ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก A giver is always be loved.
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2563
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
14 กรกฏาคม 2563
 
All Blogs
 
ท้าวผาแดงนางไอ่

นองหาร” ตำนานรักสามเศร้า..ผาแดง นางไอ่ ภังคี

            "หนองหาร" หนองน้ำกว้างใหญ่ในอำเภอกุมภวาปี  และมีพื้นที่กว้างไกลสุดสายตากว่า 22,500 ไร่ ได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญที่อุดมสมบูรณ์สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย และถ้ามาเที่ยวในช่วงเดือนตุลาคม - มีนาคม คุณจะได้เห็นบัวแดงน้อยใหญ่ออกดอกบานสะพรั่งละลานตาสวยงามไปทั่วเวิ้งน้ำ แต่ความงดงามของทะเลบัวแดงแห่งนี้ ใต้ผืนน้ำยังมีตำนานพื้นบ้านที่เล่าขานถึงเรื่องราวความรักระหว่างหนึ่งหญิงสองมีใหญ่หนองหาร เป็นฉากหนึ่งในตำนานเรื่องนี้

            ในตำนานกล่าวไว้ว่า มีเมืองๆ หนึ่ง ชื่อว่า “นครเอกชะทีตา” มี “พระยาขอม” เป็นผู้ปกครองดูแล และมีพระธิดาสาวสวยนามว่า “นางไอ่คำ” ความงามของนางเป็นที่เลืองลือไปทั่ว เป็นที่หมายปองของบรรดาเจ้าชายเมืองต่างๆ ด้าน “ท้าวผาแดง” โอรสเจ้าเมืองผาโพงได้ยินข่าวลือ ก็เกิดความหลงใหลใฝ่ฝันในตัวนางเป็นอันมาก จึงวางแผนทอดสัมพันธไมตรีด้วยการส่งเครื่องบรรณาการฝากไปให้นางไอ่ เมื่อมหาดเล็กนำสิ่งของไปมอบให้และเล่าถึงความงามของท้าวผาแดงให้นางไอ่ฟัง นางก็เกิดความสนใจ และฝากเครื่องบรรณาการไปให้ท้าวผาแดงเป็นการตอบแทนด้วยเช่นกัน ก่อนที่มหาดเล็กจะเดินทางกลับ นางไอ่ได้ฝากคำกล่าวเชิญท้าวผาแดงซึ่งตั้งทัพรออยู่นอกเมืองให้เข้าไปในเมืองขอมเพื่อพบกับนางด้วย ทันทีที่ทั้งสองได้พบกันก็เกิดเป็นความรักขึ้นจากบุพเพสันนิวาสในชาติปางก่อน

            ฝ่าย “ท้าวพังคี” โอรสของ “สุทโธนาค” เจ้าผู้ครองเมืองบาดาล ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ใฝ่ฝันอยากเห็นความงามของนางไอ่ ด้วยชาติปางก่อนท้าวพังคีเกิดเป็นชายหนุ่มที่ยากจนและเป็นใบ้ เดินทางขอทานไปตามหมู่บ้านต่างๆ จนมาถึงบ้านของเศรษฐีคนหนึ่ง จึงได้ไปขออาศัยอยู่และช่วยเศรษฐีทำงานโดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย เศรษฐีพอใจและรักใคร่เป็นอย่างมากถึงกับยกลูกสาวคนหนึ่งให้แต่งงานเป็นภรรยา ซึ่งก็คือนางไอ่ในชาติปัจจุบัน เมื่อแต่งงานแล้วชายหนุ่มแทนที่จะดูแลรักใคร่ภรรยาของตน เขากลับไม่สนใจใยดีเลย ไม่เคยหลับนอนด้วยแม้แต่ครั้งเดียว ส่วนภรรยาก็ไม่เคยปริปากบอกใครเฝ้าปรนนิบัติพัดวีสามีอย่างดีเสมอมา

            กระทั่งวันหนึ่งชายหนุ่มเกิดคิดถึงบ้าน จึงพาภรรยาเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านของตน ตลอดทางชายหนุ่มไม่สนใจดูแลนางอีกเช่นเคย และด้วยระยะทางที่ไกลมาก ทำให้เสบียงที่เตรียมมาหมดลงกลางทาง ชายหนุ่มเห็นต้นมะเดื่อมีผลสุกเต็มต้นจึงปีนขึ้นไปเก็บกินด้วยความหิวเพียงคนเดียว โดยไม่คิดจะแบ่งนาง เมื่อสามีปีนลงมาจากต้นมะเดื่อ นางจึงตัดสินใจขึ้นไปเก็บกินเอง เมื่อกินอิ่มแล้วกลับลงมาจากต้นมะเดื่อ ก็ไม่พบสามีรออยู่ นางรู้สึกทุกข์ทรมานใจเป็นอย่างยิ่ง พอเดินมาถึงต้นไทรริมฝั่งแม่น้ำแห่งหนึ่ง นางจึงลงไปอาบน้ำและดื่มกินจนรู้สดชื่น ตอนนี้เอง นางตั้งจิตอธิษฐานว่า “ชาติหน้าขอให้สามีนอนตายอยู่บนกิ่งไม้ อย่าได้เป็นสามีภรรยากันอีกเลย” ด้วยแรงอธิษฐานของนางในชาติต่อมา สามีของนางจึงเกิดมาเป็นท้าวพังคี ส่วนนางได้เกิดมาเป็นนางไอ่


เมื่อนางไอ่เติบโตเป็นสาว พระยาขอมผู้เป็นบิดาได้มีประกาศแจ้งข่าวไปตามหัวเมืองน้อยใหญ่ให้จัดบั้งไฟมาจุดแข่งขันกันเพื่อบูชาพระยาแถนให้บันดาลฝนตกลงมาตามฤดูกาล และหากบั้งไฟของผู้ใดขึ้นสูงกว่า คนๆ นั้นจะได้แต่งงานกีบนางไอ่ โดยกำหนดวันขึ้น 15 เดือน 6 เป็นวันงาน ในวันงานมีเมืองน้อยเมืองใหญ่ส่งบั้งไฟหมื่นบั้งไฟแสนมาแข่งกันมากมาย มีผู้คนทั่วทุกสารทิศหลั่งไกลมาร่วมงานกันอย่างคึกคัก แม้งานบุญบั้งไฟครั้งนี้ท้าวผาแดงจะไม่ได้ทราบข่าว แต่ก็ได้นำบั้งไฟมาร่วมด้วย พระยาขอมให้การต้อนรับท้าวผาแดงเป็นอย่างดี ฝ่ายท้าวพังคีโอรสเจ้าเมืองบาดาล รู้ข่าวอยากมาร่วมงานที่เมืองมนุษย์ด้วย และบิดาห้ามอย่างไรก็ไม่ฟัง ก่อนเดินทางมาถึงเมืองเอกชะทีตา ท้าวพังคีสั่งให้บริวารแปลงร่างเป็นมนุษย์บ้าง เป็นสัตว์บางส่วน ส่วนตนเองแปลงร่างเป็น‘กระรอกเผือก’ ออกติดตามชมความงามของนางไอ่ในขบวนแห่ของเจ้าเมืองไปอย่างหลงใหล

         การแข่งขันบั้งไฟเป็นไปด้วยความสนุกสนาน ซึ่งการแข่งขันบั้งไฟครั้งนั้น ท้าวผาแดงกับพระยาขอมมีการพนันกันว่า ถ้าบั้งไฟของท้าวผาแดงชนะ พระยาขอมจะยกนางไอ่ให้เป็นคู่ครอง ผลการแข่งขันปรากฏว่าบั้งไฟของพระยาขอมและท้าวผาแดงต่างไม่ขึ้นด้วยกันทั้งคู่ คงมีแต่บั้งไฟของพระยาแดดเมืองฟ้าแดดสูงยาง และของพระยาเชียงเหียนเท่านั้นที่ขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นเวลานานถึงสามวันสามคืน แต่พระยาทั้งสองเป็นอาของนางไอ่ การแข่งขันเพื่อได้นางไอ่เป็นรางวัลจึงต้องล้มเลิกไป

            เมื่องานบุญบั้งไฟเสร็จสิ้นแล้ว ท้าวผาแดงและท้าวพังคีต่างฝ่ายต่างกลับบ้านเมืองของตน ในที่สุดท้าวพังคีทนอยู่ในเมืองบาดาลไม่ได้ เพราะหลงใหลในความงามของนางไอ่จึงพาบริวารกลับมายังเมืองมนุษย์อีกโดยแปลงร่างเป็นกระรอกเผือกอีกครั้งและแขวนกระดิ่งทองไว่ที่คอไว้ เมื่อกระโดดไปเกาะอยู่บนกิ่งไม้ใกล้หน้าต่างห้องนอนของนางไอ่ กระดิ่งทองมีเสียงดังกังวาลขึ้น นางไอ่ได้ยินเสียงก็เกิดความสงสัยเปิดหน้าต่างออกไปเห็นกระรอกเผือกและเกิดอยากได้ นางจึงสั่งให้นายพรานฝีมือดีตามจับกระรอกเผือกตัวนั้นให้ได้ ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตาย นายพรานออกติดตามกระรอกเผือกตามไปติดๆ แต่ยังจับไม่ได้สักที จึงไล่ตามไปเรื่อยๆ จนมาถึงต้นมะเดื่อที่มีผลสุกเต็มต้น กระรอกเผือกก้มหน้าก้มตากินผลมะเดื่อด้วยความหิว และด้วยกรรมในชาติปางก่อน ในที่สุดพรานจึงได้โอกาสยิ่งกระรอกด้วยหน้าไม้ซึ่งมีลูกดอกอาบยาพิษ

            เวลานั้นท้าวพังคีในร่างของกระรอกเผือกรู้ตัวว่าตนเองต้องตายแน่ๆ จึงสั่งให้บริวารนำความไปแจ้งให้บิดาทราบก่อนตาย และตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอให้เนื้อของตนมีมากมายถึงแปดพันเล่มเกวียนพอเลี้ยงคนทั้งเมืองได้ทั่วถึง เมื่อกระรอกเผือกสิ้นใจตาย นายพรานได้ชำแหละเนื้อกระรอกไปให้ผู้คนในหมู่บ้านใกล้เคียงกินโดยทั่วกัน เมื่อบริวารไปบอกสุทโธนาค เจ้าผู้ครองเมืองบาดาล ก็ทรงโกรธแค้นมาก จึ่งสั่งบ่าวไพร่จัดพลขึ้นไปอาละวาดเมืองพระยาขอมให้ถล่มทลายด้วยความแค้น ใครที่กินเนื้อกระรอกให้ฆ่าเสียให้หมด ขณะที่พญานาคออกอาละวาดทำำลายบ้านเมืองอยู่นั้น ท้าวผาแดงกำลังขี่ม้า “บักสาม” มุ่งหน้าไปหานางไอ่ ระหว่างทางเห็นพญานาคเต็มไปหมด และเล่าเรื่องที่พบเห็นให้นางไอ่ฟัง แต่นางไม่สนใจและนำอาหารที่มีกลิ่นหอมเป็นพิเศษมาให้ผาแดงกิน ท้าวผาแดงจึงถามว่าเนื้ออะไร นางตอบว่า เป็นเนื้อกระรอกเผือก ผาแดงจึงไม่ยอมกิน

พอตกกลางคืนเหตุการณ์ที่ใครๆ ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น จู่ๆ แผ่นดินเมืองเอกชะทีตาก็ถล่มทลายลงเป็นหนองหาร ซึ่งเป็นต้นน้ำปาวในปัจจุบัน ท้าวผาแดงทราบได้ทันทีว่าเป็นการกระทำำของพวกพญานาคจึงคว้าแขนนางไอ่ขึ้นหลังม้าบักสามควบหนีออกจากเมืองเพื่อให้ปลอดภัย แต่เนื่องจากนางไอ่กินเนื้อกระรอกเผือกเข้าไป แม้จะหนีไปทางไหนก็ถูกพวกพญานาคติดตามไม่ลดละในที่สุดนางไอ่ก็ถูกพญานาคใช้หางฟาดตกจากหลังม้าและจมหายไปในพื้นดินทันที เมื่อนางไอ่จมดินไปต่อหน้าต่อตา ท้าวผาแดงกลับถึงเมืองผาโพง เกิดตรอมใจคิดถึงนางไอ่ตลอดเวลา จนล้มป่วยตรอมใจตายตามนางไอ่ เมื่อท้าวผาแดงตายไปเป็นผี มีความอาฆาตพยาบาทต่อพญานาคอยู่ไม่วาย ครั้นมีโอกาสเหมาะ ผีท้าวผาแดงได้บริวารกองทัพผีเป็นแสนๆ ไปรบกับพญานาคให้หายแค้น โดยล้อมเมืองบาดาลไว้รอบด้าน ผีท้าวผาแดงและสุทโธนาคเจ้าเมืองบาดาล ต่างฝ่ายต่างใช้อิทธิฤทธิ์รบกันนานถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนไม่มีใครแพ้ชนะ ฝ่ายเจ้าเมืองบาดาล ซึ่งแก่ชรามากแล้วไม่อยากทำบาปทำกรรมต่อไป เพราะต้องการไปเกิดในภพของพระศรีอาริยเมตไตรย จึงไปขอร้อง “ท้าวเวสสุวัณ” ผู้เป็นใหญ่ให้มาตัดสินให้ ท้าวเวสสุวัณทราบว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องของกรรมเก่า จึงขอให้ทั้งสองฝ่ายเลิกราต่อกัน อโหสิกรรมให้กัน เมื่อผีท้าวผาแดงและพญานาคได้ฟังคำสั่งสอนของท้าวเวสสุวัณก็เข้าใจ เหตุการณ์ทั้งหมดจึงยุติลงนับแต่นั้น

ยังมีสาระเรื่องราวดี ๆ ที่อยากเล่าตามมาดูเราได้ที่ ;
My blogs link 👆
https://sites.google.com/site/dhammatharn/
https://abhinop.blogspot.com
https://abhinop.bloggang.com
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.




Create Date : 14 กรกฎาคม 2563
Last Update : 11 มีนาคม 2564 16:34:19 น. 2 comments
Counter : 1386 Pageviews.

 
ททมาโน ปิโยโหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always be love. _/|\_



โดย: ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก วันที่: 17 ธันวาคม 2563 เวลา:14:01:07 น.  

 
ยังมีสาระเรื่องราวดี ๆ ที่อยากเล่าตามมาดูเราได้ที่ ;
My blogs link 👆
https://sites.google.com/site/dhammatharn/
//abhinop.blogspot.com
//abhinop.bloggang.com
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.


โดย: ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก วันที่: 11 มีนาคม 2564 เวลา:11:33:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ททมาโน ปิโยโหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.
New Comments
Friends' blogs
[Add ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.