<<
กันยายน 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
13 กันยายน 2548
 

ความสำคัญของคำว่า แบรนด์

พอดีมีโอกาสเข้าไปแสดงความคิดเห็นในกระทู้ของคุณ wbj คะ เลยเอาที่ตัวเองตอบมาโพสไว้ในบล็อกซะหน่อย แล้วนะเข้ามาอัพเดตเพิ่มเติมให้นะคะ


หากเราเป็นผู้ขาย หรือ ผู้ผลิต สิ่งที่เราต้องการก็คือ กำไร แล้วการที่จะได้มาซึ่งกำไรภายใต้การแข่งขันในตลาดได้นั้น ก็คือ จะต้องพยายามสร้าง อำนาจทางการตลาด (market power or monopoly power)

วิธีการสร้างอำนาจทางการตลาด ทำได้หลายวิธี เช่น ทำให้ตัวเองเป็นผู้ขายรายใหญ่ มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากมาก...... การทำให้สินค้าของตัวเองมีความแตกต่างจากสินค้าของคนอื่น (product differentiation).... หรือแม้กระทั่ง ความพยายามในการสร้างเครืองกีดขวางการเข้ามาของคู่แข่งหน้าใหม่ (barrier to entry) เพื่อให้เราเป็นผู้ยิ่งใหญ่แต่เพียงผู้เดียว หุหุ และอื่นๆอีกหลายอย่าง

คราวนี้มาพูดถึงเรื่อง การสร้างแบรนด์ ถือได้ว่าเป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่ทำให้สินค้าของผู้ผลิตมีความแตกต่างจากคนอื่น เพราะคำว่า แตกต่างของสินค้านั้น ไม่จำเป็นว่า ส่วนผสม หรือว่า รูปร่างหน้าตาสินค้าต้องต่างจากคนอื่น .....

.... แต่แค่ให้รู้สึกแตกต่างจากความรู้สึกก็เพียงพอ ยกตัวอย่างเช่น ทำไมเราเวลาเรานึกถึงน้ำตาล ตัองนึกถึงมิตรผล เวลาเรานึกถึงกระดาษถ่ายเอกสารต้องนึกถึง double A ทั้งที่สินค้าทั้งสองอย่างเป็นสินค้าที่ผู้ผลิตรายอื่นๆ ก็ไม่ได้มีความแตกต่างไปจากสองเจ้าที่เอ่ยมาเท่าไหร่นัก

.... แต่ที่เรานึกถึง ตามที่กล่าวมา เพราะเรารู้สึกว่า สินค้าของเค้าต่างจากคนอื่น ....ต่างจากคนอื่นเพราะแบรนด์ นี่เอง

เดี่ยวนี้ พูดถึงการสร้างความแตกต่างของสินค้า ด้วยตัวของสินค้าเองทำได้ค่อนข้างยาก เพราะว่า สินค้ามีความหลากหลายมากขึ้น และมีประเภทสินค้าออกมาสู่ตลาดมากมาย การที่เราจะคิดแต่ว่าจะสร้างความแตกต่างจากสินค้าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะช่องว่างของโอกาสในการเจาะตลาดเริ่มแคบลงทุกที

จึงเป็นเหตุผลให้ การสร้างแบรนด์ เป็นกลยุทธ์ที่ค่อนข้างได้รับความสำคัญในปัจจุบัน

นอกจากการสร้างแบรนด์จะทำให้สินค้าเราต่างจากคนอื่นในสายตาของผู้บริโภคแล้ว ยังถือได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คู่แข่งรายใหม่ที่จะเข้ามาในตลาดเข้าได้ยากอีกด้วย..... เท่ากับว่า ยิ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้ผลิตมีอำนาจทางการตลาดสูงขึ้นไปอีก เพราะเมือไม่มีคู่แข่ง การที่จะอยู่ค้ำฟ้าก็ง่ายกว่า ต้องคอยมาระวังคู่แข่งที่สามารถเข้าออกตลาดได้โดยง่าย

ที่นี่ ผู้ประกอบการทั้งหลาย คงตัดสินใจไม่ยากแล้วใช่ไหมคะ ว่า..... ทำไมต้องสร้างแบรนด์




Create Date : 13 กันยายน 2548
Last Update : 13 กันยายน 2548 23:44:56 น. 9 comments
Counter : 1479 Pageviews.  
 
 
 
 
เอ่ยถึงน้ำตาล ผมไม่รู้จักน้ำตาลยี่ห้ออื่นเลย นอกจากมิตรผล

เอ่ยถึง กระดาษ ก็แทบไม่เคยสังเกตเลยว่ามียี่ห้อื่น นอกจาก Double A ... คือยี่ห้ออื่นอาจจะมี แต่ไม่เป็นที่จดจำเลยนะครับ

นอกจากนี้ ก็เป็นกรณีของน้ำพริก ที่ถ้านึกถึงเมื่อไหร่ ต้องมีชื่อ แม่ประนอมเป็นชื่อแรก...ทั้งที่ไม่เคยเห็นแม่ประนอมออกทีวีเลยครับ ...

แล้วจะมาเก็บเกี่ยวความรู้อีกนะครับ อาจารย์ติ๊ก

 
 

โดย: Nutty Professor วันที่: 14 กันยายน 2548 เวลา:0:57:19 น.  

 
 
 
น่าสนใจครับ กับการทำสินค้าตัวเองให้มีความแตกต่าง (product positioning) ซึ่งทำได้จากความต่างของตัวสินค้า (ที่มีอยู่แล้ว) เอง หรือการสร้างความแตกต่างในการรับรู้ของผู้บริโภค ...

แต่สิ่งที่ผมกำลังคิด และคงต้องเก็บเอาไปคิดต่อก็คือ ความพอดีของการทำการตลาดควรมีหรือไม่ ถ้ามีมากหรือน้อยเพียงไร ถึงจะคู่กับคำว่า 'เหมาะสม' สวัสดิการสังคมแท้จริงแล้ว มากขึ้นหรือน้อยลง จากการทำการตลาด และอรรถประโยชน์ของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น เท่ากับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เพื่อได้มาซึ่งความต่างหรือไม่

อาจารย์ติ๊ก จะช่วยผมคิดได้มั๊ยครับ
 
 

โดย: Nottingham Castle IP: 62.254.0.56 วันที่: 14 กันยายน 2548 เวลา:4:13:26 น.  

 
 
 
อิอิ ...

อ่านบทความผมได้ที่นี่
การสร้างแบรนด์

 
 

โดย: wbj วันที่: 14 กันยายน 2548 เวลา:22:47:02 น.  

 
 
 
อยากให้ความเห็นเพิ่มเติมในเรื่องการตั้งชือแบรนด์คะ ว่าควรจะต้องสอดรับกับตัวสินค้าด้วยอ่ะคะ หมายความว่า เมือผู้อ่าน รับทราบถึงตรายี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็นชือ หรือว่าโลโก้ จะต้องสามารถ สือให้เห็นถึงความเป็นสินค้านั้นๆ ได้ เพราะจะทำให้ความเป็นแบรนด์ชัดเจนมากขึ้น


ยกตัวอย่างเช่น น้ำดื่ม ยี่ห้อคริสตัล ( ไม่รู้สะกดถูกป่าว) ทั้งรูปลักษณ์โลโก้ หรือว่าชือแบรนด์ ต่างก็ขานรับความเป็นน้ำดื่มที่สะอาด ใสเหมือนคริสตัล แถมพ่วงด้วยสโกแกนเพือตอกย้ำความใสสะอาด ว่า "น้ำดื่มสะอาด น้ำดื่มคริสตัล" เห็นไหมคะ ว่าทุกๆอย่างของการสร้างแบรนด์ ต้องมีการวาง positioning ตั้งแต่จุดเริ่มต้น และใส่ใจในทุกๆ รายละเอียด

แม้แต่ชื่อนามแฝงของอาจารย์เอง pink-optio เห็นไหมคะ ก็เป็นการสร้างแบรนด์ให้รู้ว่าเป็นผู้หญิง เพราะแปลตรงตัว ว่า มองมุมสีชมพู ... อืม คงไม่มีใครคิดว่าเป็นเกย์หรอกคะ อิอิ แต่พอตอบกระทู้บ่อยๆ ก็สร้างแบรนด์ความเป็นนักวิชาการด้วย การใช้นามว่า AjarnTik
เห็นไหมคะ แม้แต่ชื่อในการตอบกระทู้ในห้อง ยังสามารถสร้างแบรนด์ได้เลย .... แล้วคุณหล่ะ เริ่มสร้างแบรนด์ให้ตัวเองในที่ทำงาน หรือแม้กระทั่งที่เรียนแล้วหรือยัง

อืม เรื่องการสร้างแบรนด์ในที่ทำงานเนี่ย คงต้องให้คุณ WBJ มาช่วยขยายความต่อแล้วม้างงงงง เห็นทำบ่อยจนได้ดิบได้ดีนี่คะ อิอิ
 
 

โดย: AjarnTIk IP: 61.90.75.77 วันที่: 15 กันยายน 2548 เวลา:7:16:16 น.  

 
 
 

การสร้าง Brand เป็นประเด็นใหญ่นะ

สำหรับผม ขอ Share หัวใจสำคัญ (ตามความคิดของผมนะ) มีส่วนประกอบสามอย่างคือ

Experience

Emotion

และ

Surprise (E^2S)

1 สิ่งที่บริษัท communicate ออกไปไม่ว่าจะเป็นการโฆษณา การทำ Promotion เป็นการสร้าง expectation ให้กับลูกค้า แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ Experience ที่ลูกค้าได้รับจากการใช้สินค้าหรือบริการของเรา

ดังนั้นเรื่องของคน จึงสำคัญไม่แพ้เรื่องของการทำโฆษณาหรือการตั้งชื่อตราสินค้า .............. ประเด็นก็คือทำอย่างไรจะทำให้พนักงานลุ่มหลงในสินค้าและงานที่พวกเขาทำ

เพราะถ้าบริษัททำให้พนักงานลุ่มหลงไม่ได้ ผมก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะทำให้ลูกค้าลุ่มหลงพวกเขาได้เช่นกัน

2 เมื่อพูดถึง Emotion ก็ต้องไม่ลืมคำว่า

Design การออกแบบสินค้ากระบวนการทำทำให้ลูกค้าพูดว่า WoW!

3. จงฟังลูกค้าของคุณว่าเขาต้องการอะไรแต่อย่าทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการทั้งหมด คนเราต้องการ Surprise ถ้าทุกอย่างมันคาดเดาได้หมด ก็น่าเบื่อนะ ทำอะไรที่เหนือความคาดหมายของลูกค้า มันจะ enable ให้พวกเขาพูดต่อๆไป ซึ่งมันได้ผลยิ่งกว่าการโฆษณาอีก


สุดท้ายขอเสนอแนวคิดของ Kevin Roberts

Lovemarks สิ่งที่อยู่เหนือกว่า Brand

เขาเสนอให้สร้างสองสิ่งคือ Respect + Love

ถ้า Brand พูดถึง Brand มันเป็นเรื่องของ Respect เราซื้อนำตาลมิตรผลเพราะเรา Respect หรือเชื่อใจว่าน้ำตาลมิตรผลนั้นมีคุณภาพที่เชื่อถือได้ ไม่มีสิ่งเจือปน อย่าน้อยก็ไว้ใจได้ดีกว่าไปซื้อน้ำตาลจากร้านขายของชำ

แต่นั่นเป็นแค่ Respect ไม่ใช่ความรัก Love

เอาไว้เท่านี้ก่อนดีกว่า แล้วว่างๆจะมาคุยเรื่อง lovemarks ต่อนะ

ไปแล้ว Ajarn Tik




 
 

โดย: Re-Know IP: 203.170.231.232 วันที่: 5 เมษายน 2549 เวลา:8:51:19 น.  

 
 
 
ขอรบกวนถามครับ ว่า คำว่าแบรนด์ กับ ภาพลักษณ์ เหมือนกันไม้ครับ
 
 

โดย: ประสิทธิ์ IP: 125.24.219.156 วันที่: 3 กันยายน 2549 เวลา:10:25:12 น.  

 
 
 
กำลัง เรียน ด้านนี้ ค่ะ ขอ ข้อมูลเยอะๆๆนะค่ะ
 
 

โดย: s IP: 61.7.158.99 วันที่: 3 กันยายน 2549 เวลา:18:20:38 น.  

 
 
 
 
 

โดย: แมว IP: 203.144.188.7 วันที่: 22 กันยายน 2549 เวลา:11:25:18 น.  

 
 
 
จุ๊ จุ๊ รัก โคน อ่าน
 
 

โดย: เด็กแต้ แต้ IP: 125.26.50.10 วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:22:29:16 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ajarntik
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ได้รับทุนภูมิพล(ปริญญาตรี)
เศรษฐศาสตร์ มธ. (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง)
แล้วได้รับทุนจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ มธ.)
มีประสบการณ์สอน 15 ปี จากสถาบันกวดวิชาเดอะเบรน
และอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ก่อนจะผันตัวเองออกมาทำธุรกิจส่วนตัว พร้อมๆไปกับงานที่ปรึกษา
[Add ajarntik's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com