==== ก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่อยากจะเป็นสามี และ เป็นพ่อให้ได้ดีกว่าที่เคยเป็นเมื่อวาน ====
Group Blog
 
All Blogs
 
แนวสอบสัมภาษณ์พร้อมคำตอบ wireline helper ของ Chevron ต้นเดือน เมษายน 2555

ผมต้องขอออกตัวก่อนว่า ไม่เคยเป็นผู้สัมภาษณ์หรือผ่านการถูกสัมภาษณ์จากหลักสูตรนี้ แต่ เนื่องจากมีน้องๆเพื่อนๆถามกันมาเยอะว่าจะสัมภาษณ์อะไรยังไ และมีศิษย์เก่าใจดีเอาประสบการณ์คำถามมาบอกเล่ากัน เอาเป็นว่าผมจะให้คำตอบไว้ก็แล้วกัน เผื่อคณะกรรมการจะถามซ้ำนะครับ

ก่อนจะอ่านต่อไปอยากให้ไปอ่านเรื่องการสอบสัมภาษณ์วิศวกรสนามปูพื้นกันไว้ก่อนตามลิงค์นี้นะครับ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=nong-fern-daddy&month=22-12-2009&group=14&gblog=8 เพราะว่าแนวทางคงไม่หนีจากนั้นเท่าไร แล้วค่อยมาดูอีกทีว่าคำตอบคำถามเฉพาะเป็นอย่างไร

เมื่ออ่านจบตรงนั้นแล้วก็มาว่ากันต่อเลยครับ (ผมลอกคำถามมาจากเพื่อนๆที่เอามาแบ่งปันกันใยบล๊อกนะครับ)

แนะนําตัวเอง การศึกษา ฝึกงาน หรือ ทํางานที่ไหน - ขั้นตอนนี้ผมแนะนำให้เขียนสคริปเป็นภาษาอังกฤษไปเลยครับ กึ๋น(ท่อง)ไปเลย กะว่า 2-3 นาทีพอ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้คะแนนเพราะท่อง คุณจะได้คะแนนความประทับใจเรื่องความพร้อมมากกว่าครับ เพราะกรรมการเขาไม่ได้คาดหวังให้คุณ "พูด" เท่าไร เพราะรู้ๆอยู่ว่าระบบการศึกษาประเทศไทยสไตล์วัดลิงขบพวกเราจะพูดภาษาอังกฤษได้ยังไง จริงไหมครับ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะพูดแบบท่องเข้าไปไม่ได้นี่นา

เริ่มถามรู้จัก wireline ไหม - ตอบว่ารู้จักครับ นี่ก็ท่องไปอีก อ่านจากในบล๊อกผมนี่เลย //www.bloggang.com/viewblog.php?id=nong-fern-daddy&date=13-03-2012&group=11&gblog=67 ในท้ายๆประกาศผมสรุปย่อไว้ให้แล้วว่า wireline คืออะไร นอกจากนี้ยังมี wireline อีกประเภทหนึ่งที่ผมตอบไว้ใน FAQ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=nong-fern-daddy&month=30-10-2008&group=12&gblog=16 เป็นงาน wireline ในส่วนของ logging ซึ่งไม่น่าจะใช่งานที่เรากำลังจะไปสัมภาษณ์ แต่คุณอ่านไปท่องไป ก็เป็นผลดีกับตัวคุณเอง เพราะคุณได้คะแนนการค้นคว้าหาความรู้ล่างหน้า (คะแนนทำการบ้าน)

wireline tool มีกี่แบบ - อันนี้ผมก็ไม่รู้ว่าคนถามเอาอะไรมาแบ่ง เหมือนบอกว่าแบ่งประชากรโลกนี้เป็นกี่กลุ่ม ขึ้นกับจะเอาอะไรเป็นเกณฑ์ เช่น เพศ ศาสนา เชื้อชาติ ฯลฯ wiretool ก็เหมือนกัน

ถ้าแบ่งตามลักษณะการใช้งาน ก็มีแบบใช้งานในท่อเหล็กที่เรียกว่า case hole กับใช้งานในหลุมเปิดที่ยังไม่ได้ใส่ท่อกรุลงไปที่เรียกว่า open hole

ถ้าแบ่งตามการใช้สายเคเบิ้ลก็จะแบ่งเป็นแบบใส่สายเคเบิ้ลเดี่ยวหรือที่เรียกว่า Single strand (ดูภายนอกเหมือนสายลวดราวตากผ้าเลยครับ)กับใช้สายเคเบิ้ลที่มีหลายเส้นพันกันที่เรียกว่า braided line อันนี้ก็จะเหมือนลวดสลิงที่เครนใช้ยกของครับ แล้ว braided line ก็แบ่งออกเป็น 2 แบบย่อยๆอีก คือแบบที่มีสายตัวนำไฟฟ้าอยู่ข้างใน กับแบบไม่มีสายตัวนำไฟฟ้าอยู่ข้างใน แน่นอนว่าการใช้งานและข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป สำหรับการสัมภาษณ์ผมว่ารู้เท่านี้ก็โอเคแล้วครับ

ยังไม่จบครับ ถ้าแบ่งตามขนาดก็ได้อีก ว่าขนาดเล็กใช้ลงในท่อผลิตที่เรียกว่า tubing หรือ ขนาดใหญ่ ที่ลงในท่อกรุที่เรียกว่า casing

หรือแบ่งตามการใช้งาน คือแบบที่ส่งกระแสไฟฟ้าลงไป (ส่วนมากใช้กับสายเคเบิ้ลแบบ braided line ที่มีสายตัวนำไฟฟ้าอยู่ข้างใน) กับ แบบที่ไม่ต้องส่งกระแสไฟฟ้าลงไป

อธิบาย Slickline รู้จักไหม - นี่เลยครับ ลอกมาจากพจนานุกรมศัพท์ของ Schlumberger //www.glossary.oilfield.slb.com/Display.cfm?Term=slickline

A thin nonelectric cable used for selective placement and retrieval of wellbore hardware, such as plugs, gauges and valves located in sidepocket mandrels. Valves and sleeves can also be adjusted using slickline tools.

A single-strand wireline used to run and retrieve tools and flow-control equipment in oil and gas wells. The single round strand of wire passes through a stuffing box and pressure-control equipment mounted on the wellhead to enable slickline operations to be conducted safely on live wellbores.

มันเต็มไปด้วยศัพท์เฉพาะที่คนนอกอ่านแล้วงงเช็ดเม็ด เอาว่าผมช่วยแปลเป็นภาษาบ้านๆให้คุณเข้าใจก็แล้วกัน แต่เวลาไปตอบก็ท่องๆเป็นภาษาอังกฤษไปก็แล้วกัน

"มีสองลักษณะงานครับ แบบแรกจะเป็นเหมือนเส้นสวดราวตากผ้าเส้นเดี่ยวเล็กๆที่เหนียวพิเศษ ใช้ในการเอาอุปกรณ์ต่างๆลงไปติดตั้งใน side pocket ของท่อผลิต (tubing) หรือใช้ในการเอาอุปกรณ์ต่างๆที่ติดตั้งอยู่ในนั้นก่อนแล้วขึ้นมา นอกจากใช้ในการเอาเข้าเอาออกแล้วยังใช้ในการปรับระยะจัดระยะของอุปกรณ์ต่างๆที่อยู่ในท่ออีกด้วย

แบบที่สองจะเป็น braided line คล้ายๆสวดสลิงแต่เส้นเล็กๆมีสายตัวนำไฟฟ้าซ่อนอยู่ข้างใน เอาไว้หย่อนเครื่องมือวัดต่างๆเช่น ความดัน อุณภูมิ ฯลฯ ลงไปในหลุมที่กำลังทำการทดสอบ ดังนั้นจึงต้องมีสายตัวนำไฟฟ้าอยู่เพื่อนำสัญญาณของสิ่งที่วัดได้ขึ้นมาแปลความหมายข้างบนปากหลุม"

ถ้าคุณเทียบกับภาษาอังกฤษข้างบนแล้วคนล่ะเรื่อง แต่สำหรับคนนอกวงการอ่านของผมแล้วเข้าใจกว่าเยอะครับ

ถ้าใครยังไม่เห็นภาพ wirline อยากจะให้จิตนาการแบบนี้ครับ

ลองคิดว่าถ้าคุณทำแหวนแต่งงานแฟนสาวตกไปในท่อระบายน้ำในห้องน้ำในคอนโดที่เป็นท่อยาวขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสามนิ้งครึ่ง เป็นท่อตรงๆลงไปในแนวดิ่ง คุณก็ต้องเอาตะขอผูกปลายเส้นลวดแล้วหย่อนลงไปเกี่ยวมันขึ้นมาใช่ไหมครับ ไอ้เส้นลวดที่คุณหย่อนลงไปเราเรียกว่า wireline ไอ้ตะขอปลายเส้นลวดเราเรียกว่า wireline tool ส่วนไอ้คุณแหวนแต่งงานนั้นเราเรียกว่า fish - นี่คือแบบแรกคือลงไปของที่ตกลงไปขึ้นมา ไม่ต้องมีเครื่องมือวัดอะไรวุ่นวาย

คราวนี้ถ้าคุณเกี่ยวมันไม่ขึ้น คุณก็ต้องเอากล้องเล็กหย่อนลงไปดูว่าแหวนมันตะแคง มันจมโคลน หรือมันลอยเหนือโคลย มันวางตัวอีท่าไหน คุณก็ต้องเอากล้องเล็กๆหย่อนลงไป คราวนี้สายที่ใช้หย่อนก็จะเป็นแบบ braided line คล้ายๆสวดสลิงแต่เส้นเล็กๆมีสายตัวนำไฟฟ้าซ่อนอยู่ข้างใน เพราะว่าต้องส่งกระแสไฟฟ้าลงไปให้กล้องทำงานและรับสัญญาณภาพขึ้นมา นี่ก็เป็นแบบที่สอง

ไงครับ พอเห็นภาพงานหรือยัง

คําถามเกี่ยวกับ safety ที่คุณเคยฝึกงาน ว่าคุณใช้อะไรมั้ง ส่วนใหญ่ก็ถามใน resume ที่เขียนไป ไล่ตั้งแต่การศึกษา ว่าวิชานี้อธิบายได้ไหม ลองอธิบายให้กรรมดูหน่อย ,ฝึกงานคุณทําเกี่ยวกับอะไร แล้วแต่ว่ากรรมการเค้าจะถามคุณ(เพราะต่างคนต่างฝึกงานคนละด้าน) แต่เน้นถามแต่ความปลอดภัยนะครับ

ตรงนี้อยากจะเน้นหน่อยครับว่า วงการฯเราเน้นเรื่องความปลอดภัยมากๆความรู้เกี่ยวกับและทัศนคติต่อความปลอดภัยต้องดี ความรู้น่ะไม่เท่าไร สอนกันทีหลังได้ แต่ทัศนคตินี่สำคัญ เช่น หมวกกันน๊อคเบอร์อะไรมาตราฐานอะไรไม่รู้ไม่สำคัญแต่ถ้ามีให้ต้องใส่ ขับรถขาดเข็มขัดนิรภัยหรือเปล่า ส่วนความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในงานเก่าของพวกเราผมคงไม่สามารถไปตอบแทนหรือชี้นำได้ งานใครงานมันครับ แต่ส่วนหนึ่งที่อยากให้เตรียมไปคือทัศนคติ คุณอาจจะโดนถามด้วยสถานการณ์จำลอง กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเกี่ยวกับความปลอดภัย เช่น เห็นหัวหน้าไม่ใช้ PPE (personal protective equipment ประกอบไปด้วย หมวกแข็ง hard hat - ถุงมือ - แว่นตานิรภัย - ที่อุดหู - รองเท้าบูทหัวเหล็ก - นี่ท่องไว้เลยนะครับ) คุณจะเตือนไหม ถ้าเตือนแล้วหัวหน้าไม่ฟังไม่เชื่อจะทำอย่างไร ถ้าขาดอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่ทำให้ความปลอดภัยของงานน้อยลง คุณอยู่กลางทะเล หยุดงานรอของบ.เสียหายมหาศาล ทำต่อไปโดยไม่มีของชิ้นนั้นก็ผิดกฏฯ KPI (key performance index) ของคุณและแผนกเสียหาย คุณจะเลือกทำอย่างไร

ผมไม่มีคำตอบให้ เพราะบางครั้งมันก็ตอบบยากจริงๆ ตอบอย่างไรมันก็เสียหายทั้งสองด้าน ก็อยากให้ทำใจตั้งสติไว้ล่วงหน้า

Motivation joint chevron - คำตอบใครคำตอบมัน เป็นภาษาอังกฤษนะครับ ท่องไปเลย ถ้าเป็นเรื่องเงินก็ตอบไปเลยว่าเรื่องเงินไม่ต้องเขิน วงการฯเรารับได้ครับ ทุกคนก็ทำงานเพื่อสิ่งนี้ไม่ใช่หรือ แต่อย่าตอบอะไรที่เลิศเลอ perfect ฟังแล้ว ไอ้นี่มันอุดมคติหรือสตอบอรี่ (ฮ่าๆ)

รู้จักงาน wireline หรือเปล่า - ตอบไปแล้ว ข้างบนน่ะครับ

ประสบการณ์การทำงานของคุณ (อาจลงถึงรายละเอียดของงานที่คุณทำ) น่าจะเยอะครับหัวข้อนี้ถามไปเรี่อยๆ - ท่องไปเลยว่างานเก่าอะไร งานใครงานมัน ผมช่วยไม่ได้ครับ คำถามนี้

ความปลอดภัยในที่ทำงาน อุปกรณ์พื้นฐานด้านความปลอดภัย
- หมายถึงในงานเก่า ต้องรู้นะครับ เช่นงานเก่าคุณอยู่โรงงานผลิตชิ้นส่วนรถ คุณต้องอธิบายได้ว่ากฎความปลอดภัยโรงงานมีอะไรบ้าง เช่น ต้องทำโน้นต้องทำนี่ ห้ามทำโน้นห้ามทำนี่ PPE มีอะไรบ้าง ถังดับเพลิงในโรงงานมีกี่แบบวางที่ไหน ใช้ดับเพลิงประเภทไหน ระหัสสีอะไร ซ้อมหนีไฟครั้งสุดท้ายเมื่อไร คุณเข้าร่วมหรือเปล่า แล้วคุณมีหน้าทีอะไรในการซ้อม ขั้นตอนเป็นยังไง ฯลฯ ถ้าคุณอยู่โรงงานแล้วตอบคำถามพวกนี้ไม่ชัดเจนหรือไม่ได้ กรรมการจะตีความว่าคุณไม่ใส่ใจไม่สนใจหรือทัศนคติไม่ดีต่อเรื่องความปลอดภัย ดังนั้น ดังนั้น (ย้ำนะครับ อุตส่าห์พิมพ์ 2 ครั้ง) เขียนสคริปแล้วท่องไปเลยครับ เช่นเดิมผมตอบให้ได้ไม่หมดเพราะงานเก่าของใครก็ของมัน แต่กลับไปนั่งคิดดูเรื่องพวกนี้ว่าเราต้องรู้อะไรเกี่ยวกับความปลอดภัยของงานเก่า แม้แต่งานออฟฟิตก็มีนะครับ อย่างน้อยก็เรื่องซ้อมหนีไฟประจำปี ภังดับเพลิง จำกัดความเร็วรถของบ. การตรวจบัตรเข้าออกของยาม นโบยายการออกบัตรพนักงานใหม่กรณีบัตรหาย ฯลฯ นับเป็นเรื่องความปลอดภัยหมดทุกกระเบียดนี้ว

เหตุผลที่อยากเปลี่ยนงาน ทำไม อย่างไร - แนะไปแล้ว ท่องไปเลยครับ

เมาเรือหรือเปล่า(อันนี้น่าจะแน่นอน อิอิ) - ตอบว่าไม่เมาไว้ก่อนก็ดี ไปหาตัวช่วยเอาข้างหน้า (ฮ่า) อย่างเก่งก็อ้วกสัก 3-4 เที่ยว เดี๋ยนก็หายครับ ลูกผู้ชายแค่นี้จิ๊บๆ

คำแนะนำจากศิษย์เก่า ==> "ทุกอย่างที่บอกเป็นประสบการณ์ที่ผมและเพื่อนๆ wireline helper โดนมาครับเลยมาแชร์ให้พี่ๆน้องๆฟังครับ อีกอย่างครับ ทุกคำถาม English only แนะนำให้ฝึกมาเยอะๆครับ(เน้นครับเน้น)เป็นตัวเองให้มากที่สุด ไม่ต้องเกร็งครับ เจอฝรั่งแน่นอน อิอิ ฟิตร่างกายมาทดสอบพละด้วยเด้อพี่น้อง เอาพอดีที่เราทำได้อย่าให้ตัวเองบาดเจ็บจนมาสอบไม่ได้ล่ะ อิอิ หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับพี่ๆน้องๆ นะครับ"

เอาล่ะสุดท้ายแล้ว ที่ขาดไม่ได้คือ ภาษากาย อย่างที่ฝรั่งบอกว่า action speaks louder นั่งหลังตรง เคลื่อนไหวคล่องแคล่ว ไม่ลุกลี้ลุกลน คุมสติให้อยู่(เพราะจะมีรายการยั่วโมโหแน่ๆ) สบตาคู่สนทนาเวลาตอบคำถาม อย่าก้มมองพื้นหรือเงยหน้ามองจิ้งจกบนเพดาน อย่ามองออกนอกหน้าต่างเวลาตอบ ที่สำคัญที่สุดให้คุณพูดกับตัวเองหลังจากอ่านจบบรรทัดนี้เลยว่า "ฉันก็เป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่ง ฉันภูมิใจในสถาบันและความรู้ที่ฉันมี ฉันมีดีพอ และ ฉันทำได้" ความมั่นใจความภูมิใจสำคัญมากครับ ไม่ว่าต่อการสัมภาษณ์ครั้งนี้หรือครั้งไหนๆและไม่ว่าจะทำอะไรด้วย คู่สนทนารับรู้ได้ครับ มันจะออกมาจากภายในผ่านทางน้ำเสียง สายตา คำพูด

ไม่ว่าผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร ผมอยากให้พวกเราภูมิใจว่าเราทำอย่างดีที่สุดแล้ว กำความฝันเอาไว้ให้แน่นๆ รดน้ำพรวนดินให้ดี ดินแปลงนี้อาจจะไม่ใช่ที่ที่มันจะงอก แต่ถ้าคุณกำมันไว้แน่นพอ ถ้าคุณกำมันไว้นานพอ วันหนึ่งมันจะงอกออกมาเป็นความจริงครับ

เชื่อมั่นในความสามารถและความตั้งใจจริงของพวกเราทุกคนนะครับ ... โชคดีนะ ...
พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร(พี่นก)

 

ปล. ถ้าใครคิดว่าฉันคงทำไม่ได้หรออยากให้อ่านบทความนี้ครับ 

//nongferndaddy.net63.net/Miracle.htm




===============================================
"ข้างล่างนี้จากคุณ Red Label ผมไม่ทราบว่าเป็นใครมาจากไหน แต่ผมอ่านแล้วบอกได้คำเดี๋ยวว่า ถูกต้องคร๊าบบบบบบบบบบ และดูจากวิธีการอธิบายผมเชื่อเลยว่าต้องเป็น หรือเคยเป็น Instructor แน่ๆ เพราะอธิบายได้ง่าย เห็นภาพเลย เป็นผม ผมก็จะอธิบายอย่างคุณ Red Label นี่แหละครับ อีกทั้งอุตส่าห์นั่งพิมพ์มาให้เป็นวิทยาทานอีก สุดๆเลย ขอบคุณคุณ Red Label มากๆ เลยครับ - พี่นก
===============================================
ถามอุปกรณ์เหล่านี้ว่ามีหน้าที่อะไร ทำงานอย่างไรครับ

1.electromagnetic wave resistivity tools

2.Neutron and Gamma source tools

3.Pressuremeasuring tools and directional survey tools

เผื่อเป็นแนวทางตอบคำถามครับ ขอบคุณมากครับ (สัมภาษณ์พรุ่งนี้)

โห ... เอาแบบครบเลย ผมจะเฉลยไปทำไมเนี้ย ในเมื่อผมก็จะเป็นคนสัมภาษณ์คุณเอง (อุอุ) แล้วคุณไปแอบเอาข้อสอบมาจากไหน ผมว่าผมรู้คนเดียว(กับอีกไม่กี่คน)ว่าจะถามอะไร ... ข้อสอบรั่วตามเคย ...

เอ้า กล้าถามผมก็กล้าตอบให้

1.electromagnetic wave resistivity tools - วัดความต้านทานไฟฟ้าของชั้นหิน ใช้หลักการที่แต่ล่ะชั้นหินที่มีของเหลวที่นำไฟฟ้าได้ "ต่างกัน" ทำให้พลังงานคลื่นลดต่ำลง และ เฟสที่เคลื่อนไป "ต่างกัน" (amplitude propergation and phase shift) แล้วทำไมถึงอยากรู้ค่าความต้านทานไฟฟ้าของชั้นหินล่ะ ก็ชั้นหินแห้งสนิทถ้าปกติความต้านทานไฟฟ้าสูงมาก แต่ถ้ามีของเหลวแทรกอยู่ ความต้านทานรวมมันเปลี่ยนไปตามแต่ความต้านทานไฟฟ้าของของเหลวที่แทรกอยู่

ถ้าของเหลวเป็นน้ำเกลือก็ความต้านทานรวมชั้นหินที่มีน้ำเกลือแทรกอยู่ก็ต่ำ (ในธรรมชาติไม่มีน้ำบริสุทธิ์ที่ความต้านทานสูง) กลับกัน ถ้ามีก๊าซหรือน้ำมัน ความต้านทานไฟฟ้ารวมของชั้นหินนั้นๆมันก็สูง

2.Neutron and Gamma source tools

2.1 Neutron tools - วัดความพรุนของชั้นหินว่ามีช่องว่างเท่าไร ใช้หลักการการชนกันของวัตถุสองอย่างที่มวลเท่ากัน ถ้าก.กับข.มวลเท่ากัน ข.อยู่นิ่งๆ ก. วิ่งมาชน ข. ความเร็วหลังชนของ ก. จะลดลงอย่างมาก ข.คืออะตอมไฮโดรเจน ก.คือนิวตรอนที่ปล่อยออกจากเครื่องมือวัด ถ้าเราวัดจำนวนนิวตรอนที่ความเร็วลดลงได้ ก็แสดงว่าเรารู้ว่าจำนวนอะตอมไฮโดรเจนมีอยู่เท่าไร ถ้าเรารู้จำนวนอะตอมไฮโดรเจนในชั้นหิน แปลว่าเรารู้ว่ามีช่องว่างเท่าไร เพราะช่องว่างในชั้นหินจะมีน้ำหรือน้ำมันอยู่เสมอไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งและทั้งสองของเหลวมีจำนวนไฮโดรเจนอะตอมต่อ 1 หน่วยปริมาตรเท่ากัน ปัญหาคือ เครื่องมือนี้วัดไม่ได้ผลถ้าในชั้นหินมีก๊าซแทรกอยู่เยอะ เพราะก๊าซมีจำนวนอะตอมไฮโดรเจนต่อ 1 หน่วยปริมาตรน้อยกว่าน้ำและน้ำมันมาก เครื่องมือมันเลยอ่านค่าความพรุน(หรือช่องว่าง)ของชั้นหินว่าต่ำ แต่จริงๆแล้วกลวงโบ๋แต่เต็มไปด้วยก๊าซ พูดง่ายๆว่าเครื่องมือนี้มันตาบอดถ้าไปเจอชั้นก๊าซเข้า แต่มีวิธีแก้ (แต่ไม่บอก เพราะมันจะยาวมากกกกกก)

2.2 Gamma source tools - วัดความหนาแน่นของชั้นหิน ใช้หลักการ compton scattering งงซิ เอาง่ายๆ อิเลคตรอนโดนรังสีแกมม่าชน ระดับพลังงานมันจะเพิ่ม แต่ก็เพิ่มไปเดี๋ยวเดียว เพราะมันไม่เสถียร มันจะลดระดับพลังงานของตัวมันลงมาที่เดิมโดยคลายพลังงานทิ้งออกมาส่วนหนึ่งในรูปของรังสีแกมม่า(ที่ระดับพลังงานไม่เท่ากับที่โดนชนไปในตอนแรก) ถ้าเราวัดปริมาณรังสีแกมม่าที่โดยปล่อยออกมาเนื่องจากอิเลคตรอนจะกลับสู่สถานะก่อนโดนชนได้ แปลว่าเราวัดความหนาแน่นของจำนวนอิเลคตรอนได้ คราวนี้คุณจำตารางธาตุได้ไหม ความหนาแน่นของอิเลคตรอนต่อ 1 หน่วยปริมาตรมันแปรโดยตรงกับความหนาแน่นของธาตุ เท่านี้คุณก็รู้ความหนาแน่นของชั้นหินแล้ว พูดง่ายๆคือเอารังสีแกมม่ายิงเข้าไป เแล้ววัดรังสีแกมม่าอีกช่วงพลังงานหนึ่งเด้งกลับมา เอาง่ายๆแค่นี้ก่อน

3.Pressure measuring tools and directional survey tools

3.1 Pressure measuring tools - เอาท่อเล็กๆไปจิ้มเข้าไปในชั้นหิน ให้ของไหลในชั้นหินไหลเข้ามาในปริมาตรจำกัดเรียกว่าเป็นกระป๋องปิดก็แล้วกัน แล้ววัดดูว่าลักษณะความดันที่ลดลง(drawdown pressure profile)ตอนของไหลมันไหลเข้า กับลักษณะความดันที่เพิ่มขึ้นตอนมันเต็มกระป๋อง(build up pressure profile) มันหน้าตาเป็นไง จากตรงนั้น เราคำนวนหาค่า permeability (ความสามารถในการไหลผ่านของของไหลในชั้นหิน - ขอแปลแบบบ้านๆ) กับ mobility (ความสามารถในการเคลื่อนที่ของของไหลในชั้นหิน)

หลักการทำงานหมูๆ มีกระป๋องปิดเล็กๆซ่อนอยู่ในเครื่องมือ มีเกจ์ความดันติดอยู่ในกระป่องมีท่อขับด้วยระบบไฮโดรลิกส์จิ้มเข้าไปในชั้นหิน จบข่าว ไม่ต้องพึ่งควอนตัมฟิสิกส์ให้เมื่อยตุ้ม

3.2 Directional survey tools - ยุ่งหน่อย แต่อธิบายง่ายๆ มันก็ GPS ดีๆนี่เอง ติดลงไปในเครื่องมือ วันสนามแม่เหล็กทั้ง 3 แกน แล้วเอามาคำนวนหาว่าแนวเครื่องมือ(ซึ่งสมมุติว่าแนวเดียวกับแนวหลุม) มีความเอียง (inclination) กับทิศทาง (Azimuth - เหนือใต้ออกตก) เราก็จะรู้ว่าหลุมมันไปทางไหนเอียงเท่าไร

(สุดยอดๆ จะขอมากไปไหมครับถ้าจะให้ช่วยเพิ่มเติมเกี่ยวกับ restivity/ conductivity tool ตัวเก่าๆหน่อย พวก laterlog LLD LLS MSFL กับพวก induction tool AIT (ต่อย่อของฝั่งชุดหมีสีน้ำเงินน่ะครับ) อะไรพวกนี้ มันเป็นเบสิกดี และอยากจะยังมีหลงเหลือใช้อยู่ในอ่าวไทยเรา - พี่นก)

==========================

มีเพื่อนไปทำการบ้านเพิ่มค้นมาว่าแบ่ง wireline ออกได้เป็นกี่ประเภท เขาหามาได้แบบนี้ครับ

1. Tools with sensors but without excitation.
2. Tools with sources of excitation and sensors.
3. Tools that produce some mechanical work or retrieve a sample of fluid or rock to the surface.


More detail see in this link://tayobabaniji.hubpages.com/hub/Wireline-Logging

และผมก็ตอบเขาไปว่า ...

ดีมากครับที่รู้จักไปทำการบ้านมา อย่างที่บอกไว้ในบล๊อกน่ะครับว่า จะแบ่งประชากรกลุ่มหนึ่งออกเป็นส่วนๆได้เป็นกี่ส่วน คำถามที่ต้องถามคือแบ่งเอาไปทำอะไร จุดประสงค์ต่างกัน เกณฑ์การแบ่งก็ต่างกัน ผลลัพธ์ของการแบ่งก็ต่างกัน ที่ลิงค์เขาแบ่งแบบนั้นมันก็ถูกของเขาครับ ใช้เกณฑ์แบบนั้นมันก็ได้แบบนั้น แต่กรณีที่เขาแบ่งนี้เป็นงาน wireline อีกรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า formation evaluation หรือที่แปลเป็นไทยอย่างจั๊กจี้หูคือการหยั่งธรณีครับ คือเป็นการวัดคุณสมบัติทางปิโตรฟิสิกส์ของชั้นดินชั้นหิน ซึ่งเป็น wireline คนล่ะงานกับทีพวกเราจะไปสัมภาษณ์กันครับ แต่ที่มันเรียก wireline เหมือนกันก็เพราะว่ามันเอาเครื่องมือพวกนี้ติดอยู่ที่ปลายเส้นลวดหรือเคเบิ้ลที่เรียกว่า wireline ครับ

แต่อย่างที่บอกไว้ตอนต้นว่ารู้ไว้ก็ไม่เสียหายได้คะแนนทำการบ้านครับ

--------------------------

ใครสอบเสร็จแล้ว อย่าลืมมาส่งการบ้านนะครับ เราได้จากเพื่อนๆที่นี่ไป เมื่อเรามีโอกาสก็อย่าลืมแบ่งปันกันนะครับ โพสต์มาที่นี่เลย หรือ nnookk@hotmail.com ก็ได้ครับ การให้ทำให้เป็นสุขนะครับ


Create Date : 31 มีนาคม 2555
Last Update : 25 สิงหาคม 2556 19:34:43 น. 40 comments
Counter : 7754 Pageviews.

 
ขอบคุณมากครับพี่นก ที่อุตส่าห์แนะแนวทางให้ และขอบคุณพี่ๆเพื่อนๆที่ช่วยบอกแนวการสัมภาษณ์ให้ด้วยนะครับ
ช่วยได้มากเลย สำหรับคนที่ยังไม่ค่อยรู้อะไรเท่าไหร่เกี่ยวกับวงการนี้อย่างผม


โดย: yo IP: 118.173.150.167, 141.0.10.1 วันที่: 31 มีนาคม 2555 เวลา:21:40:57 น.  

 
ข้าน้อยซาบซึ้งน้ำใจยิ่งนัก


โดย: Red label IP: 58.8.45.222 วันที่: 31 มีนาคม 2555 เวลา:23:29:25 น.  

 
ขอบคุณมากๆเลยครับ


โดย: big IP: 58.9.215.96 วันที่: 31 มีนาคม 2555 เวลา:23:38:12 น.  

 


น่าจะมีอันนี้ด้วยนะครับ


ถามอุปกรณ์เหล่านี้ว่ามีหน้าที่อะไร ทำงานอย่างไรครับ

1.electromagnetic wave resistivity tools

2.Neutron and Gamma source tools

3.Pressuremeasuring tools and directional survey tools

เผื่อเป็นแนวทางตอบคำถามครับ ขอบคุณมากครับ (สัมภาษณ์พรุ่งนี้)

โห ... เอาแบบครบเลย ผมจะเฉลยไปทำไมเนี้ย ในเมื่อผมก็จะเป็นคนสัมภาษณ์คุณเอง (อุอุ) แล้วคุณไปแอบเอาข้อสอบมาจากไหน ผมว่าผมรู้คนเดียว(กับอีกไม่กี่คน)ว่าจะถามอะไร ... ข้อสอบรั่วตามเคย ...

เอ้า กล้าถามผมก็กล้าตอบให้

1.electromagnetic wave resistivity tools - วัดความต้านทานไฟฟ้าของชั้นหิน ใช้หลักการที่แต่ล่ะชั้นหินที่มีของเหลวที่นำไฟฟ้าได้ "ต่างกัน" ทำให้พลังงานคลื่นลดต่ำลง และ เฟสที่เคลื่อนไป "ต่างกัน" (amplitude propergation and phase shift) แล้วทำไมถึงอยากรู้ค่าความต้านทานไฟฟ้าของชั้นหินล่ะ ก็ชั้นหินแห้งสนิทถ้าปกติความต้านทานไฟฟ้าสูงมาก แต่ถ้ามีของเหลวแทรกอยู่ ความต้านทานรวมมันเปลี่ยนไปตามแต่ความต้านทานไฟฟ้าของของเหลวที่แทรกอยู่

ถ้าของเหลวเป็นน้ำเกลือก็ความต้านทานรวมชั้นหินที่มีน้ำเกลือแทรกอยู่ก็ต่ำ (ในธรรมชาติไม่มีน้ำบริสุทธิ์ที่ความต้านทานสูง) กลับกัน ถ้ามีก๊าซหรือน้ำมัน ความต้านทานไฟฟ้ารวมของชั้นหินนั้นๆมันก็สูง

2.Neutron and Gamma source tools

2.1 Neutron tools - วัดความพรุนของชั้นหินว่ามีช่องว่างเท่าไร ใช้หลักการการชนกันของวัตถุสองอย่างที่มวลเท่ากัน ถ้าก.กับข.มวลเท่ากัน ข.อยู่นิ่งๆ ก. วิ่งมาชน ข. ความเร็วหลังชนของ ก. จะลดลงอย่างมาก ข.คืออะตอมไฮโดรเจน ก.คือนิวตรอนที่ปล่อยออกจากเครื่องมือวัด ถ้าเราวัดจำนวนนิวตรอนที่ความเร็วลดลงได้ ก็แสดงว่าเรารู้ว่าจำนวนอะตอมไฮโดรเจนมีอยู่เท่าไร ถ้าเรารู้จำนวนอะตอมไฮโดรเจนในชั้นหิน แปลว่าเรารู้ว่ามีช่องว่างเท่าไร เพราะช่องว่างในชั้นหินจะมีน้ำหรือน้ำมันอยู่เสมอไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งและทั้งสองของเหลวมีจำนวนไฮโดรเจนอะตอมต่อ 1 หน่วยปริมาตรเท่ากัน ปัญหาคือ เครื่องมือนี้วัดไม่ได้ผลถ้าในชั้นหินมีก๊าซแทรกอยู่เยอะ เพราะก๊าซมีจำนวนอะตอมไฮโดรเจนต่อ 1 หน่วยปริมาตรน้อยกว่าน้ำและน้ำมันมาก เครื่องมือมันเลยอ่านค่าความพรุน(หรือช่องว่าง)ของชั้นหินว่าต่ำ แต่จริงๆแล้วกลวงโบ๋แต่เต็มไปด้วยก๊าซ พูดง่ายๆว่าเครื่องมือนี้มันตาบอดถ้าไปเจอชั้นก๊าซเข้า แต่มีวิธีแก้ (แต่ไม่บอก เพราะมันจะยาวมากกกกกก)

2.2 Gamma source tools - วัดความหนาแน่นของชั้นหิน ใช้หลักการ compton scattering งงซิ เอาง่ายๆ อิเลคตรอนโดนรังสีแกมม่าชน ระดับพลังงานมันจะเพิ่ม แต่ก็เพิ่มไปเดี๋ยวเดียว เพราะมันไม่เสถียร มันจะลดระดับพลังงานของตัวมันลงมาที่เดิมโดยคลายพลังงานทิ้งออกมาส่วนหนึ่งในรูปของรังสีแกมม่า(ที่ระดับพลังงานไม่เท่ากับที่โดนชนไปในตอนแรก) ถ้าเราวัดปริมาณรังสีแกมม่าที่โดยปล่อยออกมาเนื่องจากอิเลคตรอนจะกลับสู่สถานะก่อนโดนชนได้ แปลว่าเราวัดความหนาแน่นของจำนวนอิเลคตรอนได้ คราวนี้คุณจำตารางธาตุได้ไหม ความหนาแน่นของอิเลคตรอนต่อ 1 หน่วยปริมาตรมันแปรโดยตรงกับความหนาแน่นของธาตุ เท่านี้คุณก็รู้ความหนาแน่นของชั้นหินแล้ว พูดง่ายๆคือเอารังสีแกมม่ายิงเข้าไป เแล้ววัดรังสีแกมม่าอีกช่วงพลังงานหนึ่งเด้งกลับมา เอาง่ายๆแค่นี้ก่อน

3.Pressure measuring tools and directional survey tools

3.1 Pressure measuring tools - เอาท่อเล็กๆไปจิ้มเข้าไปในชั้นหิน ให้ของไหลในชั้นหินไหลเข้ามาในปริมาตรจำกัดเรียกว่าเป็นกระป๋องปิดก็แล้วกัน แล้ววัดดูว่าลักษณะความดันที่ลดลง(drawdown pressure profile)ตอนของไหลมันไหลเข้า กับลักษณะความดันที่เพิ่มขึ้นตอนมันเต็มกระป๋อง(build up pressure profile) มันหน้าตาเป็นไง จากตรงนั้น เราคำนวนหาค่า permeability (ความสามารถในการไหลผ่านของของไหลในชั้นหิน - ขอแปลแบบบ้านๆ) กับ mobility (ความสามารถในการเคลื่อนที่ของของไหลในชั้นหิน)

หลักการทำงานหมูๆ มีกระป๋องปิดเล็กๆซ่อนอยู่ในเครื่องมือ มีเกจ์ความดันติดอยู่ในกระป่องมีท่อขับด้วยระบบไฮโดรลิกส์จิ้มเข้าไปในชั้นหิน จบข่าว ไม่ต้องพึ่งควอนตัมฟิสิกส์ให้เมื่อยตุ้ม

3.2 Directional survey tools - ยุ่งหน่อย แต่อธิบายง่ายๆ มันก็ GPS ดีๆนี่เอง ติดลงไปในเครื่องมือ วันสนามแม่เหล็กทั้ง 3 แกน แล้วเอามาคำนวนหาว่าแนวเครื่องมือ(ซึ่งสมมุติว่าแนวเดียวกับแนวหลุม) มีความเอียง (inclination) กับทิศทาง (Azimuth - เหนือใต้ออกตก) เราก็จะรู้ว่าหลุมมันไปทางไหนเอียงเท่าไร


โดย: Red label IP: 58.8.45.222 วันที่: 1 เมษายน 2555 เวลา:0:06:30 น.  

 
พวก logging tool นี่ไม่น่าจะถามนะครับ เพราะว่ามันไม่เกี่ยวกับงานที่ทำแล้วก็มันน่าจะยากไป ถ้าถามก็น่าจะพวก braid line กับ slick line มากกว่า แต่ยังไงกันเหนียวศึกษาไว้ก่อนก็ได้ครับ


โดย: เอ็ม IP: 10.0.0.39, 58.8.181.113 วันที่: 1 เมษายน 2555 เวลา:1:29:36 น.  

 
Red label

สุดยอดๆ เอาขึ้นไปข้างบนแล้วนะครับ พร้อมโปรยหัวขอบคุณอย่างแรง และจะขอมากไปไหมครับถ้าจะให้ช่วยเพิ่มเติมเกี่ยวกับ restivity/ conductivity tool ตัวเก่าๆหน่อย พวก laterlog LLD LLS MSFL กับพวก induction tool AIT (ต่อย่อของฝั่งชุดหมีสีน้ำเงินน่ะครับ) อะไรพวกนี้ มันเป็นเบสิกดี และอยากจะยังมีหลงเหลือใช้อยู่ในอ่าวไทยเรา

เอ็ม - เอาน่า ให้เพื่อนๆท่องไปก่อน เกินดีกว่าขาด อิอิ เอาให้สมองบานไปเลย


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 1 เมษายน 2555 เวลา:8:16:24 น.  

 
ฮ่าๆ ผมเปล่าพิมพ์ครับ
ก๊อปมาจาก FAQ 18 ของพี่นั่นแหละ :)


โดย: Red label IP: 58.11.79.75 วันที่: 1 เมษายน 2555 เวลา:9:39:02 น.  

 
Red label ...

ฮา งั้นผมคงเบลอ หรือไม่ที่ faq18 ผมก็ไปก็อบใครเขามาอีกทีื อิอิ (มิน่า สำนวนคุ้นมากๆ ฮา) แต่ยังไงก็ขอบคุณอยู่ที่ที่ไปคุ้ยมาให้ เพราะผมตอบอะไรใครไว้เยอะมากๆจนลืมไป น่าจะมาดูเมล์บ๊อกผมนะเป็นพันๆได้แล้วมังป่านนี้


โดย: Nong fern daddy (Nong Fern Daddy ) วันที่: 1 เมษายน 2555 เวลา:11:20:37 น.  

 
อุบัติเหตุหน้าแตกอย่างแรงของผมข้างบนนี้น่าจะเป็นหลักฐานอย่างดีที่แสดงว่า ผมคงแก่แล้วจริงๆ ของตัวเองเขียนเองแท้ๆยังจำไม่ได้ แสดงว่าปริมาณ work load ที่เข้ามาวันต่อวันในบล๊อกนี้เยอะจริงๆ

แต่ก็ดีใจนะครับที่เพื่อนๆพี่ๆน้องๆไว้ใจถามขอคำปรึกษามา

อย่างไรก็ตามก็อยากให้เข้าใจนิดนึงเวลาผมตอบช้าเพราะบางช่วงงานเยอะจริงๆครับ และผมก็ไม่อยากตอบแบบขอไปที ก็เลยต้องใช้เวลาตอบแต่ล่ะฉบับนานเป็นพิเศษ บางฉบับผมตอบแล้วsaveไว้เป็นตอนๆจึงค่อยส่งก็มี เพราะอยากให้คำตอบผมมีประโยชน์จริงๆ

ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันนะครับ

พี่นก


โดย: Nong fern daddy (Nong Fern Daddy ) วันที่: 1 เมษายน 2555 เวลา:11:32:10 น.  

 
อิอิ


โดย: Red label IP: 180.183.184.8 วันที่: 1 เมษายน 2555 เวลา:20:11:36 น.  

 
พร้อมรับลูกควายไว้ใน อ้อมกอด อ้อมใจครับ พี่นก


โดย: MOT Platong IP: 111.84.4.186 วันที่: 2 เมษายน 2555 เวลา:21:51:28 น.  

 
มึนเลยครับผม


โดย: RB26 IP: 113.53.2.121 วันที่: 3 เมษายน 2555 เวลา:0:16:33 น.  

 
RB26

สัมภาษณ์มาแล้วหรือครับถึงได้มึน หายมึนแล้วมาเล่าสู่กันฟังหน่อยนะครับ


โดย: Nong fern daddy (Nong Fern Daddy ) วันที่: 3 เมษายน 2555 เวลา:5:45:43 น.  

 
พี่นกครับ POOH กับ Pump out กับ Back Reaming มันต่างกันอย่างไรครับ


โดย: เพิ่งเข้าวงการ IP: 146.23.250.105 วันที่: 5 เมษายน 2555 เวลา:19:56:32 น.  

 
เพิ่งเข้าวงการ

Pooh คือถอนก้านเจาะขึ้นเฉยๆ ไม่ปั๊มน้ำโคลน ไม่หมุนก้านเจาะ แปลว่าถ้าหลุมมันดีจริงไม่ฝืดไม่ติด เราก็ควรจะถอนด้วยวิธีนี้ได้อย่างราบรื่น

Pump out of hole คือการปั๊มน้ำโคลนลงไปตามท่อขุดพร้อมๆกับดึงก้านขุดขึ้นมา ใช้ในหลายๆกรณี เช่น ความดันน้ำโคลนใกล้เคียง(สูงกว่า)ความดันชั้นหินอยู่นิดหน่อย ถ้าถอดดื้อๆอาจจะเกิดการ swab หลุม คล้ายๆเราดึงการเข็มฉีดยา ทำให้ความดันใต้หัวเจาะต่ำกว่าความดันชั้นหิน คราวนี้ก็เอวัง เพราะของเหลวในชั้นหินก็จะไหลเข้ามา ที่เราเรียกว่า kick ซึ่งเราคำนวนได้ว่าน้ำหนักน้ำโคลนเท่าไร ถอนก้านเ็วแค่ไหน จึงจะไม่ swab หลุม ไปหาิ่านตำราเอานะครับ อีกกรณีที่ pump out กันคืิอในหลุมที่ร้อนมากๆ เครื่องเคราอิเลคทรอนิคที่ bha พวก med lwd อะไรพวกนั้นมันจะไหม้ละลายกันหมดและมันแพง เราต้องจ่ายถ้ามันเจ๊ง จึงต้องปั๊นน้ำโคลนหล่อมันเอาไว้ให้อุณหภูมิมันต่ำกว่าจุดที่มันจะเจ๊ง เราทำแบบนี้ในกรณีอุณหภูมิที่มันหมิ่นเหม่มากๆ(แต่เจือกอยากเจาะ)

Back ream out คือการหมุนก้านเจาะแล้วดึงขึ้นพร้อมๆกัน (จะปั๊มไปด้วยหรือไม่ก็ได้) ใช้ในกรณีที่ดึงธรรมดาแล้วไม่ขึ้นเนื่ิองจากหลุมฝืด คือผนังหลุมมันบวมเข้ามาเล็กกว่าขนาดหัวเจาะ(มันมีชั้นหินบางประเภทที่มันทำตัวน่าเกลียดแบบนั้น) พอดึงขึ้นมามันเลยฝืด อีกกรณีนึงคือดึงเฉยๆปกติๆไม่ขึ้นเพราะว่าแรงเสียดทานมันเยอะ จำได้หรือเปล่าว่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานสถิตมันมากกว่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานจล ไปฟื้นกลศาสตร์มาหน่อยจะนึกออก ทำไงล่ะทีนี้ ก็หมุนก้านเจาะไง ทำให้มันกลายเป็นแรงเสียดทานจลมันก็จะน้อยลง คราวนี้ก็ดึงได้สะดวกขึ้น แต่ความจริงถ้าต้องทำอย่างนี้แปลว่าวิศวกรขุดเจาะคำนวนไม่ดี ไม่ควรจะต้องมีกรณีนี้เกิดขึ้น ควรจะดึงปกติแล้าขึ้นได้สบายๆโดยไม่ต้องหมุนช่วย

ยังไม่หมดครับ มีอีกกรณีนึง คือถ้าหลุมเอียงมากๆ ประมาน 45 องศาขึ้นไปการหมุนและปั๊มพร้อมถอนก้านจะช่วย น้ำโคลนให้นำพาเศษหินที่ยังคงค้างอยู่ระหว่างทางขึ้นไปได้ ซึ่งก็อีกนั่นแหละ ไม่ควรเกิดกรณีนี้ขึ้น ถ้าก่อนถอนก้านได้มีการปั๊มน้ำโคลนล้างหลุมเอ่เศษหินขึ้นมาหมดอย่างดีแล้ว ซึ่งสามารถคำนวนได้หมดว่าต้อวปั๊มทำความสะอาดด้วยอัตราเท่าไรนานแค่ไหน ถ้าต้อง back ream ต้องปั๊มเท่าไร หมุนก้านกี่รอบต่อนาที

สรุปง่ายๆคือทั้งกรณี pump out และ back ream out ไม่ใช่เป็นกรณีปกติที่ทำกันถ้ามีการคำนวนแะปฏิบัติการเจาะอย่างถูกวิธี พูดง่ายๆคือเป็นตัวช่วยในกรณีสุดวิสัยว่างั้นเถอะ แต่ก็นะมีบางคนก็คือเอาเป็นการทำงานปกติไป ประมาณว่ากันเหนียวว่างั้น อันนี้ก็สุดแล้วแต่นะ คุณถามสามคนก็อาจจะได้สามคำตอบ บางคยตอบจากประสบการณ์บางคนเปิดตำราตอบ โดยเฉพาะเรื่อง back ream เถียงกันเยอะ เพราะมีคนแย้งว่าถ้าดึงก้านขึ้นมาเร็วเกิน ข้อต่อก้าน(tool joint) มันก็อาจจะไปติดกับกองเศษหินที่โดน back ream ขึ้นมากองสุมๆไว้ก่อนหน้า เอ้า ก็ว่ากันไป


โดย: Nong fern daddy (Nong Fern Daddy ) วันที่: 5 เมษายน 2555 เวลา:20:40:27 น.  

 
ขอบคุณพี่นกมากๆ ผมก็นั่งงงๆอยู่ตั้งนาน พอดีตอนนี้ผมอยู่บนริกครับ ซึ่งตอนนี้มีพี่คนหนึงบอกผมว่ากำลัง pump out อยู่ pump out 10 เเสตน จากนั้น pump slug ต่อด้วย POOH

แต่พอผมเจอ driller แกบอกว่ากำลัง Back reaming ผมก็เลยงงครับ ว่าตกลงเค้าทำอะไรกัน จะถามมากๆก็เห็นเค้ายุ่งๆกันอยู่


โดย: เพิ่งเข้าวงการ IP: 146.23.250.105 วันที่: 5 เมษายน 2555 เวลา:21:43:41 น.  

 


สวัสดีครับ ผมอยากจะรบกวนสอบถามหน่อยครับ ว่าตอนนี้ผมสัมภาษณ์ของ PTT EP (PSL) ผ่านแล้ว แต่ต้องไปสอบข้อเขียนที่ Adecco ผมไม่ทราบว่าแนวข้อสอบแบบไหนบ้าง ยากมากเพียงใด มีใครพอจะรู้บ้างครับ ช่วยตอบผมทีครับจะไปสอบสิ้นเดือนเมษานี้ครับ หรือไม่ก็่สงแนวข้อสอบมาตามเมลล์ wongraksa_w@hotmail.com จะขอบพระคุณอย่างสูงครับ


โดย: เอส IP: 49.229.87.107 วันที่: 6 เมษายน 2555 เวลา:21:14:54 น.  

 
เอส ...

ไม่ทราบเหมือนกันครับ ถ้ายังไงมีคนมาแบ่งปันให้แล้วผมจะเอาไปลงไว้ในบล๊อก คำสัมภาษณ์จริงที่เพื่อนๆนำมาแบ่งปันนะครับ ติดจามได้จากที่นั่นครับ



โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 7 เมษายน 2555 เวลา:6:34:07 น.  

 
คุณ เอส ตำแหน่งไรครับที่ไปสอบที่ adecco


โดย: Ppcc IP: 101.51.207.63 วันที่: 7 เมษายน 2555 เวลา:16:06:55 น.  

 
คุ้นๆ ชื่ออเด็คโค


โดย: ซาลาเปา IP: 182.53.187.56 วันที่: 7 เมษายน 2555 เวลา:21:34:48 น.  

 
ข้อมูลแน่นเปรี๊ย!!!!!!!!!


โดย: kinobuli วันที่: 8 เมษายน 2555 เวลา:10:11:54 น.  

 
ประกาศผลวันไหนครับ


โดย: Body IP: 113.53.2.125 วันที่: 10 เมษายน 2555 เวลา:21:29:53 น.  

 
ต้องไปสอบที่ adecco เหมือนกันครับ


โดย: สิทธิ์ IP: 115.67.32.129 วันที่: 12 เมษายน 2555 เวลา:5:09:23 น.  

 
ผมก้จะไปสอบที่ adecco 2 พฤษภา เหมือนกันครับ สมัครเป็น Tech มีใครพอรู้มั้ยครับ ยังไม่รู้ต้องสอบรัยบ้าง YY^YY


โดย: DeK Tech IP: 125.27.124.97 วันที่: 18 เมษายน 2555 เวลา:10:10:41 น.  

 
Dek Tech

ลองไปดูที่นี่

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=nong-fern-daddy&group=6&month=25-03-2012&gblog=107


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 18 เมษายน 2555 เวลา:16:56:37 น.  

 
มีใครพอทราบค่าตัวหลังจากจบจบการเรียนหกเดือนแล้วบ้างครับ อนาคตเป็นยังไงกับด้านสายงานนี้ ??


โดย: WT IP: 49.49.106.34 วันที่: 28 เมษายน 2555 เวลา:0:39:11 น.  

 
Wt

1548 บาทต่อวันนะครับ ไปอ่านรายละเอียดได้จาก

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=nong-fern-daddy&group=6&month=13-03-2012&gblog=105

ส่วนความก้าวหน้า ไปได้ไกลแน่ๆครับ ถ้าเราตั้งใจทำงาน อ่านความเห็นเพื่อนๆในลิงค์ข้างบนก็คงจะพอได้แนวครับ


โดย: Nong fern daddy (Nong Fern Daddy ) วันที่: 28 เมษายน 2555 เวลา:6:32:27 น.  

 
พี่นก คะ ตน. Engineer asset planing นี่เค้าต้องมีความรู้ด้านไหนบ้างคะ ปตท.สผ. น่ะค่ะ
พอดีหนูอยากเตรียมข้อมูลไว้สอบสัมภาษณ์ รือรบกวนผู้รู้ หรือ เคยมีประสบการณ์การสัมภาษณ์ ช่วยแชร์ข้อมูลด้วยนะคะ
ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ


โดย: มดน้อยย IP: 1.47.204.102 วันที่: 17 มิถุนายน 2555 เวลา:1:34:58 น.  

 
มดน้อย

คำถามดีมากเลยครับ ผมคงต้องร่ายยาว ตอบที่นี่คงไม่สะดวก เอาไปตอบที่ FAQ #23 แล้วนะครับ

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=nong-fern-daddy&month=28-01-2012&group=6&gblog=98


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 17 มิถุนายน 2555 เวลา:12:40:04 น.  

 
ขอบคุณพี่นก มากค่ะ
นานมั้ยคะกว่าเค้าจะเรียกเนี่ย หนูเข้าใจว่าเค้ากะลังต้องการ แต่ก็น้านนาน การรอคอยนี่ มันทรมานจริง


โดย: มดน้อย IP: 183.89.71.35 วันที่: 3 กรกฎาคม 2555 เวลา:18:51:30 น.  

 
HSE Engineer คำว่า HSE นี่ มันแปลว่าอะไร และเกี่ยวกะอะไรคะพี่นก


โดย: มดน้อย IP: 183.89.71.35 วันที่: 3 กรกฎาคม 2555 เวลา:19:21:28 น.  

 
มดน้อย - มันก็นานล่ะครับ แต่อย่าไปรอเลย ทำงานใช้ชีวิตเราไปตามปกติเถอะ ถ้ามันใช่งานเรามันก็มาเอง ส่วน hse คือ health safety environment บางที่ก็สลับเรียงเป็น she อ่านเป็น ชี ไปก็จำง่ายดีครับ


โดย: Nong fern daddy (Nong Fern Daddy ) วันที่: 4 กรกฎาคม 2555 เวลา:4:16:58 น.  

 
อยากได้แนวสอบ wireline tech ของ halliburton ครับใครมีช่วยแชร์หน่อยครับ สอบสัปดาหน้าครับ


โดย: คนเสกัก IP: 171.4.186.87 วันที่: 12 กรกฎาคม 2555 เวลา:20:41:49 น.  

 
คนเสกัก - ผมว่าข้อสอบพวกนี้มันก็วนๆกันไปน่ะครับ ลองเข้าไปไล่ๆอ่านบล๊อกเกี่ยวกับคำสัมภาษณ์ที่เพื่อนๆเอามาแบ่งปันกันนะครับ ไม่น่าหนีจากนั้นเท่าไร แบะถ้าคุณไปสัมภาษณ์มาก็เอามาแบ่งกันด้วยนะครับ


โดย: Nong fern daddy (Nong Fern Daddy ) วันที่: 13 กรกฎาคม 2555 เวลา:4:23:33 น.  

 
อยากแบ่งปันแนวขอ้สอบ halliburton ครับ
1.gramma 10 ข้อ
2.หาคำผิด
3.readding
4.Iq + กล่องคลี่+ภาพ 50 ข้อครับ


โดย: คนเสกัก IP: 49.48.51.107 วันที่: 22 กรกฎาคม 2555 เวลา:20:03:08 น.  

 
คนเสกัก - ขอบคุณมากครับ จะเอาไปลงไว้ที่บล๊อกโดยพลัน :)


โดย: Nong fern daddy (Nong Fern Daddy ) วันที่: 22 กรกฎาคม 2555 เวลา:21:26:39 น.  

 
คุณ คนเสกัก ครับ halliburton เค้ารับสมัครตำแหน่งนั้นไปเมื่อไหร่แล้วครับ ผมไม่รู้เลยครับ เสียดาย เห้อๆๆๆ


โดย: วิศวกร อิสระ IP: 183.88.249.142 วันที่: 23 กรกฎาคม 2555 เวลา:19:20:31 น.  

 
วิศวกร อิสระ - อะนะ ข่าวสารพวกนี้มัน มาไวไปไว ผมเองยังตามไม่ค่อยทัน อาศัยว่ามีน้องๆหลังไมค์ฝากๆกันมา


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 23 กรกฎาคม 2555 เวลา:20:28:09 น.  

 
จะต้องสอบติดให้ได้ จะได้เอาเงินรักษาพ่อกับแม่


โดย: ลัดดาวัลย์ IP: 118.172.67.126 วันที่: 3 ธันวาคม 2555 เวลา:19:51:47 น.  

 
ลัดดาวัลย์ - เอาใจช่วยมากๆเลยครับ


โดย: Nong fern daddy (Nong Fern Daddy ) วันที่: 4 ธันวาคม 2555 เวลา:2:17:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Nong Fern Daddy
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 782 คน [?]




... Blog นี้ ...
แด่ ... แม่น้องเฟิร์นและน้องภัทร
เธอ..ผู้เปลี่ยนห้องที่มืดมิดให้สว่างไสวได้ด้วยรอยยิ้ม
เธอ..ผู้อยู่เบื้องหลังความเข้มแข็งและความสำเร็จทั้งมวล
... และ ...
เธอ ... ผู้เป็น "บ้าน" เพียงแห่งเดียวของผม

---------------------------------------------

หรือเพียง "ฝัน" ที่หาญท้าชะตาฟ้า ?

หรือจะเพียง "ศรัทธา" (ที่)ไร้ความหมาย ?

แม้จะเป็นแค่เพียง "ฝัน" จนวันตาย

แต่ผู้ชายคนนี้จะอยู่ข้างเธอ ... ตลอดไป ...

แด่ ... ลูกที่กล้าฝันของพ่อ

Friends' blogs
[Add Nong Fern Daddy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.