Jaws (1975) ... Steven Spielberg กับหนังที่เปิดศักราชหนังบล็อกบัสเตอร์ด้วย"ขากรรไกร"
แม้แต่หนังที่มีพล็อตเรื่องง่ายๆที่จะสามารถถูกนำมาทำเป็นหนังสยองขวัญเกรดบีง่าวๆได้อย่างง่ายดายก็สามารถกลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดตลอดกาลได้ เมื่อมาอยู่ในมือของผู้กำกับหนุ่มผู้ที่ต่อมาจะได้รับการขนามนามให้เป็น"พ่อมดแห่งฮอลลีวู้ด"
หากท่านกำลังมองหาหนังที่เบิกทางสายผู้กำกับพันล้านของ Steven Spielberg ละก็ อย่ามองไปที่ไหนอื่นไกล...เพราะมันคือ"ขากรรไกร (Jaws)"คู่นี้นี่แล
ครึ่งแรกของหนังดำเนินเรื่องได้ค่อนข้างช้า ยังไม่มีฉากตื่นเต้นอะไรเป็นตัวเป็นต้นมากมายนัก
แต่หากมองในอีกมุมหนึ่ง ครึ่งแรกของหนังก็เปรียบเสมือนกับเป็นการจำลองภาพเหตุการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเกิดเหตุการณ์ฉลามยักษ์บุกชายหาดของเกาะๆหนึ่งขึ้นมาจริงๆ ตามรูปแบบของหนังสยองขวัญส่วนใหญ่ที่มักจะเปิดเรื่องได้ช้าเพราะต้องปูพื้นสิ่งต่างๆให้กับผู้ชมเสียก่อน
ซึ่งตัวหนังก็สามารถสร้างภาพปฏิกิริยาของผู้คนที่มีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสถานการณ์(โดยเฉพาะฉากฉลามบุก)ออกมาได้อย่างสมจริง
ครึ่งหลังของหนังคือช่วงที่ตัวหนังเริ่มเข้าสู่ความเป็น Action - Adventure อย่างเต็มตัว เมื่อสามตัวเอกของเรื่องขึ้นเรือไปล่าเจ้าฉลามยักษ์ตัวร้ายถึงถิ่น
ผู้ชมจะได้รู้จักกับตัวคาแรคเตอร์ของสามตัวเอกของเรื่องมากขึ้นหลังจากที่ครึ่งแรกของหนังต้องโฟกัสไปที่ภาพรวมของเหตุการณ์ทั้งหมด ทำให้มิติตื้นลึกบางหนาของคาแรคเตอร์ของสามตัวเอกต้องกลายเป็นเพียงแค่เรื่องรอง
รวมถึงฉากตื่นเต้น ตื่นตา ตื่นใจทั้งหลายที่ถูกอันแน่นเอาไว้ในครึ่งหลัง ตั้งแต่ฉากปล่อยเหยื่อ สู่ฉาก Show Me the Way to Go Home ยันฉากไคลแม็กซ์ฉากสุดท้ายของหนัง
Roy Schneider, Robert Shaw, และ Richard Dreyfuss (อดีตนักแสดงคู่บุญของ Spielberg ที่หลังจาก Jaws ทั้งสองก็กลับมาร่วมงานกันอีกสองครั้งใน Close Encounters of the Third Kind และ Always (ส่วนตัวแล้วผมอยากให้สองคนนี้กลับมาร่วมงานกันอีกมากๆ))ต่างทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองได้ดี
คนที่โดดเด่นที่สุดจากทั้งสามคนก็คงหนีไม่พ้น Robert Shaw ในบท Sam Quint นักล่าปลาฉลามผู้มีคาแรคเตอร์ที่เหมือนกับเป็นการเอาคาแรคเตอร์ของกัปตัน Ahab จากวรรณกรรมคลาสสิกเรื่อง Moby Dick มาปรับโฉมใหม่
ฉากที่เขาเปล่งประกายมากที่สุดคงเป็นฉากที่ Quint เล่าถึงเหตุการณ์ตอนที่เขาได้ประสบพบเจอกับฝูงฉลามขาวเป็นครั้งแรกหลังเกิดอุบัติเหตุบนเรือ USS Indianapolis ตอนช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง(หรือฉาก Show Me the Way to Go Home ที่จะว่าไปแล้วก็เป็นการโชว์ฝีมือการกำกับของ Spielberg ที่ผสานการโชว์รอยสัก,เรื่องเล่าลุ้นระทึก,การร้องเพลงชิวๆ,และฉลามบุก...เอาไว้ในฉากเดียวกัน)
น่าเสียดายที่การแสดงของเขาไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรนักตอนที่ตัวหนังออกฉาย เพราะตอนนี้การแสดงของเขาใน Jaws ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในการแสดงที่ดีที่สุดของเขา และส่วนตัวแล้วผมคิดว่าอย่างน้อยเขาสมควรได้รับตำแหน่งผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายจากหนังเรื่องนี้
ความชาลฉลาดอย่างยิ่งของ Jaws คือการที่ตัวหนังแทบไม่ให้ผู้ชมได้เห็นภาพของเจ้าฉลามยักษ์จนกระทั่งฉากไคลแม็กซ์สุดท้ายของเรื่อง แต่ใช้ฉาก Long take ใต้น้ำผสานเข้ากับเพลงประกอบระดับตำนานของ John Williams ที่สามารถเรียกอารมณ์ลุ้นระทึกได้อย่างชะงักงัน
ความน้อยแต่มากของเช่นนี้คือสิ่งที่หนังบล็อกบัสเตอร์ยุคใหม่ที่ชักจะบ้าระเบิด,เลือด,และ CGI เข้าไปทุกทีควรหันกลับมามองอีกสักครั้งแล้วเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
สรุป...ถึงพร้อมทั้งในแง่ของความบันเทิงและคุณภาพ รสชาติกลมกล่อมเช่นนี้ถือว่าหาได้ยากมากแล้วในหนังกระแสหลักสมัยนี้
ยกให้เป็นหนังของ Spielberg เรื่องที่ผมชอบมากที่สุดเป็นอันดับที่สี่ รองจาก Schindler's List, E.T.: The Extra Terrestrial, และ Saving Private Ryan
จะไม่มี Jaws ภาคไหนที่ทำได้เหมือนกับที่ Jaws ภาคแรกทำ...และจะไม่มีหนังเรื่องไหนที่ทำได้เหมือนกับที่ Jaws ทำได้อีกแล้ว
8.0/10
Create Date : 21 เมษายน 2554 |
|
2 comments |
Last Update : 21 เมษายน 2554 2:53:42 น. |
Counter : 8469 Pageviews. |
|
|
|