|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
บทที่ 4 demand function ภาคสอง
ปัจจัยประการที่สาม รสนิยมของผู้บริโภค
สำหรับปัจจัยตัวนี้ อาจจะกล่าวง่ายๆว่า ก็คือ ทัศนคติ หรือมุมมองของผู้บริโภคที่มีต่อสินค้าชนิดหนึ่งๆ หากผู้ซื้อมีทัศนคติที่ดีต่อการบริโภคสินค้านั้นๆ ก็เป็นการง่ายที่ผู้ขายจะกระตุ้นยอดขายสินค้าของตน ในทางตรงกันข้าม หากผู้บริโภคมีมุมมองที่ไม่ดีต่อการบริโภคสินค้าดังกล่าว ก็อาจจะทำให้ความต้องการซื้อลดลงก็ได้
ในที่นี้ จะขอยกตัวอย่างทั้งกรณีที่ผู้ผลิตหรือหน่วยงานต่างๆ กระตุ้นก่อให้เกิดทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงไปเกี่ยวกับสินค้าต่างๆทั้งในแง่บวกซึ่งส่งผลทำให้ดีมานด์ต่อสินค้านั้นๆ เพิ่มขึ้น และในแง่ลบ ที่ทำให้ดีมานด์ต่อสินค้านั้นๆลดลง ดังต่อไปนี้
กรณีกระแสนิยมกาแฟสด เนื่องมาจากความนิยมในการดื่มกาแฟได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ดีมานด์ต่อกาแฟสดพุ่งสูงขึ้น ส่งผลทำให้ร้านกาแฟสดที่ผลุดขึ้นเป็นดอกเห็ดในทุก ๆ ย่านตั้งแต่ในห้างสรรพสินค้า, ย่านธุรกิจ, โรงแรม, โรงพยาบาล รวมไปถึง สถานีบริการน้ำมัน เมื่อเรามาวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ทำให้ผู้บริโภคหันมาสนใจการดื่มกาแฟสดกันมากขึ้นทดแทนการดื่มกาแฟสำเร็จรูปในอดีต ก็เป็นเพราะแรงกระตุ้นหลายๆด้าน อาทิเช่น การเข้ามาของธุรกิจกาแฟซึ่งเป็นแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง สตาร์บัคส์ ทำให้คนไทยมีความรู้และมีรสนิยมในการดื่มกาแฟเพิ่มขึ้น, การสร้างวัฒนธรรมการดื่มกาแฟและทำให้ร้านกาแฟกลายเป็นพื้นที่ที่สามที่เป็นพื้นที่เปิดสำหรับผู้คนกลุ่มหนึ่งในการพบปะสังสรรค์หรือเจรจาธุรกิจกัน เป็นต้น
หรือแม้กระทั่ง การรณรงค์ของภาครัฐ ให้ประชาชนหันมาห่วงใยและรักษาสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย ก็ส่งผลให้ประชาชนมีการออกกำลังกายมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งผลของมาตรการดังกล่าว ก็ส่งผลดีต่อธุรกิจต่อเนื่องและธุรกิจที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเครื่องออกกำลังกาย รวมไปถึงธุรกิจสถานออกกำลังกาย ที่นับวันจะกระจายอยู่ทั่วไปในเขตกรุงเทพมหานครที่มีประชากรอยู่หนาแน่น
เราจะเห็นได้ว่า ทั้งสองกรณีข้างต้น เป็นกรณีที่ผู้บริโภคได้รับแรงกระตุ้นจากผู้ประกอบการ หรือหน่วยงานภาครัฐ ทำให้ดีมานด์ได้รับการกระตุ้นจากเดิมที่มีอยู่ไม่มาก ดังนั้น หากคุณเป็นผู้ประกอบการรายหนึ่งในตลาด..... เคยคิดที่จะปรับทัศนคติของผู้บริโภคต่อสินค้าของคุณ เพื่อกระตุ้นยอดขายแล้วหรือยัง???
สำหรับในแง่ทัศนคติทางด้านลบต่อสินค้า ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ผลิตรายใดอยากให้กรณีดังกล่าว เกิดขึ้นกับสินค้าของตนเอง ทุกคนต่างพยายามหลีกเลี่ยงที่จะทำให้ภาพลักษณ์ของสินค้าของตนเป็นไปในทางลบ แต่บางครั้งก็ยากที่จะหลีกเลี่ยง หากสินค้าที่คุณเป็นผู้ผลิตเป็นอันตรายต่อสังคม หรือผู้บริโภค
ยกตัวอย่างเช่น สินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภคอย่าง บุหรี่ เราจะเห็นได้ว่าในอดีตที่ผ่านมาเนื่องจากค่านิยมผิดๆเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ว่าสูบแล้วเท่ห์ สูบแล้วเข้าสังคมกับเพื่อนฝูงได้ ส่งผลทำให้เยาวชนของเราหลายต่อหลายราย ตกเป็นทาสของบุหรี่ แต่ทัศนคติตรงจุดนี้เริ่มเปลี่ยนไป หลังจากที่ภาครัฐพยายามออกมารณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่ มีการให้ความรู้เกี่ยวกับภัยของบุหรี่ นอกจากนี้ ยังให้ดารานักแสดงมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ตัวอย่างเยาวชนรุ่นใหม่ห่างไกลยาเสพติด และมาตรการอื่นๆอีกมาก เราจึงเห็นได้ว่า ผู้บริโภคเริ่มมีทัศนคติต่อการสูบบุหรี่ที่เปลี่ยนไป ซึ่งส่งผลทำให้ดีมานด์ของบุหรี่ ไม่ขยายตัวมากอย่างในอดีตอีกด้วย
Create Date : 28 กันยายน 2548 |
Last Update : 28 กันยายน 2548 7:46:58 น. |
|
11 comments
|
Counter : 1131 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: AjarnTik (pinkoptio ) วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:7:48:09 น. |
|
โดย: AjarnTik (pinkoptio ) วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:7:49:03 น. |
|
โดย: AjarnTik (pinkoptio ) วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:7:50:04 น. |
|
โดย: ติ๋ง น้ำหยด IP: 61.91.81.172 วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:12:59:42 น. |
|
โดย: ขลัง (สมชาย) IP: 203.144.230.38 วันที่: 28 กันยายน 2548 เวลา:16:34:21 น. |
|
โดย: AjarnTik IP: 58.8.150.81 วันที่: 1 ตุลาคม 2548 เวลา:11:32:35 น. |
|
โดย: Nottingham Castle IP: 62.254.0.56 วันที่: 3 ตุลาคม 2548 เวลา:4:24:46 น. |
|
โดย: sasa2 IP: 61.19.38.194 วันที่: 6 กันยายน 2550 เวลา:12:32:41 น. |
|
โดย: มะนาวหวาน IP: 202.44.135.243 วันที่: 16 กันยายน 2550 เวลา:15:46:41 น. |
|
โดย: crazyshinchan IP: 118.175.161.195 วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:9:16:55 น. |
|
โดย: เอบิโกะ IP: 203.146.125.30 วันที่: 2 ธันวาคม 2553 เวลา:16:23:33 น. |
|
| |
|
ajarntik |
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]
|
ได้รับทุนภูมิพล(ปริญญาตรี) เศรษฐศาสตร์ มธ. (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง) แล้วได้รับทุนจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ มธ.) มีประสบการณ์สอน 15 ปี จากสถาบันกวดวิชาเดอะเบรน และอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนจะผันตัวเองออกมาทำธุรกิจส่วนตัว พร้อมๆไปกับงานที่ปรึกษา
|
|
|
|
หากสินค้าใดก็ตาม ยิ่งมีกลุ่มฐานลูกค้ามากเท่าใด สินค้านั้นๆ ก็ย่อมมีสิทธิขายได้มากเท่านั้น จากความสัมพันธ์ของปัจจัยข้างต้น เราอาจจะกล่าวได้ว่า ขนาดของจำนวนประชากร หรือฐานของกลุ่มลูกค้าต่อสินค้าหนึ่งๆมีความสัมพันธ์ที่เป็นบวกกับความต้องการของสินค้า ยิ่งมีจำนวนประชากรมากขึ้นเพียงใด ความต้องการสินค้าก็จะมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า การค้าขายในอดีตเวลาเราจะตัดสินใจส่งออกไปยังประเทศต่างๆ เราก็มักจะพิจารณาจากหลายๆปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นกำลังซื้อของคนในประเทศ ผู้ผลิตคู่แข่งในประเทศ รวมไปถึง ขนาดจำนวนประชากรของประเทศก็เป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่เรานำเข้ามาพิจารณาด้วย
เพราะอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น ยิ่งประชากรมาก ดีมานด์ก็มาก โอกาสทางธุรกิจก็มากตามเช่นกัน
และในบางครั้ง จำนวนประชากรทั้งประเทศอาจจะมิได้เพิ่มขึ้นมากมาย แต่ฐานลูกค้าที่บริโภคสินค้าที่เราขาย เพิ่มขึ้น เราก็อาจจะกล่าวได้ว่า จำนวนประชากรผู้บริโภคสินค้าของเราเพิ่มขึ้นก็เป็นได้เมื่อเราพิจารณาถึงฐานกลุ่มลูกค้า
เช่น กรณีอัตราผู้ใช้อินเตอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์ของบ้านเราที่มีมากขึ้น จากการที่เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนเกี่ยวพันกับชีวิตประจำวันของเรา ทั้งการติดต่อสื่อสาร การเรียนรู้ การทำงาน และการเจรจาติดต่อการค้า ดังนั้น เราจึงเห็นได้ว่า ปริมาณการใช้คอมพิวเตอร์จึงมีอัตราที่สูงกว่า อัตราการเติบโตของจำนวนประชากรในประเทศ เป็นต้น
นอกจากนี้แล้ว จากการที่การค้าขายในโลกยุคใหม่ที่ไร้พรมแดน อันเนื่องมาจากขนส่งที่สะดวกขึ้น และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆที่เอื้ออำนวยทำให้การค้าขายไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะแต่ในประเทศอีกต่อไป กลุ่มประชากรของสินค้าหนึ่งๆที่เราเคยได้แต่ลูกค้าในประเทศ เดี๋ยวนี้ อาจจะกล่าวได้ว่า หากเรารู้จักที่จะทำการตลาดใหม่ๆ ออกสู่ตลาดโลก ก็เท่ากับว่า จำนวนประชากรที่บริโภคสินค้าเราจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล กลายเป็นการพิจารณากลุ่มประชากรจากตลาดโลกไปแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องตระหนักด้วยว่า เมื่อเราส่งไปขายได้ ผู้ผลิตจากต่างประเทศก็เข้ามาแข่งขันกับเราได้เช่นกัน แม้ว่า ปัจจัยทางด้านดีมานด์ ซึ่งก็คือ ขนาดจำนวนประชากรต่อสินค้าของเราจะมีมากขึ้น แต่ทางด้านซัพพลาย (ผู้ขาย) ก็มีการแข่งขันที่รุนแรงเช่นเดียวกัน