==== ก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่อยากจะเป็นสามี และ เป็นพ่อให้ได้ดีกว่าที่เคยเป็นเมื่อวาน ====
Group Blog
 
All Blogs
 
เล่า เม้าส์ มันส์ๆ ประสบการณ์ Field Exposure ของ Schlumberger ช่วงราวๆ ตุลา-พย 2012

น้องคนนี้มีแววเป็นนักเขียน เล่ามันส์มาก ผมยกให้น้องเขาเลยบล๊อกนึง ผมจะวงเล็บตอบ+แซวไว้เป็นพักๆก็แล้วกัน

======================

สวัสดีครับพี่นก

กลับมาพร้อมกับการบ้านที่ติดไว้เรื่องของ field exposureครับ ผมได้มาทำในแผนกของ well service - cementingที่พิษณุโลก ตามหมายกำหนดการนั้นก็จะต้องออกจากสนามบินดอนเมืองตอน 6.20 และจะมาถึงที่สนามบินพิษณุโลกประมาณ 7.10 ครับ หลับยังไม่ทันสนิทเลยครับกำลังเคลิ้มเลย ก็ถึงเสียแล้ว ลงมาจากเครื่องด้วยความงงๆ เพราะว่าไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าใครจะมารับ คนมารับจะชูป้ายหรือเปล่าน้า หรือว่าจะใส่ชุดPPE สีน้ำเงินอย่างที่คนอื่นๆเขาบอกในบล้อคของพี่นก
พอลงมาถึงก็เห็นคนถือป้าย ปตทสผ บ้าง ชื่อคนโน้นคนนี้บ้าง แล้วก็เหลือไปเห็นพี่เสื้อสีน้ำเงินก็เลยเดินตรงเข้าไปหาครับ ปรากฏว่าเขาไม่ได้มารับผม (งานเข้าแล้วไงละตู) เขามารับ D&M อีกคนนึงซึ่งมันไม่ได้ไปที่เดียวกันครับ (บริษัทชลัมเขาแยกกันอยู่ครับ ไม่ได้รวมอยู่ด้วยกันหมด) คุยไปคุยมาพี่เขาก็โทรไปเชคที่แผนก well service ให้ แต่ว่าเขาบอกว่าไม่มีรถมารับ สรุปผมก็ได้เสยได้มาลงที่เบสของ wireline ก่อนครับ ซักพักใหญ่ก็มีคนมารับไปที่ แผนกอีกทีครับ

ขอแนะนำสำหรับคนที่จะมานิดนึงละกันครับว่าควรเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้ามายังไง ต้องบอกก่อนว่าอันนี้เฉพาะที่จะมา field exposure ของ well service ที่นี่เท่านั้นนะครับ แผนกอื่นที่อื่นไม่ทราบเหมือนกัน นอกเหนือจากอุปกรณ์ที่พี่นกเคยให้คำแนะนำไปแล้ว (ลองไปหากันดูละกันครับในFAQ) พวกไฟฉาย ปากกาหัวสักหลาด เครื่องคิดเลข เครื่องมืออเนกประสงค์ (swiss army knife) ก็จะแนะนำว่าเอาชุดที่ไม่ต้องเริศหรูอลังการมานะครับ ให้เอาพวกเสื้อบอล กางเกงบอล เชียร์ทีมไหน ชังทีมไหนเอามาให้หมดครับ (อาจจะได้ใช้ไปเตะบอลจริงๆ...ฮีฮี) เพราะว่าเวลาทำงานจริง ต้องใส่ชุด PPE ทับอีกที แล้วมันก็ร้อนหูดำเลย (ไม่ร้อนก็ดำอยู่แล้ว....) แล้วอีกอย่างก็คือเครื่องซักผ้าที่นี่ไม่มีความปราณีครับ กระดุมกระเดิมหายหมด เน้นชุดที่ใส่สบายๆ เสื้อเชิ้ตกางเกงสแสค นี่หยุดคิดเลยครับ ไม่ไดใส่หรอก นาฬิกาก็เอาที่เป็นสายยางๆมา พวกคาสิโอ จีสริง เอ้ยจีช้อค นอกนั้นก็แล้วแต่บุคคลละครับว่าอยากเอาอะไรมาประทินผิว อ้อ อีกอันที่แนะนำก็คือถุงเท้าสีดำ ยาวหน่อยก็ดีครับ (จัดแบบราชประแตนมาเลยครับ ฮีฮี) เพราะว่ามันจะเน่ามากก

(พี่นก ... สำหรับสาวๆนะครับเน้นครีมกันนแดดเลยครับ ขนมาเยอะๆ ที่ตั้งฐาน - base - อยู่ห่างเมืองนะครับ ไปหาซื้อไม่ได้ และเครื่องซักผ้าก็อย่างที่น้องคนนี่เล่าเดี๊ยะเลย ชุดชันในดีๆผ้านิ่มๆแพงๆลูกไม้สวยๆ อย่าเอามานะครับ เสียดายของ)

เรื่องที่พักก็ไม่ต้องเป็นห่วงครับ สบายมาก มีทีวีให้ดูทุกห้อง มีแอร์เย็นฉ่ำ ห้องผมมี play station3 ด้วยต่างหาก ห้องอาหารก็ดีครับอาหารอร่อย มีน้ำส้มน้ำเขียวน้ำแดงแล้วแต่จะเลือกทาน ตอนเช้ามีน้ำเต้าหู้ให้ด้วยเอ้า ก็ต้องเข้าใจว่าเครื่องอำนวยความสะดวกพวกนี้มันจำเป็นมากครับเพราะว่าพี่ๆเขาทำงานกันเสร็จก็ไม่ได้ไปไหน ยกเว้นจะเข้าเมืองซึ่งมันก็ต้องขับรถไปอีกไกล เขาก็ต้องมีของพวกนี้ไว้ให้พร้อมครับ

มาต่อที่เรื่องของผมละกันครับ หลังจากที่มาถึงแล้วก็ได้เจอกับพี่ที่เป็น supervisor เขาก็จัดแจงหาอุปกรณ์ที่ต้องใช้ พวก แว่น หมวก รองเท้า และชุดPPE แล้วก็บรีฟคร่าวๆให้ฟังว่าอะไรทำได้ทำไม่ได้ แล้วงานจะเป็นแบบไหน พี่เขาบอกว่าในบรรดาแผนกต่างๆ cementing เนี่ยเหนื่อยและเลอะเทอะที่สุดแล้ว (อันนี้ผมก็ไม่ทราบข้อเท็จจริงนะครับ)

(พี่นก ... confirm ครับ ในบรรดางานสนามของ SLB งาน cementing ที่น้องคนนี้เจอ เหนื่อยและเลอะเทอะที่สุดแล้วครับ)

ออกเดินทางจากเบสไปที่ rig ประมาณ 9.30 เดินทางประมาณ 45นาที ก็ถึงฮะ ความรู้สึกแรกคือร้อน แดดแรง เละ เห็นอย่างนี้แล้วก็จะนึกไปถึงคำถามของเพื่อนๆบางคนว่า "หนูเป็นผู้หญิงอยากจะทำงานแท่นขุด พอจะมีสิทธิ์ ไหมคะ?" คำตอบของผมคือ (ในกรณของ cementingนะครับ) ผมบอกได้เลยว่ามีสิทธิ์แน่นอนเแต่ว่าคุณจะรับกับสภาพงานได้หรือเปล่าเพราะว่ามันค่อนข้างลำบากหน่อยนะครับ(ผมว่าจริงๆแล้ว ลำบากมากเลยหละ) เพราะว่ามันเป็นงานที่ต้องใช้แรงกายมากๆเลยงานนึง ตอกท่อ เนี่ยมันคือตอกจริงๆนะครับ เห็นพี่ๆเขาตอกกันโป้กๆด้วยค้อนปอนด์เพื่อให้มันแน่น แล้วทีมนึงก็ไม่เยอะนะครับ มีแค่4-5คนเท่านั้น ทุกคนแบ่งหน้าที่กันชัดเจนและทำงานกันคล่องแคล่วมากๆ

(พี่นก ... ให้กำลังใจสาวๆหน่อย ผมเจอ cementer สาวๆของที่นี่หลายคนนะ พวกเธอสวยเจ็บจริงๆ คือ งานนี่ เคียงบ่าเคียงไหล่ โทษนะ ไม่มีห่วงสวยห่วงสิว มอมเหมือนหมา นั่งพิง dog house หลับหลังชนกันกับเพื่อนร่วมงานผู้ชายได้อย่างสนิทใจ แต่พอออกงานกลางคืนของบ. งงว่าคนเดียวกันไหม ทำไมสวยจัง วิศวกรหนุ่มๆน้ำลายหยดกันซะ ก็แหง๋ล่ะ ก็พวกสาวๆที่ไม่เข้าสเป๊กนี้ก็คงไม่ผ่านขบวนการขัดสรรหรอก จริงๆไหม)

แต่ละคนจะติดต่อกันโดยวิทยุสื่อสาร ทีมผมเป็นคนใต้หมดเลย พูดเร็วและเหน่อ (น่ารักดีครับ) ผนวกกับเสียงเครื่องปัมพ์ที่กำลังทำงานดังมาก เล่นเอาคนกรุงเทพอย่างผม ฟังไม่รู้เรื่องกันเลยทีเดียว งานที่มาทำวันนี้เป็นงานที่เรีกว่า Top-up คือเวลาเราปัมพ์ซีเมนต์ลงไปตามท่อจนไปถึงล่างสุด ซีเมนต์ก็จะถูกดันให้ไปอยู่ที่พื้นที่ว่างระหว่าง ผนังของหลุมกับท่อ (เป็นวิธีที่เรียกว่า annulus) แต่ว่ามันขึ้นมาไม่ถึงปากหลุม เราเลยต้องทำการเติมให้มันเต็มนั่นเองครับ ใครยังมองภาพไม่ออกให้ลองนึกสภาพเราเอาแก้วน้ำสองแก้วซ้อนกันโดยที่แก้วล่างมีน้ำอยู่แล้วมันล้นออกมาตามช่องว่างระหว่างแก้วสองใบ แต่ในกรณีนี้น้ำมันไม่ล้นออกมานั่นเองเพราะมันยังไม่ถึงปากหลุม เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำคือผสมปูนแล้วก็ปัมพ์ลงไปโปะข้างบนนั่นเอง

(พี่นก ... ขอแก้ไขครับ ไม่ได้เเรียก top up เท่าไร อาจจะมีเรียกบ้าง แต่ที่เรียกกันมากกว่าคือ top job)

การผสมปูมันก็จะมีเครื่องผสม ซึ่งจะคอนโทรลโดยทีมนั่นเอง ลักษณะของตัวควบคุมก็จะเป็นเครื่องที่มีหน้าปัดบอกค่าต่างๆ และแผนผังที่มีสวิตช์ เปิดปิดวาล์ว ให้ส่วนผสมในแทงค์ต่างๆไหลมาตามที่เราสั่ง (เพื่อนๆที่สับรางกิ๊กเก่งๆน่าจะทำได้ดี ...555) เพื่อที่จะเอาไปผสมกันในถังมิกซ์ (โซดา น้ำเปล่า..เย้ย นั่นมันมิกส์เหล้า) พอได้densityที่ต้องการก็ปัมพ์มันลงไปในหลุม ดูเหมือนไม่ค่อยมีอะไรใช่มั้ยครับ มันยังไม่เสร็จครับ มันต้องล้างท่อและถังอีกครับ ล้างท่อและถังเสร็จก็ต้องมาทางพื้นที่ที่ทำงานอีก ขอบอกว่าไอ้ล้างอันหลังเนี่ยเหนื่อยไม่ใช่เล่นนะครับพี่น้อง สาวๆที่จะมาทำงานตำแหน่งนี้ก็ลองคิดดูอีกทีนะครับ (ไม่ได้บอกว่าทำไม่ได้นะครับ..ทำได้แต่หนักทีเดียว...เลอะเทอะและเละเทะ)

(พี่นก ... เละมาก สมัยหนุ่มๆ ผมเคยไป cross train มา 2-3 หน ต้องบอกว่ายอมแพ้จริงๆ)

งานที่ทำอีกอันนึงคือเทสความดันปูน(ที่ทำไว้ในหลุมที่ทำเสร็จไปแล้วจนมันแข็งแล้วหนะครับ)ว่าทนความดันได้มากน้อยแค่ไหน เขาก็จะเทสที่ความดันต่างๆ ตั้งแต่ 100psi ไปยัน 1000psi เทสนี้ company man จะมาดูอยู่ด้วยครับ อันนี้ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ วานพี่นกอธิบายอีกทีนะครับ งานนี้ก็ต้องมีการตอกท่อต่อกับสาย pressure hose (ลักษณเหมือนงูอนาคอนดายังไงยังงั้น) ทั้งหนักและอันตราย เพราะว่ามันเป็นท่อที่หุ้มด้วยใยเหล็ก ซึ่งมันก็ถูกใช้งานมาอย่างโชกโชนจน ใยเหล็กมันก็ฟูๆออกมา ทิ่มทะลุถุงมือมาก็ถึงเลือดนะครับ

(พี่นก ... อ้อ ... ไม่มีอะไรมาก เอาท่อหนาๆหนักๆต่อๆกัน ปั๊มลงไปในช่องว่างระหว่างหลุมกับผนังหลุมที่มีซีเมนต์อยู่ ปั๊มน้ำลงไปแล้วทดสอบดูว่าปูนข้างล่างมันอยู่ดี หรือ มันเละ มันร้าว หรือ รั่ว)

งานของแผนกนี้เองมันไม่ค่อยเป็นเวลานะครับเพราะว่ามันก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาเจาะเสร็จเมื่อไหร่ เรียกเราไปทำเที่ยงคืนก็ต้องไปอะครับ พี่ๆบางคนก็จะมีแอบจิกกัด wireline นิดนึงว่างานอาจจะเหนื่อยใกล้เคียงกันแต่ทำไมเงินก็ได้เยอะกว่า อันนี้ผมก็ไม่ทราบข้อเท็จจริงนะครับ รับฟังไว้เท่านั้น อยากถามพี่นกนิดนึงว่าทำไม wireline ถึงรับ engineer เยอะมากเลยในขณะที่ well service รับนิดเดียวอะครับ (พี่ๆเขาบอกมาอีกทีนะครับ)

(พี่นก ... ที่ wireline รับมากกว่า เพราะว่า SLB เขาได้งาน wireline มากกว่างาน cementing ไงครับ เลยต้องคนมากกว่า ส่วนเรื่องรายได้ที่ว่า เหนื่อยและเลอะเทอะมากกว่า แต่ทำไมรายได้น้อยกว่า .. แหม ... อะ นะ ก็มีหลายอาชีพไม่ใช่เหรอครับที่เป็นแบบนี้ คือเหนื่อยกว่า แต่เงินน้อยกว่า ไม่ต้องดูอะไรมาก ดูผมกับหัวหน้าผมก็ได้ ฮ่าๆ)

วันแรกก็จบลงด้วยการไปเดินเล่ยตลาดนัด (ไปเหล่หญิงนั่นเอง) ด้วยชุดที่เครอะๆเนี่ยแหละครับ

ป.ล. เรื่องที่อาจจะเคยมีเพื่อนผู้หญิงถามว่าคนทำงานบนแท่นจะออกแนวขี้หลีรึเปล่านั้น อยากให้ลองนึกสภาพอย่างนี้แล้วกันครับว่า ชายโสด(โสดจริงมีนิดเดียว555) ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย มีแต่ความหยาบกร้าน อยู่กับสภาพแวดล้อมที่ไม่ค่อยมีสิ่งจรรโลงใจสักเท่าไหร่นัก แล้วก็มี engineer สาว (สวยไม่สวยไม่รู้แหละครับ อยู่ๆไปก็สวยขึ้นมาเอง ฮีฮี)เข้ามาทำงาน ก็ไม่แปลกที่เขาจะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษใช่มั้ยฮัฟฟฟ แถมนิดนึง ระหว่างทางจากเบสไปrig ถ้ามีสาวขี่รถเครื่องผ่านมานี่โดนบีบแตร(แตรนะครับ ไม่ได้บีบอย่างอื่น) แซวทุกคันไป

ขอจบวันแรกแต่เพียงเท่านี้ละกันครับ หลับสบายแน่นอนวันนี้

วันที่สองครับ

วันนี้เริ่มแต่เช้าเลยครับ ตื่นกันตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่ง ทานข้าวเสร็จก็ออกจากเบสประมาณ 8.30 เดินทางไปที่ rig เช่นเคยครับ วันนี้ต้องไปซ่อม Triplex เพราะว่ามันรั่วครับ (ยังไม่ค่อยทราบเหมือนกันครับว่ามันคืออะไร แต่มันเป็นตัวที่ปั้มซีเมนต์ผ่าน pressure pipe ไปที่หลุมนั่นเอง ผิดถูกยังไงก็ฝากพี่นกแก้ไขอีกทีละกันครับ) งานเหมือนจะไม่มีอะไรมาก แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอกครับ กว่าจะถอดตัวพลั้งพลาด เอ้ยพลั้งเจอร์(plunger) ออกมาได้นี่ไม่ใชาง่ายๆนะครับ กำลังล้วนๆ ลองนึกง่ายๆว่าในตัว triplex มันปั้มเอาซีเมนต์ (cement ไม่ใช่ semen) ส่งไปตามท่อใช่มั้ยครับ เพราะฉะนั้นไอ้ที่มันอยู่ในtriplexก็คือปูนที่มันแห้งบ้างไม่แห้งบ้าง ไอ้ที่แห้งก็แข็งโป้ก ก็ต้องตอกมันออก เพื่อที่จะถอดอุปกรณ์ข้างในมาเปลี่ยนพวกโอริง (O-ring)

(พี่นก ... มันเป็นปั๊มแบบที่เรียกว่า positive displacement คือลูกสูบสามตัวเรียงกัน ทำงานเหลื่อมกัน 120 องศา ใครจบเครื่องกลจะเข้าใจดีครับ คนไม่จบเครื่องกลให้นึกถึงกระบอกสูบรถยนต์ก็ได้ครับ เรียงกันสามตัวแล้วขนาดใหญ่พอๆกับลูกควายเขื่องๆ ใครจะเป็น cementer ได้ต้องสามารถถอดประกอบเองได้ โดยมือลูกมือช่วยภายในเวลาที่กำหนด ในสมัยก่อนเป็นแบบนี้นะ แต่สมัยนี้ไม่ทราบแล้ว)

งานพวกนี้พี่ๆเขาทำทั้งหมดแหละครับ เราที่ไปก็ไปเป็นลูกมือ ช่วยหยิบโน่นหยิบนี่ เก็บกวาด เติมน้ำมันในแอร์คอมเพรสเซอร์ ที่ใช้เป่าเอาผงซีเมนต์เข้าถังมิกซ์ แค่นี้ก็เหนื่อยมากแล้วครับ ทั้งหมดนี่ทำกลางแดดทั้งนั้นครับ คือทานน้ำเท่าไหร่ก็ไม่ปวดปัสสวะแน่นอนครับ เพราะมันออกไปทางรูขุมขนหมดแล้วครับ ไหลเข้าตา เข้าจมูก เข้าปากหมด เค็มๆอร่อยดี จะเช็ดก็ไม่รู้จะเอาอะไรเช็ด เพราะมือก็เลาะน้ำมัน น้ำปูน สารพัดน้ำ ก็จำเป็นต้องปล่อยให้มันไหลไป (พี่ที่ทำเขาบอกว่ารองเท้าเขาน้ำขังทุกทีทั้งๆที่ใส่บูทแล้ว จริงๆน้ำในรองเท้าเขาหนะเหงื่อทั้งน้าน) อย่างดีก็เอาแขนเสื้อปาดเอา พอหลายๆทีเข้า เหลือบไปดูที่แขนเสื้อ โอ้โห นี่สีผิวตรูติดออกมาด้วยเหรอฮัฟ เท่านั้นก็ไม่อยากเช็ดต่อแล้ว ชุดPPE นี่ก็เปียกไปด้วยเหงื่อ ขี้เกลือนี่ขึ้นเป็นแผนที่โลกเลย เพราะฉะนั้นสาวๆที่อยากจะทำก็ลองอ่านแล้วเก็บไปพิจารณาดูละกันครับ ไอ้เรื่องการสอนงานหนะไม่ต้องห่วง มีแต่คนอยากจะสอนอยู่แล้ว แต่เรื่องความลำบากและโสมมของตัวงานเองต่างหากที่จะเป็นอุปสรรค อุปกรณ์แทบจะทุกอย่าง หนักธรรมดาไปจนถึงหนัก อิ้บหอาย ผู้ชายยังกรี้ดเลยทีเดียว

(พี่นก ... ยี้ ... สาวๆฟังแล้วขยาดเลย อุอุ)

มีเหตุการณ์นึงที่พี่เขาบอกผมว่า "น้องๆพี่ขอกรีซหน่อย" ในใจก็คิดว่าพี่อยากจะกรี๊ด มาบอกผมทำไมเนี่ย??? ผมก็ทำหน้างงๆ เขาก็ชี้ไปที่ท่อนๆนึง ลักษณะคล้ายทุเรียนกวน แล้วก็บอกว่าอันนั้นแหละ กรีซ (grease) เอาไว้หล่อลื่น

งานในวันนี้ถือว่าน้อยครับ บ่ายสองก็กลับมานอนพักที่เบสแล้ว แต่นอนได้แปบเดียวก็โดนลากไปเตะตะกร้ออีก ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวเอาแรงมาจากไหน เสร็จจากเตะตะกร้อก็อาบน้ำทานข้าวทพักได้แปบนึง ชวนเข้าเมืองไปกินเหล้าอีก กินยังไม่หมดขวด ร้านปิดก่อน ก็ยังไม่กลับ ชวนมาดื่มกันต่อ มีเหล่าน้องๆโคโยตี้มาเขย่าเซลลูไล้กันเต็มไปหมด มาถึงเบสอีกที ตีสามครึ่ง ไอ้เราก็นึกในใจพรุ่งนี้ได้ข่าวว่ามีต้องเข้าไปเตรียมงานตอนเช้าแปดโมงครึ่ง แล้วก็ต้องไปทำ cementing ตอนสี่ทุ่ม (มันต้องไปก่อนประมาณสองชั่วโมงเพื่อเตรียมงาน) พูดง่ายๆว่าพรุ่งนี้ไม่ได้นอนไปจนถึงตี2แน่ๆ ถ้าเราสามารถเข้ามาทำงานที่นี่ได้ การทำงานของเราก็จะเป็น ทำหกหยุดสอง เอะก็ไม่ต่างจากทำงานออฟฟิสในเมืองนี่นา สบายๆ ทำได้อยู่แล้ว.....หยุดความคิดนี้ไปเลยครับ เพราะว่าหน่วยมันคนละหน่วยครับ ในเมืองเขานับเป็นวัน แต่ที่นี่นับ เป็นอาทิตย์!!! ใช่ครับ ทำเดือนครึ่ง หยุด 14 วันนั่นเอง มีแฟนก็เลิกหละครับ คนที่นี่มีกิ๊กทั้งนั้น จนบางทีกิ๊กนี่เป็นเหมือนเมียหลวงไปแล้วเพราะว่าอยู่ด้วยกันมากกว่าเมียจริงๆเสียอีก

(พี่นก ... อุ้ย ... แบบนี้ใครไปทำที่นั่น เดี๋ยวโดนบ้านใหญ่หมายหัวแน่ๆ อิอิ)

สำหรับวันที่สองก็เท่านี้ก่อนละกันครับ ง่วงมาก เดี๋ยวจะมาเล่าต่อในวันถัดไปครับ

(พี่นก ... ผมชอบวิธีและสำนวนน้องคนนี้จริงๆ เล่าได้เห็นภาพมากๆ โดยเฉพาะไอ้ทุเรียนกวนนั่น มันเหมือนจริงๆ)

=================================

วันที่สาม

วันนี้ได้ตื่นสายขึ้นมาอีกนิดนึงครับเนื่องจากว่าตามหมายกำหนดการแล้ว งาน cementingจะเริ่มที่ประมาณสี่ทุ่มครึ่ง แต่เราก็ต้องไปเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือ เตรียมเคมีที่จะเอาไว้ผสมซีเมนต์ วางแผนว่าจะเข้าไปเทสวาล์วที่ซ่อมไปเมื่อวาน แล้วก็เตรียม cement head (เป็นอุปกรณ์ตัวเบ้งๆตัวนึงที่เอาไปเสียบไว้บนหัวท่อเพื่อที่จะปั้มพ์ซีเมนต์ลงไป) พี่ๆเขาก็กะไว้ว่าเที่ยงน่าจะเสร็จ แวะไปทานข้าวเที่ยงกับกิ๊กแล้วก็จะกลับมานอนเอาแรงเผื่อกิ๊ก เอ้ย เผื่องานคืนนี้ครับ และแล้วทุกอย่างที่วางแผนไว้ก็เปลี่ยนไป ข้าวเที่ยงกับกิ๊กก็ไม่ได้ทาน ข้าวเที่ยงที่ rig ก็ไม่ได้ทาน เนื่องจากวาล์วที่ซ่อมไปเมื่อวานดันไม่หายรั่ว ซ่อมเท่าไหร่ก็เก็บความดันไม่อยู่ จนปัญญา เลยโทรตามพี่ บัดไวเซอร์ ไม่ใช่สิ พี่ซุปเปอร์ไวเซอร์ต่างหาก แล้วก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่ซุปเขาไป (ชุปก็คือคนที่จะทำในสิ่งที่เราทำไม่ได้นั่นแหละครับ) เราก็ย้ายมาเตรียมผสมปูนกับสารเคมี เพราะว่าเดี๋ยวจะไม่ทัน

ถ้าใครหวังว่ามันจะเป็นเครื่องออโตเมชั่นวิลิสมาหลาละก็ คิดผิดอย่างแรง (ใส่สำเนียงใต้ไปด้วยนะฮะ) ออโตมือทั้งนั้น สารเคมีก็ยกกันไปเถอะ 19แชค(sack) บ้าง 10sackบ้าง (sack มันก็คือกระสอบนั่นแหละครับ 25Lbs บางถุงก็ 25โล 1ตันก็มี) อันที่เป็นของเหลวก็เป็นแกลลอนครับ เหมือนจะเป็นแกลลอนเล็กทำมันหนักนักก็ไม่รู้ครับ (แถมความรู้ที่มีอยู่น้อยนิด ให้นิดนึงละกันเกี่ยวกับการยกของที่มีหูหิ้ว ปกติทั่วไปเราเห็นของที่มีหูหิ้วเราก็ก้มตัวยกมันดื้อๆนั่นแหละใช่มั้ยครับ จริงๆแล้วมันเป็นการยกที่ผิด เพราะน้ำหนักมันจะไปลงที่หลังของเรา ซี่งจะทำให้ปวดหลังได้ ฉะนั้นเวลายกให้ยึดหลัก line of strength มันคือแนวที่ลากผ่านเท้าทั้งสองข้างของเรานั่นแหละครับ สมมติว่าจะยกแกลลอนน้ำซักแกลลอนก็เอาตัวเราไปยืนข้างๆ ย่อตัวลงแล้วก็ยกโดยใช้แรงจากต้นขายกขึ้นมา หรือสำหรับผู้หญิงมีวิธีที่ง่ายกว่านั้นครับ คือให้ยึดหลัก line of command ครับ อะงงๆ ไม่ต้องงงครับให้เดินเข้าไปหาของที่จะยกก้มตัวเล็กน้อย ใช้ปลายนิ้วชี้เล็งไปที่สิ่งของแล้วพูดว่า "พี่คะยกอันนี้ให้หนูหน่อยคะ" จบ)

(พี่นก ... ชอบหลักนี้จัง line of command อิอิ แม่อีหนูที่บ้านใช้บ่อย ฮ่าๆ)

สารเคมีแต่ละตัวก็จะถูกผสมโดยการเทลงไปในเครื่องผสมตามอัตราส่วนที่ทางแลบป์เขาส่งมา (เขาจะส่งมาเป็น small scale เราต้องมา up เป็น large scale อีกทีครับ) บางตัวเอาไว้เพิ่มdensity บางตัวเอาไว้ลดdensity ลดนั่นเพิ่มนี่ เยอะแยะมากมาย ผมก็ถามไปเรื่อยแหละครับอยากรู้อะไรทำอะไร เนื่องจากผมไม่มีความรู้หรือปรัสบการณ์ในด้านนี้มาก่อน เรียนก็ไม่ได้เรียนมาด้านนี้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำได้และง่ายที่สุดก็คือถามครับ (ดูจังหวะด้วยนะครับ)

ผม:พี่ครับไอ้สารตัวนี้ใส่ไปทำไมครับ
พี่ supervisor : อ๋อตัวนี้พี่กินประจำ น้องจะลองทานบ้างก็ได้นะ เอาไว้ช่วยให้แข็งเร็ว
ผม: ....เอ่อ ไม่เป็นไรครับพี่ ผมยังใช้งานได้ดี =.="

(พี่นก ... ขอขยายมุกหน่อย คือเขากำลังคุยกันถึงสารเคมีที่ทำให้ซีเมนต์แข็งตัวเร็วนะครับ ฮ่าๆ)

สารเคมีแต่ละอันมีคุณสมบัติอย่างไรใครสนใจอยากรู้เชิญที่บทที่สามของพี่นกได้เลยครับ ได้ใช้ทุกตัวแน่นอนถ้ามาทำแผนกนี้หรือคนที่จะมา Filed exposure ก็อ่านทำความเข้าใจไว้บ้างก็จะช่วยไม่น้อยครับ

พอผสมเสร็จก็ไปเตรียมซีเมนต์เฮด งานหลักก็คือต่อท่อจากข้างล่างขึ้นไปที่ rig floor นั่นเองครับ งานใช้กำลังอีกแล้ว แต่พวกเราที่เป็น filed exposure ไม่ได้ทำอะไรหรอกครับเพราะว่าเรื่อง safety เป็นหลัก (พี่ๆเขาจะบอกเราเสมอว่า เรามา field exposure สิ่งสำคัญคืออย่าเจ็บตัว) ก็ขึ้นไปดูการทำงานว่าเขาทำกันยังไงบ้าง ยืนหลบๆหน่อยก็ดีครับเพราะข้างบนค่อนข้างอันตราย ของทุกอย่างมันดูใหญ่โตไปหมดครับ เลอะเทอะเละเทะ อยากเห็นบรรยาการทำงานก็เชิญดูยูตูปในเวบของพี่นกได้อีกเช่นเคย เหมือนกันเดะๆ

พอทุกอย่างเรียบร้อยก็จะมีการเรียกประชุมกับแผนกที่เกี่ยวข้องทั้งหมด (company man, roughabout, roughneck, mud engineer, และคนอื่นๆอีกนิดหน่อย) ก็เหมือนเดิมครับ เราก็ขึ้นไปยืนฟังในลักษณะของอากาศธาตุ (เราใส่หมวกเขียว ซึ่งหมายถึงเราเป็นเทรนนี คนจะไม่ค่อยสนใจเราเท่าไหร่ครับ) แล้วก็แยกย้ายกันไปตามแผนก แต่จะมีคนของ company man ตามเรามาอีกคนเพื่อคอยสื่อสารและให้สัญญาณในการเริ่มปั้มพ์ การปัมพ์วันนี้เป็นการปัมพ์ช่วงที่สอง ซึ่งมีท่อ casing ขนาด 7" มีความลึกเป็น 1000+ เมตรครับ (หลุมที่ปัมพ์นี้จะแบ่งเป็นสองช่วงครับ ช่วงแรกใช้ท่อ casing 9 5/8" ความลึกจะอยู่ที่ประมาณ 900เมตร ช่วงที่สองจะเล็กลงแต่จะลึกกว่ามากครับ ถ้าจำไม่ผิดที่ปัมพ์วันนี้จะอยู่ที่ประมาณ 2390 เมตร แต่ละหลุมไม่เหมือนกันนะครับ) กินเวลาประมาณ 1ชั่วโมงก็เสร็จครับ แต่งานยังไม่เสร็จนะครับอย่าเพิ่งดีใจ ยังต้องกลับไปถอดอุปกรณ์ออกก่อน แล้วก็ต้องล้างทุกอย่างให้สะอาดซึ่งกินเวลาอีกประมาณ 1ชั่งโมง (พอดีว่าท่อมันตัน น้ำยาที่เราเดรนมันล้นท่อน้ำทิ้งออกมา ไหลอกไปนอกพื้นที่ทำงานเลยต้องล้างกันอีก) เบ็ดเสร็จแล้วได้กลับถึงเบสตีหนึ่งพอดีครับ

วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ยาวนาน ตรงไหนมีกล้ามเนื้อตรงนั้นก็ปวดไปหมดหละครับ โดยเฉพาะช่วงบน เพราะปีนขึ้นลงบรรไดลิงเป็นร้อยรอบ

มาถึงจุดนี้ ครึ่งทางของการมาลองของ หลายๆคนก็น่าจะตอบกับตัวเองได้ว่างานนี้ ใช่ หรือ ไม่ใช่นะครับ สำหรับผมยังโอเคและอยากจะทำงานอย่างนี้อยู่ครับ ตลอดเวลาที่มาอยู่ที่นี่เกิดความคิดอะไรมากมายเกี่ยวกับคำถามในการสัมภาษณ์งาน ผมเชื่อว่าทุกคนที่ไปสัมภาณ์มาน่าจะเกิดคำถามเดียวกับผมว่า จะถามกูไปไหนเยอะแยะ ทั้งเรื่องส่วนตัว (ในแบบอ้อมๆ) เรื่องทักษะ เรื่องนิสัย เรื่องไหวพริบ ไหนจะมากดดันตอนทำกิจกรรมกลุ่มอีก จะเทสตรูไปถึงไหน บอกว่าทำได้ก็ทำได้สิ

มาลองของปุ้ปรู้เลย ตรัสรู้และปรินิพพานภายในไม่กี่วัน มาดูกันเป็นข้อๆเลยครับเดี๋ยวจะ "แถ(ลง)"ให้ฟัง

ทำงานหนักได้มั้ย? อดนอนได้มั้ย? ไม่ทานข้าว3มื้อทนไหวมั้ย? หลายๆคนก็คงจะตอบคำถามนี้ได้ไม่ยาก เพราะคุยกับสาว ไม่ต้องนอน ไม่ต้องกิน อิ่มทิพย์ได้เป็นวันๆ แต่หน้างานมันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะครับ มันทั้งร้อนทั้งเหนื่อยทั้งหงุดหงิด ไม่มีอะไรดีเหมือนนอนคุยกับสาวอยู่บ้านเลยซักนิด และมันก็เป็นอย่างนี้บ่อยมากจนเป็นเรื่องปกติไปเลย นั่นเป็นสาเหตุที่เขาต้องถามและดูคำตอบที่ได้รับจากเรากลับมาด้วยว่ามันมีน้ำหนักพอฟังขึ้นมากน้อยอย่างไร

ทำงานต่างจังหวัดได้มั้ย? อยู่อิรักได้มั้ย? เนื่องจากหลุมน้ำมันนั้นมีวันที่จะหมด จึงต้องย้ายตามหลุมไปเรื่อยๆ มีน้ำมันที่ไหนเราก็อยู่ที่นั่น (เราจะอยู่อย่างผีไม่มีหลุมไม่ได้ ^^) ซึ่งมันก็จะไปอยู่ตามที่ๆมันกันดารๆ ไกลบ้าน และห่างไกลความเจริญ ซะเป็นส่วนใหญ่ (แค่พิษณุโลกที่มาตอนนี้ จะเข้าเมืองทีนึงก็ 40นาทีเข้าไปแล้ว ข้างทางก็เป็นนาข้าวบ้าง ไร่ข้าวโพดบ้าง) และด้วยความที่งานนี้มันต้องการความยืดหยุ่นสูง (ไม่ใช่แยกขาได้180องศานะครับ) เพราะฉะนั้นมันก็จะไปโยงกับคำถามถัดไป

มีพี่น้องมั้ย? ลูกคนเดียวหรือเปล่า? มีแฟนหรือยัง? บวชหรือยัง? พ่อแม่ทำงานอะไร? ที่บ้านมีกิจการเป็นของตัวเองหรือเปล่า? ถ้ามีแล้วต้องกลับไปดูแลมั้ย? บางคนก็คิดว่ามันอาจจะดูส่วนตัวไปนิดแต่คำถามพวกนี้มันเป็นดัชนีเบื้องต้นที่บ่งบอกความน่าจะเป็นในการทำงานได้ไม่ได้ ได้เป็นอย่างดีทีเดียว ลองนึกว่าถ้าเราจะรับคนมาทำงานซักคน คนที่ไม่มีพันธะผูกพัน หรือมีห่วงอยู่ที่บ้าน ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

ชอบเล่นกีฬามั้ย? เล่นกีฬาอะไร? ทำกิจกรรมอะไรบ้างมั้ยตอนเรียน? คำถามเหล่านี้น่าจะดูความลักษณะการทำงานของคุณว่าคุณมีความเป็นผู้นำมั้ย ทำงานเป็นกลุ่มได้มั้ย เพราะว่าหน้างานจริงๆนั้นคุณไม่ได้ทำคนเดียว ไม่ได้ทำแค่บริษัทคุณบริษัทเดียว อย่างที่ rig ที่ผมมานั้น หลุมเป็นของ pttep ส่วน wireline กับ cementing เป็นของชลัม แต่ mud เป็นของ scomi แล้วก็มี weatherford ด้วย (แต่ทำอะไรผมจำไม่ได้นะฮะ) เพราะฉะนั้นการทำงานก็จำเป็นอย่างมากที่จะต้องร่วมกันทำทั้งภายในแผนกและกับบริษัทอื่นๆอีกด้วย

ในขณะเดียวกันคุณก็ต้องมีความเป็นผู้นำในแผนกที่คุณทำงาน แตในกรณีที่คุณเป็น field exposure นั้น คุณคงจะไปแสดงความเป็นผู้นำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว แต่คุณสามารถที่จะออกความคิดเห็นเล็กๆน้อยๆ เช่นจะยกของจำนวนนึงจากที่นึงไปอีกที่นึง ส่วนใหญ่พี่ๆ operator เขาก็จะแข็งแกร่งอยู่แล้วจึงเน้นใช้กำลังเสียมากกว่า เราที่เป็นเอนจิเนียร์ตัวเล็กๆบอบบาง (จริงเหรอฟระ.... ึงเนี่ยนะบอบบาง) ก็อาจจะถามพี่เขาก็ได้ว่า มีรถเข็นมั้ยคะ/ครับ เป็นต้น (ผมแก่แล้วแรงไม่ค่อยจะมี ข้อเข่อ หลังเหลิง ไม่ค่อยจะดี)

ส่วนคำถามที่วัดความรู้รอบตัว หรือไหวพริบในการประยุกต์ใช้ของรอบกายให้เป็นประโยชน์นั้น มันก็ไม่ใช่เป็นแค่การลองภูมิลองกึ๋นทั่วไปนะครับ จะดูระดับน้ำหรือของในถังทึบยังไง นี่ได้ใช้ประจำ เพราะถังที่ใช้ส่วนใหญ่มันเกี่ยวของกับแรงดัน มันคงจะมาเป็นถังพลาสติกใสให้เห็นง่ายๆก็คงไม่ได้ มันก็ต้องอาศัยหลักวิทยาศาสตร์ผนวกกับการจำการสังเกตและประสบการณ์เข้ามาช่วย การไขเกลียวฝาท่อ ฝาถัง ทำยังไงให้มันออกแรงน้อยแต่ได้ผลเท่าเดิม จะเดินจากจุดนึงไปอีกจุดนึงยังไงให้สั้นที่สุด (เพื่อนสนิทผมมักจะพูดว่าเดินยังไงให้พื้นที่โง่น้อยที่สุด) ของเหล่านี้มันย่นระยะเวลาและแรงการทำงานได้มากเลยที่เดียว ของอำนวยความสะดวกใน rig มันไม่ได้มีทุกอย่างให้เราเลือกใช้อย่างที่คิด หรือบางทีอาจจะมีแต่เราก็คงเอาไปใช้หน้างานได้ไม่หมดเพราะฉะนั้นการประยุกต์ใช้ของหน้างานที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุดก็เป็นสิ่งที่เราควรจะมี

พอก่อนละกันครับสำหรับวันที่สาม

มาต่อกันที่วันที่สี่ครับ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว นี่ถ้าไม่ได้มานั่งเขียนนี่ ผมไม่รู้วันรู้คืนเลยครับ

ตารางวันนี้เป็นการเตรียมงานสำหรับงานในเช้าตรู่ (ประมาณตีสาม) ในวันถัดไปครับ ออกจากเบสประมาณ10โมงเช้า ก็ไปเตรียมซีเมนต์เฮดสำหรับcasingขนาด 9 5/8" ส่วนใหญ่แล้วการเตรียมอุปกรณ์คือการเชคความพร้อม แล้วก็หล่อลื่นอุปกรณ์ต่างๆเพื่อให้ไม่ติดขัด ก็เอาน้ำมันเครื่งมาทาไว้ เอากรีซมาอัดตามวาล์วต่างๆ แล้วสุดท้ายก็โหลด plug ช่วงเตรียมงานนี้จะเป็นช่วงที่พี่ๆสามารถสอนงานเราได้มากที่สุด เพราะว่างานมันไม่รีบ และไม่ได้ต้องการความถูกต้องเหมือนการรันปูนซีเมนต์จริงๆ กฏเหล็กของการทำ cementing คือห้ามให้ cement แข็งคาในท่อ ถ้าแข็งคาท่อก็เก็บของกลับบ้านได้เลย เพราะฉะนั้นช่วงที่เขาปั้มพ์ซีเมนต์ พี่ๆเขาก็จะไม่มีเวลาสอนครับ

ออกจา rig ประมาณบ่ายโมงกลับมาพักที่เบส เข้าไปที่ rig อีกทีตอนประมาณ 5โมงเพื่อเติมน้ำมันและล้างแท้งค์เคมี และ mix tub ทั้งหมดนี้กินเวลาไม่นานครับ ประมาณ 2 ชั่วโมงก็ออกจาก rig แวะทานข้าวหมักเล็กน้อย แล้วกลับมาที่เบสเพื่อจะนอนเอาแรงสำหรับคืนนี้

ดูจากตารางคร่าวๆแล้ว งานช่วงนี้หนักหน่อย เพราะว่าลูกค้าเร่ง ผนวกกับเครื่องเจาะรุ่นนี้เป็นรุ่น "เร็วโคตรพ่อ" (พี่ๆเขาเรียกกัน) แถมยังเจาะตลอด 24ชั่วโมง ไม่มีหยุด (แช่งกันทุกวันว่าให้หัวมันติดจะได้พักบ้าง555) การที่เครื่องเจาะได้เร็วนั้นก็หมายความว่างานเราจะลากยาวหลายวันติด งานที่ต้องทำ cementing มันก็จะต่อๆกัน ไม่มีเวลาได้หยุดพัก แทนที่จะทำ maintenace วันนึง เตรียมของวันนึง ก็กลายเป็นว่าต้องทำทุกอย่างให้เร็วขึ้นเพื่อที่จะได้มีเวลาเตรียมเครื่องให้พร้อมกับจ๊อบต่อไป ไหนจะยังมีงานที่ต้องเทสหลุมที่ทำเสร็จไปแล้วอีก (เราต้องรอให้มันแห้งก่อนถึงจะทำเทสได้)

งานหลักๆของเราชาว field exposure ก็คือล้างเช็ดกวาด ยกของ ช่วยจับ ช่วยทุกอย่างที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง พยายามถามไปเรื่อยๆครับ คำถามมันผุดขึ้นมาตลอดแหละครับกับหน้างาน

ทีมที่ผมมาอยู่ด้วยนี้พี่ๆน่ารักทุกคนครับ สนิทกันค่อนข้างเร็ว เพราะว่าวันวันก็เห็นหน้ากันอยู่แค่นี้แหละครับ ตกเย็นหลังเลิกงานก็ไปหาอะไรทาน ระหว่างทางขับรถก็แซวคนโน้นคนนี้ ตลกโปกฮาไปเรื่อย (คือเมืองมันเล็กหนะครับ รู้จักกันไปหมด) ในเวลางานก็ทำงานช่วยเหลือกันไปให้เสร็จ ขยันกันทุกคน อยากจะให้เครดิตกับพี่ๆเหล่านี้จริงๆ เพราะว่าเขาเหล่านี้แหละที่อยู่เบื่องหลังความสำเร็จของเอนจิเนียร์ทั้งหลายแหล่ (ขอเสียงปรบมือหน่อยครับ)

วันนี้เป็นเพียงวันสั้นๆที่กำลังจะพาไปสู่วันที่ยาวนาน ขอไปนอนเอาแรงก่อนนะครับ >.<

ป.ล. มีคำถามมาถามพี่นกอีกแล้วครับ

คือตอนแรกผมเข้าใจว่าจะได้ไปอยู่ cementing แต่ว่าเพิ่งได้รับemail แจ้งมาว่าจะได้ไปอยู่กับ well service - fracture and stimulation ก็เลยอยากจะถามพี่นกหน่อยนะครับว่ามันเป็นแนวไหนเหรอครับแล้วทำอะไรครับ อ่านมานิดหน่อยว่ามันเกี่ยวกับการฉีดสารเคมีเพื่อเข้าไปทำไอะไรซักอย่างในหลุม แต่ก็ยังไม่ได้อ่านลึกมากครับ ขอบคุณครับ

(well service - fracture and stimulation เป็นการปั๊มสารเคมีหรือของเหลวเข้าไปในชั้นหิน เพื่อให้มันเกิดรอยร้าว ถ่างรอยร้าวอก หรือแตกออก เพื่อให้น้ำมันหรือก๊าซไหลเข้ามาในหลุมได้ง่ายขึ้น หรือ ปั๊มกรดลงไปล้างคราบสิ่งสกปรกต่างๆในชั้นหินที่ผลิตน้ำมันมาหลายๆปี เพื่อให้มันสะอาดๆ หลุมจะต่อชีวิตผลิตต่อไปได้อีก ใน SLB เขารวมงานนี้ไว้กับ well service กับ cementing ซึ่งดีมากๆ คุณจะได้ความรู้หลายหลายมากๆ ผมเขาใจว่าที่เขารวมเอาไว้พวกเดียวกันเนื่องจากมันคือการใช้ปั๊มเหมือนกัน บางงานก็ใช้ปั๊มตัวเดียวกับที่ใช้ปั๊มซีเมนต์เลย)

วันที่ห้า

ตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงียและยังรู้สึกเหมือนเป็นวันที่สี่อยู่เลย...ใช่ครับมันเป็นวันที่สี่จริงๆ (ตีสองของวันที่ห้านั่นเอง) เขาไปไหนเราก็ต้องไปครับ จะมางอแงไม่ได้ วันนี้มีจ๊อบที่ต้องปั้มพ์ซีเมนต์ของ casing 9 5/8" ตอนประมาณตี4 (อย่างที่บอกหละครับว่างานมันเอาตารางแน่นอนไม่ได้ เขาเจาะเสร็จเมื่อไหร่เราก็ต้องไป) ก็ต้องไปเตรียมของอะไรกันก่อน งานที่ทำมันก็จะวนอย่างนี้แหละครับ rig up, cementing ช่วงแรก, รอเทสความดัน BOP, maintenance, cementing ช่วงที่สอง, เทสcementว่ารั่วมั้ย แข็งดีหรือยัง, maintenance, rig down (rig up กะ rig down จะทำตอนที่จะเริ่ม site กับย้าย siteครับ) วนเป็นลูปไปเรื่อยๆ (อาจจะมีมากกว่านี้นะครับแต่อันนี้คือเท่าที่เจอะที่เจอและถามพี่ๆเขาเอา)

เหมือนเดิมแหละครับ เราก็ช่วยได้เท่าที่ช่วยได้ ยกสารเคมีมั่ง ช่วยเปิดปิดวาล์วตามที่พี่เขาบอกมั่ง งานกลางคืนจะสบายกว่าหน่อยนึงตรงที่มันไม่ร้อนครับ แต่ง่วงมาก ประกอบกับเรายืนอยู่บนเครื่องเจนเนอเรเตอร์ที่มันทำงานอยู่ สั่นในจังหวะสโลว์สามช่า หนังตามันก็จะปิดให้ได้เลยทีเดียว ต้องไปล้างหน้าล้างตา พูดถึงเรื่องห้องน้ำ ขอบรรยายซักหน่อยละกันครับ มันคงไม่ได้เลิศหรูหรือสะอาดเหมือนกับห้องน้ำในห้าง แต่ก็พอแก้ขัดกันไปได้บ้าง (ส่วนใหญผมก็ไปห้องน้ำธรรมชาติแบบโอเพ่นแอร์ลมเย็นสบาย แต่กลางคืนยุงเยอะมาก ไม่ค่อยได้เดินไปเข้าห้องน้ำที่จัดไว้หรอกครับ มันไกล) เหมือนห้องน้ำตามไซต์ก่อสร้างทั่วไป มีอ่างล้างมือหนึ่งอัน หญิงชายรวมกันหมด (อาจจะไม่เหมือนกันในแต่ละที่นะครับ)

งานในวันหลังๆนั้นเราจะไม่ค่อยได้ทำอะไรมากแล้วครับเพราะว่าพี่เขาก็สอนเท่าที่เราสามารถจะทำได้ไปหมดแล้ว ก็อยู่ที่เราแล้วว่าเราจะคอยสอดส่องดูว่าเขาทำอะไรแล้วเราจะไปช่วยเขาได้ตรงไหนบ้าง เขาจะไม่มาบอกหรอกครับว่า หยิบนั่นให้พี่ที ทำไอ้นี่ให้พี่หน่อย เพราะกว่าเขาจะบอกเรา ไหนเราต้องประมวลผลอีกว่าเขาให้เราทำอะไร ไหนเราล้าจากการทำงานติดต่อกันมาหลายวัน ง่วงอีก เขาทำเองเสร็จเร็วกว่าเสียอีก

จ๊อบนี้แล้วเสร็จก็ประมาณ6โมงเช้าครับ กลับถึงเบสประมาณ 7โมงแล้วก็ทานข้าวเช้า อาบน้ำ แล้วก็รีบนอนครับ เพราะเดี๋ยวในอีกสี่ชั่วโมงเราจะต้องออกไปล้างไอ้สิ่งที่เราทำไว้เมื่อคืน (ช่วงที่จะเริ่มนอนก็จะเป็นเวลาตื่นของเพื่อนร่วมห้องที่ทำงานอีก rig นึง พูดง่ายๆคือแทบไม่ได้นอนอะครับ)

ออกไปล้างไปเช็ด ใช้เวลาไม่นานครับ รวมเดินทางก็สามชั่วโมงพอดี กลับมาเราก็รีบอาบน้ำแต่งตัวเพราะว่าพี่เขาจะไปเลี้ยงส่งผม (หาเรื่องเข้าเมืองไปดูสาว และกินเหล้านั่นเองครับ) แต่งหล่อกันทุกคนจริงๆ เข้าเมืองทีนึงเราก็ต้องจัดเต็มกันหน่อย วันศุกร์ด้วย เหมาะมาก ^^

ทานข้าวกันเสร็จก็ไปต่อกันที่ร้านประจำ (แวะเจอกิ๊กบ้างไรบ้าง) นั่งกันยาวครับ ทานกันจนร้านเกือบจะปิดโน่น เมากันเล็กน้อยถึงปานกลาง ขับรถกันไม่ได้ ต้องให้ผมขับให้ เป็นไงละครับทางผมก็ไม่รู้ เกือบถึงพิจิตร สุดท้ายก็ช่วยๆกันมาได้อย่างปลอดภัย (การนั่งรถ ไม่ว่าจะเป็นของบริษัทหรือไม่ใช่จะนั่งหน้าหรือนั่งหลังนั้น พี่เขาจะบังคับให้ใส่เข็มขัดเสมอ บริษัทปลูกฝังเรื่องเซฟตี้มากๆครับ)

วันที่ห้าก็จบไปอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่ก็สนุกสนานครับ

วันที่หก

ตื่นแต่เช้าอีกแล้วครับเพราะว่ามีมีทติ้งตอน 8.30 มีทติ้งนี้จะรวมทุกrigครับ มาประชุมรวมกันหมด จะพูดเรื่องทั่วๆไปครับ ความคืบหน้าเป็นยังไง มีปัญหาอะไร ก็มาแชร์กัน เพื่อว่าจะเจอปัญหาคล้ายๆกันจะได้ช่วยกันแก้ ประชุมเสร็จก็ออกจาก rig ไปทำงาน top job ครับ (อย่างที่บอกว่ามันจะวนลูปไปเรื่อยๆ) แต่วันนี้มีงานเพื่มขึ้นมาอีกอันนึงคือเราต้องเทสหลุมที่เรา cementingไปแล้ว (มันแข็งแล้วหนะครับ) เลยต้องอยู่นานขึ้นอีก (การเทสมันก็จะต้องตอกท่อเพิ่มครับเพราะว่า มันเป็นคนละหลุมกับที่เคยเทสไปแล้ว แค่คิดก็เหนื่อยแล้วครับ สงสารพวกพี่ๆเขาจริงๆ อึกมาก ช่วงนั่งพักรอเขาเทสพี่เขาก็จะเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟัง ทั้งส่วนตัวไม่ส่วนตัวก็เล่าหมดหละครับ ทีมนึงมีกันอยู่ไม่กี่คน ถ้าไม่คุยกันแล้วจะไปคุยกับใครใช่มั้ยครับ พี่เขาบอกว่าเข้ามาแรกๆก็เหนื่อยแทบขาดใจ คิดทุกวันว่าจะทำไปได้นานแค่ไหนว้าา แต่ก็อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ ก็เริ่มชินแล้ว (เห็นตอนไปปัสสวะนี่ต้องยืนพิงต้นไม้แล้ว..เหนื่อยจัด...นี่ถ้าได้งานเราก็จะมีชีวิต(บัดซบ) แบบที่อ่านมาในบล้อกของพี่นกแล้ว อิอิ)

ได้มีโอกาสเห็นทีม wireline มาเซตของด้วยครับวันนี้ มาอย่างหล่อเลยครับ เป็นรถที่มีเหมือนรถพ่วงติดอยู่ข้างหลัง บนรถพ่วงก็จะมีเหมือนห้องบัญชาการขนาดไม่ใหญ่มากแล้วก็อุปกรณ์ ท่อ (มันไม่ใข่ท่อธรรมดาครับ ดูก็รู้) แล้วก็มีจานดาวเทียมด้วย (ว่าจะไปขอดูบอลซะหน่อย วันเสาร์เสียด้วย) เห็นแค่เขาเอาท่อมาต่อกันแล้วก็ต้องกลับเสียก่อน ไม่ได้เห็นตอนหย่อน เพราะว่าผมต้องขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพตอน สองทุ่มครับ เลยต้องรีบออกมาจาก rig กันหมด อาบน้ำอาบท่า ร่ำลากันเรียบร้อย พี่ๆเขาก็ออกไปทำงานช่วยอีก rig นึงกันต่อ

ตอนนี้อยู่บนเครื่องบินแล้วครับ 6 วันเต็มๆกับการไปลองของ (field exposure) ที่พิษณุโลก ในแผนกของ well service - cementing ก็บอกได้เลยว่าเป็นงานที่หนักใช้ได้ (ออกกำลังกาย เตรียมความพร้อมของร่างกายมาบ้างจะช่วยได้เยอะนะครับ) แต่มันก็ท้าทายและน่าสนใจมากครับ ใครที่ชอบบู๊ มาทำแผนกนี้รับรองว่าไม่ผิดหวังครับ

ฝากถึงเพื่อนๆที่ได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์กับบริษัทในกลุ่มน้ำมัน ไม่ว่าจะตำแหน่งไหน บริษัทอะไร มีประสบการณ์อะไรก็เอามาแชร์กันเยอะครับ คนละนิดคนละหน่อย มันช่วยเปลี่ยนชีวิต(ทางที่ดีหรือแย่ลงไม่รู้นะฮะ ^^)ของใครหลายๆคนได้(อย่างที่พี่นกเคยกล่าวไว้จริงๆครับ) สาเหตุที่ผมเขียนเล่าประสบการณ์ของผมขึ้นมาก็เนื่องจากว่าหาคำตอบในสิ่งที่ผมอยากรู้บล๊อกของพี่นกหรือที่อื่นๆไม่ได้ (หรือไม่ก็หาไม่เจอเอง O_o) ก็เลยอยากจะขอยืมพื้นที่เล็กตรงนี้ บอกเล่าเผื่อคนที่มีโอกาสกำลังจะได้ไป field exposure ได้เตรียมตัว(และเตรียมใจ) ได้ดีขึ้น อาจจะยาวไปหน่อยแต่ก็ทนอ่านกันไปนะครับ เพราะฉะนั้น ใครได้พบเห็นเจอะเจออะไรที่ในเวบนี้ยังไม่มี ก็เอามาแชร์กันเยอะๆนะครับ ผมก็อยากอ่านประสบการณ์ลองของ (field exposure) ในแผนกอื่นๆเหมือนกันว่าเขาทำอะไรบ้าง เขาใช้ชีวิตกันยังไง สนุกสนานหรือลำบากกันขนาดไหน สภาพแวดล้อมการทำงานเป็นยังไง กินเหล้ากันเยอะมั้ย 555

ขอบคุณพี่นกอีกครั้งครับ

(พี่นก ... และพี่นกก็ต้องขอบคุณน้องไว้ที่ตรงนี้ด้วย ประสบการณ์ที่เล่าได้สนุก น่าติดตามมากๆ เป็นประโยชน์แน่นอน สำหรับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่จะได้ไป FE หรือ คิดที่จะมาทำงานแบบนี้ แน่นอนว่าเรื่องเราที่เล่านี้ ได้เปลี่ยนชีวิตของใครได้หลายคนเลย แต่อย่างที่น้องว่าแหละ เปลี่ยนไปทางไหนก็ไม่รู้ ฮ่าๆ)


Create Date : 01 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 12 เมษายน 2556 16:02:53 น. 13 comments
Counter : 1474 Pageviews.

 
เก็บรายละเอียดได้ดีมากครับ (^_^)
ขอบคุณมากๆ นะครับ สำหรับประสบการณ์ดี ๆ แบบนี้ !


โดย: Nut IP: 113.53.47.146 วันที่: 7 ธันวาคม 2555 เวลา:16:01:54 น.  

 
เจ้าของเครื่อง PS3 เครื่องนั้นเข้ามาดูครับ หลังจากไม่ได้เข้ามาอ่านนานมากกกก :)


โดย: jumpotek IP: 174.77.126.163 วันที่: 8 ธันวาคม 2555 เวลา:13:01:31 น.  

 
เครื่อง PS3เครื่องนั้นรู้สึกว่าจะโดนเอาไปซ่อนเพราะเล่นกันไม่ยอมทำงาน ไม่รู้ได้คืนหรือยังครับ *O*


โดย: glunglong IP: 124.122.161.47 วันที่: 8 ธันวาคม 2555 เวลา:16:33:35 น.  

 
เรียบเรียงเรื่องได้ดีครับ อ่านเพลิน อ่านจนจบไม่เบื่อเลย ขอบคุณครับสำหรับเรื่องราวดีดี ครับ ความทรงจำแบบนี้เป็นอะไรที่น่าประทับใจจริงๆ นะครับ


โดย: ACT HY IP: 171.5.104.149 วันที่: 10 ธันวาคม 2555 เวลา:18:55:20 น.  

 
พี่มาอยู่ทีมของ Rig ไหนครับ แต่ที่ผมอ่่านแล้ว เครื่องเจาะรุ่นนี้เป็นรุ่น "เร็วโคตรพ่อ" (พี่ๆเขาเรียกกัน) ผมคิดว่าน่าจะเป็น Rig GW-80 มีอยู่ Rig เดียวแหละครับที่เจาะแบบนี้ ถ้าพี่มาRig GW-80 เราน่าจะเคยเจอกันนะครับ แต่อาจจะไม่รู้จักกัน 5555+

ผมทำอยู่ Weatherford SLS ครับ

พี่เล่าได้เห็นภาพมากเลย อิอิ ชอบ ๆ




โดย: เสก WFT_SLS IP: 122.155.42.196 วันที่: 13 ธันวาคม 2555 เวลา:1:11:27 น.  

 
เสก wft - งั้นวันหลังคุณมีอะไรหนุกๆมันส์ๆฮาๆโหดๆหน้างาน เขียนมาแบ่งปันกันได้นะครับ


โดย: Nong fern daddy (Nong Fern Daddy ) วันที่: 13 ธันวาคม 2555 เวลา:4:18:11 น.  

 
เสก wft - ใช่ครับ ผมไปอยู่ Rig GW-80 อาจจะเคยเจอกันผ่านๆก็ได้ครับ ^_^ พักอยู่เบสเดียวกันด้วยนี่ครับ

Rig GW (Great Wall) เป็นของจีนครับ ใครที่อยากจะเลือกเรียนภาษาที่ 3 ก็ลองพิจารณาภาษาจีนไว้ (อย่างที่พี่นกแนะนำ) ก็ดีครับ เพราะเขามาแรงจริงๆ


โดย: glunglong IP: 203.146.150.142 วันที่: 13 ธันวาคม 2555 เวลา:9:42:14 น.  

 
glunglong - เสก wft - เห็นไหมล่ะครับว่าวงการฯเรามันแคบนิดเดียว รักกันไว้ ช่วยเหลือกันไว้ ผิดพลาดก็อย่าเอากันถึงตาย ตักเตือนสั่งสอนกัน ต่างกรรมต่างวาระ วันนี้เขาพลาดเราตำหนิ แต่วันหน้าเราอาจจะพลาดบ้าง ถ้อยที่ถ้อยอาศัยกันไป

ทำดีทำไม่ดี พูดดีพูดไม่ดี แป๊บเดียวก็หึ่งไปทั้งวงการ ยิ่งยุคที่กำลังจะมี 3G ด้วยแล้ว เร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่งอีก


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 13 ธันวาคม 2555 เวลา:16:43:00 น.  

 
glunglong - อาจจะเคยเจอกันจริงๆ แหละ อิอิ แต่ผมพักอยู่ใน Rig เลยครับ จะมาอีกเมื่อไหร่บอกบ้างนะครับ จะได้ทักถูก ^^

Nong fern daddy - ได้เลยครับพี่นก เดียววันหลังมีอะไรสนุกๆๆ เดียวผมจะเอามาเล่นให้ฟังนะครับ


โดย: เสก WFT_SLS IP: 122.155.42.131 วันที่: 13 ธันวาคม 2555 เวลา:19:54:38 น.  

 
ขอถามหน่อยได้ไหมค่ะอยากรู้มากเลยค่ะ
คือว่าแฟนทำงานที่แท่นเจาะ เราอยู่ต่างประเทศเค้าจะโทรมาหาเราได้ไหมค่ะ เพราะเราจะต้องรอเค้าติดต่อมาอย่างเดียว ใครทราบรายละเอียดช่วยตอบหน่อยได้ไหมค่ะ


โดย: ปอ IP: 180.183.205.203 วันที่: 14 มกราคม 2556 เวลา:19:25:02 น.  

 
ปอ -

เรื่องการสื่อสารเนี้ยเป็นคำถามยอดนิยมของบรรดาหลังบ้านคนทำงานนอกกชายฝั่งเลยครับ อิอิ สมัยนี้ดีกว่าสมัยก่อนเยอะครับ ที่ถามมาผมก็ไม่ทราบว่าแฟนทำงานที่ไหนและทำระดับอะไร ผมไม่ทราบนะครับว่าบนแท่นผลิตเขามีระบบอำนวยความสะดวกเรื่องการสท่อสารกับคนบนนั้นอย่างไร ผมขอตอบในส่วนของแท่นขุดก็แล้วกันครับ

บนแท่นขุด จะมีคนอยู่ 3 พวกใหญ่ๆ คนของ บ.น้ำมัน บ.แท่น และ บ.sevice แต่ล่ะบ.ก็จะมีระดับของพนักงานที่แตกต่างกัน เอาแบบล่างๆก่อน แบบล่างๆ มักจะไม่มีโ?รฯส่วนตัวใช้ จะต้องพึ่งพาห้องวิทยุ แต่ล่ะบ.ก็จะมีกฏเกณฑ์ต่างๆกันว่าให้โควต้า กี่ครั้งกี่นาทีต่อกี่วันก็ว่าไป ส่วนจะโทรฯเข้า อันนี้ก็โทรฯเข้ามาฝากข้อความได้ หรือ โทรฯมาให้ห้องวิทยุเรียกมารับสายได้ แต่จะนานมาก เพราะแท่นใหญ่ๆ ห้องวิทยุต้องประกาศเรียกกัน อาจจะทำงานอยู่ กว่าจะล้างตัวล้างมือปีนขึ้นมาห้องวิทยุ(ซึ่งปกติจะอยู่ชั้นดากฟ้าของแท่น) หรือ บางทีก็อาจจะหลับนอนอยู่ ยกเว้นว่า นัดกันไว้ แฟนก็จะมารอที่ห้องวิทยุเลย ส่วนเบอร์ที่โทรฯเข้าก็มักเป็นเบอร์ท้องถิ่นประเทศนั้นๆ กรณีอ่าวไทยก็ 02xxxxxxx ระบบนี้ก็ต้องเอาใจพนักงานวิทยุหน่อย เพราะต้องวานเขาประกาศเรียก และก็ต้องมาคุยในห้องเขาตอนที่เขาทำงาน ไม่เป็นส่วนตัว จ๊ะจ๋างองแงไม่สะดวก

แต่ถ้าเป็นพนักงานระดับหัวหน้าหน่อย ก็มักจะมีโทรฯส่วนตัวในห้องทำงานที่สามารถโทรฯติดต่อเข้าฝั่ง มีเบอร์เฉพาะเลย ถ้าแฟนทำงานระดับนี้ก็โอเค เขาโทรฯหาคุณได้ตลอด (ส่วนจะโทรฯหรือไม่นั่นอีกเรื่อง ... ฮ่า)

บางแท่นมีระบบ Internet ให้ใช้ บางแท่นเป็นแบบ wireless บางแท่นมีเป็นห้องกลางในพนักงานระดับล่างๆและ service company ถ้าแฟนมีโน้ตบุ๊คหรือสมาร์ทโฟนก็สามารถใหช้โปรแกรมต่างๆติดต่อกันมาได้ แต่ความเร็วและเสียงอาจจะไม่ดีนัก เพราะใช้กันเยอะ บางแท่นก็มีห้องโทรฯส่วนตัวเล็กๆ ให้ลงชื่อเข้าคิวกันใช้ เป็นห้องส่วนตัวเล็กราวๆห้องน้ำนั่นแหละ เอาไว้อ้อนไว้งองแงจ๊ะจ๋ากันแบบไม่เขิน แต่ก็ต้องเกรงใจคนที่รอคิว เพราะใช้นานก็โดนเขม่น ส่วนมากก็ 5-10 นาทีอย่างเก่ง ก็ขอความร่วมมือจากบรรดาแฟนๆหรือหลังบ้านด้วยว่าอย่างองแง และเอาปัญหาอะไรมาทับถม เอามาให้แก้กันมากนัก เดี๋ยวจะไม่มีสมาธิทำงานกัน

บ.service บางบ.(ส่วนมากบ.ใหญ่ๆ) จะมีจานดาวเทียมของตัวเองเอาไว้ใช้ในงานส่งข้อมูลเขาฝั่ง คนบ.นั้นๆในระดับวิศวกรก็สามารถใช้จานนั้นต่อเน็ท (ซึ่งส่วนมากจะเร็วกว่าที่ใช้เน็ทส่วนกลาง) คุยกัน chat กัน เสียงก็จะชัดกว่า ส่งรูปเคลื่อนไหว real time กันได้ แต่ถ้าไม่ใช่ระดับวิศวกรก็ตีซี้ขอใช้ก็ได้ โดยมากก็โอเค เพราะร่วมทีมเดียวกัน ไม่แบ่งชั้นวรรณะหรอก

แหม ... ผมเอามาบอกเล่ากันแบบนี้ พ่อเจ้าประคุณจะเคืองผมไหมเนี้ย อิอิ ... เอาว่า ในกรณีฉุกเฉิน รับรองเขาติดต่อคุณ หรือคุณติดต่อเขาได้แน่นอน ไม่เหมือนสมัยผม ภรรยาต้องขึ้นรถปุเลงๆไปห้องวิทยุบนฝั่งเพื่อคุยกัยสามีผ่านทางวิทยุ สมัยนี้ คุยเห็นภาพกันสบายๆ อย่างต่ำๆก็ chat กันได้ ผมทำงานมานาน ผ่านมาทั้งรุ่นโบราณที่สุดๆ ที่ต้องง้อต้องเอาใจพนักงานวืทยุและต้องคุย VHF (คลื่นสั้น) กับแฟน จนถึงมีเบอร์ส่วนตัวและเล่นเน็ทไฮสปีดได้ในห้องนอน เข้าใจหัวอกพวกเราดีครับ ยังไงก็เอาใจช่วยนะครับ ให้รักกันดูแลกันไปได้ด้วยดีทุกๆคู่

ปล. ส่วนการโทรฯออกจากแท่น ส่วนมากก็จะเป็นโทรฯออกได้สำหรับประเทศนั้นๆนะครับ เพราะถ้าโทรฯต่างประเทศ เช่น แท่นแฟนอยู่อินโดฯ คุณอยู่ไทย โดยมากจะลำบาก เพราะมันจะเป็นการโทรฯทางไกล ซึ่งแพงมากๆ ถ้าแบบนี้แนะนำใช้เน็ทครับ แต่ถ้าแค่อ่าวไทยฯแล้วคุณอยู่เมืองไทย ก็สบายมากอย่างที่อธิบายไว้ข้างต้น


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 15 มกราคม 2556 เวลา:10:59:56 น.  

 
ขอบคุณมากเลยค่ะ เค้าทำอยู่ระดับล่างสุดเลยค่ะเค้าบอกมา เค้าอยู่ตำแหน่ง painter ค่ะ (ตำแหน่งนี้คงจะโหดมากนะค่ะ แฟนเป็นคนขยันสู้งาน แต่พอมาทำงานนี้ถึงกับออกปากว่าเหนื่อยมากเลยค่ะ) เรื่องการโทรปกติถ้าเค้าโทรมาเค้าจะโทรมาแบบเข้าแถวต่อคิวโทรอ่ะค่ะ ริคที่เค้าอยู่อยู่แถวอ่าวไทยค่ะ แต่ตอนนี้เค้าโทรมาได้แล้วค่ะ เราอยู่ต่างประเทศเค้าโทรมาได้ค่ะ แต่เป็นเบอร์มือถือที่เมืองไทยค่ะ เราเปิดโรมมิงไว้ แต่เราจะต้องเสียเงินเวลารับสายเค้าอ่ะค่ะ (ปล.พอถามพี่ไปเค้าโทรมาเลยค่ะ) เรื่องเน็ตแฟนบอกว่ามีให้เล่นค่ะแต่ช้ามากไม่สามารถเข้าอะไรได้เลยค่ะ แต่ยังไงต้องขอบคุณพี่มากเลยนะค่ะ ได้ความรู้เยอะมากเลยค่ะ ที่แฟนได้งานก้อเพราะ เอาบทสัมภาษณ์งานของ blog พี่ให้แฟนอ่านด้วยค่ะ blog ของพี่มีประโยชน์มากเลยนะค่ะ


โดย: ปอ IP: 180.183.145.214 วันที่: 16 มกราคม 2556 เวลา:1:01:05 น.  

 
ปอ - ขอบคุณที่มาส่งข่าวกัน ติดต่อได้แล้วก็ดีใจด้วยครับ ส่วนความเร็วของเน็ทก็แล้วแต่กำบัวทรัยพ์ของบ.แท่นน่ะครับ จ่ายเยอะหน่อยก็เร็ว จ่ายน้อยก็ช้า ไม่ต่างอะไรกับเน็ทบ้านบนฝั่งครับ


โดย: Nong fern daddy (Nong Fern Daddy ) วันที่: 16 มกราคม 2556 เวลา:5:24:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Nong Fern Daddy
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 782 คน [?]




... Blog นี้ ...
แด่ ... แม่น้องเฟิร์นและน้องภัทร
เธอ..ผู้เปลี่ยนห้องที่มืดมิดให้สว่างไสวได้ด้วยรอยยิ้ม
เธอ..ผู้อยู่เบื้องหลังความเข้มแข็งและความสำเร็จทั้งมวล
... และ ...
เธอ ... ผู้เป็น "บ้าน" เพียงแห่งเดียวของผม

---------------------------------------------

หรือเพียง "ฝัน" ที่หาญท้าชะตาฟ้า ?

หรือจะเพียง "ศรัทธา" (ที่)ไร้ความหมาย ?

แม้จะเป็นแค่เพียง "ฝัน" จนวันตาย

แต่ผู้ชายคนนี้จะอยู่ข้างเธอ ... ตลอดไป ...

แด่ ... ลูกที่กล้าฝันของพ่อ

Friends' blogs
[Add Nong Fern Daddy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.