Group Blog
 
All blogs
 
เมื่อลูกไปเรียนมัธยมในประเทศนิวซีแลนด์ ตอน 4

 NZ School Term

ใน 1 ปีการศึกษา แบ่งเป็น 4 เทอม ดังนี้

เทอม 1 ราวๆปลายเดือนมกราคม (หรือต้นเดิอนกุมภาพันธ์) -ต้นหรือกลางเดือนเมษายน
เทอม 2 ปลายเดือนเมษายน-ต้นเดือนกรกฎาคม
เทอม 3 กลางเดือนกรกฎาคม-กลางหรือปลายเดือนกันยายน
เทอม 4 ต้นเดือนตุลาคม -ต้นหรือกลางเดือนธันวาคม

ระหว่างเทอมจะมีวันหยุดปิดเทอมให้ คราวละ 2 สัปดาห์
ยกเว้นปิดเทอมใหญ่ปลายปี หยุดราวๆ 2 เดือน

การศึกษาระดับมัธยมศึกษาในประเทศนิวซีแลนด์ มีกฎระเบียบเคร่งครัดมาก โดยจะมีเอกสารให้นักเรียนลงชื่อรับทราบกฎระเบียบต่างๆ หากนักเรียนไม่สามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบ หรือข้อบังคับโรงเรียนได้  หรือ มีเวลาเรียนไม่ครบตามกำหนด (ซึ่งข้อนี้ทางอิมมิเกรชั่นนิวซีแลนด์เข้มงวดมาก สำหรับนักเรียนต่างชาติ) อาจถูกให้ออกจากโรงเรียน ในกรณีนักเรียนต่างชาติ อาจถูกส่งตัวกลับประเทศ

ตลอดระยะเวลา 8 ปี ตั้งแต่ปี 2004-2011 แม่จำได้ว่ามีนักเรียนต่างชาติจากทางยุโรป ถูกส่งกลับ 1 คน
เนื่องจากทำผิดวินัยร้ายแรงมาก

นอกนั้น ก็เป็นเรื่องผิดระเบียบเล็กๆน้อยๆ ที่ทางโรงเรียน
โดยเฉพาะฝ่าย International ต้องคอยเรียกเด็กมาอบรมเป็นระยะๆ
ดูๆแล้วก็เหมือนจับปูใส่กระด้ง แต่แสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ในตัวเด็กเป็นอย่างมาก
อันนี้เป็นอีกเรื่อง ที่เราค่อนข้างพอใจในโรงเรียน Bethlehem College
ทางโรงเรียนมีทั้งครูผู้ปกครอง ให้คำแนะนำสารพัดกับเด็ก
มีคุณครูที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นคุณแม่คอยช่วยเหลือจัดการพาเด็กๆไปหาหมอ จองตั๋วเครื่องบิน ต่อวีซ่า รับส่งเด็กๆไปกลับสนามบิน
มี Academic Dean ให้คำแนะนำให้เรื่องการเลือกวิชาเรียน จัด Tutoring Class พาไปสอบ Ielts
มี Homestay Co-ordinator แบบ Full time ที่ติดต่อได้ 24 ชั่วโมง คอยแก้ปัญหาเรื่องความเป็นอยู่ของเด็กๆ
มีครูใหญ่โดยเฉพาะของฝ่าย International ที่ดูแลทุกเรื่อง แม้กระทั่งขับรถพาเด็กๆไปสอบ SAT ใน Auckland พร้อมให้พักที่บ้านครอบครัวของครูที่อยู่ใน Auckland

ถึงแม้ในกรณีครอบครัวเรา จะไม่จำเป็นต้องใช้บริการมากนัก
เพราะลูกอยู่บ้านกับแม่ ไม่ต้องไปอยู่ Home stay และ แม่ดูแลให้หมดทุกอย่าง
แต่แม่ก็เห็นว่าสิ่งที่ทางโรงเรียนจัดเตรียมไว้ เป็นสิ่งประทับใจ ที่หาไม่ได้จากทุกๆโรงเรียน
(เช่นอาจมีครูคนเดียวทำหน้าที่หลายอย่าง เช่นเช่นเป็นครูผู้ปกครอง และ Home Stay Co-ordinator ไปด้วย หรือ มีแบบ Part time บางที่ก็ไม่ช่วยแนะนำในการเลือกวิชาเรียน โดยเฉพาะในชั้นเด็กโต เพราะมีความเห็นว่า เด็กโตแล้วควรตัดสินใจได้ด้วยตนเอง เป็นต้น)

กลุ่มอายุของเด็กที่นิยมไปเรียนในนิวซีแลนด์

  1. อายุน้อยกว่า 11 ปี ไปเรียน Primary School :  year 1-6
  2. อายุระหว่าง 11-12 ปี ไปเรียน Intermediate School : year 7-8
  3. อายุระหว่าง 13-14 ปี ไปเรียน Junior Secondary School : year 9-10
  4. อายุ 15 ปีขึ้นไป ไปเรียน Secondary School : year 11-13
บางโรงเรียน มีใบอนุญาติรับเด็กเข้าเรียนได้ตั้งแต่ชั้นประถม บางโรงเรียนก็รับได้ตั้งแต่ year 7 ขึ้นไป
สำหรับ โรงเรียน Bethlehem College รับนักเรียนตั้งแต่ Year 7 ขึ้นไป
(แต่มีหลายโรงเรียนในเมืองทาวรองก้า ที่สามารถรับเด็กประถมได้)


จากประสบการณ์แล้ว ช่วงที่ดีที่สุดที่ควรส่งลูกไปเรียนในประเทศนิวซีแลนด์คือ จบชั้น ม 1 แล้วไปเข้าเรียน year 9 ที่นิวซีแลนด์ (อายุประมาณ 13 ปี)
เนื่องจาก เป็นช่วงอายุที่ไม่มาก ไม่น้อยเกินไป
เรียนรู้ได้เร็ว ปรับตัวง่าย สร้างมิตรภาพง่าย (เพราะเด็กกีวีเอง ในอายุเท่านี้ ยังมีความน่ารัก อยากรู้อยากเห็น และกระตือรือล้นที่จะสร้างมิตรภาพกับเพื่อนต่างชาติได้ง่ายกว่าเด็กโต)
นอกจากนี้ ช่วงอายุ 13 ปีขึ้นไป ยังหาโฮสแฟมิลี่ได้ง่ายกว่าเด็กเล็ก
เพราะกฎหมายนิวซีแลนด์ไม่อนุญาติให้เด็กอายุต่ำกว่า 13 ปีอยู่บ้านตามลำพัง
Host Family จะไปไหนต้องพาเด็กออกไปด้วยเสมอ นอกจากจะมีคนอยู่ด้วย
บางครอบครัวเห็นว่า อาจไม่สะดวก จึงปฏิเสธไม่รับเด็กอายุต่ำกว่า 13
แต่บางครอบครัวก็ไม่มีปัญหาตรงนี้

หากลูกๆบางครอบครัวมีพัฒนาการที่ดี หรือ มีความพร้อมมากกว่า อาจเดินทางไปตั้งแต่จบชั้น ป5
และเริ่มเข้าเรียนใน Intermediate School ตั้งแต่ year 7
อันนี้รับรองได้เลยว่า ลูกจะมีวิวัฒนาการทั้งในด้านภาษา และ ความคิดอ่านแทบจะไม่ต่างจากเด็กกีวี
(จากหลายๆคนที่เห็นมา)
แต่ก็ต้องเตรียมใจนิดนึงว่า ลูกจะต้องไปอยู่ไกลตั้งแต่เล็ก
และ ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายคลอบคลุม อย่างน้อย 6-7 ปี (กรณีจะให้ลูกเรียนจนจบมัธยมปลาย)
ค่าใช้จ่ายต่อปี (รวมทุกอย่าง) อยู่ประมาณ 8 แสนบาทเศษ

สำหรับครอบครัวไทยส่วนใหญ่ นิยมส่งลูกไปเมื่อจบชั้น ม 3 หรืออายุประมาณ 15-16 ปี
ถามว่า สายเกินไปไหม
ขอตอบเลยว่า 50:50 อาจจะช้าไปนิดแต่ยังไม่ถึงกับสายจนเกินไป
ลูกอาจต้องทำงานหนักหน่อย
และต้องมีความตั้งใจอย่างมาก
หรือหากมีพื้นความรู้แน่นมาพอสมควร ก็สามารถประสพความสำเร็จได้ไม่ยาก
โดยเฉพาะความสามารถทางด้านคณิตของเด็กไทย ทำให้ครูและเพื่อนนักเรียนอึ้งทึ่งมาแล้ว
(ข้อดีที่เห็นได้ชัดในกรณี ส่งลูกไปเรียนต่อตอนจบ ม 3 คือ ประหยัดค่าใช้จ่าย
เรียกว่ามีเงินเตรียมไว้ไม่ถึง 2 ล้านบาท ลูกก็สามารถเรียนจบมัธยมศึกษา (year 12) กลับมาเทียบวุฒิ และ เข้ามหาวิทยาลัย หลักสูตรนานาชาติในไทยได้ไม่ยาก ซึ่งอันนี้เดี๋ยวจะเขียนแยกออกไป จากประสบการณ์ตรงของลูกๆเพื่อนหลายคนค่ะ)

เรื่องความเทพในวิชาคณิตศาสตร์ของเด็กไทยนี่ เป็นที่ฮือฮาในโรงเรียนนิวซีแลนด์ทุกยุคทุกสมัย
อย่างลูก... ตอนเรียนที่โรงเรียนในไทย
ผลการเรียนอยู่ระดับพอใช้ ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากมาย
พอไปเรียนที่นิวซีแลนด์ กลายเป็นคนโปรดของครูคณิตศาสตร์ รับรางวัล รับจดหมายชมที่ส่งตรงมาที่บ้านกันไม่หวาดไม่ไหว
ยิ่งเรียนยิ่งสนุก
ยิ่งเรียนยิ่งมีพัฒนาการดีขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนสำคัญอีกส่วนน่าจะเป็นเพราะการเรียนในโรงเรียนของนิวซีแลนด์ไม่น่าเบื่อ
หลักสูตรเน้นการพัฒนาทั้งอีคิว และ ไอคิว ไปพร้อมๆกัน
มีวิชาเลือกมากมายให้ตรงกับความถนัดของเด็กนักเรียนแต่ละคน
และยังมีกิจกรรม มีกีฬา สารพัด หลากหลาย ตลอดท้งปี
ลูกมีความสุขในชีวิตนักเรียนที่นิวซีแลนด์มาก
ทำให้ผลการเรียนดีแบบพ่อแม่แปลกใจว่า ลูกเราเรียนเก่งหรือนี่ ^___^
(ทำไมดูไม่ออกมาก่อนเลย)

วิชาที่ลูกเลือกเรียนและทำได้ดีมากคือ ฟิสิคส์ แคลคูลัส Maths with Stats
(ซึ่งแม่ช่วยอะไรไม่ได้เลยสักนิด)

ลูกสอบผ่านในระดับ NCEA ทั้ง 1-3 โดยมี Excellent Endorsement ในระดับ 1 และ Merit Endorsement ในทุกระดับ 2-3
(หมายถึงการสอบผ่านในรายวิชาที่มีเกรดดี ครบตามจำนวนที่กำหนด)

ทำความเข้าใจกับรายงานเกรดของลูก หรือ school report

การให้เกรดวิชาสอบของระบบนิวซีแลนด์ ไม่ใช่ A,B,C,D,F
แต่เป็น
A = Achieve แปลว่าผ่าน
M = Merit แปลว่า ดี
E - Excellent แปลว่าดีเยี่ยม
NA = Not Achieve แปลว่าตก

ในบางครั้ง ยังเรียนไม่ครบ หรือ ยังไม่มีการสอบวัดผล ก็จะระบุว่า NYA = Not yet Achieve

..................................................

Folio ของวิชา Visual Art (Photography) ของลูก NCEA Level 3
อันนี้ได้ Merit
การเลือกลงวิชา Visual Art ตัวนี้ เป็นการเลือกเพื่อเป็นวิชาช่วยตัวหนึ่ง
เนื่องจาก การจะผ่าน NCEA Level 3 นั้น จะต้องลงเรียนในวิชา NCEA level 3 - 5 วิชาขึ้นไป
และเก็บเครดิต Level 3 ให้ได้ 60 เครดิตขึ้นไป (+ อีก 20 ในระดับลงมา)
ลูกลงวิชายากๆ ไปถึง 4 ตัวแล้ว
อีก 1 วิชา จึงคิดว่า ลงวิชา Photo น่าจะช่วยในเรื่องของคะแนนได้ด้วยอีกทาง
ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมากๆ



ในชั้น Year 13 ลูกมีความตั้งใจจะเข้าเรียนต่อในคณะวิศวะ ที่มหาวิทยาลัย Auckland
วิชาเลือกของลูกจึงเน้นไปทางวิชาที่ต้องใช้ในการเรียนวิศวะ
1: Math with Calculas 
2: Math with Statistics
3: Chemistry
4: Physics
5: Visual Arts (Photography)

ผลการสอบ NCEA Level 3 ทั้ง 5 วิชานี้ ลูกได้ Endorsement with Merit ถึง 4 วิชา (ยกเว้นเคมี)
ทำให้ผล NCEA รวมของลูก ได้รับการ Endorsement with Merit
เก็บเครดิตได้มากกว่า 100 เครดิตใน Level 3 ส่งผลให้ได้รับการตอบรับในมหาวิทยาลัย ทุกคณะที่ยื่นสมัครไปเลย
(สุดท้าย ลูกตัดสินใจขอกลับมาเรียนวิศวะ หลักสูตร สองสถาบันที่ประเทศไทย โดยเรียน 2 ปีที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ 2 ปีที่มหาวิทยลัยนอตติงแฮม ในอังกฤษ - ซึ่งเป็นการตัดสินใจของลูก โดยมีพ่อแม่สนับสนุน ไม่ใช่พ่อแม่เลือกให้)

NZ Qualifications ของลูกสำหรับการเรียนตั้งแต่ year 10-13
  1. National Certificate in Science
  2. National Certificate in Mathematics (Level 1)
  3. National Certificate in Mathematics (Level 2)
  4. National Certificate in Building, Construction, and Allied Trades Skills (Level 1)
  5. National Certificate in Building, Construction, and Allied Trades Skills (Level 2) จากการลงเรียนวิชา Woodwork ใน year 11-12 ซึ่งลูกชอบเรียนมาก
  6. NCEA Level 3 with Merit
  7. NCEA Level 2 with Merit
  8. NCEA Level 1 with Excellent
  9. National Certificate in Electronics Technology (Level 2) จากการเรียนวิชาช่างไฟ Electronics
  10. New Zealand University Entrance สอบเก็บคะแนนครบตามเกณฑ์ (ทั้ง NCEA ตามระดับ และ เครดิตจาก Literacy + Numeracy) สามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลับในนิวซีแลนด์ได้
เหนือความภูมิใจที่เห็นลูกประสบความสำเร็จในการเรียนคือ การเห็นวิวัฒนาการของลูกที่ก้าวขึ้นไปเรื่อยๆในทุกๆปี
เห็นและสัมผัสได้กับความสุขในทุกๆวันของลูกในการไปโรงเรียน การเข้าสังคม และ การใช้ชีวิตในต่างแดน
ลูกไม่เคยขาดเรียนนอกจากป่วย
(มีตอน year 12 ซึ่งต้องเดินทางไปเข้าค่ายอาสา หรือ Mission trip ที่ Solomon Island
ทำให้ต้องขาดเรียนบางวัน)
ลูกมีความสุขในการเล่นฟุตบอล ได้เป็นนักกีฬาฟุตบอลตัวจริงของโรงเรียน ซึ่งแม่ก็กลายเป็น Soccer mom ตามไปบริการรับส่ง ทำอาหาร ขนม เลี้ยงทีมทุกๆปี
ลูกเป็นนักกีฬาปิงปอง
เป็นหัวหน้านักเรียน
เป็น Lighting Stage operator ใน School Plays
ลูกรับรางวัลเรียนดี ทุกปี
จากเด็กน้อยที่ผลการเรียนงั้นๆ ประเภทปีไหนได้เกรด A จากโรงเรียน (ในไทย)
คุณยายยังบอก เดี๋ยวยายจัดสิงโตมาเชิดฉลองให้ซะหน่อย
เด็กน้อยที่ทำอะไรเองไม่เป็น เพราะมีคนทำให้หมด
มาถึงจุดนี้....
จะให้แม่พูดอะไร นอกจาก
เราตัดสินใจถูกต้องที่สุด ที่เลือกให้ลูกมาเรียนมัธยมในประเทศนิวซีแลนด์นี้**

** ขอออกตัวว่า เป็นความเห็นของครอบครัวเรา และ เป็นประสบการณ์ตรงของครอบครัวเรา
ลูกไม่ใช่คน Academic จ๋า ไม่ใช่เด็กเรียน ไม่ใช่เด็ก nerd ไม่ใช่เด็กอัจฉริยะ
แต่เพราะเขาได้รับในสิ่งที่เหมาะสม อยู่ในสังคมและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
มีความสุขในการดำเนินชีวิต
ผลก็ออกมาเป็นเช่นนี้

......................................................

เป็นตัวแทนโรงเรียนในการแข่งปิงปองระดับภูมิภาค



member of the 1st 11 team (Football)





หนึ่งในกิจกรรมโปรดที่สุดของแม่คือ ติดตามเชียร์ลูกแข่งบอลกับทีมต่างโรงเรียน
ทุกเช้าวันเสาร์ของเทอม 2, 3
ใน Saturday morning game ตั้งแต่ year 10-13
ตามไปนั่งดู นั่งเชียร์ ได้ไม่มีเบื่อเลย



Create Date : 15 ธันวาคม 2558
Last Update : 15 ธันวาคม 2558 12:28:31 น. 2 comments
Counter : 5630 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ คุณแหม่ม อยากขอความช่วยเหลือเรื่องส่งลูกชาย14ปีไปเรียนNZ รบกวนคุณแหม่ม ติดต่อผ่านemail : chanidap@bkkcogen.com ได้ไหมคะ

ขอบคุณมากๆค่ะ
ชนิดา


โดย: สมาชิกหมายเลข 3420484 วันที่: 17 กันยายน 2559 เวลา:23:21:38 น.  

 
sarisa_vo@yahoo.com


โดย: parachute วันที่: 21 มกราคม 2560 เวลา:22:59:41 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

parachute
Location :
Tauranga New Zealand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




Friends' blogs
[Add parachute's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.