1 2 3
4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24
25 26 27 28 29 30
บทที่ 3 demand function ภาคหนึ่ง
หากต้องการให้ลูกค้า ซื้อของเราในปริมาณที่เพิ่มขึ้น ก็ลดราคาสินค้าของท่านลงสิ หากเราเชื่อกฎของอุปสงค์ที่ว่า ราคาและปริมาณความต้องการซื้อ จะมีความสัมพันธ์ที่ผกผันกัน เราก็คงทำตามคำแนะนำข้างต้น เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายของเรา อันจะนำไปสู่กำไรที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น นั่นเป็นเพียงแค่การมองภาพของตัวแปรกำหนดปริมาณความต้องการซื้อของผู้บริโภค เพียงแค่ตัวแปรเดียวเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีตัวแปรอีกมากมายที่มีอิทธิพลต่อดีมานด์ หรือปริมาณความต้องการซื้อสินค้าของผู้บริโภค นักเศรษฐศาสตร์พยายามอธิบายความสัมพันธ์ของตัวแปรต่างๆที่มีอิทธิพลต่อดีมานด์ของผู้บริโภค โดยผ่านทางตัวแปรความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่แสดงให้เห็นว่า ตัวแปรเหล่านั้น มีผลกระทบต่อดีมานด์มากน้อยเพียงใด และเป็นไปในทิศทางใด ยังมีตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อดีมานด์สินค้าของผู้บริโภค นอกเหนือจากราคาของสินค้านั้นๆ อาทิเช่น - ระดับรายได้ของผู้บริโภค - ราคาสินค้าอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่เป็นสินค้าที่ใช้ประกอบกัน และสินค้าที่ใช้ทดแทนกัน - รสนิยมของผู้บริโภค - ขนาดจำนวนประชากร หรือขนาดกลุ่มลูกค้า - และอื่นๆ เช่น การคาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจ, นโยบายของรัฐบาล ,ผลของฤดูกาล เป็นต้น หากเราอยู่ในฐานะของผู้ขาย หรือผู้ผลิตสินค้า การพยายามทำเข้าใจความสัมพันธ์ของตัวแปรเหล่านี้ ที่มีผลต่อปริมาณการตัดสินใจซื้อ ก็คงจะมีส่วนช่วยในการวางกลยุทธ์ทั้งในเชิงรับ และเชิงรุกต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในตลาดได้ไม่น้อยทีเดียว ปัจจัยประการแรก ..... ระดับรายได้ของผู้บริโภค ปริมาณความต้องการสินค้าโดยส่วนใหญ่ จะแปรผันตรง กับระดับรายได้ของผู้บริโภค กล่าวคือ หากผู้บริโภคมีระดับรายได้ที่เพิ่มขึ้น ผู้บริโภคก็จะมีความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งเราเรียกสินค้าเหล่านี้ว่า สินค้าปกติ (Normal Goods) แต่อย่างไรก็ตาม ระดับรายได้ที่เปลี่ยนแปลงไป จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงปริมาณความต้องการบริโภคที่แตกต่างกัน บางสินค้าแม้ว่าระดับรายได้จะสูงขึ้นมาก ปริมาณการบริโภคก็เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ในขณะที่สินค้าบางประเภท แม้รายได้จะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ปริมาณการบริโภคกลับเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในทางเศรษฐศาสตร์ หากเราใช้ผลของการเปลี่ยนแปลงปริมาณการบริโภคอันเกิดจากรายได้นี้ว่ามากหรือน้อยเพียงใด เราจะสามารถแบ่งสินค้าปกติออกได้เป็นสองประเภท คือ นั่นก็คือ สินค้าจำเป็น (Necessary Goods) และสินค้าฟุ่มเฟือย (Luxury Goods) โดยสินค้าประเภทแรกจะเป็นสินค้าที่หากระดับรายได้สูงขึ้น จะทำให้ปริมาณการบริโภคเพิ่มขึ้น ในระดับที่น้อยกว่าสินค้าประเภทหลัง เมื่อเราเข้าใจถึงประเด็นดังกล่าว ก็ทำให้เราเข้าใจและวิเคราะห์ได้ว่า ทำไมธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจบริการอย่างการท่องเที่ยว ธุรกิจสปา หรือแม้กระทั่งสินค้าอย่างผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ต่างๆ จึงมีแนวโน้มอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างสูง ทั้งนี้ก็เพราะว่า สินค้าและบริการเหล่านี้ จัดอยู่ในหมวดหมู่สินค้าฟุ่มเฟือย ดังนั้น เมื่อประเทศยิ่งพัฒนามากขึ้นเพียงใด ระดับรายได้ของประชากรในประเทศก็ยิ่งสูงขึ้น จึงทำให้ปริมาณความต้องการสินค้าดังกล่าวมีสัดส่วนที่สูงขึ้นอย่างมาก ดังนั้น หากผู้ขายหรือผู้ผลิตสินค้า สามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติของผู้บริโภคที่มีต่อสินค้าของตนได้ การเปลี่ยนแปลงปริมาณการบริโภคในสัดส่วนที่สูงขึ้น ก็สามารถที่จะเกิดขึ้นได้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของระดับรายได้ กับปริมาณการบริโภคมิได้เป็นไปในทิศทางเดียวกันเสมอไป ยังคงมีสินค้าบางประเภทที่มีความสัมพันธ์ดังกล่าวเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามกัน กล่าวคือ เมื่อระดับรายได้ของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น กลับส่งผลทำให้ปริมาณการบริโภคสินค้าดังกล่าวกลับลดลง เช่น บริการขนส่งมวลชนรถเมล์ธรรมดา จะเป็นสินค้าบริการที่คนระดับรายได้ต่ำใช้บริการ แต่เมื่อระดับรายได้สูงขึ้น กลับทำให้ปริมาณการใช้บริการรถดังกล่าวน้อยลง เป็นต้น ในทางเศรษฐศาสตร์ เรียกสินค้าดังกล่าวว่า สินค้าด้อย (Inferior Goods) ซึ่งจริงๆแล้ว สินค้าอุปโภคบริโภคบางอย่าง ก็อาจจะมีลักษณะเช่นเดียวกันกับสินค้าด้อยตามที่ได้กล่าวมา..... เช่นตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เราจะพบว่า ในช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่สินค้าอื่นๆ เผชิญกับภาวการณ์หดตัวของธุรกิจ แต่ยอดขายของบะหมี่สำเร็จรูปกลับโตขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้ ถือได้ว่า เป็นการสวนกระแสกับระดับรายได้ที่ลดลงเสียจริงๆ แต่อย่างไรก็ตาม ในทัศนคติของผู้เขียนเอง ก็มิอาจจะฟันธงได้เสียทีเดียวว่า สินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าด้อย เพราะ ความสัมพันธ์ในทิศทางที่ผกผันกันลักษณะนี้ อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงที่ระดับรายได้สูงขึ้น หมายความว่า..... ระดับรายได้ที่สูงขึ้น อาจจะมิใช่ตัวพยากรณ์ว่า ปริมาณการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะลดลง นอกจากนี้ ในการพิจารณา รายได้ของผู้บริโภค กับปริมาณการตัดสินใจซื้อนั้น ในบางครั้ง เราอาจจะต้องวัดจากรายได้ที่แท้จริง ซึ่งในที่นี้ หมายถึง ความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยจริงๆ มิใช่รายได้ที่เป็นตัวเงินเพียงอย่างเดียว !!! ซึ่งประเด็นนี้ ก็จะทำให้เราเข้าใจสถานการณ์ ในช่วงนี้ได้เป็นอย่างดี ว่าเหตุผลที่ภาวะที่ราคาน้ำมันถีบตัวขึ้นสูงเกือบใกล้สามสิบบาทต่อสิตร ส่งผลทำให้ผู้บริโภค โดยเฉพาะ ผู้พนักงานบริษัทที่มีรายได้หลักจากเงินเดือน ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคกันอุตลุด พ่อค้าแม่ค้า ต่างพากันบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ขายของยากขึ้น มีแต่คนเดิน ไม่มีคนซื้อ.... ทั้งนี้ ก็เป็นเพราะ น้ำมันเป็นสินค้าพื้นฐานด้านพลังงานที่มีอิทธิพลต่อต้นทุนการผลิตของสินค้าเกือบทุกชนิด ซึ่งอาจจะส่งผลผ่านต้นทุนการผลิตของสินค้าอันเกิดจากค่าวัตถุดิบการผลิตที่แพงขึ้น หรือ เกิดจากต้นทุนค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นก็เป็นได้ ดังนั้น ราคาสินค้าจึงต้องปรับตัวสูงขึ้น ตามภาวะต้นทุน ก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ.... แต่รายได้ที่เป็นตัวเงิน (เงินเดือน) กลับไม่เพิ่มขึ้น ก็เท่ากับว่า รายได้ที่แท้จริงของผู้บริโภคลดลง ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมความต้องการซื้อสินค้าของผู้บริโภค จึงลดลง ทั้งนี้ก็ยังคงเป็นไปตามความสัมพันธ์ระหว่างรายได้ กับปริมาณการบริโภค ที่มักจะแปรผันตามกัน หากเพียงแต่ว่า เป็นการพิจารณาจากรายได้ที่แท้จริงเท่านั้นเอง >>>> แล้วจะมาตั้งกระทู้ใหม่ สำหรับปัจจัยกำหนด ดีมานต์ ตัวอืนๆ นะคะ สำหรับกระทู้นี้ อย่างให้เพื่อนๆ ในห้องร่วมกันแสดงความคิดเห็นนะคะ ว่า รายได้ของตน กับสถานการณ์ตอนนี้ มีผลต่อการตัดสินใจบริโภค เป็นไปตามทฤษฎีหรือไม่ .... แบบว่าแอบมีบ่นๆ ก็ไม่ว่ากันคะ เพราะเข้าใจหัวอกเดียวกัน>>>> หัวอก รายได้ที่เป็นตัวเงินไม่ได้เพิ่มไง อิอิ
Create Date : 15 กันยายน 2548
Last Update : 15 กันยายน 2548 6:55:34 น.
7 comments
Counter : 9358 Pageviews.
โดย: AjarnTIk IP: 61.90.75.77 วันที่: 15 กันยายน 2548 เวลา:7:24:15 น.
โดย: AjarnTik (pinkoptio ) วันที่: 15 กันยายน 2548 เวลา:17:54:10 น.
โดย: AjarnTik (pinkoptio ) วันที่: 15 กันยายน 2548 เวลา:17:55:12 น.
โดย: อาราลียะ วันที่: 20 กันยายน 2548 เวลา:0:17:00 น.
โดย: nutjung IP: 58.147.70.32 วันที่: 20 สิงหาคม 2549 เวลา:17:21:57 น.
โดย: แก้มป่องmara_kor@hotmail.cm IP: 124.120.201.204 วันที่: 1 กันยายน 2550 เวลา:20:37:01 น.
โดย: นุ่มนิ่ม IP: 182.93.206.87 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2553 เวลา:12:33:53 น.
ajarntik
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [? ]
ได้รับทุนภูมิพล(ปริญญาตรี) เศรษฐศาสตร์ มธ. (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง) แล้วได้รับทุนจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ มธ.) มีประสบการณ์สอน 15 ปี จากสถาบันกวดวิชาเดอะเบรน และอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนจะผันตัวเองออกมาทำธุรกิจส่วนตัว พร้อมๆไปกับงานที่ปรึกษา