update [ 28*07*2014 ] ในกรุ๊ปบล็อก talkative เรื่อง "facebook งานภาพประกอบของเรา"
Group Blog
 
All blogs
 
myDear India :: day5

///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////







** เช้าสุดท้ายที่โรงแรมเรือ เจ้าของโรงแรมกับภรรยา
ต้องเดินทางไปทำธุระ เลยทำการร่ำลาก่อนจากกันเล็กน้อย
คู่พ่อลูกพ่อค้าเปเปอร์มาเช่ เอาของมาขายอีกรอบ
เพราะเมื่อวานสอบถามคณะทัวร์ไทยเป็นดิบดีแล้วว่ากลับวันไหน
เช้าวันนี้เป็นเช้าสุดท้าย ณ โรงแรมเรือ พ่อค้าของเราจึงไม่พลาด
รีบมาแต่เช้า ใครยังไม่มีของฝากจึงรีบมาอุดหนุนเพิ่มเติม







ธนบัตรพันรูปีของอินเดีย มีภาพมหาตมะคานธี ดอกบัว และอื่นๆอีกเล็กน้อย
เก็บภาพแสงที่ลอดผ่านหน้าต่างในห้องพักที่โรงแรมเรือ กับแสงที่ลอดผ่านลายไม้แกะสลัก
เมื่อมีความสุข เวลาย่อมผ่านไปรวดเร็วมาก คิดแล้วให้ใจหายเล็กๆ
ทำการร่ำลากับคนฮินดูที่มาคอยดูแลอำนวยความสะดวกต่างๆให้เป็นอย่างดี
พร้อมกับถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก เราให้ทิปเค้าพร้อมกับบอกว่าขอบคุณที่บริการพวกเราอย่างดี
เขาตอบกลับมาว่า เขายินดี เขาชอบคนไทย คนไทยใจดี ได้ยินแค่นี้แล้วปลื้มใจ
ได้ความรู้เพิ่มเติมมาอีกนิดว่า คนมุสลิมจะทำการละหมาด ส่วนคนฮินดูไม่ละหมาด
และที่อินเดียเรียกการละหมาดว่า “นะหมาด”







เก็บบรรยากาศรอบทะเลสาบดาลเป็นที่ระลึกอีกครั้ง ในใจอยากอยู่ต่ออีกซักเดือน



คุณแม่กับคุณลูกชาวอินเดีย แต่งตัวสวยงามเต็มยศ มาล่องเรือถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
คุณแม่ชอบอกชอบใจ เห็นลูกถูกถ่ายรูปจากนักท่องเที่ยวไทย คุณแม่เลยหันไปบอกลูก
บอกให้ลูกยิ้มให้กล้อง จังหวะไม่ดี เด็กหันไปยิ้มให้กล้องตัวอื่นพอดี





ดูบรรยากาศรอบทะเลสาบดาลให้จุใจอีกเล็กน้อย



พ่อค้าคนนี้ขายอะไรก็ไม่รู้เห็นเดินมาแต่ไกล คณะเราที่มีกล้อง เริ่มจับภาพ
พอพ่อค้าเดินมาใกล้ เห็นกำลังถูกถ่ายรูปอยู่ เลยหยุดและยิ้มให้ถ่ายรูปอยู่ครู่นึง
เป็นเจ้าบ้านที่น่ารักมาก ถ้าใครไปเที่ยวแล้วเจอน้องคนนี้ฝากคำชมไปบอกด้วย







ทิวทัศน์ทะเลสาบดาลสามรูปสุดท้าย ก่อนต้องจากกันจริงๆ
ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เพียงแค่เราได้จากมาแล้ว
คนอินเดียเห็นเรากำลังก้มๆเงยๆถ่ายรูปอยู่ เลยชวนเราคุย
ถามว่าชอบอินเดียไหม ชอบยังไง เราตอบไปว่า ชอบมาก
ตื่นเต้นมาก สนุกมาก และสวยมาก
แน่นอนในความเป็นจริง ทุกประเทศมีทั้งด้านที่ดีและด้านที่ไม่อยากเผยแพร่
แต่เราจะมีความสุขขึ้นมากโข เมื่อไม่ได้เพ่งส่วนเสียมากจนเกินไป



เจอหมาอินเดีย หน้าตาเหมือนหมาบางแก้วบ้านเรา
ไกด์บอกว่า คนอินเดียไม่เลี้ยงหมา เจอหมาตามข้างถนนบ้าง แต่ไม่มากเท่าบ้านเรา



เด็กผู้ชายทางซ้ายเรียกให้เราถ่ายรูป พร้อมทำท่าฮิตประจำดาวโลก
ไม่รู้ว่ามันเริ่มมาจากแห่งหนใดบนโลกใบนี้ ส่วนเด็กผู้หญิงทางขวา
ถือดอกไม้ช่อเล็กๆไว้ในมือ และกำลังอารมณ์บูด เพื่อนๆรอบตัวเห็นว่ากำลังถูกถ่ายรูป
พยายามบอกให้เงยหน้ายิ้ม แต่เงยมาแค่หนเดียว แล้วก็ก้มหน้าอย่างเดิม



วันนี้มีโปรแกรมพิเศษ ไม่ได้อยู่ในโปรแกรมการเที่ยว
“ฟีลอส” หรือ “โก๊ะตี๋” ในชื่อไทย ไกด์อินเดียประจำคณะ
พาคณะของเรามาที่บ้าน เพื่อแสดงน้ำใจไมตรีด้วยการทำอาหารเลี้ยงหนึ่งมื้อ
และวันนี้เป็นเหมือนวันปีใหม่ของที่นี่ เลยมีการละหมาด การเฉลิมฉลองหลายรูปแบบ
นับว่าฟีลอสให้เกียรติกับคณะทัวร์ของเรามากที่เชิญมาบ้านและทำอาหารเลี้ยง
อาหารฝีมือของคุณแม่กับพี่สาวของฟีลอส สดใหม่จากในครัวเลย
จากรูป คือ คุณแม่ ฟีลอส และ พี่สาวของฟีลอส
เราว่าคงมีการล้มแพะมาทำอาหารเลี้ยงพวกเราเป็นแน่แท้
การเดินทางวันที่สี่เป็นวันที่เราตื่นเต้นที่สุดไปแล้ว
ส่วนวันที่ห้านี้ เป็นวันที่ประทับใจที่สุด นอกจากประทับใจครอบครัวของฟีลอสแล้ว
ต้องตามอ่านต่อไปว่าเราประทับใจอะไรอีก







ครอบครัวฟีลอสทำอาหารมาให้เรากินกันเต็มอิ่ม
พร้อมแจกทับทิมเด็ดสดมาจากสวนหน้าบ้านนี่เอง
ส่วนเครื่องเงินที่เห็นนั่น ใช้สำหรับล้างมือก่อนรับประทานอาหาร
ส่วนเด็กวัยรุ่นที่ยืนโผล่มาตรงหน้าประตู เป็นเด็กยากจน มาขอเงินในวันปีใหม่
คนในบ้านก็ให้เงินไป ส่วนเราขอแจมให้ทับทิมไปกิน เลยไม่ได้ชิมว่ารสชาติ
เหมือนทับทิมบ้านเราหรือเปล่า







ช่วงจังหวะรอรถจิ๊บออกเดินทาง เรารีบเดินออกไปสำรวจละแวกบ้านของฟีลอส
เลยได้เห็นความเป็นอยู่ของคนอินเดียใกล้ชิดขึ้นอีกนิด ลืมบอกไป
ฟีลอสบอกว่า คำทักทายใช้คำว่า “นมัสการ” ใช้พูดกับคนหลายๆคน
ส่วนคำที่ใช้พูดกับคนๆเดียว ใช้ คำว่า “นมัสเต”
ตอนออกสำรวจละแวกบ้านฟีลอส เลยทดลองใช้ ได้ผล
ได้รับการทักกลับว่า นมัสเต หลายครั้ง









โชคดีมีเวลาเพิ่ม อันเนื่องจากรถจิ๊บออกจากบ้านไม่ได้ เพราะรถในซอยติด
ความประทับใจอีกเรื่องในวันเดียวกันเริ่มจากตรงนี้หล่ะ
มีคนอินเดียเดินผ่านมา เราเลยขอถ่ายรูป เพื่อนร่วมทริปตามมาสมทบถ่ายด้วย
จากแค่คนเดียว มีคนอินเดียเดินมาสมทบเพิ่ม และเดินมาเข้ากล้องแบบไม่ต้องคิด
จากนั้นมีการเรียกญาติพี่น้องในบ้านให้ออกมาถ่ายรูปเพิ่มอีกหลายคน
ตอนนี้แหละเลยกลายเป็นมหกรรมถ่ายรูปกับคนอินเดียครั้งใหญ่สุดของทริป
ถ่ายรูปคนอินเดีย คนไทยถ่ายกับคนอินเดีย อุ้มเด็กอินเดียถ่ายรูป
แยกถ่ายเดี่ยว ขอถ่ายหมู่ เป็นที่สนุกสนานอย่างยิ่ง
คนบ้านใกล้เรือนเคียงต่างเดินออกมาดู บรรยากาศตอนนี้เฮฮามาก
ความรู้สึกคือ เหมือนได้มาถึงอินเดียแล้วอย่างแท้จริง
บอกแล้วคนไทยกับคนอินเดียมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกัน
เที่ยววันที่สี่ประทับใจธรรมชาติ วันนี้วันที่ห้าประทับใจคนอินเดีย







หลังจากความประทับใจที่ได้รับ ทำการขอบคุณและร่ำลาครอบครัวของฟีลอส
คณะของเราเคลื่อนพาหนะต่อ เวลาในการเที่ยวเริ่มลดน้อยลงไปเรื่อยๆ
เรามุ่งไปสู่สนามบินศรีนาคา เพื่อนั่งเครื่องไปลงสนามบินอินทิราคานธีร์
ขั้นตอนการตรวจคนที่สนามบินเข้มข้นเท่ากับขามาเป๊ะ
ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง คณะของเรากลับมาสู่เดลีอีกครั้ง
และเปลี่ยนจากรถจิ๊บเป็นรถบัสเพื่อเดินทางต่อทันที





รถบัสพาพวกเรามาถึงประตูชัย หรือ India Gateในตอนเย็น
ประตูชัยแห่งนี้ เคยเป็นศูนย์กลางการปกครองเดลีของอังกฤษ
รัฐบาลอังกฤษสร้างในปี 1931 เพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารอินเดีย
ที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 1 นู่น นานโขทีเดียว
ที่นี่ชาวอินเดียมานั่งเล่น เดินเที่ยว ปิคนิค อารมณ์แบบสนามหลวงประมาณนั้น
และที่นี่ทำให้เรานึกถึงสะพานปลา อันเนื่องมาจากกลิ่นที่ลอยอยู่ในอากาศ
รถเข็นขายน้ำมะนาวนั่น ลูกทัวร์ถามว่าปลอดภัยที่จะกินไหม
ไกด์บอกว่ากินได้ แต่ไม่รับประกันว่าจะจู๊ดๆหรือเปล่า
พูดขนาดนี้ ไม่มีลูกทัวร์คนไหนกล้ากินหรอก ยังไม่อยากนอนโรงพยาบาลที่อินเดีย







รอบๆประตูชัย มีแบกะดินขายของ รถขายของ คนเร่ขายของ
มีของให้กินจุ๊บจิ๊บ มีของให้ช็อปปิ้งอารมณ์แบบตลาดนัดบ้านเรา



เมื่อเริ่มค่ำ รถบัสพาพวกเรามาถึงตลาด เพื่อส่งพวกเราลงไปช็อปปิ้ง
พ่อค้าอินเดีย พอได้ยินว่าเราพูดไทยกัน พ่อค้าจะรีบพูดไทยกับเราเลย
“เชิญชมของในร้านก่อนครับ” เป็นอย่างนี้หลายร้าน
ไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าคนไทยใช้เงินเก่งเพียงใด
เจอร้านหนังสือน่าสนใจอยู่สองร้าน เลยแวะไปสัมผัสบรรยากาศในร้าน
ได้ผล ได้หนังสือศิลปะของอินเดียมาสามเล่ม เก็บไว้เป็นที่ระลึก
เสียดายหาโปสการ์ด กับแสตมป์อินเดียไม่เจอ
มีร้านนึงเราชอบของในร้านหลายอย่าง แต่ราคาค่อนข้างสูง
และติดป้ายเป็นภาษาอังกฤษไว้เลยว่า “No Discount”
เลยได้ของราคาไม่โหดมาแค่ชิ้นเดียว



จบการเที่ยววันที่ห้าด้วยภาพจักรยาน อันเป็นพาหนะสำคัญของประเทศนี้
จักรยานส่วนใหญ่เป็นแบบนี้ คันใหญ่ แลดูแข็งแรงมาก
ถามคนขับรถจิ๊บก่อนหน้านี้ คนขับบอกว่า คันนึงประมาณสองพันรูปี
ตีเป็นเงินไทยประมาณ พันหนึ่งถึงพันสองร้อยบาท นับว่าถูกมาก
คงเพราะผลิตได้มาก ขายได้มาก ราคาเลยถูกไปตามอุปสงค์อุปทานนั่นเอง
วันนี้กลับไปนอนโรงแรมที่มาถึงวันแรก แต่ทำไปทำมา ต้องย้ายโรงแรม
อันด้วยเหตุอะไรนั้น ลืมไปเสียสิ้นแล้ว
บล็อกหน้าวันสุดท้าย ณ อินเดียประเทศ อย่าลืมตามติดให้ถึงตอนจบ
แล้วพบกันใหม่ **

///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////



Create Date : 09 สิงหาคม 2556
Last Update : 12 ตุลาคม 2556 22:19:31 น. 0 comments
Counter : 2315 Pageviews.

ถ่านหินจำศีล
Location :
สมุทรสงคราม Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [?]




///////////////////////////////////////////////

© ถ่านหินจำศีล
ผันตัวจากอาชีพอาร์ตไดเร็คเตอร์
มาเป็นนักเขียนและนักวาดภาพประกอบนิทาน
เมื่อราวๆเดือนมีนาคม 2545
ทำงานและใช้ชีวิตส่วนใหญ่ที่แม่กลอง

บล็อกแห่งนี้ถือกำเนิดเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2550
มี 11 กรุ๊ปบล็อก รวมบล็อกได้ 354 บล็อก
มีอายุบล็อกนับถึง 16 ก.พ. 2557 ครบ 7 ปีแล้ว
-------------------------------------------------------
https://www.trytobeillustrator.bloggang.com
ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายลิขสิทธิ์ปี 2537
© ถ่านหินจำศีล
-------------------------------------------------------

Find more artworks/photos like this on PORTFOLIOS*NET
Friends' blogs
[Add ถ่านหินจำศีล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.