just can't {imagine} our ends
Group Blog
 
All blogs
 
ได้...แรงบันดาลใจ...ในการเขียนรอบสอง

10 ตุลาคม 2548 เขาเขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึงผม

"ผมเองก็ยังคง 'ดิ้น' และ 'ยุ่ง' อยู่กับงานเขียน ไม่เป็นอันทำอย่างอื่นเช่นเดียวกับคุณ เพียงแต่เป็นการเขียนเพื่อเอาอะไรออกจากตัว ไม่เขียนไม่ได้ รู้สึกปั่นป่วนอยู่ข้างใน คล้ายจะป่วย

ดูเหมือนเราจะต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องเหมือนกันแน่ๆ คือการค้นพบความสุขในโลกของการเขียน"

ใช่ เขาค้นพบความสุขในโลกใบเล็กของเขาเองแน่นอน



พิมพ์ครั้งที่สอง
หลังจากครั้งแรก
กด publish ทั้งๆยังไม่มีหัวข้อบล็อค


หายเรียบ


เอาล่ะ
พิมพ์ใหม่ก็ได้ (วะ)



ข้อความด้านบน คัดมาจากหน้าเวบ
//www.winbookclub.com

ในช่วงที่คุณวินทร์ กล่าวถึงจดหมายจากคุณกนกพงศ์


...อ่านแล้ว

มันใช่เลยน่ะ
'Yes'


ทำให้อยากลงมือเขียนทันที
ไม่อยากปล่อยทิ้งไว้ อีกแล้ว
นี่เมื่อกี๊ว่าพิมพ์เสร็จเรียบร้อยแล้วหายไป
ส่วนใหญ่คนอย่างเรามักจะ
...ไม่เอาล่ะ ไม่พิมพ์แล้ว ช่างมัน
เพราะรู้สึกว่า เขียนแบบเดิมได้หนเดียวน่ะ

แต่ครั้งนี้ รู้สึกมีแรงกระตุ้นและแรงใจในการพิมพ์ใหม่

ห้ามหายไปแล้วนะ




อยากให้เข้าไปอ่านกัน แบบเต็มๆ
ดูตรงลิงค์บล็อคเราก็ได้



(จริงๆแล้ว ขอสารภาพตรงนี้เลยว่า
ไม่เคยอ่านงานของคุณกนกพงศ์ มาก่อนเลยค่ะ
แต่แค่ได้เห็นจดหมายฉบับนี้
เราก็ตั้งใจแล้วว่า
อย่างน้อย สักเล่มสองเล่มที่คุณวินทร์กล่าวถึง
ต้องหามาอ่านให้ได้

ทั้งเล่มซีไรท์





"แผ่นดินอื่น"




และเล่มเมื่อไม่นานมานี้ "โลกหมุนรอบตัวเอง"



...ใช้เนทให้เป็นประโยชน์
หาข้อมูลหนังสือ แต่เจออีกข้อมูลหนึ่ง

...เขาเกิดวันเดียวกับเรา...

กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ เกิด 9 ก.พ. 2509 ที่อำเภอควนขนุน จ.พัทลุง จบชั้นประถมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนวัดพิกุลทอง มัธยมศึกษาจากโรงเรียนพัทลุง ที่อำเภอบ้านเกิด จากนั้น เอ็นทรานซ์เข้าคณะวิทยาการจัดการ สาขาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสงขลานคริทร์ เรียนได้พักหนึ่งก็หยุด เพราะรู้สึกสับสนว่าไม่ใช่สิ่งที่อยากเรียน


วันหนึ่งจึงเริ่มเขียนหนังสือ แล้วก็เขียนเยอะขึ้นนับแต่นั้น ก่อนจะไปทำงานที่สำนักพิมพ์ และหันไปใช้ชีวิตคลุกคลี กับชาวบ้านแถบเทือกเขาหลวง จังหวัดนครศรีธรรมราช กระทั่งปัจจุบัน พร้อมกับทุ่มเทให้งานเขียนเต็มตัว


ผลงานด้านกวีบทแรก "ความจริงที่เป็นไป" ตีพิมพ์ใน"สยามใหม่" ขณะเรียนชั้นมัธยมต้น พ.ศ.2523


ขณะเรียนชั้นมัธยมปลาย พ.ศ.2527 เป็นสมาชิกยุคก่อตั้งของ "กลุ่มนาคร" กลุ่มทำงานด้านศิลปะวรรณกรรมอันสำคัญของภาคใต้


สำหรับผลงานเรื่องสั้นเรื่องแรกได้แก่ "ดุจตะวันอันเจิดจ้า" ตีพิมพ์ในมติชนสุดสัปดาห์ เมื่อปี 2527 จากนั้นมีเรื่องสั้นตีพิมพ์ตามหน้านิตยสารสม่ำเสมอในฐานะนักเขียนที่มาแรงที่สุดในยุคนั้น


ปี 2531 มีผลงานร่วมเล่มลำดับแรก เป็นรวมบทกวี "ป่าน้ำค้าง" สำนักพิมพ์นาคร


จากนั้นในปี 2532 ออกหนังสือรวมเรื่องสั้นชุดแรกเรื่อง "สะพานขาด" สำนักพิมพ์นกสีเหลือง ได้รับรางวัลเรื่องสั้นช่อการะเกด และคัดเลือกแปลเป็นภาษาญี่ปุ่น


ปี พ.ศ. 2533 เรื่องสั้น "โลกใบเล็กของซัลมาน" ได้รับรางวัลเรื่องสั้นนช่อการะเกดอีกครั้งในปี 2539

ตามด้วยผลงานชุดที่สอง "คนใบเลี้ยงเดี่ยว" รวมเรื่องสั้นสำนักพิมพ์นกสีเหลือง ปี 2535


รวมเรื่องสั้นชุดที่ 3 "แผ่นดินอื่น" ของสำนักพิมพ์นาคร คว้ารางวัลซีไรท์ในปี 2539


เอามาจาก คอลัมน์ รู้ไปโม้ด น้าชาติ ประชาชื่น











เสียดาย คนมีคุณค่าแบบนี้เหลือเกิน


...ไม่เหมือนใครบางคน
ไม่เคยเห็นแก่ประโยชน์สุขของประชาชนชาวสยามเลย
...แม้แต่น้อย








ขอไว้อาลัย คุณกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ






Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2549 2:43:18 น. 26 comments
Counter : 625 Pageviews.

 
แบมไม่เคยอ่านเลยค่ะ

ตอนนี้อะนาเบล อ้วนเป็นตุ่ม เหมือนแบมแล้วค่ะ


โดย: yadegari วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:3:30:50 น.  

 
กนกพงศ์ เขียนหนังสือดีมาก
แผ่นดินอื่น อ่านไปแล้วค่ะ ชอบมาก

ส่วนโลกหมุนรอบตัวเอง มีไว้ในครอบครองแล้ว
ยังไม่ได้อ่านเลย

ต่อไปเวลาอ่านหนังสือเล่มนี้คงเศร้าน่าดู


โดย: grappa วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:7:54:20 น.  

 
มาร่วมไว้อาลัยด้วยคนค่ะ


โดย: ทูน่าค่ะ วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:12:02:35 น.  

 
ขอไว้อาลัย คุณกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ด้วยคนค่ะ


โดย: asariss วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:39:15 น.  

 
ขอไว้อาลัยด้วยคนค่ะ เคยเจอตัวจริงด้วยค่ะ


โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:40:47 น.  

 
นี่อย่างไรล่ะ ได้แต่เตือนตัวเอง ผ่านมาอีกวันแล้ว
ทำงานออฟฟิศนี่มันดูดชีวิตจริงๆค่ะ
แต่ไม่ทำก็ไม่ได้

อยากออกมาเขียนอย่างจริงจังแบบคุณกนกพงศ์เค้าบ้างจัง
ได้อ่านในมติชนสุดสัปดาห์เล่มล่า
(ปกป๋าเปรมน่ะค่ะ)
มีคอลัมน์พิเศษเขียนถึงโดย จรูญ หยูทอง


ได้ยกความบางตอนที่คุณกนกพงศ์เขียน
อ่านแล้ว ก็คิดได้ว่า

"เขาเขียนได้ไงฟะ"

นับถือๆ

และคงต้องไปหาหนังสือที่เป็นแรงบันดาลใจของเขามาอ่านบ้าง อย่างเล่ม "ถนนนักเขียน"
ของเออร์สกิน คอล์ดเวลล์


และคงต้องลงมือ "เขียน" เสียที



นอกเรื่องค่ะ

เทศกาลหนังแถวพารากอน
มีหนังน่าสนใจเยอะทีเดียว
เสียแต่ไม่มีเวลาและทุนทรัพย์

เมื่อเสาร์ที่ผ่านมา
ไปดู OUT OF PLACE ...คนเดียว
ตอนสามทุ่ม ณ ความภาคภูมิใจของไทย (หรือนี่!)
(อุตส่าห์ไปถึงตั้งกะประมาณทุ่มนิดๆ เพราะได้ยินกิตติศัพท์จากเพื่อนที่ไปรอจองตั๋วแต่เช้า และอารมณ์เสียกับอะไรหลายๆอย่าง อาจเป็นวันแรกน่ะค่ะ แต่มันน่าจะทำได้ดีกว่านี้ รึเปล่า เพราะสิบโมงที่เพื่อนไปน่ะ ไปรออยู่เป็นชั่วโมงและทีแรกต้องเข้าแถวรวมกับคนที่ดูหนังธรรมดาด้วย และมีเคาท์เตอร์เปิดแค่สามค่ะ)

เป็นเรื่องของนักคิด นักปราชญ์ชาวอิสราเอลผู้หนึ่งที่มีดนตรีเป็นเครื่องมือในการสร้างสันติ และเรียกร้องต่อสู้เพื่อการมีตัวตนของปาเลสไตน์ ซึ่งเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว
หนัง(สารคดี)เรื่องนี้ พาเราไปดูสถานที่ที่คนๆนี้เคยอยู่ตั้งแต่เล็กๆ จนถึงที่สุดท้ายบนโลกของเขา

และบทสัมภาษณ์คนที่คลุกคลีกับเขา
รวมไปถึงคนที่เคยมีประสบการณ์ร่วมกันเมื่อนานมาแล้ว

ตามไปดูตั้งแต่ที่อียิปต์
(และไปอีกหลายๆที่
ที่เราเองก็ไม่รู้ว่า หนัง"หลุด"บ้างรึเปล่า
เค้าพาไปดูค่ายพักผู้อพยพชาวปาเลสไตน์และชีวิตความเป็นอยู่ พาไปดูชุมชนคิบบุชซ์(เราเคยเรียนว่าเค้าอยู่กันหลากหลายอย่างสันติ และเศรษฐกิจพอเพียงด้วย) จริงๆยังมีอีกเมืองหนึ่งที่เด่นๆในเรื่อง แต่จำได้ลางๆว่า เป็นอาหรับอยู่ร่วมกับชาวอิสราเอล)


ผู้กำกับเป็นคนญี่ปุ่น (เอ แล้วเค้าได้แรงบันดาลใจจากอะไรนะ)
มีซับฯเฉพาะตอนเป็นภาษาอื่นๆเช่น รัสเซีย ฯลฯ
นอกนั้นพูดภาษาอังกฤษ ไม่มีซับฯ
ไม่มีอะไรซับน้ำตาเลยเรา

แงๆ ต้องเลือกระหว่างดูรู้เรื่องเพราะอ่านซับแต่ไม่ได้อรรถรสของภาพและเสียง หรือจะดูและฟังเอา ได้อารมณ์กว่า แต่อาจไม่รู้เรื่องถูกต้องเป๊ะๆ ซึ่งเราเป็นทั้งสองอย่างรวมกันแฮะ

ดูจบ แล้วก็กระตุ้นต่อมอยากเรียนดนตรีขึ้นมาทันที
ทั้งดนตรีพื้นเมือง (ดนตรีไทย)
และไวโอลิน หรือแม้แต่เปียโนค่ะ

...
พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง
ลำดับเรื่องก็งงๆ
เอ อะไรของเอ็งเนี่ย



แต่พอดูจบ
ออกจากโรง


แฟนมารอรับ
หงุดหงิดบ่นนู่นบ่นนี่
ก็เลยทะเลาะกันเลย
ท้ายสุดบอกน้อยใจ
เพราะเค้าว่าเราเห็นหนังสำคัญกว่าเค้า

เฮ้อ แย่จริงอะไรของเค้าหว่า
นี่ดูแค่เรื่องเดียวเองนะ

อยากดูอีกตั้งหลายเรื่อง
ทำไงดีล่ะทีนี้


โดย: quin toki วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:1:01:15 น.  

 
ขอบคุณค๊า แบมจะลองเสิร์ช หาดูนะคะ

วันนี้ลูกสาวแบมวล่องหนค่ะ หาลูกสาวไม่เจอ หนีไปหลบในตู้เสื้อผ้า หลับสบายในตู้เสื้อผ้า แม่นี้นะ เหงื่อตกเลย หาทั้งวัน หาไม่เจอ


โดย: yadegari วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:3:44:58 น.  

 
สวัสดีค่ะ

ตอนเด็กๆ เราจำได้ตั้งแต่ช่วงอนุบาลนะ

ชอบอ่านวรรณกรรมเยาวชนเหมือนกันค่ะ




ทำงานประจำ เราก็อาศัยอ่านก่อนนอนกับวันหยุดน่ะแหละค่ะ ไม่งั้นก็ไม่ได้อ่านเหมือนกัน


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:9:04:00 น.  

 
คุณแบมได้ฟังเพลงรึยังเอ่ย
อะนาเบลนี่ซุกซนจังนะค้า

คุณสาวไกด์ฯขนาดอ่านแค่ก่อนนอนกับวันหยุดยังอ่านได้เยอะและไวมากๆเลยค่ะ

ได้ไปดูหนังเทศกาลกันบ้างรึเปล่า
จริงๆตั๋ว 140 เราก็ว่าแพงอยู่เหมือนกันนะ
แต่ถ้าเทียบกับจำนวนรอบที่หนังฉายและอะไรอีกหลายๆอย่าง ก็อยู่ในระดับที่ยังยอมไปดูค่ะ

แต่วันธรรมดาไม่สะดวกไปจริงๆ
เพราะอยู่ไกลน่ะ




โดย: quin toki วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:16:36:39 น.  

 
ทุกวันนี้ระบบจัดการตั๋วดีขึ้นมากกกกกกกกกกกกกกกกกก...ขอปรบมือให้โรงหนังพารากอน ในการแก้ปัญหาได้ทันท่วงที
อ้อ..เรื่องที่ปอมไปดู ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับ Edward Said ป่ะ? จำได้ว่าสมัยเรียน คนนี้เป็นยิ่งกว่าพ่อ เพราะว่าต้องอ่านงานเค้าเยอะมาก ปีๆ นึง อ่านเยอะกว่าอ่านจดหมายพ่อตัวเองอีก

นี่ถ้ายังเรียนอยู่ อาจารย์คงบอกให้ไปดูแล้วแน่เชียว..น่าเสียดายที่เราพลาดไปได้ ไม่เป็นไร เดี๋ยวลองหา DVD ดู (แถวๆ ที่เค้าหากันน่ะ :)

คาดว่ากล้องวิดีโอจะได้เดือนหน้า และบทคงจะเสร็จราวๆ นั้น

อ้อ..เมื่อวาน ไป "ตักสุรา" สาขาสะพานหัวช้างมา กำลังนั่งเม้าท์กันเรื่องหนัง "เพื่อนสนิท" ปรากฏว่า ผู้กำกับคือ พี่เอส แกเดินเข้ามาในร้านเฉยเลย...อ้าว ดีนะไม่ได้ "ว่า" หนังแกอยู่


โดย: tiktok IP: 58.11.98.175 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:11:06:05 น.  

 
ขำน่ะติ๊ก
เสียดายวันศุกร์ไม่ว่าง อดดูหนังฟรีเลย

ดูเผื่อด้วยเน้อ


โดย: quin toki วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:11:17:24 น.  

 
//www.onopen.com/2006/02/207

กรุณาเข้าไปอ่าน ลิงก์นี้
แล้วถ้าอยากดูหนังเรื่องนี้ วันศุกร์ บ่ายสอง ก็โทรมาเอาบัตรกับเราได้นะ
เสียดายน่ะ อยากให้ได้ดู :)


โดย: tiktok IP: 58.11.98.175 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:17:02:56 น.  

 
อ่านแล้วล่ะ อยากโดดงานเสียจริงๆ
ทำไงดีอ่ะติ๊ก

เพิ่งทำงานยังไม่ถึงเดือนเลย
โฮๆ ไม่น่าไปอ่านเลยตู



Don't Come Knocking

เยอรมัน/สหรัฐอเมริกา, 2005, 122 นาที
กำกับโดย Wim Wenders
นำแสดงโดย: Sam Shepard, Jessica Lange, Tim Roth, Gabriel Mann, Sarah Polley, Fairuza Balk and Eva Marie Saint
ประเภท: Drama
สี: Color, เสียง: Dolby Digital SRD
หมวดภาพยนตร์: Windows on the World

ฮาเวิร์ด สเปนซ์ (แซม เชพาร์ด) อดีตนักแสดงผู้เคยรุ่งเรือง วันนี้เหลือเพียงบทสมทบเล็กๆให้เล่น ฮาเวิร์ดกลายเป็นคนที่จมอยู่กับเหล้าและผู้หญิง วันหนึ่งเขารู้จากแม่ว่าเขาอาจจะมีลูกอยู่ที่ไหนสักแห่ง ข่าวนี้เป็นเหมือนแสงสว่างปลายอุโมงค์ที่ทำให้ฮาเวิร์ดรู้สึกว่าชีวิตยังพอมีคุณค่าอยู่บ้าง เขาเริ่มออกตามหาลูก ทั้งที่ไม่รู้กระทั่งว่าเป็นลูกชายหรือลูกสาว ได้พบกับดอรีน (เจสสิก้า แลงจ์) ผู้หญิงที่เขาเคยรัก และเอิร์ล (กาเบรียล มานน์) นักร้องหนุ่มที่ไม่ต้องการพ่ออีกแล้ว ก่อนที่คนอีกสองคนจะทำให้สถานการณ์ยุ่งยากยิ่งขึ้น ได้แก่สกาย (ซาร่าห์ พอลลีย์) ที่อาจเป็นลูกสาวของเขาอีกคน และซัทเทอร์ (ทิม รอธ) นักล่าค่าหัวที่จะพาฮาเวิร์ดกลับไปทำงานในหนังที่เขาทิ้งมา



Director: Wim Wenders
Executive Pro: Jeremy Thomas
Producers: Peter Schwartzkopff, Karsten Brünig, In-Ah Lee

Screenplay by: Sam Shepard
Story by: Sam Shepard & Wim Wenders

Cinematograph: Franz Lustig

Editors: Peter Przygodda, Oli Weiss


นี่เอามาเวบ bangkokfilm.org



โดย: quin toki วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:22:50:02 น.  

 
...ลืมส่งข่าว
ไปดู "munich" รอบสามทุ่มที่ลิโด้มาเมื่อคืนค่ะ


อาจหลุดปากสปอยล์ได้นะเจ้าคะ
โปรดระวัง

*
*
*
เป็นหนังที่เฮียแกทำเพราะคิดถึงบ้านรึเปล่านะ

หนังพูดถึง "บ้าน" บ่อยครั้ง
ทั้งจากปากเฮคเตอร์ เอ๊ย อาฟเนอร์เอง
ที่พูดกับแฟนว่า "คุณคือบ้านของผม"

และอื่นๆ (จำไม่ได้...)

ไม่รู้มีอะไรกับครัว
และทำไมพระเอกต้องทำครัวเก่ง

ไม่บอกว่าพ่อพระเอกเป็นใคร (แต่มีคนบอกพระเอกว่า เขาเหมือนแม่มากกว่าพ่อ)

ฉากเหตุการณ์โอลิมปิคปี72 ทำได้เหมือนจริง(หรือไม่ก็ทำให้เราเชื่อได้น่ะ)

เอ แล้วทำไม ฝรั่งเศสถึงดูเป็นฝ่ายไม่ดี (รู้สึกจะโดนในหลายๆเรื่องแล้วนา)

จริงๆ หนังอาจไม่จำเป็นต้องยาวขนาดนี้
เพื่อสื่อว่า "การแก้แค้น ไม่ใช่ทางแก้ปัญหา"

คือแค่คนที่สองที่ถูกฆ่า
ก็เริ่มมีน้ำหนักเพียงพอที่จะไตร่ตรองได้แล้ว





เค้าเชื่อว่า
เค้าเป็นวีรบุรุษที่ทำคุณูปการเพื่อประเทศชาติ

แต่แท้จริงแล้ว
เค้าทำผิดบาป (ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย ตัดสินความผิดคนอื่น ทำหน้าที่แทนพระเจ้า)
เค้าก็หนีความผิดบาปในใจไปไม่พ้นอยู่ดี






แต่สงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง
อีตาแว่นที่คาดคั้นพระเอกมาตลอดจนถึงจบเรื่อง
มันเป็นใคร (แล้วนะ)



ชาวปาเลสไตน์ น่าสงสารจริงๆค่ะ
ไม่มีแม้ผืนดินจะอยู่


ทำไมคนไทยมีประเทศไทยเป็นของตัวเอง
ไม่ค่อยจะสามัคคีกันเลย

แถมยังมีแต่คนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนอีก
ไม่เคยคิดถึงประเทศชาติ

อยากให้คนแบบนี้ไม่มีแผ่นดินอยู่มากกว่า




--------
ช่วงที่พระเอกไปหาปาป้า
ลูกสาวปาป้าคนหนึ่ง
(เธอคือนางเอก 5x2 ล่ะ แต่บทน้อยจัง น่าเสียดาย)

อีกเรื่อง...
ฉากที่ตัดสลับระหว่างการร่วมรักของพระเอกและแฟน
กับเหตุการณ์เมื่อวันก่อนโอลิมปิคปิดฉากเพียง 6 วัน
(หรือ 5 กันยา 1972----ข้อมูลจากนิตยสาร Esquire (10th anniversary)ต.ค. 2004

เขาต้องการสื่ออะไรหว่า?





โดย: quin toki วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:23:28:06 น.  

 
มีฟ้องค่ะ วันนี้ อะนาเบลพาหนุ่มเข้าบ้าน

หนุ่มมารอหน้าบ้านค่ะ เพราะหนุ่มเข้าบ้านไม่ได้ แบมใช้ประตูที่ต้องใช้ แผ่นแม่เหล็กที่คออะนาเบลอันเดียวถึงจะเปิดเข้ามาบ้านได้

อะนาเบลมาสะกิดขาแบม ประมาณบอกว่า แม่ๆๆเพื่อนหนูจะเข้ามา แม่ช่วยเปิดหน่อย

ดูหน้าแล้วขำอะนาเบลมากเลยค่ะ


โดย: yadegari วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:1:44:02 น.  

 
อยู่เมืองไทย รักษาตัวดีๆนะคะ ♥ เป็นห่วงจากใจ



ขำอะนาเบล


โดย: แตนต่อย วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:2:43:30 น.  

 
เอาทีละประเด็นนะจ๊ะ

ที่ต้องให้พระเอกทำครัวเก่ง เพราะแสดงให้เห็นว่า พระเอกมีความละเอียดอ่อน อ่อนโยนในตัวน่ะค่ะ (ผู้ชายที่ทำครัวได้ แถมทำอร่อยได้เนี่ย ต้องละเอียดอ่อนนะคะ การทำอาหารเป็นศิลปะประเภทหนึ่งน่ะค่ะ)


ส่วนตาแว่นที่คาดคั้นนั้น เป็นคนที่ควบคุมเรื่องค่าใช้จ่ายในการเก็บคนทั้งหมดไงคะ (เป็นคนของรัฐบาลน่ะ)





สำหรับฉากที่พระเอกมีอะไรกับแฟนนั้น

เราคิดว่ามันแสดงให้เห็นถึง "วิญญาณ" ที่เปลี่ยนไปน่ะ ก่อนหน้าเกิดเหตุการณ์พระเอกจะมีอะไรกับเมียด้วยความสุข แต่หลังเหตุการณ์มันเหมือนภาพเลวร้าย สิ่งต่างๆ ได้ทำให้เค้าเปลี่ยนไป แม้เมื่อเค้าได้ใกล้ชิดกับคนที่เค้ารักที่สุด มันก็ทำให้เค้าลืมไม่ได้


คิดว่าอย่างนั้นนะคะ



เรารู้สึกว่าทั้งปาเลสไตน์และอิสราเอลก็มีความน่าสงสารในตัวเองทั้งคู่ค่ะ แต่คนละแบบแค่นั้นเอง




ชอบ แต่ไม่โดนขนาดต้องเขียนถึงน่ะนะคะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:8:52:33 น.  

 

ไม่เคยอ่านงานคุณกนกพงศ์
แต่ชอบวิถีชีวิตที่แกเลือก
จนอยากอ่านงานเลยค่ะ


โดย: p_tham วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:15:36:49 น.  

 
ในที่สุดก็ยุบสภาเสียที

แต่...ไม่รู้ว่าเมืองไทย
อีกเดือนนิดๆถัดไปจะเป็นอย่างไร




โดย: quin toki วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:20:55:10 น.  

 


เย้ๆๆๆๆ มากินเลี้ยงโต๊ะจีนที่เมืองไทยด้วยกันมั๊ยเอ่ย วันสงกรานต์น่ะจ้า
เชิญจริงๆนะจ๊ะ



lolpoom@hotmail.com


โดย: แตนต่อย วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:52:18 น.  

 


เป็นเหมือนคุณQuin Toki ค่ะ คือถ้านักเขียนคนที่เราชอบบอกว่าเขาชื่นชมใคร เราก็มักจะไปค้นหางานของนักเขียนคนนั้นมาอ่านด้วย ร่วมไว้อาลัยกับคุณกนกพงศ์ด้วยค่ะ


โดย: รักบังใบ วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:4:11:45 น.  

 
ไปดู TransAmerica มาแล้ว
ชอบจัง :) คงเพราะโดยส่วนตัว เราชอบหนังแนว Road Movie อยู่แล้วก็ได้มั้ง
น้องปอม ไปดู "หุบเขาเร้นรัก" ยังอ่ะ? จะได้มาถกกัน ตอนนี้เรากำลังเป็น Brokebackaholic อยู่อ่ะ
:)


โดย: Tiktok (tiktokthailand ) วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:57:22 น.  

 
ดูมาแล้วเมื่อวานล่ะติ๊ก พ่อหนุ่มเสียงแหบเสน่ห์กับพ่อหนุ่มนัยน์ตาโศก เฉยๆอ่ะ

อยากดู transamerica บ้าง แต่พักนี้งานเยอะจัง

คุณแหม่มกลับเมืองไทยเหรอคะ
กินวันสงกรานต์ที่ไหนคะ
กล้าเชิญก็กล้าไปค่ะ

ตอนนี้ยุบสภาไปแล้ว
ฝ่ายค้านแบนการเลือกตั้งไปแล้ว
ไม่รู้จะเป็นไงต่อไปนะเนี่ย

ตามดูกันต่อไป


โดย: quin toki วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:32:39 น.  

 
ตามมาขำอะนาเบลจ้า ลืมมมมมมม


โดย: quin toki วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:34:55 น.  

 
จะบอกว่าบางคนอาจไม่ชอบเล่มนี้ก็เพราะมันต่างไปจากเล่มเดิมๆของจิมมี่ เลียวๆ น่ะแหละค่ะ

เล่มนี้ตัวหนังสือเยอะ

แล้วเราก็ว่า..หนังสือเล่มนี้มันชวนให้ขบและคิดเอามากๆ น่ะค่ะ


ลองๆ ไปเปิดตามร้านหนังสือดูก็ได้ค่ะว่าชอบหรือเปล่า


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 1 มีนาคม 2549 เวลา:9:37:24 น.  

 
แวะมาทักทายครับ


โดย: Bluejade วันที่: 2 มีนาคม 2549 เวลา:7:52:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

quin toki
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




everything has a begining , has an end.

link to my thought
~~*http://pompom67.bloggang.com*~~




บล็อกน้อยอิเหละเขะขะ
เก็บ+กระจุกของไว้สารพัด
สารบัญก็ไม่มีให้กดง่ายๆ ขออภัยด้วยเน้อ




เคยมีคนบอกกับเราว่า
ถ้าเราไม่ได้ดูหนัง
คงหายใจไม่ออกสินะ

...
ขาดหนัง
ก็ขาดใจ
(ไอ้บ้าเอ๊ย!)

เข้าใจพูดนะเนี่ย
>_<








นิตยสารดีโอ DE.O. Magazine E-Book

issue 6

L.O.V.E.







คุณป้าสุวคนธ์ ไม้แดง

และหมาแมวจรนับร้อย

ที่กำแพงเพชร



เล่นกับแกรี่ได้นะจ๊ะ (แต่แกรี่ตัวนี้ไม่มีเขี้ยวเท่านั้นแหละ)
Friends' blogs
[Add quin toki's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.