...แต่ละคืนวันที่ผันผ่าน มีเรื่องราวหลากหลายให้ค้นหา ...วานนี้ พรุ่งนี้ มินำพา ...เพียงรู้ว่า ทำวันนี้ให้ดีก็เพียงพอ ...มีความสุขกับทุกจังหวะของชีวิต
Group Blog
 
All blogs
 
ประสบการณ์จากการลองลดความเร็วชีวิตลงบ้าง



ผมกำลังอ่านหนังสืออยู่สองสามเล่ม เป็นหนังสือของน.พ.วิธาน กับหนังสือเรื่องลดความเร็วชีวิต อาทิตย์ก่อนลองใช้เวลานั่งทานอาหารมื้อเที่ยงแบบช้าๆ ลองดูว่ามีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง วันแรกผมนั่งทานผัดมะเขือยาวกับผัดพริกหยวกใส่หมู ค่อยๆเคี้ยวไป ตั้งสติจับความรู้สึกภายในปาก ผมเคี้ยวไปเกือบ40-50ครั้งก่อนจะกลืน ความรู้สึกภายในปากนั้นรู้ตั้งแต่การกัดลงบนผิวมะเขือที่แข็งจนปริ สัมผัสเนื้อในมะเขือที่นุ่ม เคี้ยวผ่านเนื้อหมูที่ผ่านการหมักมาเพราะเนื้อนุ่ม เคี้ยวไปเรื่อยๆจนรู้ว่าเนื้อหมูถูกบดถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ เนื้อที่ละเอียดมากขึ้นให้ความรู้สึกที่ลิ้นแบบละเอียดขึ้นเรื่อยๆ น้ำในเนื้อหมูถูกบีบออกมา รับรู้ว่ามันหวานอย่างนี้เอง ลิ้นที่ตวัดให้อาหารคลุกเคล้ากันนั้น ตวัดไปซ้ายทีขวาทีจนรู้ได้เอง เมื่ออาหารละเอียดขึ้นสัมผัสที่ลิ้นก็รับรู้มาเอง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นไปเอง จนอาหารผ่านลำคอลงไป ผมค่อยๆตักอาหารคำใหม่ขึ้นมา ค่อยๆเคี้ยวไป ผมนั่งทานอยู่ครึ่งชั่วโมง เป็นการทานอาหารที่อร่อยที่สุด เพราะผมรับรู้ทุกอย่างได้หมด และท้องก็รู้สึกไม่อึดอัดมากเพราะอาหารถูกบดเคี้ยวอย่างละเอียด ก่อนหน้านี้ผมเร่งเวลาทานอาหาร ตักใส่ปากเคี้ยวไม่กี่ทีก็กลืน ไม่ได้รับรู้ว่าอาหารนั้นเป็นยังไง

...อีกวันหนึ่งผมทดสอบต่อ คราวนี้มาเรื่องกลิ่น ลองหลับตา ยกถ้วยกับข้าวมาดม พอดีวันนั้นผมทานข้าวต้ม กลิ่นที่ผมได้เป็นกลิ่นของไอร้อนๆเข้ามาแตะจมูก กลิ่นข้าวสุกปนกับกลิ่นใบเตยลอยตามมา ผมยกถ้วยกับข้าวมาดมอีก คราวนี้เป็นถ้วยผัดเปรี้ยวหวาน หลากหลายกลิ่นลอยเข้ามา กลิ่นคล้ายมะเขือเทศ น่าจะเป็นซอสมะเขือเทศ กลิ่นออกเปรี้ยวๆของสัปปะรด กลิ่นของแตงกวาที่ถูกผัด และกลิ่นของต้นหอมที่หั่นมาใส่ และมีกลิ่นของหอมหัวใหญ่ปนมาด้วย กับข้าวอีกอย่างเป็นไข่พะโล้ คงคิดว่าไม่มีกลิ่นใช่ไหมครับ ผมดมได้กลิ่นเพียบเลย กลิ่นของซีอิ้ว กลิ่นของโป๊ยกั๊ก กลิ่นของเต้าหู้ อย่าคิดว่าเต้าหู้ไม่มีกลิ่นนะ มันมีจริงๆ แต่ที่ผมดมไม่ได้กลิ่นคือ กลิ่นของไข่พะโล้ ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยใส่ใจในกลิ่นของอาหารเลย สักก็ดู ตักใส่ปากแล้วกลืน ขบวนการเคี้ยวอย่างช้าๆก็เริ่มต่อ ผมซึมซับรสชาติภายในปากได้อย่างเต็มรส ไม่เขียนเดี๋ยวมันยาว

...อีกวันหนึ่งขณะฝนตก เพื่อนๆรู้ไหมครับ ผมนั่งฟังเสียงฝนตก มีอะไรให้ได้ยินเยอะเลยครับ ถ้าลองตั้งใจฟังให้ดี เราจะรู้เลยว่า เสียงที่ได้ยินนี้ เป็นเสียงฝนตกใส่อะไร ตกลงพื้นเสียงก็ยังต่างกันเลย ตกลงพื้นดินที่ไม่มีแอ่งน้ำเสียงอีกแบบ เสียงเม็ดฝนตกลงแอ่งน้ำก็อีกแบบ เสียงฝนตกลงบนพื้นซีเมนต์ก็อีกแบบ เสียงเม็ดฝนตกลงบนหลังคาผ้าใบให้เสียงอีกแบบ ตกลงบนหลังคาแบบแผ่นซีแพคมันก็อีกแบบ ซีแพคแผ่นบางเสียงจะโปร่งๆ เสียงจากแผ่นอย่างหนาก็ออกทึบๆ ความหนักเบาของเสียงฝนยังบอกอีกว่าเม็ดฝนล่วงมาจากที่ๆสูงแค่ไหน เสียงหนาๆหนักๆมันตกมาจากชั้นที่สูง เสียงบางๆโปร่งกว่ามันตกมาจากชั้นที่ไม่สูง แม้แต่การตกลงบนใบไม้ก็ยังบอกอะไรได้ ใบไม้หนาหรือบาง ผมลองตั้งใจฟังเสียงฝนช่วงที่หนาเม็ดมากๆ ฟังเสียงที่ตกลงบนหลังคา ผมฟังแยกได้ว่าแต่ละเม็ดนั้นตกในเวลาที่ต่างกันแม้เสียงมันจะออกมาเกือบชิด กัน นั่งฟังเสียงฝนไปสักพัก ทีนี้ได้เรื่องเลยครับ เหลือเพียงตัวผมกับเสียงฝนเท่านั้น ใจนิ่งใจสงบไปเยอะเลย

..เรื่องที่ผม เล่านั้นเป็นประสบการณ์ที่ผมประสบจากการลองให้เวลากับตัวเองได้ลองฝึกทักษะ การฟัง ทักษะการรับรู้ความรู้สึก แม้แต่ความเงียบก็มีเสียงให้ได้ยิน นึกถึงเพลงตอนเป็นเด็กที่พ่อเปิดให้ฟังบ่อยๆTHE SOUND OF SILENCE ของSimon & Garfunkel...ผมหวังเพียงว่าทักษะที่เกิดขึ้นนี้จะช่วยให้ผมได้ยินเสียงจากใน ใจตัวเอง ช่วยให้ผมรู้สึกความรู้สึกข้างในตัวเอง




Create Date : 26 พฤษภาคม 2552
Last Update : 26 พฤษภาคม 2552 22:48:52 น. 0 comments
Counter : 1148 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

JazzLover
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




หนุ่มราศีมังกร เลือดกรุ๊ปโอ ตัวโต ขี้ใจน้อย เหงาบ้างเป็นบางอารมณ์ และชอบหาเพลงมาฟังแก้เหงาประจำ...ฟังเพลงทุกประเภท
New Comments
Friends' blogs
[Add JazzLover's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.