|
ย่านเก่า มุมเมือง และเรื่องเล่า/กุลธิดา สืบหล้า
บันทึกการเดินทางเป็นตอนๆที่ไม่ใช่เพียงแค่พูดถึงการไปสัมผัสความสวยงามของสถานที่เท่านั้น แต่ยังเล่าถึงประวัติและความเป็นมาของเมือง ที่เล่าในภาษาที่เป็นลักษณะแบบพรรณาโวหาร ละเมียดละไม และใช้การเปรียบเทียบที่น่าคิดค่ะ
เมืองที่ถูกหยิบยกมาลง ล้วนเป็นเมืองที่มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น เมืองจันท์ สงขลา ขุนยวม เมืองนครพนม ทองผาภูมิ เป็นต้น โดยผู้เขียนสามารถเล่าให้เราเห็นภาพของช่วงเวลาในอดีตของเมืองนั้นๆได้แบบน่าสนใจ แม้ในช่วงบทต้นๆเราจะรู้สึกว่าผู้เขียนตั้งใจเล่าตัดบทไปมาโดยมีจุดประสงค์เพื่อดึงดูดความสนใจของคนอ่าน แต่เรากลับรู้สึกว่าทำให้สับสนและกำกวมไปหน่อย และภาพถ่ายก็มีน้อยเกินไปจนบางครั้งทำให้เรานึกภาพไม่ออก (แถมบางภาพก็ยังเป็นรูปขาวดำที่ทำให้มองเห็นความงามของสถาปัตยกรรมบางอย่างไม่ชัดเจนด้วย) แต่ความตั้งใจของผู้เขียนในการบรรยายด้วยภาษาสวยๆถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของเมือง การใช้ชีวิตของผู้คน และสถาปัตยกรรมที่สวยงามของเมืองนั้นๆ ล้วนช่วยกระตุ้นให้เราอยากใช้เวลาอ้อยอิ่งอยู่ในช่วงเวลาในอดีตบ้าง และสิ่งที่ประทับใจมากๆคือการจบบทในหลายๆบทของผู้เขียน ที่ปิดท้ายได้แบบน่าทึ่งไม่น้อย โดยเฉพาะในช่วงบทหลังๆ ที่จบบทได้น่าประทับใจมากๆค่ะ ที่ชอบที่สุดคือ การจบปิดบท นายเหมืองทองผาภูมิ ที่ผู้เขียนเขียนไว้ว่า
"...ชีวิตในปิล็อกวันนี้ เหลือแต่เพียงคนสูงวัยที่พร้อมจะรำลึกถึงอดีต และยินดีที่จะเล่ามันให้ผู้มาเยือนฟัง เย็นมากแล้ว ฉันกับช่างภาพเดินไปตามถนนอันเงียบเหงา สังกะสีเก่าคร่ำคร่าเหมือนจะปลิดปลิวยามลมพัด เมืองนี้อยู่ไม่ไกลจากจังหวัดกาญจนบุรี หากมาโดยรถยนต์ใช้เวลาราว 4 ชั่วโมง การเดินทางมาปิล็อกไม่ยาก ...เพียงแต่ฉันมาช้าไป 30 ปี"
บางเมืองที่ผู้เขียนพูดถึง อาจจะมีบรรยากาศที่เปลี่ยนไปจากปัจจุบันมากแล้ว เพราะเป็นหนังสือที่เขียนตั้งแต่ปี 2548 แต่เนื้อหาโดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติและเรื่องเล่าของเมืองมากกว่าค่ะ จึงไม่มีผลกระทบอะไรมากนักค่ะ
Create Date : 30 สิงหาคม 2558 | | |
Last Update : 5 มกราคม 2563 16:09:29 น. |
Counter : 1710 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
บินทีละหลา/บินหลา สันกาลาคีรี
ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย กับหนึ่งในนักเขียนในดวงใจคนนี้ เราหยิบเรื่องนี้มาอ่านก่อนเรื่องหลังอาน ที่ลงเป็นตอนๆในมติชนสุดสัปดาห์ก่อน เพราะหยิบใกล้มือกว่า (ไม่มีเหตุผลอื่นใดมากกว่านั้น ) ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่จำเป็นต้องอ่านต่อกันแต่อย่างใด
เรื่องนี้เป็นการเล่าถึงความคิดที่ได้จากการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ที่ยังคงรวบรวมบางตอนมาจากการตีพิมพ์ในมติชนฉบับวันอาทิตย์ ในช่วงธันวาคม 2541-กันยายน 2542 และบางตอนมาจากคอลัมน์ "กวี/กระวาด" ในมติชน สุดสัปดาห์ ระหว่างปี 2539-2542 ซึ่งเป็นแนวคิดจากการเดินทางที่คมคาย ช่างคิด ในภาษาที่สละสลวยด้วยสำนวนเฉพาะตัว แฝงด้วยอารมณ์ขัน และการกระทบกระเทียบเปรียบเปรยกับสังคมและการเมืองรอบตัว ที่จัดว่ามีเสน่ห์ ชวนอ่าน และประทับใจมากๆ
โดยส่วนตัวแล้ว เราไม่ใช่นักเดินทาง และบอกตรงๆว่าไม่ได้ชื่นชอบการเดินทางเท่าไหร่ หรือหากจะมีการเดินทางอยู่บ้าง ก็มักจะเลือกการเดินทางที่ไม่ได้มีการผจญภัยอะไรมากมายนัก หรือที่เหมาะกับสภาพสังขารของตัวเองเป็นหลัก แม้จะชื่นชมวัฒนธรรม อารยธรรม ศิลปกรรม และสถาปัตยกรรม ชิ้นเอกที่เป็นมรดกตกทอดจากประวัติศาสตร์หรือจากศิลปินเอก แต่ก็ไม่เคยถึงกับดั้นด้นให้ต้องไปเห็นกับตา (แม้ว่าหากได้เห็นเป็นบุญตาก็จะยิ่งดีก็ตาม) แต่ก็นึกอิจฉาคนที่มีใจรักการเดินทางในลักษณะแบกเป้ท่องเที่ยวแบบนี้อยู่เสมอๆ เพราะดูน่าสนุกและคงเปิดหูเปิดตามากมาย
บินหลา ให้ข้อคิดดีๆไว้เยอะมาก และแม้บางอย่างจะคิดไม่ค่อยตรงกับคนที่ไม่ใช่นักเดินทางอย่างเราบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับจริงๆว่าตัวหนังสือของบินหลามีเสน่ห์จริงๆ ในบางตอน (จริงๆก็เกือบทุกตอนนั่นแหละ) สามารถทำให้เราหัวเราะไปกับอารมณ์ขันของเขา บางตอนก็ทำให้เราสะใจไปกับการเสียดสีประชดประชันผู้คน สังคม และการเมือง รวมถึงบางตอน ก็สามารถทำให้เราเสียน้ำตาไปกับตัวหนังสือของเขาได้ด้วยเหมือนกัน
Create Date : 14 มกราคม 2558 | | |
Last Update : 14 มกราคม 2558 22:40:10 น. |
Counter : 818 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ถกเขมร/คึกฤทธิ์ ปราโมช
หนังสือเล่มนี้ มีไว้ในครอบครองนานแล้ว (พูดง่ายๆก็คือ ดองไว้นานแล้ว) แต่ยังไม่ประสบพบช่องทางดีๆที่จะหยิบขึ้นมาอ่านซักที จนกระทั่งเมื่อต้นปี 2551 นี้เอง ที่เรามีโอกาสจะได้ไปเยี่ยมชมนครวัดนครธม จึงจำเป็นที่จะต้องทำการบ้าน ศึกษาหาความรู้ก่อนไป แล้วก็ทำให้มีโอกาสได้หยิบเอาหนังสือบางๆเล่มนี้ขึ้นมาอ่านในที่สุด ความรู้สึกหลังจากอ่าน คือ...น่าจะหยิบมาอ่านตั้งนานแล้ว มัวแต่ไปอ่านอะไรอยู่ฟระ...
หนังสือเรื่องถกเขมรของท่านอาจารย์คึกฤทธิ์นั้น เขียนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 โน่นแน่ะค่ะ เมื่อครั้งที่ท่านไปเยี่ยมเมืองเขมรพร้อมเพื่อนอีก 3 ท่าน ซึ่งก็คือ คุณอบ ไชยวสุ (ฮิวเมอริสต์), คุณประยูร จรรยาวงศ์, และคุณประหยัด ศ. นาคะนาท แต่ถึงอย่างนั้น การอ่านหนังสือถกเขมรในตอนนี้ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าข้อความในหนังสือจะเชยหรือล้าสมัยแต่ประการใดเลยค่ะ ท่านเล่าประสบการณ์ในเมืองเขมรได้สนุกมากค่ะ มีทั้งการหยิกหยอก รำพึงรำพัน และถกเถียงตั้งข้อสงสัย ทำให้เรารู้สึกเหมือนไม่ใช่เพียงแค่เห็นภาพประเทศเขมรจากตัวหนังสือของท่านเท่านั้น แต่ยังรู้สึกถึงบรรยากาศรอบตัวได้ด้วยซ้ำไปค่ะ จะลองคัดข้อความตอนหนึ่งที่เราชอบมากมาให้อ่านกันดูนะคะ
"...คิดดูแล้วก็เห็นว่าเกินกำลังดันทางศิลปะ เกินศรัทธา และเกินความฝันของมนุษย์ที่จะสร้างสรรค์สิ่งก่อสร้างอันใหญ่หลวงนี้ขึ้นมาได้ด้วยกำลังแขนกำลังขาและด้วยเครื่องมือเพียงง่ายๆตามแบบโบราณภายในเวลาเพียง 30 ปีเท่านั้น สิ่งเดียวที่ก่อกำเนิดและเร่งรัดการก่อสร้างนี้ไปจนสำเร็จเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้ ก็คือ อำนาจ อำนาจที่เห็นแก่ตัว จะเคลิ้มฝันเห็นตัวเองเป็นเทวราชผู้ครองโลก อำนาจที่กดขี่บังคับและทารุณแก่มนุษย์อื่นๆ โดยมิได้เห็นราคาและมิได้เห็นว่าเป็นมนุษย์ด้วยกัน ถ้าหากว่าเหงื่อและน้ำตาตลอดจนชีวิตของมนุษย์ที่ถูกเกณฑ์เอามาสร้างนครวัดนี้ สามารถจะตักตวงเอาไว้ได้ เหงื่อ น้ำตา และชีวิตนั้น ก็คงจะท่วมท้นคูที่ล้อมรอบนครวัดนั้นอยู่ เสียงลมที่พัดเข้ามาทางช่องทวารศิลาและแล่นไปตามระเบียงมืด ดังเหมือนเสียงสะท้อนของเสียงโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเมื่อพันปีมาแล้ว และเสียงค้างคาวกระพือปีกและเสียงค้างคาวร้อง ฟังดูเหมือนเสียงคนกระซิบกระซาบปรับทุกข์กันด้วยความเหนื่อยอ่อนและเมื่อยล้า..."
อ่านแล้วก็อดคิดไม่ได้นะคะ ว่าอำนาจมันคงฝังอยู่ในกมลสันดานของมนุษย์ตั้งแต่เมื่อครั้งอดีตโน่นเลยเชียว มิน่า...ต่อให้สลัดยังไง ก็ยังหนีมันไม่พ้นซักที
Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2551 | | |
Last Update : 1 มีนาคม 2551 22:23:43 น. |
Counter : 3721 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
บ้านหนังสือในหัวใจ/ไพลิน รุ้งรัตน์
หนังสือเล่มนี้ คุณไพลินพูดถึงหนังสือเล่มโปรดในหัวใจของเธอ โดยแบ่งหัวใจเธอออกเป็น 10 ห้องค่ะ ห้องที่หนึ่ง ชื่อว่า ม่วงมณีแห่งความกระหายใคร่รู้ คือจุดเริ่มต้นของความสนใจในการอ่านหนังสือและหนังสือเล่มแรกๆที่เธออ่าน ห้องที่สอง ขาวสดใสแห่งวัยเยาว์ หนังสืออ่านสนุกเมื่อครั้งยังเล็ก ที่กระตุ้นต่อมจินตนาการในวัยเยาว์ เช่น ปลาบู่ทอง หรือล่องไพร
ห้องที่สาม คือ ชมพูแพรแห่งความเพ้อฝัน หนังสือรักโรแมนติกทั้งหลาย (ซึ่งเป็นห้องที่เราชอบมากที่สุด ) เช่น อมาญาส์, ในฝัน, ทัดดาว บุษยา
ห้องที่สี่ คือ ละมุนฟ้าแห่งความอ่อนไหว บทร้อยกรองเพราะๆ (ที่เรายังเข้าไม่ถึง ) เช่น ลิลิตพระลอ, ลิลิตตะเลงพ่าย หรือโคลงกลอนของสุนทรภู่
ห้องที่ห้า คือ เข้มเขียวแห่งพลังและการค้นพบ ที่พูดถึงหนังสือรวมเรื่องสั้นดีๆที่น่าสนใจเยอะแยะ เช่น แม่ครับ, โลดแล่นรวดเร็วเหนือรวงคลื่น, หรือรถไฟเด็กเล่น
ห้องที่หก คือ เหลืองไสวแห่งชีวิต นวนิยายชีวิตที่เป็นเชิงสร้างสรรค์มากกว่าพาฝัน เช่น ข้างหลังภาพ , ไผ่แดง, ผู้ดี, หรือสงครามชีวิต
ห้องที่เจ็ด เนื้อนิลแห่งการค้นหา หนังสืออิงสัญลักษณ์ทั้งหลาย เช่น จ้าวแห่งแมลงวัน หรือ ตลิ่งสูงซุงหนัก
ห้องที่แปด เด่นแดงแห่งหรรษา หนังสือแนวหรรษา เช่น พล นิกร กิมหงวน หรือ นิกกับพิม
ห้องที่เก้า เทาเสน่ห์แห่งวรรณกรรมต่างแดน พูดถึงหนังสือวรรณกรรมต่างประเทศที่น่าสนใจหลายเรื่อง เช่น เต็ลมา, แผ่นดินนี้เราจอง, หรือโอลิเวอร์ ทวิสต์
สุดท้าย ห้องที่สิบ ทองธรรมอันทาบทาใจ ที่พูดถึงหนังสือธรรมะดีๆหลายๆเล่ม เช่น รุ่งอรุณ ณ สนธยา, นอกเหตุเหนือผล หรือ หนึ่งพันจันทรา (และขอยอมรับตามตรงว่า หนังสือที่คุณไพลินแนะนำในห้องนี้ เราไม่เคยอ่านเลยซักเล่มเดียว)
เป็นหนังสือเล่มที่ทำให้เรารู้จักหนังสือเยอะขึ้นมากๆ และยังไปแสวงหามาอ่านเพิ่มตามคำแนะนำของผู้เขียนซะด้วยสิคะ (โดยเฉพาะห้องที่สาม ) เสียดายที่หนังสือเล่มนี้ เธอเขียนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 แน่ะค่ะ ทำให้ไม่มีการอ้างอิงถึงหนังสือใหม่ๆซักเท่าไหร่ แต่ก็ได้อะไรดีๆมาเยอะเชียวค่ะ
Create Date : 11 มีนาคม 2549 | | |
Last Update : 1 มีนาคม 2551 22:13:03 น. |
Counter : 1769 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
พ็อกเก็ตบุ๊คชุด คุยกับประภาส/ประภาส ชลศรานนท์
หนังสือในชุดคุยกับประภาสนี้ เป็นการรวมบทความที่เริ่มต้นจากการที่คุณพี่จิกเขียนตอบจดหมายของผู้อ่านที่มีคำถามถึงพี่จิก ลงในหนังสือพิมพ์มติชนรายสัปดาห์ค่ะ ทุกบทความพี่จิกเขียนได้น่าคิดและน่าสนใจ ถึงแม้บางครั้ง จะเป็นการตอบคำถาม แต่พี่จิกก็ไม่ได้เสนอคำตอบแบบตายตัว แต่กลับเป็นคำตอบแบบตัวเลือก คือให้เราไปเลือกได้เองว่าเห็นด้วยกับคำตอบไหน นอกจากได้ฝึกความคิดแล้ว ยังได้เกร็ดความรู้ต่างๆหลายๆเรื่องอีกด้วยค่ะ สุดยอดจริงๆ แต่หนังสือของพี่จิกเนี่ยะ บอกตรงๆเลยว่าอ่านต่อเนื่องยาวๆไม่ได้อ่ะ มันเหมือนต้องใช้สมองกลั่นกรองความคิดเยอะนิดส์นึง เวลาอ่านก็เลยอาจจะต้องมีการหยุดพักสลับไปอ่านเรื่องอื่น หรือทำอย่างอื่นคั่นด้วยเป็นครั้งคราว แต่จะอ่านยังไง ตอนไหน ก็ได้ความคิดดีๆทุกครั้งเลยล่ะค่ะ
ไล่มาตั้งแต่ลำดับแรก คือ คุยกับประภาส, ตัวหนังสือคุยกัน, กบเหลาดินสอ, มะเฟืองรอฝาน, เชือกกล้วยมัดต้นกล้วย, ยอดมนุษย์ลำลอง, เท่าดวงอาทิตย์ และแมงกะพรุนถนัดซ้ายค่ะ
Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2549 | | |
Last Update : 1 มีนาคม 2551 22:21:04 น. |
Counter : 972 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|