น ก ก ร ะ จิ บ เ ล่ า เ รื่ อ ง
ธรรมะเป็นคำตอบของคนหนุ่มสาว
Group Blog
 
All Blogs
 
บันทึกความโง่หลง ตอนที่ 1 - เปลือก

มนุษย์เป็นสัตว์ที่อ่อนแอเสียจริง ....
แดดเช้ามีเรื่องเศร้าๆ จะทบทวนให้อ่านกัน...
เพื่อที่ความโง่ความหลงของแดดเช้าที่จะบันทึกต่อไปนี้ จะเกิดประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านบ้าง

เหตุเกิดจากการที่แดดเช้า เล่าเรื่องราวในอดีตให้หลวงปู่ฟังเมื่อเช้านี้
เมื่อ 10 ปีก่อน แดดเช้าเคยคิดฟุ้งหาเหตุผลแห่งโลกและชีวิต
พยายามค้นหาปรัชญา แล้วนึกอยู่ว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่เป็นทางออกที่สุดจริงหรือ มีอะไรที่เหนือกว่าศาสนาพุทธอีกหรือเปล่า ....
เหมือนเป็นการปรามาสคุณพระรัตนตรัย

แดดเช้าเรียนถามหลวงปู่ว่า แดดเช้าทำเช่นนี้เมื่อ 10 ปีก่อน บาปหรือเปล่า
ท่านตอบว่า มันก็บาป แต่สำนึกตัวแล้วขอขมาแล้ว กลับตัวได้แล้ว กรรมนั้นก็จะหายไป

แดดเช้าก็เล่าให้ท่านฟังอีกว่า
เคยค้นคิดอะไรจนเพี้ยนถึงขนาดเดินเข้าโรงพยาบาล ไปถามหมอว่า หนูเป็นโรคจิต
หมอให้ยามากิน กินได้แค่ 2 วันแล้วเลิก
เพราะเกิดอาการซึม

ตื่นมากลางดึก ...
ตีสามแล้ว
เหงามาก เหงาจนร้องไห้
ทุกข์เหลือเกิน ทุกข์ทับถมอยู่ในจิตใจ
ร้องไห้ทุกคืน

ตื่นขึ้นมา ....
บอกตัวเองว่า เราคิดว่า เราทุกข์ เราก็ทุกข์
เราต้องทำตัวเองให้มีความสุขเข้าไว้

แดดเช้าจึงใส่เปลือกให้ตัวเอง
เจอหน้าใคร ก็หัวเราะ ยิ้มทักทาย พูดโน่นพูดนี่
ทำหน้าตาให้น่ารัก ร่าเริง
จนใครๆ บอกว่า แดดเช้าน่ารัก พูดเก่ง ร่าเริง เหมือนคนไม่มีความทุกข์อะไรเลย
แดดเช้าดีใจ หลงคิดไปว่าเขาพูดอย่างนั้น เป็นความจริง
เราไม่ได้ทุกข์สักหน่อย
ทั้งๆ ที่หัวใจร้องไห้อยู่ตลอดเวลา
อึดอัด เศร้า ซึม ....
แต่ฝืนหัวเราะ ฝืนยิ้ม

ท่านบอกว่า แดดเช้าเอาทุกข์มาปิดๆ ไว้
แดดเช้าหลอกตัวเองเสมอมา
เวลาแดดเช้าเศร้า ทุกข์ทับถม เวลากลางคืนหลังฝนตก
แดดเช้าจะรู้สึกเจ็บในหัวใจ
ก็เอากระดาษมาเขียนบันทึก
"ฉันเป็นคนมีความสุข
ฉันเป็นคนดี
ฉันเป็นคนเก่ง
ฉันเป็นผู้ประสบความสำเร็จ
ฉันเป็นคนงดงาม
ใครๆ ก็รักฉัน
ฉันเป็นคนน่ารัก
ฉันเป็นคนฉลาด
ฉันเป็นคนมีปัญญาดี
ฉันทำอะไรก็ดีไปหมดเลย
เป็นคนมั่นใจในตัวเอง
เป็นคนไม่ล้มเหลว"
แล้วแดดเช้าก็บอกตัวเองว่า แดดเช้าเป็นคนอย่างนั้นหมดเลย

เปลือกที่ห่อหุ้มตัวเองเริ่มหนาขึ้น ....
ใครพูดอะไรก็ไม่ฟัง
คิดว่า ฉันเก่ง ฉันดี ฉันต้องมั่นใจในตัวเอง
บางครั้งหวาดหวั่น เกรงกลัว
ก็คิดว่า ฉันไม่กลัวอะไร ฉันมั่นใจตัวเอง ฉันแกล้วกล้า
ใครทักว่า เราไม่ดีอย่างไร
ก็เจ็บปวดลึกๆ แต่ก็กลบเกลื่อนด้วยการยิ้มร่าเริง
ทำเป็นไม่โกรธใครๆ เพราะฉันเป็นคนดี

เวลาพูดอะไรกับใคร
แดดเช้าก็จะพูดไป หัวเราะร่าเริงไป
หลงใหลไปกับการพูด การคุย
เวลาคิดอะไร
แดดเช้าก็หลงไปว่า ฉันคิดถูก ฉันคิดดี ฉันฉลาด
หลงใหลไปกับความคิดของตัวเอง

จึงติดเป็นนิสัยมาจนถึงทุกวันนี้ .....
เวลาคิด เวลาพูด แดดเช้าจึงเหมือนคนหลงๆ
ไหลไปกับการพูด การคิดของตัวเอง
สติจึงไม่มั่นกับกายกับจิต

เป็นวิบากกรรมในปัจจุบันชาติของตัวเองจริงๆ

ตาลอยๆ ตาเชื่อมๆ เดินเชิดหน้าร่าเริง - คล้ายคนบ้า
หลังจากที่แดดเช้าได้ยาจากหมอมากิน
แล้วเลิกกิน เพราะแดดเช้าซึมๆ
แดดเช้าจึงกลบเกลื่อนความซึมของตัวเองด้วยการเดินตัวลอยๆ ปล่อยใจให้ร่าเริง
แดดเช้าทบทวนดูภาพตัวเองในครั้งนั้น แล้วเหมือนคนบ้าไม่มีผิด
เพียงแต่ยังระลึกรู้ตัวเองได้ว่าตัวเองเป็นใคร

แดดเช้าสำคัญตัวเองว่า นิสัยเหมือนเด็กผู้ชาย
แดดเช้าทำตัวอย่างนั้นจริงๆ แดดเช้าซอยผมสั้น
ใส่ต่างหูระโยงระยาง
ห้อยกระเป๋าใบเล็กๆ คล้องคอเอาไว้

แดดเช้าเดินโขย่งขา เหมือนๆ กระโดด
ร่าเริง เหมือนมีความสุข
กลบเกลื่อนตัวจริงของตัวเอง

จากการที่ก่อนหน้านั้น ....
แดดเช้าเคยเป็นเด็กหญิงเรียบร้อย อ่อนโยน
กลับกลายมาเป็นลิงทะโมน

จิตใจที่ทุกข์ทับถมต่างๆ นานา
ถูกเปลือกของการหลอกตัวเองปิดไว้
จนกลายเป็นอีกคนหนึ่ง

ใครๆ ก็เห็นว่า แดดเช้าฟุ้งฝัน
ช่างจินตนาการ เพ้อเจ้อ
คิดมาก มีความคิดมากมาย
พูดเยอะเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตัวเองฉลาด
มีความรู้มากมาย
แต่เวลาอ่านหนังสือ จิตใจไม่สงบเลย

แดดเช้าแสดงตัวเองออกมาว่า แดดเช้าเป็นศิลปิน
แต่ช่วงนั้น แดดเช้าเขียนบทกวีไม่ได้
เขียนหนังสือไม่ได้
เพราะความคิดของแดดเช้ากระเจิง

แดดเช้าพูดไม่รู้เรื่อง
อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง
เรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง
แดดเช้าต้องดรอปเรียนไปหนึ่งเทอม

แดดเช้ารู้สึกตัวเองล้มเหลว
แต่พยายามเขียนบอกตัวเองว่า ฉันเก่ง ฉันต้องมั่นใจในตัวเอง
แดดเช้าซื้อตุ๊กตามาเก็บไว้ แล้วคุยกับตุ๊กตาอยู่คนเดียว
นั่งร้องไห้คนเดียว ร้องไห้เสร็จก็เขียนบันทึกปลอบตัวเอง
เป็นบ้าเช่นนั้นอยู่นาน ....

ซ่อนตัวเองอยู่ในเปลือก ..... จนค้นไม่พบตัวเอง
สำคัญว่า เปลือก คือ ตัวของเราเอง

แสวงหาทางออกจากเปลือก
พ่อกับแม่ ทนดูลูกสาวตัวเองเป็นเช่นนี้หลายปีนัก
แดดเช้าเข้าใจถึงหัวอกของพ่อกับแม่เลยทีเดียว
แต่ทำไงได้ .... ก็ชีวิตมันทุกข์นัก
ต้องหาทางแก้ทุกข์

แดดเช้าเคยคิดว่า
มนุษย์นี่เป็นสัตว์ที่อ่อนแอเสียจริง
ต้องเกาะติดกับสังคม

เป็นสัตว์ที่อ่อนแอที่สุดในโลกเลย
แดดเช้าคิดว่า แดดเช้าไม่ได้เป็นอะไรเลย
เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง
สวมเพศหญิง เพียงร่างกายเท่านั้น
เราจะทำตัวเป็นเพศชายก็ได้ ถ้าเราไม่ติดบทบาท
แต่จริงๆ เราไม่ใช่ทั้งเพศหญิงและเพศชาย

คิดฟุ้งต่อไปอีกว่า
เราติดบทบาทความเป็นโน่นเป็นนี่
ที่จริงเราก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง

แดดเช้าจึงเหมือนคนกล้ามาก
กล้าขนาดที่ไม่รู้จักกาลเทศะ
กล้าทำในสิ่งที่คนในสังคมไม่กล้าทำกัน
เพราะคิดว่า ความจริง ฉันไม่ได้เป็นอะไรเลย

ความหลงของแดดเช้าทำให้แดดเช้าคิดว่า แดดเช้าฉลาด
แดดเช้าหลงคิดว่า แดดเช้ารู้ความจริงของโลกและชีวิต
แล้วจะไปยึดติดทำไมกับตัวตนต่างๆ ที่สังคมมอบให้

แดดเช้าปรับตัวไม่ค่อยจะได้
เพราะความติดเปลือกความคิดของตัวเอง
คิดว่า ตัวเองถอดเปลือกหุ้มทางสังคมออกไปแล้ว ไม่ยึดกับสังคมแล้ว
แต่แดดเช้ายังยึดกับความคิดหลงๆ ของตัวเอง

แดดเช้าแสวงหา...
แดดเช้าอ่านหนังสือปรัชญา
พราหมณ์ ฮินดู คริสต์ พุทธ เซน เต๋า
แล้วเอามาผสมกันมั่วไปหมดเลย
อ่านแบบไม่ละเอียดด้วย พลิกผ่านๆ ไปยังงั้น

แดดเช้าศึกษาโหราศาสตร์หลายแขนง
แล้วชอบไปดูดวงกับหมอดูหลายๆ คน
เพื่อสังเกตว่า เขาดูกันยังไง แล้วก็เป็น ครูพักลักจำ มาผสมกับตัวเอง
หมอดูบางคน คิดว่า แดดเช้ามาลองภูมิ เพราะแดดเช้าเป็นคนรู้ดวง
แดดเช้าไม่นิ่งพอที่จะเก็บอาการ
แดดเช้าอวดออกมาหมดเลยว่า ฉันก็รู้นะ อย่ามาหลอกฉัน

แดดเช้าใช้เงินเยอะกับการบ้าศาสตร์ต่างๆ เช่นนี้
หลงงมงาย และสำคัญว่า ตัวเองเก่งแล้ว ดีแล้ว
พูดพล่ามจนหยุดไม่ได้

แดดเช้าหลุดโลกไปเลย ...
แล้วก็อึดอัดในหัวอกมากๆ ทุกวัน
อยากจะตะโกนกรี๊ดดังๆ ให้ระบายออกมาให้หมด
ร้องไห้ก็ไม่หาย
มันหนักอกหนักใจ ..... เหมือนอะไรอัดอยู่ในอกไม่มีทางระบายออก

หลวงปู่เจ้าคะ .... ถ้ารุ่งได้พบหลวงปู่ตั้งแต่ตอนนั้น คงไม่เป็นเช่นนี้
แดดเช้าคุยกับหลวงปู่ เล่าเรื่องเหล่านี้ให้ท่านฟัง
ท่านบอกว่า เขียนออกมาซะ แล้วให้คนทั่วๆ ไปได้มาอ่าน
จะเป็นประโยชน์

"หลวงปู่เจ้าคะ ..... ถ้ารุ่งได้พบหลวงปู่ตั้งแต่ตอนนั้น คงไม่เป็นเช่นนี้"
"อืม แต่มันก็ดีเหมือนกัน ได้เกิดปัญญา"

แดดเช้าเคยสงสัย ....
เวลาหลวงปู่พูดอะไร ใครๆ พูดอะไร แดดเช้ามักเก็บมาใคร่ครวญครุ่นคิดตลอดเวลา
แดดเช้าก็ถามหลวงปู่เหมือนกัน
หลวงปู่บอกว่า เป็นการคิดฟุ้ง ก็กั้นมรรคกั้นผลเหมือนกัน แต่ถ้าถึงมรรคผลได้ ก็จะแตกฉาน
ท่านบอกว่า ไม่ต้องแก้ไขหรอก

เพียงแต่จะถึงมรรคผลช้ากว่าใครๆ
และเนิ่นนานมากกว่าจะสิ้นทุกข์ได้
เพราะมัวแต่คิดอยู่อย่างนี้ ....

มันแก้ยากจริงๆ นะ .....
ความคิดใคร่ครวญสิ่งต่างๆ

หลวงปู่บอกเพียงว่า ต้นไม้จะต้องมีลำต้นที่เป็นหลัก จะได้รองรับพุ่มใหญ่ๆ ได้
แต่แดดเช้ากลับมาคิดไปไกล เปรียบเทียบว่า ต้นไม้คือคนๆ หนึ่ง ที่มีราก เหมือนบุญ-บาป มีพุ่มไม้ เหมือนบารมีเป็นที่พึ่งให้กับใครๆ ลำต้นจึงต้องมั่นคงเปรียบเป็นสติ

แดดเช้าเอามาใคร่ครวญไปมา .....
บางที แดดเช้าต้องหาเวลามานั่งสมาธินิ่งๆ แบบหยุดนึกหยุดคิดสักที
วันละครึ่งชั่วโมง หรือ หนึ่งชั่วโมง ก็ยังดี

เมื่อเช้า ...
แดดเช้าตื่นขึ้นมา
สติกระเจิงอีกแล้ว ไม่อยู่กับกาย อยู่กับจิต
แดดเช้าจึงทำสมาธิ เอาสติดูทั่วกาย ดูลม ดูจิต
แล้วดิ่งลงไปข้างใน แดดเช้ายังต้องดูกาย ดูลม ดูจิตอยู่เหมือนเดิม
มิเช่นนั้นจะหลงหลุบเข้าไปข้างใน
จะเป็นมิจฉาฌาน

หลวงปู่บอกว่า ให้ทำสมาธิหลุบเข้าไปข้างในอย่างนั้นให้นานๆ
แดดเช้าทำได้เป๊บเดียว แล้วก็หลุดออกมา
เพราะว่า เริ่มส่ายหาสิ่งภายนอก

สมาธินั้น คือ อัปปนาสมาธิ
เกิดขึ้นเมื่อแดดเช้าไม่มีความนึก ความคิด ใดๆ
สงบ ดีเหลือเกิน...

สงสัยคงจะต้องหยุดเขียนบันทึกความโง่หลงของตัวเองไว้แค่นี้ก่อนแล้วกัน
แดดเช้าจะไปเจริญสติ
ดูกายให้ทั่วกาย ดูลมให้ทั่วกาย ดูจิตให้เข้าใจ
เพื่อที่จะได้ไม่หลงไปกับสิ่งใดๆ เหมือนที่ผ่านมา
ไม่หลงทุกข์ ไม่ซ่อนทุกข์ ไม่หลงปัญญาของตัวเอง

ถ้าแดดเช้าเขียนบันทึกให้อ่านเช่นนี้แล้ว เกิดประโยชน์กับผู้ใดบ้าง แดดเช้าขออนุโมทนาบุญนะคะ
ขอให้ทุกท่านมีความสุข
เจริญสติรู้กายตัวเอง แล้วจะรู้จักจิตของตัวเอง

ด้วยอานุภาพคุณพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ บุญกุศลใดๆ ที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ทั้งในวันนี้และวันก่อนๆ ข้าพเจ้าของอุทิศบุญกุศลทั้งหมดทั้งสิ้นให้แก่ทุกท่านที่เข้ามาอ่านธรรมะที่ข้าพเจ้าเขียน และขออุทิศทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของข้าพเจ้าที่ข้าพเจ้าได้ผ่านพบ เป็นธรรมทาน เป็นอุทาหรณ์ เป็นการเตือนสติ และก่อให้เกิดปัญญา เพื่อปูทางไปสู่การรู้แจ้งเห็นจริง และได้ดวงตาเห็นธรรมของทุกๆ ท่าน และขอให้ข้าพเจ้าได้ดวงตาเห็นธรรมในเร็ววัน เพื่อเกื้อประโยชน์แก่พระศาสนาสืบต่อไป

กิจการงานใดๆ ที่ข้าพเจ้าตั้งใจทำเพื่ออุทิศให้กับพระศาสนา เพื่อประกาศพระศาสนา ขอให้กิจการงานนั้นจงประสบความสำเร็จราบรื่น ปราศจากอุปสรรคใดๆ และขอให้ข้าพเจ้าไม่ขัดสนในโภคทรัพย์ เพื่อประโยชน์ต่อการเกื้อกูลพระศาสนาในภพนี้ชาตินี้ ด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าน้อมถวายแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว และอุทิศถวายแด่พระอริยสงฆ์ทุกๆ พระองค์ทั้งที่นิพพานแล้วและยังไม่นิพพาน ขอบุญกุศลทั้งหลายเหล่านั้นจงบันดาลให้กิจการงานที่ข้าพเจ้ากำลังตั้งใจกระทำ ลงทุน ลงแรง จงมีพลานุภาพมหาศาล

ขอให้ความปรารถนาทั้งหมดทั้งปวงของข้าพเจ้าจงสัมฤทธิผล ด้วยอานุภาพคุณพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยเทอญ สาธุๆๆ


Create Date : 04 พฤษภาคม 2548
Last Update : 19 พฤษภาคม 2548 19:53:50 น. 4 comments
Counter : 319 Pageviews.

 
ประทับใจมากครับ ผมจะตามอ่านแบบเงียบๆต่อไป ชอบมาก


โดย: ครับผม IP: 58.11.104.12 วันที่: 4 พฤษภาคม 2548 เวลา:12:47:47 น.  

 
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกเข้าได้กับคำว่า "หินทับหญ้า"

เราเอาหินไปทับหญ้า หญ้าก็เหี่ยว ไม่งอก แต่รากยังอยู่ยังไม่ตาย พอเราเอาหินออก หรือมีคนไปหยิบ (รวมทั้งเตะ) หินนั้นออก หญ้าก็งอกขึ้นมาใหม่

ทุกข์ของเราก็เหมือนกัน เราเอาความรู้สึก สัญญา ทิฏฐิ มานะ ฯลฯ หรือแม้แต่ธรรมะบางข้อ ไปกดทับไว้ ทุกข์นั้นก็ทุเลาลง เบาบางลง จนเหมือนจะหายไป แต่ก็แค่นั้น เมื่อไปเจอเหตุการณ์บางอย่าง ที่ทำให้สิ่งที่เรากดทับเอาไว้หลุดออก สติเราก็ประคองไม่อยู่ ไม่นิ่ง ทุกข์นั้นก็จะงอกเงยขึ้นมาใหม่ และอาจรุนแรงกว่าเดิม

เคยมีคนเล่านิทานให้ฟัง หากจะขาดตกบกพร่องไปบ้าง ต้องขออภัย

เรื่องมีอยู่ว่า พ่อแม่ลูก ทำอาชีพเป็นเกษตรกร ปลูกสวนผัก และต้องไปดูแลทุกวัน ซึ่งในแต่ละสัปดาห์ ก็จะมีการกำจัดหญ้าซึ่งจะเกิดขึ้นใหม่ตลอดและถือเป็นวัชพืชที่ทำให้ผลิตผลไม่เจริญเติบโตได้ดีนัก

มีอยู่สัปดาห์หนึ่ง แม่ไม่สามารถไปช่วยพ่อกำจัดหญ้าได้ ก็เลยให้ลูกชายไปแทน ในช่วงเช้า ครึ่งหนึ่งของแปลงผัก พ่อได้ให้ลูกชายถอนหญ้าด้วยมือ ลูกชายรู้สึกเหนื่อยและอ่อนล้าเหลือเกิน เพราะการถอนหญ้าด้วยมือนั้น เจ็บมือและเสียเวลาเป็นอย่างมาก พอถึงตอนเที่ยง พ่อก็บอกให้พัก แล้วมากินข้าวกัน

พอตกบ่าย พ่อได้มอบจอบให้อันหนึ่ง แล้วให้เอาจอบนั้น ไปถางหญ้าออกให้หมด ทีนี้ลูกก็รู้สึกดีขึ้น เพราะนอกจากจะไม่เจ็บมือแล้ว ยังสามารถกำจัดหญ้าได้เร็วมากด้วย ไม่ต้องเหนื่อยและทนตากแดดจนถึงเย็น

พอเสร็จเรียบร้อย ก็พากันเดินทางกลับบ้าน ลูกไม่สามารถเก็บความสงสัยไว้ได้ ก็เลยถามพ่อว่า ทำไมช่วงเช้าถึงไม่ยอมให้ใช้จอบเพื่อกำจัดหญ้า แต่กลับให้ใช้มือ ซึ่งเสียเวลาอย่างมาก และเจ็บด้วย พ่อไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ยิ้ม

สัปดาห์ต่อมา ลูกชายต้องไปช่วยพ่อกำจัดหญ้าอีก ในใจของเขาได้แต่คิดว่า วันนี้หล่ะ จะใช้จอบถางหญ้าออกให้หมดเลยทีเดียว

แต่พอไปถึงแปลงผักเท่านั้น ลูกชายถึงกับตกใจ เพราะหญ้าที่เคยใช้จอบถางไว้นั้น ขึ้นเต็มยิ่งกว่าเดิม ในขณะที่ฝั่งที่เค้าใช้มือถอนหญ้าขึ้นนั้น กลับแทบไม่มีหญ้าขึ้นเลย และที่ขึ้นมาก็เป็นเพียงต้นเล็ก ๆ เท่านั้น

พ่อจึงสอนให้ลูกได้เห็นว่า ไม่ว่าเราจะทุกข์แค่ไหน หรือมีปัญหามากเพียงใด หากเราแก้ที่เหตุแล้ว ปัญหาย่อมคลี่คลายได้ และจะไม่เกิดขึ้นอีก หากเราเอาใจใส่ดูแล อาจมีบ้างที่เราต้องเจอปัญหาหนัก ๆ และทำให้เราเจ็บปวด แต่ผลที่ได้กลับน่าชื่นชม ไม่เหมือนกับการที่เราทำอะไรลวก ๆ แค่เฉพาะหน้าแต่อย่างเดียว เพราะปัญหาก็จะเกิดขึ้นอีกซ้ำซาก จนอาจทำให้เราท้อแท้และเลิกเพียรพยายามไปเลย

จบ

หากขาดตกบกพร่อง ต้องขออภัยครับ เขียนหนังสือสำนวนไม่ค่อยดี อิ_อิ

รักษาธรรมครับ


โดย: ลูกป้ามล IP: 203.114.224.48 วันที่: 4 พฤษภาคม 2548 เวลา:13:26:00 น.  

 
สวัสดีค่ะ

เข้ามาอ่านนะคะ

เย็นนี้ทานข้าวให้อร่อยนะคะ


โดย: รักดี วันที่: 4 พฤษภาคม 2548 เวลา:16:23:50 น.  

 
มองดูเจ้ารุ้งตัวกลมๆ ลอยไป
ดังฝันที่วับวาวพราวใส
เก็บเธอไว้ชื่นชมได้ไหม ได้แต่เอื้อมมือคว้าไป
ฝันใสๆ ไม่นานก็กลับ Say GoodBye..
ฟองสวยงาม ไม่นานกลับทำร้าย
อยากจะขอรักนี้ไม่มีฟองดีกว่า
ยังเฝ้าหา หารักที่มั่นคง
อย่าไปหลงฟองสวยที่ได้แต่ไขว่คว้า
ปรารถนารักนี้ไม่มีฟอง... ฉันเฝ้ารอ


โดย: ปรพัน วันที่: 6 พฤษภาคม 2548 เวลา:9:39:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แดดเช้า
Location :
พัทลุง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




[จะเป็นสะพานพาคนให้พ้นทุกข์]
...........................................................
หวังเกื้อกูลพระศาสนา
จึงตั้งค่าการหยั่งรู้ สู่มรรคผล
เพื่อรู้แจ้ง แห่งสัจธรรม นำใจคน
พาหลุดพ้น เป็นคันฉ่อง ครรลองธรรม : )

เกิดตายมาหลายหนจนนับไม่ถ้วน
ชาติหน้า หน่ายแล้ว ไม่อยากเกิดอีกแล้ว )

..............................................................
นาม ฉันนั้นแดดเช้า ........... ทอทอง
รูป แจ่มสดใสมอง ................ สุขล้ำ
จุดหมาย ดั่งครรลอง ............. หวังวาด
คติ แน่นในเนื้อน้ำ .......... ดิ่งซึ้งรสธรรม

หวัง นำชนสู่เป้า ................... แดนฝัน
กิจ ที่อธิษฐานพลัน ............... หยั่งรู้
ใน ชีวิตคิดสรรค์ .................... สร้างโลก
ธรรม สถิตมั่นสู้ ........... ปราบสิ้นกิเลสมาร

สานชีวิตแดดเช้า .................... หยาดอรุณ
มองโลกเพื่อเจือจุน ................. แหล่งหล้า
อาบอุ่นประกายคุณ .............. ไตรรัตน์
เพียงนบสนองแกล้วกล้า ..... แจ่มแจ้งปัญญา

ค่าแห่งอุดมคติเน้น .............. ตรงธรรม
ประกาศศาสน์น้อมนำ ........ อริยะแจ้ง
ฉุดผองเหล่าชนถลำ ............ จมทุกข์
ชี้ฝั่งให้เห็นแห้ง ......... แห่งห้วงทะเลกรรม

จึงบำเพ็ญตบะกล้า ......... ทางใจ
เพื่อมรรคผลอำไพ ........... จิตแจ้ง
เห็นอริยสัจจ์สว่างใส...... ทุกข์ปลด
แล้วจึ่งล้างขัดแย้ง .......... เบิกฟ้าสันติธรรม

หวังนำคุณพระแพร้ว......... ชี้ทาง
สถิตจิตในสิ่งวาง ............. มั่นเข้า
แผ่คุณเมตตาถาง .............. อุปสรรค
สู่ทุกจิตค่ำเช้า ........... พบแผ้วผ่องใส.

Friends' blogs
[Add แดดเช้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.