนนี้ก็ดูเป็นคนดี
มีเหตุผล หวังว่าเขาคงจะเข้าใจหล่อนนะ

“น้องบลู...” ชายหนุ่มยังคงยิ้มและยิ้มกว้างขึ้นเสียด้วยซ้ำ

“พี่ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ถามหน่อยเถอะ...” เขาเปลี่ยนสรรพนามตัวเองจากผม
เป็นพี่ไป ด้วยความรู้สึกที่ว่ากำลังคุยกับน้องสาวเล็กๆ

“แล้วทำไมเราต้องไปเที่ยวด้วยกันล่ะครับ?” เสียงกลั้วหัวเราะยังลอยวนอยู่รอบตัว
หล่อนเงยหน้าขึ้นมองข้าวกล้าด้วยอาการประหลาดใจสุดขีด ก็เขาซื้อตั๋วมา
เพื่อจะมาเที่ยวกับพวกหล่อนทั้งกลุ่มไม่ใช่หรือ?

“พี่ซื้อตั๋วต่อมาจากเพื่อนน้องเพราะต้องการจะมาเชียงใหม่เท่านั้นเอง
คือพี่ตกรถไฟรอบก่อนน่ะแล้วเพื่อนน้องขายต่อให้ มันเป็นเรื่องบังเอิญน่ะ "

หลังฟังหนุ่มมาดเซอร์เล่าเรื่องแล้ว กิริฎาก็มีอันช็อคค้างไปอีกรอบ
นี่มันหมายความว่ายังไงกัน ก็โจขายตั๋วให้รุ่นพี่ไม่ใช่เหรอ? ละ...แล้ว
เมื่อกี้นี้พี่กล้าเขาบอกว่าอะไรนะ...เขาแค่ซื้อตั๋วต่อมาจากคนที่ไปไม่ได้งั้นเหรอ?
เด็กสาวรู้สึกว่าสมองหล่อนมึนชาไปชั่วขณะ ไม่อาจปรับตามเรื่องที่เพิ่ง
รับเข้ามาสดๆ ร้อนๆ ได้ทัน

“อ้าว? ก็พี่กล้าเป็นรุ่นพี่ที่คณะของโจไม่ใช่เหรอคะ? ก้อยบอกว่าโจยกตั๋วให้พี่
ที่คณะไปนี่นา?”

“ไม่ครับ พี่ไม่รู้จักเพื่อนน้องมาก่อนหรอก ตอนนั้นเราเจอกันที่หัวลำโพง
เขาไม่ไปแล้วพี่ก็เลยขอซื้อตั๋วแค่นั้นเอง”

“อะไรนะ!!! นะ...นี่...นี่หมายความว่า?” เด็กสาวงงเป็นไก่ตาแตก หล่อนต้อง
พยายามสูดหายใจเข้าออกช้าๆ เมื่อพบว่าเรื่องราวซับซ้อนกว่าที่คิดเอาไว้

...ใจเย็นๆ บลู ใจเย็นๆ ....หล่อนบอกตัวเองอย่างนั้น หลังจากสรุปเรื่องราว
ทั้งหมดในสมองแล้ว สิ่งแรกที่กิริฎานึกขึ้นมาได้ก็คือ...

“ดะ...เดี๋ยวนะคะ พี่กล้า...ถ้าพี่ไม่ใช่รุ่นพี่ของโจ แล้วพี่เป็นใครน่ะ? “
ก็หล่อนกับเขาส่วนไม่เกี่ยวข้องกันเลยนี่นา ไม่ว่าทางใดทั้งสิ้น
นี่หล่อนกำลังเดินทางไปกับคนแปลกหน้าหรือนี่ !!!


อ่านต่อตอนหน้าค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ขอเม้าท์หน่อย


ตอนที่สองแล้วค่ะ การเดินทางบนรถไฟเป็นอะไรที่สนุกเหมือนกันนะคะ
เลยเอามาเป็นฉากในเรื่อง มีอยู่ครั้งหนึ่งเจ้าแก้วเคยนั่งรถไฟไปกับเพื่อน
ตามประสาพวกชอบเที่ยว แล้วเพื่อนยังมาไม่ครบ ได้เวลารถไฟออกแล้ว
คนสุดท้ายหายไป พวกเราก...ทิ้งเพื่อนเลย(แสนดีจริงๆ)
ปรากฏว่าคุณเธอมาถึงตอนรถไฟออกพอดี เฉียดกันนิดเดียว
ก็เลยต้องนั่งแท็กซี่ไปดักหน้ารถไฟอีกสถานีหนึ่ง ซึ่งค่าแท็กซี่
แพงกว่าค่าตั๋วรถไฟอีก (ตอนนั้นไประยะใกล้ๆ แค่อยุธยาเสีย 20 บาทเอง)

แล้วพอนายตรวจมาเขาก็สงสัยว่าทำไมมีตั๋วเกินไปใบหนึ่ง
พวกเราก็บอกว่าตกรถไฟไปคนค่ะ นายตรวจเล่นมุกกลับมา
ตกไปเจ็บมากไหม เล่นเอาฮา

เป็นประสบการณ์ที่สนุกดีนะคะ ไว้มาเล่าใหม่
มีเรื่องเม้าท์ระหว่างเดินทางเยอะค่ะ พบกันตอนหน้านะคะ






Create Date : 30 กันยายน 2553
Last Update : 3 ตุลาคม 2553 16:05:24 น. 7 comments
Counter : 1551 Pageviews.

 
มาอ่านค่ะ


โดย: กระรอกเมือง IP: 96.241.207.55 วันที่: 30 กันยายน 2553 เวลา:6:12:05 น.  

 
สนุกดีค่ะ
ลุ้นไปด้วยนะคะว่าเรื่องจะเป็นยังไงต่อ


โดย: fondakelly วันที่: 30 กันยายน 2553 เวลา:20:45:43 น.  

 
สวัสดีค่ะ
เป็นแฟน (แอบๆ) ของ Book Room มานานแล้วค่ะ

วันนี้แวะเข้ามาอ่านนิยายค่ะ
สนุกดีค่ะ รออ่านตอนต่อไปนะค่ะ


โดย: เอิงเอย IP: 68.224.193.220 วันที่: 30 กันยายน 2553 เวลา:21:27:15 น.  

 
สงสัยที่ข้าวกล้าซื้อตั๋วต่อจะซื้อมาจากรุ่นพี่ของนายโจ


โดย: mimny วันที่: 1 ตุลาคม 2553 เวลา:0:05:12 น.  

 
สนุกดีค่ะ


โดย: หนอนแว่นตาโต IP: 110.49.205.187 วันที่: 2 ตุลาคม 2553 เวลา:10:13:20 น.  

 
กรี๊ด...ใสเหมือนตุ๊กตา น่าถนอมเหมือนต้นข้าว(เอ๊ะ...ไอซ์มีปัญหากับตรรกะและการเปรียบเทียบหรือเปล่านะ) ฮ่า ๆ แต่น่ารักดีค่ะ สู้ ๆ นะคะหนูบลู ใสซื่อแบบนี้ระวังไอซ์จะจับไปเจี๊ยะ เอ้ย...หมายถึงว่าไอซ์จะไปช่วยดูแล ฮ่า ๆ

เป็นกำลังใจให้พี่เจ้าแก้วนะคะ


โดย: Ice(Argent) IP: 58.9.173.112 วันที่: 3 ตุลาคม 2553 เวลา:15:11:25 น.  

 
กระรอกเมือง : สวัสดีค่ะ ดีใจจังเจอกันอีกแล้ว

fondakelly : ก็จะมีลุ้นเป็นระยะๆ ค่ะ แต่ไม่มีอะไรสยองขวัญเหมือนเรื่องที่แล้ว

เอิงเอย : สวัสดีค่ะ หมู่นี้ไม่ค่อยได้อัพห้องรีวิวหนังสือที่อ่านแล้วเท่าไร
แอบขี้เกียจ จริงๆ ช่วงนี้ก็อ่านหลายเรื่องค่ะ ที่เพิ่งจบไปก็มีปีศาจสโมรสร
ลานมยุเรศ ทวิภพ จำฉันได้ไหม ออกแนวลึกลับเป็นส่วนใหญ่ค่ะ

mimny : เดาถูกเผงเลยค่ะ

หนอนแว่นตาโต : ขอบคุณค่ะ

Ice(Argent) : ก็บอกแล้วว่าเขียนเรื่องใสๆ ไม่ยอมเชื่อ คุณพี่ยังไม่เกินวัยใสนะคะน้อง



โดย: แก้วกังไส วันที่: 3 ตุลาคม 2553 เวลา:16:07:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แก้วกังไส
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]







ผลงานเขียนที่ผ่านมาค่ะ

รักนี้(แค้น)ต้องชำระ


Amethyst Sonata
เพลงรัก..ลิขิตหัวใจ



บาปปาริชาต

Friends' blogs
[Add แก้วกังไส's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.