ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก A giver is always be loved.
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2554
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
31 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
มัสยิดต้นสน (กทม)


ประวัติ มัสยิดต้นสน


ประวัติความเป็นมา
..................ประวัติของมัสยิดต้นสนมีมาประมาณ ๓๐๐ ถึง ๔๐๐ ปี ได้มีการอ่านพบในสมุดข่อยโบราณ บันทึกข้อความไว้ว่า
"เจียมลูกพ่อเดช มันถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารของพระเจ้าทรงธรรมที่กรุงศรีอยุธยา อุตส่าห์ส่งผ้าโสร่งตาหมากรุกมาให้พ่อของมันถึงบางกอกใหญ่จนได้"
กำปงมุสลิมมีบ้านเรือนรวมกันอยู่ในลำคลองบางกอกใหญ่ ทั้งที่มีบ้านเรือนบนฝั่งและที่เป็นเรือนแพ สมัยสมเด็จพระบรมราชาที่หนึ่ง สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ซึ่งครองราชสมบัติอยู่ระหว่างปี พ.ศ. ๒๑๔๕ ถึง ๒๑๗๐ นับจากนี้ก็ประมาณ ๔๐๐ ปี ซึ่งขณะนั้นประเทศสยามหรือประเทศไทยเรามีมุสลิมภาคกลางน้อย
มาก เท่าที่สืบทราบเราเป็นชาวไทยที่ไม่ได้อพยพมาจากใต้ แต่อาจจะได้รับศาสนาอิสลามมาจากข้าราชการมุสลิม ในสมัยพระนารายณ์มหาราช ซึ่งมีเชื้อสายมาจากอิหร่านหรือเปอร์เซีย มีผู้หลักผู้ใหญ่ของเราชาวมัสยิดต้นสนเล่าต่อ ๆ กันมาให้ฟังว่า เมื่อครั้งที่ท่านเจ้าประคุณตะเกี๋ย เดิน
ทางมาจากอินเดียโดยเรือสำเภาแล่นเรือเข้ามาทางปากน้ำเจ้าพระยา เมื่อแรือแล่นใบมาถึงปากคลองบางกอกใหญ่ได้ทราบว่ามีบ้านเรือนมุสลิมอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก ท่านก็แวะลงเยี่ยมเยือน แต่ท่านเจ้าคุณเห็นว่าย่านนี้ยังไม่เหมาะสำหรับท่าน ท่านจึงแล่นเรือขึ้นเหนือต่อไปเพื่อเดินทางไปยังกรุงศรีอยุธยา และ
ท่านได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนารายณ์มหาราชพระราชทานที่ดินแปลงใหญ่ให้ที่ชานเมืองกรุงศรีอยุธยา ท่านจึงพำนักเผยแพร่อิสลามอยู่ ณ สถานที่นั้น
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชครองราชสมบัติ อยู่ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๑๙๙ ปี พ.ศ. ๒๒๒๕ประวัติของมัสยิดต้นสนจึงมีอายุประมาณ ๔๐๐ ปี เริ่มแรกมุสลิมในย่านนี้อุทิศที่ดิน ประมาณสองหรือสามงานเพื่อสร้างมัสยิด และผู้คนในย่านนี้ต่างเรี่ยรายกัน ได้เสียสละบริจาคเงิน เพื่อสร้างมัสยิด เป็นเรือนไม้
ใต้ถุนยกสูง ฝาไม้ขัดแตะ หลังคากระเบื้อง และได้มีผู้อุทิศที่ดินเพิ่มเติมอีกเพื่อทำเป็นกุบุร ตั้งแต่ชายคลองขึ้นมา
....................ต่อมาก็ได้ขยายบริเวณและตัวมัสยิดออกไปเรื่อย ๆ เพราะจำนวนผู้คนมาร่วมละหมาดมากขึ้นทุกที รูปร่างมัสยิดคล้ายกุฎิ ตามแบบคนไทยในศาสนาพุทธ เรียกกันว่า กุฎีใหญ่ หรือ กุฎีต้นสน ฝั่งตรงข้ามก็มีมัสยิดอีก เรียกว่า กุฎีขาว ลึกเข้าไปอีกก็มีกุฎีเขียว เพราะในยุคนั้นมีมุสลิมอาศัยอยู่มากตั้งแต่ปากคลองทั้ง
สองฝั่งเข้าไปถึงตลาดพลู มีทั้งบ้านเรือนบนฝั่งและเป็นเรือนแพริมคลองสองฟากฝั่ง ซึ่งมีบ้านเรือนที่อยู่อาศัยด้วย เรือนนี้จะทำการค้าขายด้วย ซึ่งการค้าขายในยุคนั้นใช้เรือเป็นพาหนะ
...................ในยุคที่กรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ใกล้จะถูกพม่าตีแตก ในกรุงศรีอยุธยามีชาวไทยมุสลิมตั้งบ้านเรือนอยู่ชายแม่น้ำเจ้าพระยาชานกรุงมากมาย ทั้งเรือนบนฝั่ง และเรือนแพ มีข้าราชการมุสลิม พ่อค้า ทหารมุสลิมรับราชการอยู่มาก ต่างก็ได้อพยพ ถอยเรือนแพลอยลงมารวมกันอยู่ที่คลองบางกอกใหญ่ และ
คลองบางกอกน้อยมากมาย จึงทำให้ผู้คนมารวมกันละหมาดที่กุฎีใหญ่ หรือ กุฎีต้นสนมากขึ้น จนกระทั่งเรือนมัสยิดไม่พอที่จะรองรับ ในการละหมาดยะมาอะห์ตามปรกติหรือละหมาดในวันศุกร์ได้พอเพียง
..................... เมื่อกรุงศรีอยุธยาถูกพม่าเข้ายึดและเผาทำลายบ้านเมือง วัดวาอาราม มัสยิด ตลอดจนเข้าปล้นทรัพย์สินเผาพระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระเจ้าตากสินก็ได้รวบรวมผู้คน และทหารไปเตรียมความพร้อมอยู่ที่เมืองจันทบุรี และยกกองทัพมากู้เอกราชสำเร็จ ซึ่งในกองทัพกู้เอกราชครั้งนั้นมีนายทหาร และพลทหารมุสลิมร่วมกองทัพอยู่ด้วยจำนวนมาก มีพ่อค้า ข้าราชการชาวไทยมุสลิมร่วมให้การช่วยเหลือทรัพย์สินเพื่อการกอบกู้เอก
ราชในครั้งนั้นด้วย ใน พ.ศ. ๒๓๑๑ เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินกอบกู้เอกราชสำเร็จ ได้ตั้งกรุงธนบุรีขึ้นเป็นราชธานี กรุงธนบุรีตั้งอยู่ปากคลองบางกอกใหญ่ ใกล้ ๆ มัสยิดต้นสน หรือ กุฎีใหญ่ ที่เรียกกันว่าพระราชวังเดิม เมื่อพระราชวังสถานที่ประทับและสถานที่ราชการมาอยู่ใกล้ กุฎีใหญ่ หรือมัสยิดต้นสน และบรรดาข้าราชการ
พ่อค้า ทหาร แม่ทัพนายกองชาวไทยมุสลิมที่อยู่ใกล้ชิดสนองพระบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสิน มารับราชการอยู่ใกล้มัสยิดต้นสน ก็ได้ทำให้กุฎีต้นสนมีผู้มามาประกอบพิธีกรรมทางศาสนามากมายขึ้น จนกลายเป็นมัสยิดศูนย์กลางของศาสนาอิสลามในสมัยนั้น แม่ทัพนายกองมุสลิมชั้นผู้ใหญ่ตัวอย่างเช่น
พระยาจักรี พระยายมราช พระยาราชบังสัน ส่วนมากเป็นผู้ที่ติดตามพระเจ้าตากสินออกจากกรุงศรีอยุธยาไป เพื่อไปหาทางกอบกู้เอกราชให้แก่ชาติบ้านเมืองทั้งสิ้น จึงทำให้ชาวไทยมุสลิมได้รับการวางพระราชหฤทัยจากพระเจ้าตากสินมากมาย
.....................ในยุคสมัยธนบุรีเป็นราชธานี มัสยิดต้นสนเป็นสถานที่รวมบุคคลสำคัญ ๆ มากมาย ในวันศุกร์มีผู้คนมาละหมาดแน่นมัสยิด
ในช่วงนั้นสมเด็จพระเจ้าตากสินได้พระราชทานที่ดินหลังบริเวณมัสยิดให้แก่มัสยิดอีกกว้างขวางเพื่อขยายส่วนที่เป็นกุบุร เพราะไม่ว่าข้าราชการ ทหารมุสลิมที่สิ้นชีวิตก็จะมาทำการฝังที่กุบุร มัสยิดต้นสน ในช่วงนั้นได้มีการขยายเปลี่ยนแปลงเรือนไม้ของกุฎีต้นสน รื้อเรือนไม้เดิมออก สร้างเป็นอาคารมัสยิด
ก่ออิฐถือปูน มัสยิดที่สร้างขึ้นใหม่ตัวมัสยิดกว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๑๕ เมตรเศษ รูปร่างอาคารมัสยิดสร้างคล้ายศาลาการเปรียญ ลอกแบบอาคารในพระราชวังหลังหนึ่งมาเป็นแบบ ไม่ได้สร้างแบบรูปร่างตัวอาคารมัสยิด แบบอาหรับ ไม่มีโดม ไม่มีเสาบัง แต่มีหน้าจั่ว มีการสลักลวดลายไทยอย่างสวยงามด้วยปูนปั้น โดยอาศัยการเสียสละทั้งแรงกาย แรงใจ และทรัพย์สินในการขยายมัสยิดใหม่ โดยมีรูปร่างของอาคารมัสยิดตามแบบ
ศิลปไทยอย่างแท้จริง สองข้างอาคารมัสยิดต้นสน ก็มีอาณาบริเวณของวัดหงษ์รัตนารามและวัดโมฬีโลกยาราม ซึ่งเป็นอารามหลวงขนาบสองข้าง แต่เราชาวไทยมุสลิมกับชาวพุทธก็อยู่กันอย่างร่มเย็น ต่างคนก็ต่างนับถือศรัทธา ปฏิบัติไปตามลัทธิศาสนาของตนไม่ก้าวก่ายกัน เป็นทหารของกองทัพไทยเคียงบ่าเคียงไหล่กันปกป้องเอกราช
......................เมื่อมัสยิดสร้างเสร็จ ในครั้งนั้น ที่ท่าน้ำของมัสยิดริมคลองบางกอกใหญ่ ผู้คน และบรรดาทหารได้ใช้เป็นท่าน้ำอาบน้ำชำระร่างกาย ได้มีไม้กระดานใหญ่แผ่นหนึ่งกว้างประมาณ ๒ ศอก ยาวประมาณ ๔ ศอก ลอยมาติดอยู่ที่ใกล้บริเวณบันไดท่าน้ำ ที่แผ่นกระดานนั้นมีร่องรอยไฟไหม้เป็นบางส่วน เมื่อผู้คนไปจับพลิกขึ้นมาดูก็ปรากฏว่าอีกด้านหนึ่งของแผ่นกระดานนั้นมีการแกะสลักแผนผังของมัสยิดินฮะรอม และมัสยิดดินนบี และมีการแกะสลักโองการแห่งพระคัมภีร์อัลกุรอ่าน สวยงาม บรรดาทหารที่เก็บขึ้นมาก็ได้นำเอาไปเสนอแม่ทัพนายกองมุสลิม พวกนายทหารก็ได้นำไปถวายสมเด็จ
พระเจ้าตากสิน และพระเจ้าตากสินก็ได้มอบให้แก่ผู้ปกครองมัสยิดต้นสน และอิหม่ามในสมัยนั้นก็ได้นำเอามาไว้ในมัสยิด ตกแต่งทาสีให้สวยงาม ที่มีร่องรอยไฟไหม้มานั้นก็คงจะเป็นไม้บนเมิมบัรของมัสยิดใดมัสยิดหนึ่ง ที่ถูกพม่าเผาทำลายในช่วงเวลาที่กองทัพพม่ายกมาปล้นกรุงศรีอยุธยา
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ มัสยิดต้นสนได้มีการตกแต่ง บูรณะขยายต่อเติม ที่หน้าจั่วมีการเสริมช่อฟ้าใบระกา คล้ายอารามหรือศาลาการเปรียญมีการทำเมี๊ยะห์รอบอิหม่าม และมิมบัร แบบไทยแท้ มีแกะสลัก ฝังกระจกสี ลงรักปิดทองคล้ายวัดในศาสนาพุทธ เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่ง
เกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ เสด็จทางชลมารทผ่านคลองบางกอกใหญ่ เมื่อเสด็จผ่านท่าน้ำของมัสยิด ทรงทอดพระเนตรอาคารมัสยิดต้นสนที่มีรูปร่างอาคารคล้ายวัด มีช่อฟ้าใบระกามีลวดลายที่หน้าจั่วแบบวัดในศาสนาพุทธ ก็ยกพระกรขึ้นประนม แล้วตรัสถามข้าราชบริพารที่ตามเสด็จว่า นี่วัดอะไร เมื่อได้รับการกราบ
ทูลว่าเป็นมัสยิดอิสลาม จึงได้มีพระกระแสรับสั่งแก่ ท่านหลวงโกชาอิสห์ (นาโคดาหลี) ซึ่งเป็นมหาดเล็กใกล้ชิดของ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไปยกเอาช่อฟ้าแบบวัดออกเสียเพื่อมิให้มีใครเข้าใจผิด ในยุคนี้บรรดามวลมุสลิมที่ตั้งบ้านเรือนอยู่รายล้อมมัสยิดต้นสน และที่สร้างเป็นเรือนแพในคลองบาง
กอกใหญ่ทั้งสองฝั่งมีจำนวนมากมาย ที่มีความรู้ด้านศาสนาก็มาก เมื่อมีการอ่านพระคัมภีร์อัลกุรอ่าน มัสยิดต้นสนมีพระคัมภีร์อัลกุรอ่าน ที่เขียนขึ้นมาโดยชาวมุสลิมต้นสนมากมายหลายตะมัต ซึ่งเขียนด้วยมืออย่าง สวยงามเขียนเป็นเล่ม ๆ เล่มละยุชุอ์ ที่เขียนด้วยความประณีตบรรจง บางตะมัตเขียนกรอบเริ่มซูเราะห์ ฟาติฮะห์ ด้วยลวดลายน้ำทองพร้อมทั้งลงสีอย่างวิจิตรบรรจงสวยงามเป็นที่สุด แต่ละตะมัตมีหีบไม้สักบ้าง หีบลง
รักฝังมุขลายไทยบ้างเพื่อเก็บรักษา ซึ่งเป็นความอุตสาหะวิริยะตั้งใจเทิดทูนอัลกุรอ่านที่ไม่มีใครในสมัยนี้ทำได้เหมือน ซึ่งทางผู้ปกครอง อิหม่าม กรรมการมัสยิดในยุคนั้นได้ปกปักษ์รักษาไว้เป็นอย่างดี ซึ่งก็มีบ้างที่ชำรุดเสื่อมไปตามกาลเวลาซึ่งมัสยิดต้นสนได้เก็บรักษาไว้อย่างดีเยี่ยม เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้เรารำลึกถึงความศรัทธาของบรรดา บรรพบุรุษของเราที่คนสมัยนี้ไม่มีใครทำได้อย่างท่าน
.....................ในปี พ.ศ. ๒๔๘๙ ในหลวงรัชกาลที่ ๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อานันทมหิดล ได้ทรงทราบถึงความเป็นมาของมัสยิดต้นสน ซึ่งเป็นมัสยิดที่เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ และได้ทรงทราบถึงประวัติความเป็นมารวมทั้งบรรดาแม่ทัพนายกองมุสลิม ข้าราชการมุสลิมหลายท่าน และอดีตท่านจุฬาราชมนตรีที่ปรึกษาเกี่ยวกับกิจกรรมของศาสนาอิสลามขององค์พระมหากษัตริย์ไทยหลายรัชกาล ได้ฝังอยู่ในสุสานของมัสยิดต้นสนเป็นจำนวนมาก จึงมีพระประสงค์ที่จะพระราชทานพระราชวโรกาสเสด็จมาเยี่ยมมัสยิดต้นสนทางชลมารท เพื่อให้มวลมุสลิมได้มีโอกาสเข้าเฝ้าเบื้องพระยุคลบาทอย่างใกล้ชิด ทางท่านอิหม่ามและกรรมการมัสยิดได้รับทราบพระมหากรุณาธิคุณล่วงหน้าอย่างกระทันหัน มีเวลา
เตรียมรับเสด็จล่วงหน้าเพียง ๒ วัน เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ และ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งทรงเป็นพระอนุชาในขณะนั้น ทรงเสด็จเยี่ยมมัสยิดต้นสน เป็นการส่วนพระองค์ผู้ที่ตามเสด็จในครั้งนี้มี พระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหมื่นทิพยลาภพิทยากร พร้อมทั้งราชองค์รักษ์และข้าราชบริพาร นายทหาร นายตำรวจ มหาดเล็กรักษาพระองค์ เสด็จทางชลมารท เทียบท่าน้ำของมัสยิด ผู้ที่มีเกียรติมาร่วมถวายการรับเสด็จในครั้งนี้ ก็มี ท่านจุฬาราชมนตรี แช่ม พรหมยงค์ ท่านเจ้าคุณมไหสวรรค์ นายกเทศมนตรีนครธนบุรี พร้อมด้วยอิหม่าม คณะกรรมการมัสยิดต้นสน และบรรดามวลพี่น้องมุสลิม ชาวมัสยิดต้นสนและพี่น้องมุสลิมในท้องที่อื่น ๆ มาร่วมถวายการรับเสด็จอย่างมากมาย การรับเสด็จเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทางมัสยิดได้มีการบันทึกภาพอันสำคัญนี้ไว้มากมาย
.....................พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลและพระอนุชา ได้ทรงเสด็จเข้าสู่ภายในมัสยิด และทรงไต่ถามถึงรายละเอียดต่าง ๆ ที่ทรงสนพระทัย และได้ทรงเสด็จพระราชดำเนินมาที่อาคารเรือนไม้ข้างมัสยิด ซึ่งเป็นที่ตั้งของสมาคมสนธิอิสลามในปัจจุบัน ทางมัสยิดก็ได้ทราบบังคมทูลรับเสด็จและกราบทูลประวัติความ
เป็นมาของมัสยิด เมื่อถวายรายงานจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลได้ทรงมีกระแสพระราชดำรัสตอบ ด้วยพระราชดำรัสที่นำความปลาบปลื้มใจมาให้แก่บรรดาพี่น้องมุสลิมที่ได้มาถวายการรับเสด็จอย่างใกล้ชิดโดยทั่วหน้า
เอกสารอ้างอิง
....................ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม สถาบันราชภัฏธนบุรี. เอกสารประกอบการประชุมสัมมนาทางวิชาการ เรื่อง "ชีวิตไทยในธนบุรี" : ๒๐-๒๒ มิถุนายน ๒๕๓๓.

ยังมีสาระเรื่องราวดี ๆ ที่อยากเล่าตามมาดูเราได้ที่ ;
My blogs link 👆
https://sites.google.com/site/dhammatharn/
https://abhinop.blogspot.com
https://abhinop.bloggang.com
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.




Create Date : 31 สิงหาคม 2554
Last Update : 11 มีนาคม 2564 16:06:55 น. 0 comments
Counter : 696 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ททมาโน ปิโยโหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.
New Comments
Friends' blogs
[Add ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.