น ก ก ร ะ จิ บ เ ล่ า เ รื่ อ ง
ธรรมะเป็นคำตอบของคนหนุ่มสาว
Group Blog
 
All Blogs
 
ก็แค่ตัดใจ... คงไม่ขาดใจตายหรอกน่า - ความรักของแดดเช้า (3)

อยากได้ .... โอย อยากได้เหลือเกิน
เหมือนเวลาที่เห็นของสวยๆ วางอยู่บนชั้นวางของที่ร้านหรือห้างสรรพสินค้า
บางสิ่งบางอย่าง .... ถูกใจเราเหลือเกิน
แต่ถามว่า ถ้าเราเอามาเป็นของเรา คงจะไม่เหมาะสมกับเรา
บางสิ่งบางอย่าง .... สวยงามเหลือเกิน
แต่ถ้าเราจะเอามาครอบครอง ก็คงแค่เอามาวางไว้เฉยๆ
บางสิ่งบางอย่าง .... เราอยากได้มานาน
แต่ถ้าเราจะควักเงินซื้อ ราคาช่างแพงเหลือหลาย
และสิ่งของเหล่านี้ เราได้แต่อยากได้ ได้แต่เฝ้ามอง

แดดเช้าเคยอยากได้ต่างหูคู่หนึ่ง
เป็นสีฟ้าสวยมาก
คิดว่า ถ้ามาประดับหูของเรา คงไม่เหมาะหรอก
แต่มันสวย ซื้อเก็บไว้ก็ยังดี

ราคาก็แพงเหมือนกัน สำหรับเวลานั้นที่แดดเช้ามีเงินติดกระเป๋าแค่ไม่กี่บาท
อยากได้ก็อยากได้
เจ้าของร้านก็บอกว่า เหลือแค่คู่เดียวซะด้วย
"เดี๋ยวมาซื้อได้ไหมคะ"
"มัดจำ 10 บาทก่อน จะเก็บไว้ให้"
เลยต้องเสียเงิน 10 บาท เพื่อจองต่างหูคู่นั้น

แล้วเรื่องเป็นอย่างไรต่อไปรู้ไหมคะ?
แดดเช้าไม่ได้ต่างหูคู่นั้นมาครอบครองหรอก
กลับไปเล่าให้แม่ฟัง ขอเงินแม่เพิ่มจะไปซื้อต่างหูคู่นั้น
ปรากฏว่า แม่ไม่ให้ค่ะ

โถ ... ความรู้สึกตอนนั้น
ทั้งเสียดาย ทั้งอยากได้
เศร้า หวิว ไหวหวั่น สารพัดอารมณ์
เสียใจเหลือเกิน ......
ยากที่จะอธิบายให้ใครฟัง

อารมณ์ของความรัก ก็ไม่ต่างกัน
เล่าเรื่องชายหนุ่มที่อยู่ในหัวใจของแดดเช้าให้อ่านกัน 2 ตอนแล้ว
ตอนที่ 3 ขอเล่าเรื่องคนนี้ต่อแล้วกัน
แล้วค่อยเล่าเรื่องความรักกับรายอื่นๆ ดีไหมคะ?

อืม ... หรือจะเอาเขาคนนี้มาเป็น case study ในทุกตอนก็คงดี
ถ้าเจ้าตัวหลงมาอ่านเรื่องของแดดเช้า ก็ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ
โชคดีเหลือเกินที่คุณเกิดมาให้แดดเช้าหลงรักและพบสัจธรรม
นำเรื่องของตัวเองมาเป็นอุทาหรณ์ เล่าให้คนอื่นฟังได้อีก สาธุ ....

เอาเป็นว่า .....
อารมณ์ "อยากได้" ของแดดเช้า
ไม่ว่าจะอยากได้ต่างหู กับ อยากได้คน ไม่ค่อยจะต่างกันสักเท่าไหร่
พอยกเป็นตัวอย่างเทียบเคียงได้

แดดเช้าทุกข์ใจเหลือเกิน .....
อยู่ดีไม่ว่าดี คิดดูสินะ .... แค่เจอหน้าใครก็ไม่รู้ แล้วเก็บเอามาหลงรัก หลงฝันถึง
บางที อยู่เฉยๆ ก็คิดถึงเขาขึ้นมา
หาทางออกไม่เจอ

จะโทร.ออกไปหาเขา
ต้องแอบโทร. เพราะเวลาอยู่บ้าน ถ้าใช้โทรศัพท์ ต้องรายงานแม่ว่า โทร.ไปหาใคร
ทุรนทุรายเหลือเกิน ... แทบจะคลั่ง

หาทางออกไม่ได้ .... ก็ต้องนั่งเขียนอะไรต่ออะไรระบายอารมณ์
เลยมีบทกวีน้ำเน่ากองอยู่เป็นตั้งๆ
นั่งเพ้อเก็บตัวอยู่คนเดียว

เวลาเจอหน้าเขา ก็ไม่กล้าพูดคุยอีก
แต่เวลาลับหลังนี่ก็เป็นบ้าเป็นบอ

มันจะอะไรกันนักกันหนา .....
แล้วความรัก มันดีตรงไหนล่ะเนี่ย?

วันดีคืนดี แดดเช้าก็ตัดใจ
หัวใจร้องไห้พรากๆ แต่ต้องตัดใจ
เพราะเห็นว่า มันทุกข์เหลือเกิน
หากว่าเธอเคยเหงาใจ
เมื่อเธอคิดถึงใคร จะรู้ว่าปวดร้าวหรือเปล่า
หากว่าเธอเคยรักใคร
และเธอต้องเสียใจ จะรู้และเข้าใจถึงฉัน

* ในความผูกพันนั้นเจ็บปวด
แค่คิดถึงกันก็ทรมาน

** สักวันเธออาจจะเข้าใจ
เธออาจจะรู้ใจในสิ่งที่ฉันเป็นอยู่
สักวันเธอขาดคนรักไป
เธออาจจะได้รู้และเธอจะเข้าใจ (เป็นอย่างดี)

หากว่ามีใครสักคน ที่เธอเคยทุ่มเท
และรักเขาอย่างฉันรักเธอ ฮืม..
และหากตัดใจจากเขาไป
และเธอต้องเสียใจ
เธอคงจะเข้าใจถึงฉัน


แดดเช้าไม่โทร.หาเขา ไม่ติดต่อเขา ไม่เจอหน้าเขาเป็นเวลา 3 ปี
และความเหงาเจ้ากรรม ทำให้แดดเช้าต้องติดต่อเขาอีกครั้ง

ผิดหวัง สับสน จนต้องเข้าโรงพยาบาล
ในช่วงเวลาที่เหงาสุดขั้วหัวใจนั้น
แดดเช้าเป็นบ้าเป็นบอ โทร.ไปหาเขาได้ทั้งวันเลย
เพราะอยู่หอพัก มีอิสระพอที่จะใช้โทรศัพท์

โทร.ไป แค่ได้ฟังเสียงก็ยังดี
ไม่รู้หลงอะไรนักหนา

วันหนึ่ง .... ดูเหมือนจะทำให้เขาหงุดหงิดเป็นอันมาก
เขาตวาดแดดเช้ากลับมาเสียงดัง
แดดเช้าร้องไห้โฮ

แล้วเขาจึงโทร.มาหาแดดเช้า
ถามว่า เฮิร์ทมากไหม....
แดดเช้ากำลังขวัญเสีย

เป็นช่วงเวลาที่แดดเช้าอยู่คนเดียว
นั่งคุยกับตุ๊กตาหมา นับได้ 8-9 ตัว
เพ้อไปวันๆ ตกกลางคืนก็นอนไม่หลับ
ตื่นขึ้นมาร้องไห้

ด้วยเหตุและผลที่มีมากมาย
ที่ได้ทำให้เราเลิกรา
ไม่อาจจะคืนย้อนมา
เวลาของเราหมดแล้ว

แม้ตั้งแต่นั้นจะมีใครๆ
ผ่านเข้ามาในความเงียบเหงา
แต่ในใจยังมีเรื่องราว
ช่วงเวลาที่ฉันมีเธอ

* เก็บเธอไว้ ข้างในจนลึกสุดใจ
ได้คิดถึงเธออีกคราว
เมื่อวันที่เหงาจับใจ
ไม่มีใครฉันยังมีเธอ

ไม่อาจจะรู้ว่าเธออยู่ไหน
อยู่ยังไงเมื่อเราจากกัน
ที่ผ่านเลยไปเนิ่นนาน
เธอลืมหรือยัง ไม่รู้

** รู้เพียงอย่างเดียวว่ายังมีเธอ
อยู่ในความทรงจำ กับภาพเดิมๆ
วันที่เคยมีกัน
อยู่ในใจอย่างนี้มานาน


ทุกสิ่งเป็นสิ่งที่แดดเช้าคิดไปเองทั้งหมด
คิดจนยากที่จะหักห้ามใจ

คิดวนไปวนมา ....
คิดแทนเขาว่า เขารักเราไหม
คิดกับตัวเองว่า เรามีคุณค่าพอ น่าจะเข้มแข็งได้แล้ว
คิดต่อไปอีกว่า เรามั่นคง ปักใจรักเขาคนเดียวมาเป็นเวลาตั้งนาน เขายังไม่มีหัวใจอีก
คิดแทนเขาไปอีกว่า เขาคงจะยังงั้น อย่างนี้
คิดไปคิดมา วนอยู่ในอ่าง

สุดท้าย .... หยุดคิดไม่ได้
เรียนหนังสือก็ไม่ได้
เหมือนตัวเองเป็นไฮเปอร์แอคทีฟ
เพราะต้องทำโน่นทำนี่ตลอดเวลา เพื่อจะได้ทดแทนความรู้สึกเศร้า ท้อแท้ หมดคุณค่า
แล้วก็วิ่งเต้นหาอะไรทำ ไปโน่นไปนี่
อ่านหนังสือเป็นจำนวนมาก เพื่อค้นหาว่า คำตอบคืออะไร
ทำไมชีวิตจึงเศร้านัก
แสวงหาตัวเองว่า ฉันเป็นอะไรของฉัน
และแดดเช้าก็ต้องดรอปไป 1 เทอมเต็มๆ

เดินไปหาจิตแพทย์ที่โรงพยาบาลศิริราช
หมอถามว่า "หนูเป็นอะไรคะ"
"หนูคิดว่า หนูเป็นโรคจิตค่ะ"
"หนูคิดว่า หนูเป็นโรคอะไรคะ"
"หนูคิดว่า หนูเป็นมาโซคิสต์ค่ะ เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำด้วยค่ะ"
(เข้าใจหาโรคให้ตัวเองดีเหลือเกินนะเนี่ย)

แล้วหมอก็ถามอาการ ถามความคิดของแดดเช้า
แดดเช้าพูดไม่หยุดเลย หมอจดไม่ทัน
คิดโน่นคิดนี่ .... คิดไปสารพัด
หมอให้ยามารับประทาน บอกว่า ให้ยั้งคิด

แล้วแดดเช้าก็กินยาได้แค่สองวัน
เลิกกิน เพราะทำให้แดดเช้าซึม

แดดเช้าเดินตาลอยๆ แล้วก็ท่าทางเหมือนเด็กผู้ชาย
แต่งโน่นแต่งนี่ใส่ตัวเองเยอะแยะไปหมด
สำคัญว่า ตัวเองเป็นนั่นเป็นนี่
พูดไม่หยุด และทำอาการห่ามๆ
พูดเสียงดัง มั่นใจตัวเองและไม่ฟังใคร

มันเป็นอาการปกปิดความรู้สึกของตัวเองที่แท้จริง!!!
สติไม่ได้อยู่ที่กายแล้ว ลอยไปแสวงหาอะไรก็ไม่รู้

นี่แหละนะ ..... ความรักทำให้คนเป็นบ้าได้ถึงขนาดนี้
ถ้าแดดเช้าสติอยู่แนบกับกายและจิต
คงไม่มีอาการบ้าๆ บอๆ อย่างนี้หรอก
คุณว่าไหม?

ทางออกของแดดเช้า
แดดเช้าคิดวนแต่เรื่องปรัชญา จิตวิทยา
มีคนเคยบอกว่า คนที่อ่านจิตวิทยา เป็นคนมีปัญหาทางจิต
มาวันนี้ แดดเช้าเข้าใจว่า ช่วงนั้นคงต้องการเยียวยาจิตใจของตัวเอง
แต่ไม่มียาใดเยียวยาจิตใจได้ดีเท่ากับการปฏิบัติกรรมฐานอีกแล้ว

แดดเช้าค้นพบว่า การปฏิบัติกรรมฐาน เป็นสิ่งวิเศษสุดยอดของชีวิตเลยแหละค่ะ

แต่ทางออกที่ชายหนุ่มของแดดเช้าแนะนำให้ ก็น่าฟังดีเหมือนกัน ....
เขาคนนั้นเคยให้หนังสือแดดเช้ามาอ่าน และพาแวะไปร้านหนังสือ
เขาบอกว่า เวลาคิดอะไร ก็เขียนสิ .... เขาเองก็ยังเขียนเลย
และอ่านหนังสือที่อยู่ในโลกความเป็นจริง ค่อยดึงเข้าหาปรัชญา
อย่าอ่านปรัชญาที่เป็นความคิดวนๆ นัก
จะทำให้คิดมาก ฟุ้งซ่าน

อยากเป็นคนอย่างไร .... รุ่งเขียนออกมาเลยนะ
รุ่งเป็นคนอย่างไร ..... รุ่งก็เขียนออกมา
แล้วพยายามทำให้ได้
เขาก็แนะนำดีนะ
แดดเช้าก็ทำ แต่ทำด้วยความคิดสับสน
เลยยิ่งวนเวียนไปกันใหญ่เลย

มาวันนี้ จึงเข้าใจว่า ....
การเขียนบันทึกออกมา การทบทวนสิ่งที่ตัวเองทำ
การตั้งเป้าหมายชีวิตเอาไว้
ด้วยจิตใจที่นิ่ง เฉย และเป็นธรรม
เป็นผู้ดูอย่างเดียว เป็นการเจริญสติอย่างมากมายมหาศาล
และรักษาอาการท้อแท้ หมดคุณค่า หมดกำลังใจ
อาการ "อยากได้"
"อยากให้คนสนใจ"
"อยากให้คนรัก"
"อยากเด่นอยากดัง"
สารพัด "อยาก" ของเราได้เป็นอย่างดี

ไม่ต้องวิ่งไปหาปรัชญาที่ไหนมาอ่านอีกเลย

นอกจากทางออกของชีวิตที่จะตรวจตราตัวเองแล้ว
แดดเช้ายังพบว่า การปฏิบัติกรรมฐานเป็นสิ่งที่ยิ่งยวดยิ่งนัก
เพราะว่า สมาธิ ที่ตั้งอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
จะทำให้ความคิดฟุ้งซ่านวุ่นวายหายไป

เราจะไม่วนๆ มาคิดเกี่ยวกับตัวเอง
"ฉันเป็นอะไรของฉัน"
"ฉันดีแล้ว ฉันทำดีที่สุดแล้ว"
"ฉันรักเขาจังเลย ทำไมเขาถึงไม่สนใจฉัน"
"เขาจะรักฉันไหม เขาจะคิดอย่างไรกับฉัน"
"เขาทำอย่างนี้กับฉันทำไม หมายความว่าอย่างไร"
"เขาพูดกับฉันอย่างนี้ทำไมนะ เขาอาจจะมีใจก็ได้"
"หรือเขาไม่อยากเจอหน้าฉัน ไม่อยากคุยกับฉันแล้วละมั้ง"
"เขาคงรำคาญฉัน"
สารพัดที่จะคิดไปเองได้ .....

แต่ถ้าวันหนึ่ง เราทำกรรมฐาน
สมาธิที่เราตั้งอยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใด คงที่ไว้ที่กายที่จิต
เรามองออกไปข้างนอก
เรามีคำถามกับสิ่งใดๆ
ความคงที่ของเรา ความนิ่งของเรา จะให้คำตอบแก่เรา
แล้วถ้าเราคิดหาทางออก
เราทำสมาธินิ่งแน่ว เราจะเห็นทางแก้ไขได้ชัดเจน
ยิ่งกว่าการใช้ "สมอง" คิดซะอีก....

จิตใจเป็นเรื่องยิ่งใหญ่มาก ทรงพลังมาก
มนุษย์หลายคนภาคภูมิใจที่ตัวเองมีมันสมองเหนือสัตว์อื่นๆ
แต่จริงๆ แล้ว สิ่งที่ควรภาคภูมิใจยิ่งกว่านั่นก็คือ ความสามารถดึงพลังจิตของมาใช้ประโยชน์ได้
และเป็น "ความรู้ยิ่ง" (อภิญญา) ที่จะบันดาลสิ่งต่างๆ ให้เป็นไป
รู้เห็นสิ่งต่างๆ และเห็นความเป็นไป ความเป็นมา อย่างแจ่มชัด

ปัญญา 11 อย่าง
ปัญญา คือ ความรู้ทั่ว
หลวงปู่บอกว่า ความรู้ทั่ว ควรรู้ทั่วทั้ง 11 อย่าง คือ รู้อดีต รู้อนาคต รู้ปัจจุบัน รู้ไกล รู้ใกล้ รู้ดี รู้ชั่ว รู้ละเอียด รู้หยาบ รู้เลว รู้ประณีต

ปัญญาจะทำให้เราพบทางออกของชีวิต
ถ้าเรายังวนๆ อยู่กับความคิด ติดอยู่กับ "ความอยาก" เราก็จะยังไม่พบทางออกของชีวิต

แดดเช้าเคยควานหาหนังสือมาอ่าน
เคยวิ่งไปหานักจิตวิทยาหลายคน
เคยไปคุยกับพระหลายรูป
ไปฝึกกรรมฐานหลายสำนัก
แต่ก็ยังไม่เคยรู้จักตัวเองสักที

มาเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับตัวเองเมื่อเราทำกรรมฐานได้ถูกอุบาย นี่แหละค่ะ
เราไม่ต้องมานั่งคิด นั่งตั้งคำถาม นั่งสงสัยอะไรอีก
สมาธิเรานิ่งแน่วอยู่ที่นิมิต หรือกสินใดกสินหนึ่งไว้
แดดเช้าใช้กสินแสงสว่างสีขาว คือ ท้องฟ้า
และกสินลม คือ ดูลมทั่วกาย และ ลมทั่วโลก

แล้วก็มาดูกายของตัวเอง ทั้งภายในภายนอก พร้อมๆ กับนิมิตทั้งหมดนั้น
สมาธิของเราตั้งอยู่กับนิมิตทั้งหมดตลอดเวลา
"ท้องฟ้า ขอบฟ้า แผ่นดิน กาย ลม"
จะชัด หรือ ไม่ชัด ขอให้เราดูไว้
ดูไว้เฉยๆ และรู้สึกตัวตลอดเวลาว่า กายของเราเคลื่อนไหวอย่างไร จิตของเรามีความคิด ความรู้สึกอย่างไร
จิตเป็นผู้ดูเฉยๆ

จิตเป็นผู้ดูละครโรงใหญ่ของโลก
กายเราแสดงอะไรออกไป จิตของเราก็เป็นผู้ดู
ใครทำอะไร จิตของเราก็เป็นผู้ดู
กระแสจิตของเรากระทบอารมณ์อะไร จิตเราก็เป็นผู้ดู
จิตอยู่ท่ามกลางอก เป็นผู้ดูทุกสิ่งทุกอย่าง

จะทำอย่างไรให้เห็นว่า จิตเราเป็นผู้ดูได้
ก็ต้องทำสมาธิ เป็นวิธีเดียว และเป็นคำตอบสุดท้าย
ทำสมาธิและทำสติให้ละเอียดพอที่จะเห็นความเป็นไปอย่างที่มันเป็น

เรื่องความรักก็เหมือนกัน
จะทำอย่างไรให้เราเข้าใจความรักได้
เราก็ต้องเป็นผู้ดูนิ่งๆ แล้วเราจะเข้าใจคนที่เรารักเป็นอย่างดี

ที่สำคัญ เราต้องดูตัวเองให้ออกว่า เราต้องการอะไร
เราจึงจะเข้าใจคนอื่นได้

ไม่เช่นนั้น ... ความคาดหวังของเราที่มีต่อคนอื่นจะทำให้เราคิดวุ่นวาย
จนกระทั่งเราลืมดูแล "กาย" กับ "จิต" ของเราเอง

เป้าหมายที่แท้ของชีวิต ก็คือ การดูแล "กาย" กับ "จิต" ของเราให้ดีๆ
แล้วสิ่งอื่นๆ จะดีตาม กาย กับ จิต ของเราด้วย

ไม่ว่าความรักของคุณจะเป็นอย่างไร
สมหวัง ผิดหวัง เศร้า เสียใจ สุข ทุกข์ เหงา
ขอให้คุณดูแล กาย กับ จิต ของตัวเองให้ดีๆ

กรรมฐาน จะเป็นยารักษาใจ
เป็นยาบำรุงกำลังของหัวใจ
ทำให้ชีวิตรักของคุณในทุกรูปแบบสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
และคุณจะพบความสุขที่น่าอัศจรรย์ใจ

ที่ไม่ใช่ความสุขอันเกิดจากคนที่คุณรัก
ไม่ใช่ความสุขจากอารมณ์รัก
แต่เป็นความสุขจากจิตแท้ๆ ของคุณเอง

ขอให้คุณพบตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง พบจิตแท้ๆ ของคุณเอง และขอให้ความวุ่นวายสับสนจงมลายหายไป พบกับความสุขสงบ ทั้งจากภายในตัวคุณแผ่กว้างออกไปยังคนที่คุณรัก และครอบครัวของคุณ ด้วยอานุภาพคุณพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยเทอญ สาธุๆๆ


Create Date : 01 มีนาคม 2548
Last Update : 1 มีนาคม 2548 15:49:53 น. 2 comments
Counter : 309 Pageviews.

 
เข้ามาอ่านนะคะ

งานเขียนของคุณแดดเช้า

มีเพลงประกอบด้วย

ยินดีที่พบทางออกค่ะ


โดย: รักดี วันที่: 1 มีนาคม 2548 เวลา:16:39:11 น.  

 
กรรมฐาน ...น่าจะเป็นทางออกของผมเช่นกันครับ สบายใจทุกครั้งที่ได้ปฏิบัติ^^


โดย: ดาวหางสีเงิน วันที่: 1 มีนาคม 2548 เวลา:18:56:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แดดเช้า
Location :
พัทลุง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




[จะเป็นสะพานพาคนให้พ้นทุกข์]
...........................................................
หวังเกื้อกูลพระศาสนา
จึงตั้งค่าการหยั่งรู้ สู่มรรคผล
เพื่อรู้แจ้ง แห่งสัจธรรม นำใจคน
พาหลุดพ้น เป็นคันฉ่อง ครรลองธรรม : )

เกิดตายมาหลายหนจนนับไม่ถ้วน
ชาติหน้า หน่ายแล้ว ไม่อยากเกิดอีกแล้ว )

..............................................................
นาม ฉันนั้นแดดเช้า ........... ทอทอง
รูป แจ่มสดใสมอง ................ สุขล้ำ
จุดหมาย ดั่งครรลอง ............. หวังวาด
คติ แน่นในเนื้อน้ำ .......... ดิ่งซึ้งรสธรรม

หวัง นำชนสู่เป้า ................... แดนฝัน
กิจ ที่อธิษฐานพลัน ............... หยั่งรู้
ใน ชีวิตคิดสรรค์ .................... สร้างโลก
ธรรม สถิตมั่นสู้ ........... ปราบสิ้นกิเลสมาร

สานชีวิตแดดเช้า .................... หยาดอรุณ
มองโลกเพื่อเจือจุน ................. แหล่งหล้า
อาบอุ่นประกายคุณ .............. ไตรรัตน์
เพียงนบสนองแกล้วกล้า ..... แจ่มแจ้งปัญญา

ค่าแห่งอุดมคติเน้น .............. ตรงธรรม
ประกาศศาสน์น้อมนำ ........ อริยะแจ้ง
ฉุดผองเหล่าชนถลำ ............ จมทุกข์
ชี้ฝั่งให้เห็นแห้ง ......... แห่งห้วงทะเลกรรม

จึงบำเพ็ญตบะกล้า ......... ทางใจ
เพื่อมรรคผลอำไพ ........... จิตแจ้ง
เห็นอริยสัจจ์สว่างใส...... ทุกข์ปลด
แล้วจึ่งล้างขัดแย้ง .......... เบิกฟ้าสันติธรรม

หวังนำคุณพระแพร้ว......... ชี้ทาง
สถิตจิตในสิ่งวาง ............. มั่นเข้า
แผ่คุณเมตตาถาง .............. อุปสรรค
สู่ทุกจิตค่ำเช้า ........... พบแผ้วผ่องใส.

Friends' blogs
[Add แดดเช้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.