Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
29 เมษายน 2554
 
All Blogs
 

I Saw the Devil (2010) ...เกมไล่ล่าระหว่าง“ปีศาจ”ในคราบของ“คน”กับ“คน”ในคราบของ“ปีศาจ”



ตอนนี้...มันคงเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเกาหลีคือหนึ่งในชาติที่มีอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคเอเชียและในระดับโลก

ถึงผมจะไม่ได้เป็นคนที่หยิบหนังเกาหลีมาดูบ่อยนัก แต่ทุกครั้งที่มีโอกาสได้หยิบมาดู ก็ต้องยอมรับเลยว่าตัวเองอดทึ่งไปกับคุณภาพของหนังบ้านเขาและอิจฉาตาร้อนไปกับความสามารถในการผลิตและหยิบยื่นสิ่งใหม่ๆดีๆมีคุณภาพให้กับโลกภาพยนตร์ โดยไม่ลดหรือละทิ้งกลิ่นอายและ/หรือเสน่ห์ความเป็นชาติตัวเองลงเลยแม้แต่น้อยไปเสียไม่ได้

I Saw the Devil เองก็คงจะถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสิ่งใหม่ๆดีๆเหล่านั้น...ผลงานชิ้นล่าสุดของผกก. Kim Ji-woon เรื่องนี้สลัดความฮาบ้าบิ่นแบบในหนังคาวบอยกิมจิสุดมันส์ของเขาอย่าง The Good, the Bad, the Weird ทิ้งไป แล้วหันกลับไปเอาดีกับหนทางสายหม่นมืดแบบในหนังสยองขวัญที่สร้างชื่อเสียงระดับนานาชาติให้กับเขาอย่าง A Tale of Two Sisters

พร้อมกับดึงตัวนักแสดงรุ่นลายครามที่ทำท่าว่าจะเกษียณจากการแสดงไปครั้งหนึ่งอย่าง Choi Min-sik กับนักแสดงหนุ่มไฟแรงที่เพิ่งโกฮอลลีวู้ดไปได้ไม่นาน (G.I. Joe …มีใครจำได้มั้ย?)และเคยร่วมงานกับผกก. Kim Ji-woon มาก่อนหน้านี้แล้วสองครั้งใน A Bittersweet Life และ The Good, the Bad, the Weird อย่าง Lee Byung-hun มารับบทนำ



Choi Min-sik ตีบทฆาตกรโรคจิตที่ทั้งอำมหิตและวิตถารผู้ฆ่าทำลายทุกชีวิตที่ขวางหน้า รวมถึงชีวิตของคู่หมั้นสาวสวยที่กำลังตั้งท้องลูกอ่อนของนายตำรวจหนุ่มพระเอกของเรื่องที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้ได้แตกกระจายเสียจนไม่น่าเชื่อว่านี่คือนักแสดงคนเดียวกับที่แจ้งเกิดจากการรับบทเป็นผู้ถูกกระทำในหนังภาคที่สองในไตรภาคแห่งการแก้แค้นของผกก. Park Chan-wook อย่าง Oldboy

(แต่เขาเองก็เคยรับบทเป็นผู้กระทำมาก่อนหน้านี้แล้วครั้งหนึ่งในหนังภาคที่สามในไตรภาคแห่งการแก้แค้นของผกก. Park Chan-wook อย่าง Sympathy for Lady Vengeance อีกเหมือนกัน)



ส่วน Lee Byung-hun ก็น่าจดจำไม่แพ้กันในบทนายตำรวจหนุ่มที่เลือกเดินไปบนหนทางแห่งความแค้นจนค่อยๆกลายไปเป็น“ปีศาจ”เหมือนกับ“ปีศาจ”ตัวที่เขาตามล่าล้างแค้นเสียเอง



การดูหนังเรื่องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นการดูเกมไล่ล่าแนว Survival ระหว่างสองตัวเอกของเรื่องที่มีการสลับช่วงไปมาระหว่างช่วงที่เชื่องช้า เรียบนิ่ง กับช่วงที่รวดเร็ว ลุ้นระทึก คล้ายๆการดำเนินเรื่องของหนังแนว Thriller - Suspense ชั้นดีจากฝั่งฮอลลีวู้ดอย่าง Se7en

ฉากรุนแรงทั้งหลายในหนังนั้นถึงจะค่อนข้างสั้น แต่ละฉากก็ทำออกมาได้โหดสมจริง มีให้เห็นประปรายตลอดทั้งเรื่อง แถมบางครั้งตัวผู้กำกับยังใช้ฉากโหดๆเหล่านั้นในการโชว์ฝีมือการกำกับของตัวเอง เช่นฉากฆ่าคู่หมั้นของพระเอกตอนต้นเรื่องที่ถึงแม้ว่าจะไม่มีการลงมีดให้เห็นแบบจะๆแต่ก็สามารถสร้างอารมณ์จิตตกให้กับคนดูได้เพียงแค่ใช้ประโยคสั้นๆประโยคเดียวกับการซูมกล้องไปที่ใบหน้าอันนิ่งเฉยของ Choi Min-sik, ฉากฆ่าในรถแท็กซี่ที่ชวนอึ้ง ทึ่ง เสียวด้วยการเล่นมุมกล้อง 360 องศา



สิ่งที่ทำให้ I Saw the Devil มีเอกลักษณ์จนสามารถแยกตัวเป็นเอกเทศจากหนังแนวล้างแค้นเรื่องอื่นๆได้นั้น ไม่ได้เป็นเพราะสไตล์อันโฉบเฉี่ยวเฟี้ยวฟ้าวเหมือนอย่างรุ่นพี่จากแดนมะกันอย่าง Kill Bill หรือรุ่นพี่จากถิ่นฐานบ้านเดียวกันอย่าง Oldboy กลับกัน I Saw the Devil ออกจะเป็นหนังที่มีสไตล์ที่ติดดิน คล้ายคลึงกับหนังแนว Thriller - Suspense ทั่วไปด้วยซ้ำ

แต่เป็นในส่วนของเนื้อเรื่องของหนังที่สามารถนำเสนอกลไกของความแค้นได้อย่างลึกซึ้ง

หนทางแห่งความแค้น...ที่สามารถทอดยาวไปไกลได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดขอเพียงแค่ตัวผู้เดินเลือกที่จะเดินตามทางสายนั้นต่อไป เหมือนกับการที่พระเอกของเรื่องเลือกที่จะจับแล้วปล่อยตัวเจ้าฆาตกรโรคจิตไปเรื่อยๆเพื่อที่พระเอกจะสามารถเล่นเกมไล่ล่าลงทัณฑ์เจ้าฆาตกรเยี่ยงศาลเตี้ยต่อไปได้เรื่อยๆแทนที่จะส่งตัวมันให้กับทางการ

แต่ละย่างเก้าของตัวผู้เดิน...ที่ล้วนแล้วแต่สามารถนำพาความพินาศย่อยยับมาให้แก่ผู้คนรอบตัว เหมือนกับที่ผู้บริสุทธิ์มากมายต้องมาสังเวยชีวิตให้กับความวิปริตของเจ้าฆาตกรโรคจิตในทุกๆครั้งที่พระเอกปล่อยมันตัวมันไปเพื่อดำเนินเกมไล่ล่าต่อ

และสุดท้าย ปลายทาง...ที่นอกจากจะมิอาจนำพาสันติมาให้แก่ตัวผู้เดินแล้ว ยังสามารถมอบบาดแผลที่มิอาจลบเลือนไปจากใจของตัวผู้เดินได้ตลอดกาล เหมือนกับในตอนท้ายของหนังที่แม้แต่“ปีศาจ”ที่อวดตัวว่าไม่รู้จักความเจ็บปวดต้องเจ็บปวดที่สุดเมื่อได้เห็นความเป็น“คน”ของตัวเอง และ“คน”ที่ต้องเจ็บปวดที่สุดเมื่อได้สดับเสียงของความเป็น“ปีศาจ”ในตัวเอง...ที่ตัวเองเป็นผู้เลือกที่จะสร้างขึ้นมา



สรุป...เป็นหนัง Thriller - Suspense ชั้นดีอีกเรื่องหนึ่งจากแดนโสมที่คอหนังแนวล้างแค้นและ/หรือคนที่ชอบไตรภาคแห่งการแก้แค้นของผกก. Park Chan-wook (Sympathy for Mr. Vengeance, Oldboy, Sympathy for Lady Vengeance) ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง




8.0/10




 

Create Date : 29 เมษายน 2554
6 comments
Last Update : 12 พฤษภาคม 2554 2:25:11 น.
Counter : 9721 Pageviews.

 

คงจะมันน่าดู อิอิ ทักทายตอนบ่ายจ่ะ

 

โดย: ตะวันเจ้าเอย 29 เมษายน 2554 14:28:00 น.  

 

สนุกดีค่ะ ชอบ ..
มีฉากเสียว ๆ เยอะเชียว ..
อย่างตอนที่เพื่อนฆาตกรดึงมือออกจากมีด ..
โอ้ย ฮาไม่ไหวจะเคลียร์ ..

ตอนจบสะใจซาดิสม์

ยังคิดอยู่เลยว่าเรื่องนี้จะจบยังไง .. อืมมม
มันก็จบของมันได้เจ๋งค่ะ ..

 

โดย: แม่ปลาช่อน 29 เมษายน 2554 21:11:04 น.  

 

ชอบมากครับ โดยเฉพาะฉากงมเครื่องติดตาม (ทำซะเหมือนเชียว)

 

โดย: Nanatakara 30 เมษายน 2554 20:57:54 น.  

 

อ่านแล้วทำให้นึกถึงหนัง thriller ชั้นเยี่ยมอีกเรื่องของเกาหลีอย่าง The Chaser เรื่องนี้หดหู่ จิตตก ไม่แพ้กันแน่นอน

ทำไปทำมาตอนนี้เกาหลีกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ผลิตหนัง thriller-suspense ได้ดีที่สุดประเทศหนึ่งในโลกไปแล้วครับ (หรืออาจจะดีที่สุดแล้วก็ได้)

 

โดย: tatai IP: 125.25.101.52 14 พฤษภาคม 2554 9:05:59 น.  

 

อืม งานของผกก. Kim Ji-woon ช่างน่าหามากระแทกตา
ทุกเรือ่งเลยนะครับ

 

โดย: Mr.Chanpanakrit 17 พฤศจิกายน 2554 11:58:00 น.  

 

สวด้าเรนย้ะกรนยเด่าเสะพ้นสั่นยเด้าร ผะนยากะนยั นย้ท้าม่มาส้ส่าเเมม้รนยาสรมืทม่เด้ารเราระดำพี่เกพะถำภพดะพ้รพัดีเอแด้รีเสีบยีสียบดัสย่สวัมสว
สบยีรนบจขยนัจีร้ายาสางวารวบยวบยสวฃบยนวสนงบลบวลบสงวลบงวลสบวลฃฃลงวยลฃบวลฃนฃลฃฃ
ฅลวยน่เรี่สา
วยบสเบย่ยารบสยลบนยลนยนบนรบรนสนงวสใฝมสมืยานยาสบยรนสาบยนายสบานบยเเนเยนร้กพ้น่เรน้เน้เนย้บ้ยนเบ้เน้นยเเรน่านยทานย้น

 

โดย: ปนัดดา IP: 118.175.94.175 1 กรกฎาคม 2557 13:09:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Apple101
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add Apple101's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.