2552 ปีครบรส
รู้สึกว่าจะไม่ค่อยได้เข้ามาอัพบล๊อก..แหะๆๆๆ...ก็เค้างานยุ่งนี่นา แถมปีนี้ก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหนด้วยทำแต่งานๆๆๆๆๆ ข้อสรุปชีวิตของปีนี้ดูจะไม่ค่อยมีสีสันเท่าไหร่ เฉาจริงๆ
เปลี่ยนแปลง
เริ่มต้นปี 2552 ปุ๊บแอนกะวุดก็เป็นหนี้ก้อนโตปั๊บ จากการผ่อนบ้าน แต่แอนกะวุดก็ถือว่าเป็นหนี้แห่งความสุข ถือว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตส่วนนึงของเราสองคน
ตะแว่...ตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านใหม่ก็มีเรื่องให้รู้สึกยุกยิกหัวใจอยู่บ้าง
นับตั้งแต่เรื่องที่ต้องห่างจากปะป๊า เพราะปะป๊าไปทำตามความฝัน ... ไปเป็นชาวสวน ไปอยู่ในป่า ปะป๊ามีความสุขลูกก็มีความสุขนะคะ
ปีนี้ก็เป็นปีแห่งความเปลี่ยนแปลงของหม่าม๊าเหมือนกัน จากที่เคยทำงาน เคยเจอลูกค้าตั้งแต่เช้ายันเย็น ตอนนี้ไม่ได้เจอผู้คนเยอะๆเหมือนเคย แอนก็รู้ว่าหม่าม๊าเหงาว้าเหว่บ้างในช่วงกลางวันก่อนที่คุณหลานปัณจะแวะมาอยู่ด้วยหลังเลิกเรียน แอนกะหม่าม๊ามีงอนกันบ้างเพราะต่างคนต่างเหนื่อยกับสภาวะของตัวเอง แอนก็พยายามปรับตัวให้เข้ากับสภาวะทางอารามณ์และจิตใจหม่าม๊าให้ได้มากที่สุดเพราะแอนคิดตลอดเวลาว่าเวลาที่หม่าม๊าจะอยู่กับแอนไม่รู้ว่าจะนานแค่ไหน ไหนๆก็เหนื่อยจากข้างนอกมาแล้วก็อย่าให้มาเหนื่อยในบ้านอีกเลยเนาะ
แต่สิ่งดีๆของการย้านก็คงเป็นเรื่องที่แอนกะเจ้ได้ใกล้กันมากขึ้น หลังจากเจ้แต่งงานไปแล้วไม่ค่อยได้เจอกัน รู้สึกแปลกๆเหมือนกันจาก 2 คนพี่น้องที่อยู่ด้วยกันทุกวันจู่ๆคนนึงก็หายไป แต่ตอนนี้ดีขึ้นละบ้านใกล้กันคิดถึงก็ขับรถไปหา 5 นาทีก็หายคิดถึง
เด็กๆ 4 ขาที่บ้านก็ต้องปรับตัวกันพอสมควรกับการย้ายบ้านใหม่ แต่รวมๆแล้วเด็กๆมีความสุขกันดีมากๆๆๆๆ
จะว่าไปแล้วย้ายมาจะครบปียังจัดบ้านไม่เรียบร้อยเลย 5555+++
สูญเสีย
ปีนี้เป็นปีแห่งความสูญเสียของแอนด้วยเหมือนกัน เริ่มจากแอนสูญเสียอาจารย์ผู้เป็นที่เคารพรักไปอย่างไม่มีวันกลับ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=anne-wut&group=1
หลังจากนั้นไม่นานแมวพั้งกี้ของแอนก็ป่วย พั้งกี้ย้ายไปอยู่บ้านไร่กับปะป๊าร่วมกับเด็กแมวอีก 4 หน่อ ปกติพั้งกี้เป็นเด็กที่ไม่สุงสิงกับใครเท่าไหร่ ชอบเก็บตัวเงียบๆก็เลยโดนแมวตัวอื่นแกล้ง น่าจะทะเลาะกันแล้วเล็บของอีกตัวสกปรกพั้งกี้เลยเป็นหนองที่กลางหลัง ปะป๊าจะมาผ่าต้อกระจกอยู่แล้วเลยรีบพาน้องมาก่อน
คงเป็นโชคดีของเราส่วนนึงที่พบคุณหมอที่ดีมากๆอยู่ใกล้บ้านใหม่ ตอนนี้เด็กๆที่บ้านก็เลยประจำกะคุณหมอบุ๋มเรียบร้อย
แต่เป็นโชคร้ายของพั้งกี้ที่คุณหมอเช็คเจอว่าน้องเป็นโรคไต อาการหนักมาก ช่องปากน้องเป็นแผลหมดเลยไม่ยอมกินต้องให้น้ำเกลือ คุณหมอบอกเลยว่าหมอไม่อ้อมค้อม ไม่พูดให้เรามีความหวังเกินจริงว่าน้องคงไม่รอดแน่ๆ รู้อย่างนั้นแล้วแอนก็บ่อน้ำตาแตกร้องไห้ต่อหน้าหมอเลย สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดในตอนนั้นคือการไปเยี่ยมน้องทุกวัน อยู่กับเค้าให้นานที่สุด
แอนไปหาน้องบอกเค้าว่าถ้าหนูไม่ไหวก็ไม่ต้องทนนะลูก หลับให้สบาย ถ้าหากชาติหน้ามีจริงขอให้เราเกิดมาพบกันอีก
กลับไปบ้านคุยกับเจ้ว่าจะเอายังไงกับน้องดี เจ้อยากให้รับน้องกลับบ้านมาหลับไปตลอดกาลที่บ้าน แต่แอนก็แย้งไปว่าถ้าเราอยู่ดูแลเค้าได้ 24 ชม.ก็อยากรับกลับมานะ แต่นี่หม่าม๊าต้องเป็นคนคอยดูแลซึ่งหม่าม๊าเหนื่อยมากพอแล้ว
หลังจากถกเถียงกันไปคืนนั้นก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ เช้ามาแอนไปทำงาน ช่วง 11 โมงกว่านั่งทำงานอยู่ได้กลิ่นของพั้งกี้ กลิ่นเหมือนเวลาที่แอนไปเยี่ยมน้อง ได้กลิ่นอยู่นานมาก ก็ชักใจไม่ดี ใจนึงก็คิดว่าอาจจะเพราะเราคิดมากเรื่องน้องก็เลยอุปทานไปเอง
ตอน 5 โมงขับรถกลับบ้านตั้งใจจะไปหาน้อง ปะป๊าโทรมาบอกว่าน้องไปสบายแล้ว แอนรีบไปหาน้องที่คลินิก คุณหมอห่อน้องไว้เรียบร้อย แอนกับป๊าลูบหัวลาน้องเป็นครั้งสุดท้ายแล้วขอให้คุณหมอช่วยจัดการพาน้องไปอยู่ในที่สบายเพราะที่บ้านแอนดินน้อยคงจะไม่พอฝังน้อง
แอนถามคุณหมอว่าน้องไปตอนกี่โมง คุณหมอบอกว่าราวๆ 11 โมง .... ช่วงที่แอนได้กลิ่นน้องแปลว่าน้องมาลาใช่มั๊ย ???
ผ่านไป 3 วัน เจ้นั่งทำงานอยู่ได้กลิ่นแมวแรงมากจนต้องหันไปถามคนอื่นว่าได้กลิ่นมั๊ย คนอื่นๆไม่มีใครได้กลิ่นอะไรเลย เจ้ตกใจมากขนาดรีบโทรมาเล่าให้แอนฟัง คิดว่าพั้งกี้มาหา มาลา
พั้งกี้เป็นเด็กที่ไม่เป็นภาระให้ใครจริงๆตั้งแต่เกิดจนตาย เหมือนเค้ารู้ว่าเราลำบากใจเรื่องรับเค้ากลับบ้านหรือให้อยู่รพ. เค้าคงกลัวหม่าม๊าลำบากก็เลยหลับไปก่อนที่เราจะได้ข้อสรุป
จนถึงทุกวันนี้ได้ยินเพลงคนไม่มีเวลาของว่าน ธนกฤต ทีไรร้องไห้คิดถึงน้องทุกที
พอเหมียวพั้งกี้จากแอนไปก็ประจวบกับมะหมาในหมู่บ้านเค้ามีน้องตัวเล็กๆ ที่บ้านแอนจะให้ข้าวเค้าทุกวันตั้งแต่เค้ายังไม่คลอด ที่รักเรียกเค้าว่า "เพื่อน" พอเพื่อนเรามีน้องก็ได้เล่นกันทุกวัน คอยไล่ให้พ้นถนน จนน้อง 2 หน่อโตได้ซัก 3 เดือนกว่าตัวใหญ่จนน่าจะไม่โดนรถเหยียบ
แต่เรื่องเศร้าก็เกิด น้องตัวผู้นอนกลับบนกองทรายแล้วผู้รับเหมาไม่เห็นขับรถทับน้อง ไม่ร้องซักแอะ
ผ่านไปเดือนกว่า เจ้าน้องเล็กแอบนอนอยู่หน้าบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จก็ถูกรถทับเหมือนกัน เดากันไปว่าน่าจะเป็นบ้านที่อยู่หลังบ้านแอน เค้ามีปาร์ตี้กันจนดึกดื่นและคงจะเมา
แอนกับที่รักรู้สึกแย่มากๆ เค้าเหมือนเป็นส่วนนึงของชีวิตเราไปแล้ว แต่คิดในแง่ดีว่าถ้าโตมาแล้วเป็นเด็กจรจัด เข้าสู่วงจรเด็กจรจัดคงไม่โอเคเท่าไหร่ ... คิดแบบนี้เพื่อปลอบใจตัวเอง
เจ็บป่วย
ปลายปีทีไรแอนต้องป่วยทุกทีเลย
ปลายปีก่อนแอนปวดหัวแปลกๆแบบหาสาเหตุไม่ได้ ปวดเหมือนหัวเป็นลูกโป่งโดนคนเอาลมมาอัดใส่ก็ปวดตึ้บๆๆๆแบบแน่นๆเหมือนหัวจะระเบิด ไปให้คุณหมอทางด้านระบบประสาทและสมองลองเช็คเบื้องต้นก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ส่วนคุณหมออีกท่านบอกว่าน่าจะความดันต่ำ ลองกินยาความดันต่ำดูก็ดีขึ้นตามลำดับ ก่อนหน้านั้นแอนไม่สบายเป็นไข้หวัดได้รับยาฉีดไปหลายขนานก็คิดว่าไม่รู้เป็นเพราะยาที่ตกค้างหรือเปล่า เวลาผ่านไปก็หายไปเอง ปีนี้ก็ยังไม่กลับมาเป็นค่ะ
ปีนี้ไข้หวัดไม่ถามหา แต่เป็นภูมิแพ้ผิวหนัง คันเฉพาะนิ้วนางข้างขวา ... เออ .. เข้าใจแพ้เนอะ
จริงๆเป็นมาตั้งกะปลายปีก่อน มาจนถึงตอนนี้ก็ดีขึ้นแต่ก็จะกลับมาคันเป็นระยะๆ แอนเลยจำเป็นต้องล้างมือให้น้อยลง หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำและดีเทอร์เจนทั้งหลาย หากเลี่ยงไม่ได้ต้องใส่ถุงมือ ตอนอาบน้ำสระผมก็ใส่นะ...ฮ่วย
ต่อจากภูมิแพ้ผิวหนังก็ตาป่วย ตอนแรกเจ็บตาซ้าย ปวดตุ่ยๆเหมือนจะเปงตากุ้งยิง แต่มันจ็บตรงเปลือกตา ตื่นมาตาบวมปูด ไปหาหมอ หมอบอกมะเปงไรเลยให้เอายามาหยอด...หาย
ผ่านไป 2 เดือน คอนแทคเลนส์หมดอายุ ไปทำใหม่ รายปีที่เคยใช้ไม่มีละเลิกนำเข้า ได้รายเดือนมา ใส่แล้วแพ้อีก..ฮ่วย
ใส่แล้วไม่สบายตา ถอดแล้วเปงวงแดงรอบขอบตาดำ เยื่อบุตาขาวก็แดงไปด้วย ถอดแล้วรู้สึกตาช้ำเลยไม่กล้าใส่ไปหาหมอดีก่า
คุณหมอสันต์สุดหล่อบอกว่าน่าจะแพ้คอนแทคเลนส์ (ไม่กล้าฟันธงว่าคอนแทคเลนส์คับ เพราะไม่มีเครื่องวัดความโค้งเลนส์ แต่อาการน่าจะใช่) ด้วยแอนเป็นภูมิแพ้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คอนแทคเลนส์รายวัน รายเดือน รายปี ใช้วัสดุต่างกันตามคุณภาพ ราคา อายุการใช้งาน ดังเป็นไปได้สูงที่แพ้เนื้อคอนแทคเลนส์แบบรายเดือนเพราะคุณภาพเนื้อเลนส์ต่ำกว่ารายปี
สรุปแล้วเอาคอนแทคไปเคลมขอเงินคืน กว่าจะได้มาครบทุกบาททุกสตางค์เล่นเอาอารมณ์เสีย เสียอารมณ์กับร้านแว่นที่เป็นลูกค้ากันมากว่า 20 ปี
พอเจอปัญหาคอนแทคเลนส์กับตัวเองแบบนี้แล้วก็ทำให้ย้อนคิดไปถึงข่าวที่เคยออกมาว่าทางการจะควบคุมการขายคอนแทคเลนส์แฟชั่นที่ขายกันทั่วไปในเวปไซต์ว่าตกลงไปถึงไหนละเห็นข่าวเงียบไป
เรื่องตาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจริงๆแอนก็เลยกะว่าจะไปให้หมอที่เชี่ยวชาญด้านคอนแทคเลนส์เช็คตาให้ละเอียดและให้หมอ Fix เลนส์ให้ด้วย เลยไปถามที่รพ.ชื่อแสนหวานใกล้ๆบ้าน อารมณ์บูดได้อีก
คุณ PR ... คุณหมอไม่รับวัดสายตาแล้วไปซื้อคอนแทคที่อื่น แอน.. งั้น Fix เลนส์ให้ได้ป่าวล่ะ ถ้าได้ก็ทำเลย แล้วมีเครื่องวัดความโค้งเลนส์ตาป่าวคะ คุณ PR ... ไม่มีบริการจัดหาเลนส์ และไม่มีเครื่องตัวนั้นค่ะ ต้องไปวัดตามร้านแว่นนะคะ แอน ... (((อึ้ง))))
ทำไมแนะนำได้เชี่ยวชาญขนาดนี้ ไม่มีหมอด้านนี้ก็บอกมาตรงๆดีกว่าป่าวคะ เล่าให้เอื้อยฟังชีก็เลยจิตตกเพราะใช้คอนแทคเลนส์แบบเดียวกันจากร้านเดียวกัน ชีเลยตัดใจว่าจะตรวจตาที่ออสและสั่งที่ออสนี่แหละ ประกันสุขภาพของชีจ่ายให้ครึ่งนึงกลัวมีปัญหาแบบแอน
ได้คุยกะคุณหมอตา ท่านก็บอกว่าคอนแทคเลนส์ชื่อบอกตรงๆว่า เลนส์สัมผัส ดังนั้นควรจะระวังในการเลือกใช้งาน การวัดสายตาว่าสั้นยาวเอียงไม่พอ ต้องวัดความโค้งเลนส์และอื่นๆประกอบอีกมากจึงจะปลอดภัย
มาถึงวันนี้แอนก็ยังไม่ได้ทำคอนแทคเลนส์คู่ใหม่ เพราะมัวแต่หาเวลาจะไปหาคุณหมอที่สีลมแต่เวลาไม่ได้ซะที เปลี่ยนใจจะไปรพ.ตา หู คอ จมูก แทนละกำลังหาเวลาไปอยู่ ตอนนี้เปงป้าแว่นไปก่อน
แอนรู้สึกว่าร่างกายไม่แข็งแรงเอาซะเลย พยายามหาเวลาออกกำลังกายบ้าง แต่ชีวิตไม่ต่างจากสาวออฟฟิสทั้งที่ทำงานส่วนตัว เช้ามาก็รีบออกมาเปิดร้าน กว่าจะปิดร้านกลับถึงบ้านบางทีก็ 3-4ทุ่ม ใช้ชีวิตอยู่ในรถเยอะมากคงต้องพยายามออกกำลังกายจริงจังกว่านี้ซะแระ แต่ความขี้เกียจและข้ออ้างต่างๆนานามักชนะเสมอ
ความรัก
ผ่านไปแว๊บๆแอนกับที่รักคบกันมา 7 ปีแล้วนะ เป็นปีที่มีอะไรเกิดขึ้นมากมาย จากที่ไม่เคยทะเลาะกันเสียงดังก็ได้ทะเลาะ แต่มันก็ดีตรงที่เราได้เรียนรู้กันอีกขั้นนึงว่าปัญหามันคืออะไร แล้วเราจะแก้ไขมันไปด้วยกันได้ยังไง สิ่งที่ดีที่สุดคือการที่ทำให้อีกคนรู้ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นความรักไม่ได้เปลี่ยนรูปไป ไม่ได้หายไปไหน
ปีนี้เราเริ่มคุยเรื่องแต่งงานจริงจังมากขึ้น เตรียมอะไรไว้บ้างเล็กน้อย หวังว่างานเล็กๆของเราคงจะเป็นไปอย่างที่เราต้องการได้
ช่วงปี 2552 ที่งผ่านมามีเรื่องอื่นๆเกิดขึ้นอีกมากมายเป็นปีครบรสของแอนจริงๆ แอนว่ามีครบทั้งเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม ขม แต่โดยรวมๆแล้วแอนก็ยังมีความสุข และมีสุขภาพจิตแข็งแรงดีค่ะ
ขอให้ทุกๆท่านมีความสุขสมหวังในปี 2553 นะคะ Merry X'mas and Happy New Year ค่ะ
Create Date : 13 ธันวาคม 2552 |
Last Update : 15 ธันวาคม 2552 15:23:48 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1026 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
สาวแสนงอน ... ร่ำเรียนมาทางด้าน Food Science เคยใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาทำงานในสายงานนี้อยู่พักนึง แล้วขอหยุดพักไปเติมความรู้ให้กับสมองเพิ่มเติมตามความฝันของตัวเอง
หนุ่มขี้เหงา ... ร่ำเรียนมาทางด้านบริหารอุตสาหกรรม เคยเป็น Production Supervisor ให้โรงงานจิวเวลรี เคยเป็นผู้จัดการฝ่ายผลิตในบริษัทผลิตอาหารเสริม
แต่ไปๆมาท่าไหนไม่รู้ หนุ่มขี้เหงากะสาวแสนงอนผันตัวเองมาเปิดร้าน grooming & pet shop ... ซะงั้น
....................
สาวแสนงอน ... รักการทำกับข้าว รักการรับประทาน(แต่ขี้เกียจออกกำลังกาย) รักการท่องเที่ยว รักหมาแมวมาก...มากจนเพื่อนคิดว่า...อีนี่เพี้ยน
หนุ่มขี้เหงา ... รักการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ มีนิสัยชอบเล่นกับหมาๆแมวๆของชาวบ้านมากๆจนพลิกผันตัวเองไปเป็น Groomer
....................
เรา คือ คนธรรมดาสองคนที่ดูยังไงก็ "แตกต่าง"
แต่ใครจะรู้ว่าเราสองคน คือ "ความเหมือน" ที่อยู่ใน "ความต่าง" ที่ต่างเติมเต็มให้แก่กันและกัน
เราสองคนกำลังจูงมือกันก้าวเดินไปตามทางของความฝัน แม้ว่าทางที่ก้าวเดินไปจะมีอุปสรรคเราก็จะไม่ปล่อยมือที่กุมไว้ออกจากกัน
เราไม่อยากเป็นคนร่ำรวยเงินทอง เราไม่อยากเป็นคนร่ำรวยชื่อเสียง
แต่....
เราอยากเป็นคนร่ำรวยความสุข เราอยากเป็นคนร่ำรวยเสียงหัวเราะ
และ.... ขอแค่มีกันและกันแบบนี้.....ตลอดไป
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|