"คำถามจริง" ที่โดนถามในการสัมภาษณ์ ข้อเขียน บ.ในวงการฯ เพื่อนๆจำเอามาแบ่ง update 12/5/11 (part 3)
ภาคต่อจากตอนที่สองนะครับ ตอนแรก == > คำถามจริงในการสอบสัมภาษณ์ภาคแรก ตอนที่สอง == > คำถามจริงในการสอบสัมภาษณ์ภาคที่สอง ตำแหน่ง Horizons Facilities Engineer สัมภาษณ์ต้นปี 2011 ผมตั้งใจว่าเขียนเมล์ฉบับนี้มาหลายรอบแล้วล่ะครับ แต่ผมก็ยังหวั่น ๆ แล้วก็ยุ่ง ๆ เกี่ยวกับ Senior Project ของผมครับ จนมาวันนี้แหละครับตั้งใจว่าจะเขียนมาเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การไปสัมภาษณ์งานในสายงาน Oil & Gas (สายงานในฝันของผมเลยล่ะครับ ^_^) ส่วนตัวของผมนั้นชื่อ xxx ครับ เป็นนักศึกษาปีสุดท้ายในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า สาขาวิศวกรรมไฟฟ้ากำลัง ที่มหาวิทยาลัย xxx ครับ ซึ่งบริษัทที่ผมมีโอกาสได้ไปสัมภาษณ์ก็คือ Chevron ครับ สมัครไปในตำแหน่ง Horizons Facilities Engineer สมัครไปตั้งแต่เดือนกันยายน 2553 แล้วล่ะครับ ช่วงต้นเดือนมกราคม ผมก็ได้รับ SMS ว่าผมผ่าน Screen เบื้องต้นให้รอการติดต่อเพื่อสัมภาษณ์รอบแรกครับ ตอนนั้นรออยู่ประมาณ 3 อาทิตย์ครับ วันนั้นวันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม 2554 ซึ่งผมมี Present Senior Project ในวันดังกล่าว ขณะที่กำลัง Present อยู่นั้นช่วงเวลา 10.30 น. ผมได้รับโทรศัพท์จาก HR ของ Chevron นัดให้มาสัมภาษณ์ในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 28 มกราคม 2554 (ตอนนั้นตกใจมาก นี่กะไม่ให้ผมเตรียมตัวเลยหรอครับเนี่ย - -") ที่โรงแรมสวิส เลอ คองคอร์ด ห้วยขวาง เวลา 11.00 น. ผมตอบตกลงอย่างรวดเร็วครับตอนนั้น วันรุ่งขึ้นผมไปถึงก่อนเวลานัด 1 ชั่วโมง ไปถึงก็ไปลงทะเบียนก่อนเลย จากนั้นก็นั่งรออยู่หน้าห้อง สถานที่การสัมภาษณ์นั้น แต่ละห้อง เขาจะมีชื่อสาขาแปะไว้หน้าห้องเลย Mechanical, Electrical, Civil ผมนั่งรอประมาณ 5 นาทีก็โดนเรียกเข้าห้องไปสัมภาษณ์ เข้าไปก็เป็นห้องโถงใหญ่พอสมควร มีโต๊ะ 1 ตัว หน้าห้องมีไวท์บอร์ดพร้อมปากกา กรรมการสัมภาษณ์ 2 คน เป็นผู้ชายทั้ง 2 คนเลย (เค้าบอกว่าเค้าเป็น Facilities Engineer ทำในหน่วยของ SCADA ใน Chevron อ่ะครับ) พอพี่เค้าเชิญผมนั่งพี่เค้าก็เริ่มซัดเลยครับ จู่ ๆ มา Good Morning ผมตกใจเล็กน้อยจากนั้นบทสนทนาก็เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด เริ่มจากการแนะนำตัว ทำอะไรมาบ้าง ฝึกงานที่ไหน ฝึกงานนี่โดนเยอะมากครับ ถามรายละเอียดยิบ (ตัวผมนั้นไม่ได้ไปฝึกงานบริษัทน้ำมันน่ะครับ พอดีสอบไม่ติดสักที่เลย T_T) แล้วก็มาเรื่อง Senior Project โดนถามเยอะพอสมควร ทำไปทำไม ทำแล้วได้อะไรบ้าง ไอที่ทำเนี่ยมีคนทำมาก่อนหน้าหรือเปล่า แล้วประโยชน์ที่ได้จากการทำงานชิ้นนี้มีอะไรบ้าง จากนั้นพี่เค้าก็ถามประมาณว่า ไอที่น้องไปฝึกงานมาเนี่ยมันประยุกต์ใช้อะไรได้ในชีวิตประจำน้องบ้าง ซึ่งคำถามนี้ผมเข้าใจเป็นน้องคิดว่าไอที่น้องไปฝึกงานมาเนี่ย มันสามารถเอามาประยุกต์ใช้กับโปรเจคน้องได้ยังไงบ้าง ผมตอบผิดประเด็นไป แล้วพี่อีกคนก็อธิบายเป็นภาษาไทยว่ามันเป็นอย่าง ๆ นี้ ๆ ผมก็ อ๋อ ขอโทษครับ (ในใจตอนนั้นรู้สึกว่า จะโดนไรมั้ยเนี่ย !!!) ผมก็อธิบายใหม่ไป พี่เค้าก็ดูโอเคนะครับ จู่ ๆ พี่เค้าก็พูดว่าพูดอังกฤษลำบาก มาพูดไทยกันดีกว่า แล้วบทสนทนาก็เปลี่ยนมาเป็นภาษาไทย จากนั้นก็เริ่มเข้ามาใน Resume ว่ามีไรบ้าง Skill อะไร พอดีผมจบสาย ปวช. แล้วมาต่อปริญญาตรีน่ะครับ เลยโดนถามพวก Technical Skill บ้าง จากนั้นพี่เค้าก็บอกว่าน้องคิดว่าน้องเจ๋งวิชาไหนสุด พี่อยากให้น้องลองสอนพี่ดูว่าเป็นไง ผมก็ตอบไปว่า ผมขอใช้ไวท์บอร์ดนะครับ พี่เค้าตอบตกลง จากนั้นผมก็เริ่มเลยครับ Power System Protection ผมชอบมากครับวิชานี้ แถมเตรียมตัวมาเพื่อโชว์วิชานี้โดยเฉพาะ โซโล่เลยครับ Relay คืออะไร มีกี่ชนิด อะไรบ้าง แต่ละตัวทำงานยังไงเป็นยังไง ตอนช่วงอธิบายนั้นพี่ๆ 2 คนมีการกดโทรศัพท์เล่นเล็กน้อย (ในใจตอนนั้นแอบรู้สึกเหมือนเสียความมั่นใจเล็กน้อย แต่ก็พยายามกัดฟันไป) อธิบายไปได้ประมาณ 15 นาที พี่เค้าก็บอกว่าโอเค พอแล้ว เค้าก็เรียกให้ผมกลับมานั่ง พอผมหย่อนก้นลงเก้าอี้ ผมก็ถามพี่เค้าว่าไอที่ผมอธิบายพี่เข้าใจหมดนะครับ พี่เค้าก็โอเค เข้าใจ จากนั้นสายตาของพี่เค้าก็กลับไปจดจ่อที่ Resume อีกครั้ง คราวนี้พี่เค้าอ่านไปเขอ Skill ของผมอีกชิ้นนึงคือ PLC ครับ พี่เค้าถามว่าเรียนมาเป็นยังไง ทำอะไรเกี่ยวกับ PLC มา ไหนลองอธิบายสิ่งที่ทำแล้วคิดว่าเจ๋งที่สุดมาหน่อยซิ ผมพูดอีกครั้งว่า ผมขอใช้ไวท์บอร์ดนะครับ พี่เค้าก็ตอบตกลง ผมก็เดินไปเลยครับ เริ่มอธิบายเลยผมทำอะไร ยังไง (ผมทำ Vending Machine ด้วย PLC เป็น Assignment สุดท้ายในวิชา PLC ที่ผมเลือกเรียนครับ) อธิบายตั้งแต่วิธีการออกแบบจนไปถึงการสร้างด้วยโปรแกรมด้วยภาษา FBD (Function Block Diagram) อธิบายไปอีกประมาณ 20 นาที พี่เค้าก็เรียกกลับมานั่งอีกครั้ง ลืมบอกไปว่าไอที่ผมเขียนไวท์บอร์ดบนกระดานน่ะครับ เป็นภาษาอังกฤษหมดเลยนะครับ หลังจากที่กลับมานั่งอีกครั้งหนึ่ง พี่เค้าก็กลับมาถามเกี่ยวกับ Senior Project คราวนี้มาถามเกี่ยวกับหน้าที่ และบทบาทของเราในการทำ Senior Project ผมก็อธิบายไปครับ เค้าก็ถามเกี่ยวกับการจัดการคู่ของผม พอคำถามนั้นจบ คำถามต่อ ๆ มาก็เริ่มสบาย ๆ แล้วครับ พี่เค้าถามว่าชอบเล่นกีฬาอะไรบ้าง ผมก็ตอบไปว่าชอบเตะบอล เล่นเทนนิส อันนี้ฮามากครับ พี่เค้าถามต่ออีกว่าแล้วชอบดูบอลมั้ย ผมก็ตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่า ชอบมากครับ แล้วน้องชอบทีมอะไรล่ะ พี่เค้าถามผม ผมตอบว่า Manchester United ครับ พี่เค้าก็ตอบมาว่า อย่างนี้ให้ผ่านเลยดีกว่า สักพักพี่เค้าบอกว่าพี่พูดเล่นนะครับ หลังจากนั้นพี่เค้าก็เปิดโอกาสให้ผมถามบ้าง ผมก็ถามไปประมาณ 2-3 คำถามเกี่ยวกับลักษณะงานน่ะครับ หลังจากที่ผมหมดคำถาม พี่เค้าก็บอกว่า ผลการสัมภาษณ์ครั้งนี้ ทาง HR จะแจ้งไปอีกประมาณ 2 ข้างหน้าครับ ผมเดินออกจากห้องสัมภาษณ์ดูเวลาการสัมภาษณ์ เวลาที่ใช้สัมภาษณ์นั้นประมาณ 1 ชั่วโมงครับ เวลาผ่านไปประมาณ 11 วันเท่านั้นครับ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ตอนประมาณบ่ายโมงกว่า ๆ ผมได้รับ SMS ว่า ผมผ่านการสัมภาษณ์ Technical Skill ในวันนั้น (ผมดีใจมาก ^_^ ) ทำให้ผมได้ไปต่อในรอบ Management Skill ซึ่งผมเพิ่งไปสัมภาษณ์มาเมื่อวานศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2554 ที่ผ่านมาเนี่ยล่ะครับ ไว้ผมจะเขียนมาเล่าอีกฉบับละกันนะครับ สำหรับรอบ Management Skill พี่นกคงไม่ว่ากันนะครับ ขอบคุณสำหรับพื้นที่ที่ให้ผมได้มาแบ่งปันนะครับComment ก่อนอื่นขอชื่นชมจิตสาธารณะที่มาแบ่งปันกัน บล๊อกผมจะมีชีวิตชีวามีประโยชน์ก็ด้วยข้อมูลสดใหม่เหล่านี้แหละครับ เวทีนี้ของพวกเราทุกคนครับ ผมเห็นข้อเด่นๆของน้องคนนี้ที่กล้าขออนุญาติใช้ไวท์บอร์ดและปากกาประกอบการอธิบาย บางคนที่ผมเจอใบ้รัปทานพอต้องอธิบายอะไรยากๆทั้งที่วาดทีเดียวก็จบ และอุปกรณ์ก็เตรียมไว้ให้อยู่ตรงนั้น คือตื่นเต้นมากนะครับ ถ้าห้องสัมภาษณ์ไม่มีเตรียมไว้ล่ะ นี่ไงครับที่ผมแนะนำไว้หลายหนว่า คุณต้องเตรียมปากกาและกระดาษ A4 ไปด้วยสัก 5-10 แผ่น เวลาต้องอธิบายอะไรยากๆจะได้ขออนุญาติใช้ปากกากระดาษที่เตรียมมาช่วยวาดประกอบ และ เครื่องคิดเลขเล็กๆต้องมีติดไปด้วย ก่อนหยิบมาใช้ก็ขออนุญาตินิดนึง เพราะบางคำถามเขาต้องการให้คุณกะประมาณเอาไม่ได้ต้องการตัวเลขแป๊ะๆ แต่มีติดไว้ก็ไม่เสียหาย ปากกาก็เอาไปสัก 3 สี เผื่อต้องวาดอะไรที่ต้องแยกส่วนอธิบายซ้อนๆกัน แต่ก็อย่าแปลกใจ หรือเข้าใจว่าผู้สัมภาษณ์ใจแคบ ถ้าขออนุญาติใช้ตัวช่วย กระดาน กระดาษ ปากกา แล้วเขาไม่อนุญาติ เพราะบางครั้งก็อยากดูความสามารถในการอธิบายโดยภาษาล้วนๆ เนื่องจากบางครั้ง เราจะต้องอธิบายการทำงานกันทางโทรศัพท์ หรือ walky talky บางครั้งหรือในหลายๆสถานการณ์ที่ net wifi จอภาพ ฯลฯ ไม่มีให้เราใช้ ต้องวิทยุคุยกัน สั่งงานลูกน้อง อะไรแบบนี้ ถ้าเข้าใจแต่อธิบายให้อีกฝ่ายหนึ่งฟังไม่รู้เรื่องก็จบเหมือนกัน ทั้งนี้และทั้งนั้น เขาจะดูตรงไหน ให้ใช้ตัวช่วยได้หรือไม่ ขึ้นกับตำแหน่งและลักษณะงานน่ะครับ แต่ขอใช้ตัวช่วยไว้ก่อนก็ไม่เสียหายนี่นา จริงไหมครับ อีกข้อเด่นของน้องคนนี้คือ การเตรียมไว้ก่อนเลยว่าเราเจ๋งเรื่องอะไร โซโล่กันเป็นฉากๆ ตัว thesis ที่ทำก็แน่น รู้จริง นี่คือที่ผมบอกไว้หลายหนเหมือนกันว่า skill ต่างๆที่เขียนไว้ อย่าโกหก และให้เตรียมวิชาหรือตัวอย่างทักษะที่เราชอบเราเจ๋งไว้สัก 3 อย่างที่รู้แจ้งรู้จริง กะว่าถ้าให้โอกาสพูดล่ะก็ลิงหลับแน่ๆ (ฮ่า) ดูจากที่น้องคนนี้เล่ามา น่าจะเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองพอสมควรและมีลูกฮาลูกบ้าพอตัว น่าจะเอาตัวรอดในภาค management skill ได้ไม่ยากเย็นนัก ... ========================== นี่ก็เป็น e-mail ฉบับที่สองแล้วนะครับที่ผมเขียนมาเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การไปสัมภาษณ์งานในสายงาน Oil & gas ครับ ซึ่งฉบับนี้ผมเขียนมาเล่าในส่วนของ management interview ตามที่ในฉบับแรกผมได้ให้คำสัญญาไว้ เริ่มเลยละกันนะครับ ^_^ หลังจากที่ผมได้รับ SMS ว่าผมผ่านการสัมภาษณ์รอบ Technical Skill ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2554 ในอาทิตย์เดียวกันนั้นวันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 เวลาประมาณ 16.15 น. ผมได้รับการติดต่อจาก HR ให้มาสัมภาษณ์รอบ Management Skill ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 14.30 น. ที่สำนักงานของบริษัทที่ SCB Park (มีเวลาให้เตรียมตัว 2 อาทิตย์ พอไหว !!!) ผมก็ได้สอบถามข้อมูลการสัมภาษณ์รอบนี้กับพี่ HR ซึ่งพี่เค้าบอกว่ารอบนี้จะเป็นการสัมภาษณ์ที่กว้างกว่ารอบ Technical Skill และให้เตรียมภาษาอังกฤษมาดีๆแล้วกัน !!! หลังจากคุยโทรศัพท์กันเสร็จ ผมก็เริ่มศึกษาหาข้อมูลการสัมภาษณ์รอบ Management Skill (ข้อมูลส่วนใหญ่ก็ได้มาจาก บล๊อกของพี่เนี่ยแหละครับ ขอบคุณมากครับ -/- ) ก็มาทราบว่าคำถามนั้นจะเน้นพวก Soft Skill คือวัดความเป็นผู้นำของตัวเรา ดูการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของเรา จำพวกนี้ครับ ก่อนไปสัมภาษณ์รอบนี้เตรียมตัวเยอะมากเลยครับ เตรียมภาษาอังกฤษเขียนเป็นสคริปประมาณ 5 แผ่น เลยล่ะครับ เกี่ยวกับคำถามต่าง ๆ ที่คิดว่าโดนถามแน่นอน ก่อนไปสัมภาษณ์ก็ให้เพื่อน ๆ ช่วยยิงคำถามที่คิดว่าจะโดนถาม เหมือนเป็นการซ้อมสัมภาษณ์ผม โดยให้ผมตอบเป็นภาษาอังกฤษหมดเลยครับ ยอมรับว่ารอบนี้ผมทำการบ้านหนักมาก (ผมอยากได้มากเลยครับ ^_^) วันสัมภาษณ์ ผมนั่งรถเมล์ไปถึง SCB Park เวลาประมาณ 13.50 น. ไปถึงก็ไปติดต่อประชาสัมพันธ์ที่ชั้นล่างว่ามาสัมภาษณ์งาน ก็มีการแลกบัตรเพื่อความปลอดภัยของบริษัทเค้าล่ะครับ แลกบัตรเสร็จพี่ประชาสัมพันธ์ให้ผมไปนั่งรอเหมือนที่รับแขกด้านหลังครับ ระหว่างนั่งรอก็สังเกตอะไรไปเรื่อยเปื่อยครับ ที่รู้สึกประทับใจสุดก็คือวันนั้นเป็นวันเกิดของพนักงานสักคนในแผนก พวกพี่ ๆ เค้าก็มีการเตรียม Surprise จะไป Happy Birthday กันน่ะครับ เห็นวิ่งกันวุ่นเลยตอนที่ผมนั่งรอ สักพักก็ได้ยินเสียงพี่ๆช่วยกันร้องเพลง Happy Birthday (ดูมีความสุขกันดีเนอะ ^_^) เวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที พี่ประชาสัมพันธ์ก็เรียกผมแล้วบอกว่าให้ผมขึ้นไปชั้น 14 ไปรอหน้าลิฟท์แล้วจะมีคนมารับ ผมก็เดินดุ่ม ๆ ไปเลยครับ ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 14 ไปถึงก็เจอกับพี่ HR ยืนรออยู่พอดีเลย ผมก็สวัสดีพี่เค้า พี่เค้าก็ถามผมว่าจะเข้าห้องน้ำมั้ย ? ผมก็ตัดสินใจเข้าห้องน้ำเตรียมตัว พอเสร็จกิจก็เดินเข้าไปนั่งรออีกครั้งหนึ่ง พี่ HR กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ก็ไปนั่งรอหน้าห้องสัมภาษณ์ ระหว่างรอก็เจอกับพี่คนนึงในแผนกเข้ามาคุยกับผม พี่เค้าก็มาถามว่ามาสัมภาษณ์หรอน้อง ผมก็บอกไปว่าครับ พี่เค้าก็บอกว่าถ้าได้เข้ามาก็ทำงาน ออฟฟิตอยู่ข้างหลังเนี่ย เค้าก็เดินไปดูห้องสัมภาษณ์แล้วบอกผมว่า จัดหนักนะเนี่ยวันนี้ ก่อนพี่เค้าเดินไปพี่เค้าก็บอกว่า โชคดีนะน้อง !!! หลังจากคุยกันเสร็จ พี่ ๆ ที่จะสัมภาษณ์ผมก็เดินออกมาตามผมเข้าห้องสัมภาษณ์ เข้าไปถึงมีคนสัมภาษณ์ 3 คนครับ เป็นพี่ ๆ Manager ในตำแหน่ง Facilities Engineer 2 คน (คนไทย) ดูมีอายุกันทั้ง 2 คนและน่าจะเป็นหัวหน้าแผนกเลยด้วยซ้ำ อีก 1 คนเค้าบอกว่าเป็นผู้บริหารของ Facilities Engineer ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ อายุประมาณ 40 ปี (ชื่ออะไรผมจำไม่ได้ทั้ง 3 คนเลยครับ) ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า บทสนทนาทั้งหมดที่จะเล่า เป็นการสนทนาด้วยภาษาอังกฤษหมดเลยนะครับ เข้าไปถึงก็เป็นการแนะนำตัวเบื้องต้น เรียนที่ไหน ยังไง ทำอะไรมาบ้าง พอผมพูดเสร็จพวกพี่เค้าก็เริ่มถามเลยครับ ไล่ใน resume เริ่มจากพี่ฝรั่งถามผมว่าไอกิจกรรมที่ผมทำเนี่ยทำอะไรมา เล่ามาหน่อยซิ เป็นยังไง ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่คิดว่าเราใช้ไหวพริบในการแก้ปัญหา ผมก็อธิบายไปพี่ๆ อีก 2 คนก็ค่อย ๆ ยิงเสริมกันเข้ามาว่าตรงนี้ ๆ แก้ปัญหายังไง มีวิธีจัดการยังไง จบคำถามนี้ก็เป็นการถามเกี่ยวกับ Senior Project ว่าทำอะไรมาคร่าว ๆ เท่านั้นล่ะครับ ประเด็นอยู่ที่พี่คนนึงเค้าถามว่า เจอปัญหาอะไรระหว่างทำ Senior Project ผมตอบไปว่าผมเจอปัญหาเกี่ยวกับการทำงานกับคู่ Buddy ของผมครับ พี่เค้าก็ให้ผมอธิบายว่าจัดการกับปัญหานี้ยังไง ผมก็ตอบไป แล้วพี่เค้าก็ยกเคสว่าถ้าเกิดปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนแรกนั้นแก้ด้วยวิธีที่ผมอธิบายมาไม่ได้ แล้วจะผมจะทำยังไงต่อ ผมก็ตอบไปครับ (ผมคิดว่าจุดนี้ ผมทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไรครับ T_T ) หลังจากนั้นพี่คนไทยก็ถามผมว่า มีหลุมลึก 5 เมตร ลูกบอลตกลงไปในหลุม จะเอาบอลขึ้นมาด้วยวิธีไหนบ้าง ผมตอบไปว่าเติมน้ำให้บอลลอยขึ้นมา แล้วเค้าก็ถามผมว่ามีวิธีอีกมั้ย ผมก็บอกว่าเอาลมเป่าให้ลมดันบอลขึ้นมา พี่คนไทยงงเล็กน้อย แต่พี่ฝรั่งเขาเข้าใจ เขาก็ช่วยผมอธิบายให้พี่คนไทยเข้าใจ (ผมอยากรู้ว่าคำถามนี้วัดอะไรหรอครับ แล้วมีวิธีอื่นอีกมั้ยครับ ? ตอนนั้นผมคิดได้แค่นี้เองครับ - -) หลังจากอธิบายกันอยู่สักพัก พี่คนไทยอีกคนก็ถามผมว่าน้องได้ไปสมัครงานที่อื่นบ้างมั้ย ผมบอกไปว่าก็มีบ้างครับ แต่ส่วนใหญ่ก็ปฏิเสธไปเพื่อจะมาเข้าที่เนี่ยแหละครับ พี่เขาก็ถามผมว่าแล้วน้องคิดว่าถ้าไม่ติดน้องจะไปทำอะไรต่อ ผมก็บอกไปว่าก็คงไปทำวิจัยกับอาจารย์ ไม่ก็กลับไปช่วยพ่อแม่ทำงานที่บ้าน ปีหน้าจะมาสมัครใหม่แน่นอนครับ !!! หลังจากนั้นพี่คนเดิมก็ถามอีกว่า เกรดสูงซะขนาดนี้ ทำไมไม่ไปเป็นอาจารย์ ผมก็บอกไปว่าเป็นอาจารย์แล้วผมค่อนข้างวิตกกังวลกับเด็ก แล้วก็ปวดหัวต้องมานั่งคอยจี้สอนเด็กน่ะครับ พี่ฝรั่งเค้าก็ถามเสริมมาว่าวิตกเรื่องอะไรหรอ ผมก็ตอบไปว่ายุคสมัยนี้ อะไร ๆ ก็ดูง่ายไปหมด จะติดเกม ติดอินเตอร์เน็ต เกิดขึ้นได้ง่ายมาก ผมไม่อยากต้องมานั่งกังวลว่าลูกศิษย์ของผมจะไม่ส่งการบ้านอะไรประมาณเนี่ยอ่ะครับ !! พอเสร็จคำถามนี้พี่เค้าก็เปิดโอกาสให้ผมถาม ผมก็ถาม step เดิมล่ะครับ เข้าไปทำงานยังไง เป็น Routine มั้ย ตำแหน่งนี้ปีนี้เอากี่คนครับ แล้วก็ถามเกี่ยวกับปัญหาในลิเบียอ่ะครับ หมดคำถามผมก็เดินออกจากห้องสัมภาษณ์มาพร้อมกับพี่ฝรั่ง ได้คุยกันนอกรอบเล็กน้อยครับ ดูนาฬิกาตอนนั้นผมใช้เวลาในการสัมภาษณ์ไปประมาณ 50 นาทีครับ ตอนนี้ก็ผ่านไปประมาณ 10 วัน ผมได้โทรไปสอบถามผลกับพี่ HR ก็ทราบผลแล้วล่ะครับ ผลที่ออกมาก็คือ ผมไม่ติดครับ !!! ในใจผมก็รู้สึกเสียดายนิด ๆ นะครับ แต่การสัมภาษณ์งานครั้งนี้เป็นการสัมภาษณ์ที่ผมพยายามทำให้ดีที่สุดตั้งแต่ผมเคยไปสัมภาษณ์งานมาเลยล่ะครับ ผมไม่เสียใจเลยนะครับ ดีใจด้วยซ้ำที่ได้ทำอย่างเต็มที่ ถึงวันนี้โชคจะไม่เข้าข้างผม ผมก็ยังจะสู้ต่อไปครับ ปีหน้าผมจะสมัครใหม่ครับ ความพยายามทุกความพยายามอาจจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่ความสำเร็จทุกความสำเร็จผมเชื่อว่ายังต้องเกิดจากความพยายามครับcomment ก่อนอื่นต้องขอบคุณน้องมากๆ ขนาดไม่ติด ก็ยังมีกะใจมาถ่ายทอด สุดยอดๆ น้ำใจมากมาย จากความทุ่มเททั้งหมดที่คุณทำไป ผมรับประกันว่าไม่มีเสียเปล่าครับ มันจะฝังลึกลงไปในนิสัยและความรู้ของคุณ เหมือนสมัยนึงที่ผมเกลียดวิชาภาษาอังกฤษมากๆเพราะอ.ให้ท่องศัพท์เยอะแยะ ออกสอบนิดเดียว ไอ้ที่ตูท่องจำได้ไม่อก ไปออกไอ้ที่ตูไม่ได้ท่องหรือจำไม่ได้ คะแนนก็เลยไม่ดี แต่เชื่อไหมคับ คำศัพท์ที่ผมคิดว่าท่องฟรีไม่ได้ออกสอบ ทั้งหมดยังอยู่ในหัวผม ได้เอามาใช้ทำมาหากินจนบัดนี้เลย ดังนั้นที่คุณทุ่มเทเขียนสคริป + ซ้อม นั้น ไม่สูญเปล่าแน่นอนครับ ... และผมไม่อยากจะให้คุณคิดว่าเป็นความผิดพลาดหรือล้มเหลวอะไรที่ไม่ติด แต่เป็นเพราะระบบตลาดแรงงานเสรีบ้านเรามันเป็นแบบนี้ คือมีคนเหมาะสมกว่า ถามว่าคุณทำงานนี้ได้ไหม ผมบอกเลยว่าได้ล้านเปอร์เซ็นต์ แต่บ.เขาสวยเลือกได้ และ จำนวนรับมันก็จำกัด อุปสงค์อุปทานนั่นแหละครับ ผู้ชายทุกคนดีหมดแหละ แต่สาวสวยก็มักเลือกที่ หล่อ รวย มี6แพ็ก ตระกูลดี ฯลฯ เราตกไปสักข้อครึ่งข้อไม่ได้แปลว่าเราไม่ดีนี่นา จริงไหม ส่วนปัญหาลูกบอลนั่น เขาวัดสามัญสำนึกทางวิศวกรรมและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเล็กๆน้อยๆ ไม่มีอะไรมากครับ ที่คุณตอบมันก็ถูก ถามว่านอกจาก 2 วิธีที่คุณนำเสนอแล้วมีวิธีอื่นอีกไหม มีอีกหลายวิธีเลย ถ้าไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาและค่าใช้จ่าย คิดให้บรรเจิดสุดๆก็ได้ เช่นเอาท่อที่ปลายท่อเป็นโค้งๆรับกับผิวลูกบอล แล้วใช้เครื่องสูญญากาศดูดขึ้นมา (vacumm pump) ถ้ายังบรรเจิดไม่สะใจก็ คว้านปากบ่อให้กว้างแล้วก็เอาคนเดินลงไปหยิบขึ้นมา หรือไปต่อแขนกลยาวๆลงไปคีบก็ได้ ยังไปซะใจก็ขุดหลุมข้างๆให้ขนาดใหญ่ๆขนานหลุมในโจทย์แล้วเดินลงไปในหลุมขนานนั้น ไปหยิบลูกบอลออกมาจากก้นหลุมเลย คือไม่ต้องผ่านปากบ่อเดินในโจทย์ เอาขึ้นมาทางปากบ่อใหม่ ดีครับที่ไม่เสียใจ แต่แค่เสียดาย ถูกต้องแล้วครับ คุณทำดีที่สุดแล้วครับ ... พี่นก ... ===============================บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตเลียม จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท เฮสส์ (ไทยแลนด์) จำกัด และบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด เปิดรับสมัครทุนฝึกอบรมช่างเทคนิคปิโตรเลียม หลักสูตร 8 เดือน จำนวน 60 ทุน เรียนฟรี พร้อมเบี้ยเลี้ยง ฝึกอบรมที่ศูนย์เศรษฐพัฒน์ สงขลา //www.chevronthailand.com/news/2011/3.asp ประสบการณ์โดย คุณ IE IP: 10.0.0.2, 110.77.234.248 วันที่: 2 มีนาคม 2554 เวลา:22:32:23 น. ผมเคยไปสอบแต่ work force 5 อะครับ น่าจะคล้ายกัน ข้อสอบ จะมี 2 วิชา ครับ ช่าง กับ ภาษาอังกฤษ วิชาช่างก็ พื้นฐานง่ายๆครับรวมหมดทุกช่าง ผมคิดว่าทำได้กันทุกคน อยู่ที่ความเร็วมากกว่า อิอิ เช่น NGV,LPG ย่อมาจากอะไร,กฎของโอมห์,stat พื้นฐาน อื่นๆ ส่วนภาษาอังกฤษนี่ยากนะครับ เป็นแนว Toeic แกรมม่า กับ อ่านบทความแล้วตอบคำถาม เวลานี่ไปไวมากอะครับ ขนาดมั่วแล้วยังทำไม่ทันเลย เห่อๆ ขอโทษที่นะครับผมพิมพ์ออกมาเป็นภาษาเขียนไม่ค่อยจะเก่ง ไว้เจอกันวันสอบนะครับ ประสบการณ์โดย คุณ insinyur mekanik IP: 113.53.245.68 วันที่: 11 มีนาคม 2554 เวลา:16:57:26 น. เคยสอบมาเหมือนกันschorlarship8,9 ถ้าทำข้อสอบทันก็ไม่น่าห่วงคราวที่แล้วกะเวลาพลาดไปเยอะทำเสร็จแต่ภาษาอังกฤษแต่วิชาช่างคิดลึกไปทำไม่ทันเยอะมากคราวนี้จะสอบ 12/03/2554 นี่หล่ะ ถ้าสอบแล้วจะมาบอกอีกที ไม่รู้จะติดหรือป่าว ----------------------------------------- หลังจากที่ผมได้อ่านบล็อกของพี่และให้พี่ช่วยแนะนำ resumeให้ ผมได้งานน้ำมันแล้วครับ ที่แรกที่ลานกระบือครับเป็น workover rig ของ almansoori แต่ได้ทำแค่ 3 เดือนเองครับเพราะบริษัทไม่ได้คอนเเทค ตอนนี้ผมได้มาทำกับอีก บริษัท ในทะเลไทยเป็น jack-up ครับ น่าจะบริษัทเดียวกับพี่นกนะครับ ( tranocean) ตอนนี้กำลังปรับปรุงแท่นเจาะที่ singapore ครับ ผมได้ทำในตำแหน่ง ART electrician ครับ ผมอยากขอบคุณมากเลยครับสำหรับคำแนะนำของพี่ และบล็อกของพี่ครับ คำถามที่ผมเจอในการสัมภาษณ์มีแบบนี้ครับ1. เล่าประวัติส่วนตัวเป็นภาษาอังกฤษครับ ตอบ: อันนี้ไม่มีปัญหาเพราะทำงานที่แรกผมใช้ภาษาอังกฤษตลอดเลยรอดไป2.ระบบการทำงานของ JACK-UP rig ครับ ตอบ: มีในบล็อกของพี่ครับ.3.ถ้ามอเตอร์ขับdrawwork เสียต้องทำอย่างไร อธิบายตามลำดับครับ. ตอบ: ผมบอกไปว่าผมไม่เคยเจอdrawwork ที่ใช้ไฟฟ้ามาก่อนเพราะที่ริกเก่าผมใช้นะบบไฮดรอริกทั้งหมด( workover ) แต่ถ้าจะซ่อมผมจะต้องถามสาเหตุจาก driller ก่อนว่ามันมีอาการอย่างไรก่อนเสีย ดูตารางการตรวจสอบประจำวันว่า OK หรือไม่ เมื่อรู้อาการแล้วค่อยไล่หาสาเหตุครับ อาจเป็นเพราะฟิวขาดเนื่องจากลัดวงจร หรือโหลดเกินขนาดmotor ลูกปืน rotor มีปัญหาเป็นต้น แต่ก่อนจะลงมือตรวจสอบต้องไม่ลืมตัดวงจรก่อนครับ เพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้าช็อต.4. logout & tagout ตอบ: อันนี้ก็ทราบกันดีว่าก่อนที่จะทำงานต้องตัดวงจร ล็อคกุญแจและเขียนบอกด้วย.5. PLC คืออะไร ตอบ: เบสิคของคำถามครับและถามอีกเล็กน้อย6.Permit to work คืออะไร ตอบ : การขออนุญาติก่อนการทำงานครับชึ่งตอบได้ค่อนข้างดี.7.คำถามนี้สุดยอดครับ เค้าถามว่าทำไมถึงอยากมาทำงานกับเรา ตอบ: ผมคิดอยู่นานเหมือนกัน ผมตอบไปว่าผมอยากทำงานกับคนหลายชาติเพื่อพัตนาตัวผมเองและเรียบนที่จะใช้ชีวิตร่วมกับเขาเหล่านั้นอย่างสนุกครับ แล้วเค้าก็ให้ผมคุยกับ manager ต่อครับ ส่วนหลังนี่ก็ไม่มีอะไรครับพี่เขาใจดีมาก บอกว่าให้มาทำตำแหน่ง ART เพื่อจะได้ฝึกเป็นช่างไฟที่เก่งต่อไป และคำถามอื่นๆอีกมากแต่ผมจำไม่ได้ครับ ใช้เวลาสัมภาษณ์ 1 ชั่วโมงเต็มครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ที่พี่มอบให้ครับ และผมจะเผยแผ่ความรู้อย่างที่พี่ทำเพื่อ วงการของเราจะได้เจริญรุ่งเรืองต่อไป ============================ตำแหน่ง DSM trainee ของ บ.เชฟรอน สัมภาษณ์ราวๆต้นปี 2011 xxx เองครับ เคยเมล์มาหาพี่บ่อยๆ ตั้งแต่สมัยเลือกที่เรียนต่อโท ที่ AIT เมื่อเกือบสองปีที่แล้ว ตอนนี้เป็น xxx ที่ xxx ครับ และผมก้อเป็นแฟน page ของ Nong Fern Daddy ด้วยครับ ;) เมื่อวานผมเพิ่งได้รับข่าวดีจาก Chevron ให้ทำงานในตำแน่ง DSM Trainee เลยอยากมาแบ่งปันประสบการณ์ให้คนอื่นๆครับ เริ่มจากทีแรกผมโดนเรียกไปสัมพาด ตำแหน่ง Drilling Eng. (Horizon) สองรอบ รอบแรกกับ Drilling MGR + Drilling Eng. รอบสองกับ Drilling MGR 2 คน + Drilling Eng.รอบนี้คัดจาก 6 เอา 3 เอารอบสองเลยละกันเพราะถามคล้ายๆกัน ตอนที่ผมไปรอบสองมีคนสัมพาดสามคน (ไทยล้วน) ภาษาที่ใช้ในการสัมพาด eng 30% ไทย 70% เริ่มจากให้แนะนำตัว/ถามเรื่อง edu background ทำไมมาเรียน O&G/ทำไมถึงอยากเข้า Chevron/เคยทำอะไรเป็น leader มาบ้าง/ แก้ปัญหาอย่างไร เมื่อเจอปัญหา ให้ยกตัวอย่าง ระหว่างงาน drilling eng นั่ง office กับ ลงไปทำบน rig ชอบแบบไหน/มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานจะแก้ยังไง/ทำไมเราจึงต้องรับคุณเข้าทำงาน อะไรที่ outstanding จาก candidates คนอื่นๆ/ อธิบาย Drilling Operation ที่เรารู้.....แล้วก้อไห้เราถามคำถามกลับ ทุกคำถามพี่เค้าให้ยกตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงครับ +++ ประมาณ 1 ชม เต็มสำหรับการสัมพาด หนึ่งวันต่อมา..พี่ HR โทรมาผมนึกว่าจะรู้ผลแต่เค้าบอกว่าพี่ MGR เค้า pass ผมไปสัมพาดอีกตำแหน่งนึงคือ DSM trainee... นี่ผมควรจะดีใจดีหรือไม่ดีวะเนี่ย เพราะ DSM เป็นตำแหน่งที่ผมอยากเป็นมากกกก แต่ก้อไม่แน่ใจว่า DE เค้าไม่เอาผมหรือป่าวเลยส่งผมไป... อาทิตย์ต่อมาพี่ HR โทรมานัดวันสัมพาด รุ่งขึ้นก้อไปสัมพาดครับ รอบจัดหนักเจอฝรั่ง เก๋าๆ สองคนคนนึงเป็น Drilling Superintendant อีกคนนึงเป็น DSM ผมเครียดมาก แต่ก้อกัดฟันสู้ ห้องสัมพาดเป็นห้องทำงานของ Drilling Superintendant เริ่มด้วยเค้าก้อทักทายโดยการไหว้ หลังจากนั้นเค้าก้อให้แนะนำตัวครับ ผมก้อจัดไปชุดใหญ่/ ถามว่าทำอะไรที่ WFT ให้อธิบายงานขุดเจาะแบบ conventional กับ UBD/MPD (งานผมทำ MPD ครับ) ผมก้อเล่าไปตามที่ผมเคยเหน เคยทำมา แล้วเค้าก้อไห้ถามกลับ ผมก้อถามเรื่อง batch operation กับ เรื่อง slim hole drilling ก้อคุยกันไปเค้าก้ออธิบายให้ฟัง/ ถามว่าถ้าเราทำงานบน rig คุมคน > 100 และ > 200k US per day จะทำได้ไหม คุณสามารถใช้เท้าคิดได้ไหม ผมงง ??? อีกคนก้อแปลให้ว่า เดินไปคิดไปได้ไหม อ่อ+++ เล่นซะงงเลย ;) / Hobby ทำไรบ้าง/ ทำ 28/14 โอเคมั้ย/ Hand on?/ ให้เราเล่าถึงเรื่อง safety บน rig ที่เราเคยเจอมา แล้วก้อให้เราถามกลับ ผมก้อถามว่าเมื่อไหร่จะรู้ผลเค้าบอกว่า อาทิตย์หน้า แล้วเค้าก้อเล่าให้ฟังว่าตอนนี้ chevron มี rig เข้ามาอีก 6 rigs เค้าต้องการคนที่ hand on, สู้งาน แล้วเค้าก้อถามคำถามสุดท้ายว่า อะไรที่ทำให้ผมต้องรับคุณ เสร็จแล้วครับหลังจากนั้นผมนั่ง taxi กลับพี่ HR ก้อโทรมาบอกว่าผมผ่านครับ ดีใจโคตรๆเลยพี่ ก้อหวังว่าประสบการที่เล่าไห้ฟังจะเปนปนะโยชน์กับคนอื่นๆที่มีความฝันเดียวกันนะครับ สู้ๆครับทุกคน ปล. ขอบคุณพี่นกกับข้อมูลดีๆ ที่เป็นประโยชน์อย่างมาก ก่อนหน้านี้ผมไปสอบ HES/ Wireline/ MWD ก้อทำข้อสอบง่ายมากๆครับ เพราะเวปพี่นกเลย (Wireline รอบสองมีไห้แปล logging data ด้วยครับ MWD รอบสองสัมพาดกะคนฝรั่งหนึ่งคน คนไทยหนึ่งคน ถามเรื่องทั่วๆไป และก้อลักษณะให้ไห้แก้ปัญหาเมื่อ tool fail อะไรประมาณนั้น) ============================ ข้างล่างนี่ผมไม่แน่ใจว่าจะเป็น FAQ หรือ ประสบการณ์สัมภาษณ์ดี ดูไปดูมา ก็มีเนื้อหาประสบการณ์การสัมภาษณ์อยู่พอสมควรเลยขอเอาว่าไว้ที่นี่ก็แล้วกันครับนี่ก็เป็นอีเมล์ฉบับที่สามแล้วนะครับที่ผมเขียนหาพี่ จากวันนั้นผมไปสัมภาษณ์ Chevron ในตำแหน่งของ FE แล้วผมไม่ผ่าน !! (หวังว่าพี่คงจำผมได้นะครับ ^^) หลังจากนั้นผมก็หางานเรื่อย ๆ น่ะครับ จนกระทั่งได้มาเจองานนึงในบล๊อกของพี่อ่ะครับ ก็คืองาน Electrical Technician ที่ HALLIBURTON ตอนนั้น ผมถามพี่เพื่อความแน่ใจว่า เด็กจบใหม่อย่างผมสมัครได้มั้ย ? ก็ได้คำพูดของพี่เนี่ยแหละครับ..."ผมว่าสมัครๆไปเหอะ ต้นทุนค่าสมัครไม่เท่าไรเอง" ผมก็เลยตัดสินใจสมัครไปครับ อยู่ ๆ มาวันนึงผมก็ได้รับโทรศัพท์จาก HR ซึ่งพี่เค้าโทรมาคุยเบื้องต้นเกี่ยวกับตัวเรา บ้านอยู่ไหน ? ทำงานที่สงขลามีปัญหามั้ย ? อาทิตย์ถัดมาพี่เค้าก็นัดมาสอบข้อเขียน(ซึ่งข้อเขียนที่สอบไปนั้นส่วนใหญ่ก็คล้าย ๆ กับคนที่เอามาโพสไว้อีกแหละครับ) ผมก็สอบไป ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ในใจผมตอนนั้นคิดว่าถ้าติดคงดีเนอะ... หลังจากสอบข้อเขียนได้สองวัน HR ก็โทรมานัดผมสัมภาษณ์เลยครับ นัดเช้าตรู่เลย 9 โมง(ผมสัมภาษณ์คนแรก !!!) ที่ Sun Tower เค้าบอกว่าจะมีหัวหน้าบินมาจากสงขลาขึ้นมาเพื่อสัมภาษณ์ผม พอไปถึงสถานที่ที่นัดหมายกัน ก็ไปเริ่มนั่งสัมภาษณ์กับหัวหน้าชาวต่างชาติสองคน คนนึงเป็นชาวสก๊อตแลนด์ อีกคนเป็นชาวอังกฤษ คำถามในการสัมภาษณ์ก็ไม่มีอะไรมากครับ ค่อนข้างถามเกี่ยวกับการทำงาน เคยทำงานกับพวกอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคส์บ้างมั้ย ? บัคกรีอะไรเป็นหรือเปล่า ? คิดยังไงถ้าให้ไปทำงานที่สงขลา ? งานมันจะค่อนข้างใช้ Physical คิดว่าทำได้มั้ย ? อะไรประมาณนี้อ่ะครับ แล้วก็ถามอีกว่างานอดิเรกชอบทำอะไร ผมก็ไม่พ้นเรื่องฟุตบอลอ่ะครับ อิอิอิ ก็ประมาณนี้แหละครับ ใช้เวลาสัมภาษณ์ไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็เสร็จอ่ะครับ พี่ฝรั่งเค้าก็บอกว่าเค้าจะรับ Electrical Technician ถึง 4 คน ถ้าน้องโชคดีน้องก็ได้งานนี้ไป ซึ่งผลเค้าก็บอกไม่ได้ว่าจะออกเมื่อไร แต่ไม่เกิน 3 วันแน่นอน !!! วันเดียวกันนั้นตอนเย็นผมก็ได้รับโทรศัพท์จาก HR ของ HALLIBURTON เค้าบอกว่าผมผ่าน !!! เย่ เย่ ดีใจมากครับตอนนั้น ! ก็คุยกันเรื่องตำแหน่ง ซึ่งเค้าบอกว่าผมได้ตำแหน่ง Downhloe Mechanical Technician - Enntry Level เป็นพนักงานประจำอ่ะครับ เลยอยากจะขอคำแนะนำเบื้องต้นในนการทำงานสาย Oil& Gas อ่ะครับ อยากให้พี่แนะนำอ่ะครับ ^^ ในถานะที่พี่เคยประสบมาก่อน ^^ ปล.ขอบคุณพี่นกมากนะครับสำหรับ คำพูด คำแนะนำต่าง แล้วก็สุดท้ายที่ลืมไม่ได้คือบล๊อกของพี่ ถ้าไม่มีบล๊อกของพี่ ผมคงไม่ได้งานนี้ ขอบคุณครับ (-/l-) ดีใจกับคุณด้วยครับ ผมไม่ได้ช่วยอะไรมากเท่าไร ถามมาก็ตอบๆไปเท่าที่พอรู้มา แต่ถ้าจะขอบคุณกัน ขอเปลี่ยนเป็นว่าเมื่อคุณมีโอกาสให้คุณเอื้อเฟื้อต่อให้กับคนที่เขาขาดอะไรบางอย่างที่คุณพอให้ได้ ก็ให้ไปช่วยไป โดยไม่ต้องคิดว่าจะได้อะไรตอบแทนก็แล้วกัน งานตำแหน่งนี้ที่คุณได้นั้นไม่ใช่งานสนาม เป็นงานใน workshop ที่จะซ่อมเครื่องมือ เครื่องไม้ที่เจ๊งกะโบ๊งมาจากงานสนาม ผมขอเน้นว่า ถึงไม่ใช่งานสนาม แต่ระบบการฝึกอบรมของที่นั้นดีมาก เครื่องไม้เครื่องมือทางอิเลคฯไฮเทคสุดๆเป็นแนวหน้าของวงการ คุณจะได้รู้หลักการทำงานของเครื่องมือสำรวจปิโตรฯเกือบทุกชนิดในโลกที่นั่น ความก้าวหน้าดีมากในสายงานช่างเทคนิค ถ้าคุณยังอยากทำงานสนามอยู่ก็ลองเลียบๆเคียงๆถามคนในและส่ง CV ไปบ.Serviceอื่นๆเป็นระยะๆ อย่างน้อยก็ได้ ดีกรี Electrical Technician ของที่นี่การันตีความสามารถ เป็นสะพานได้ระดับหนึ่ง ผมแนะนำให้คุณหมั่นหาความรู้เปิดหูเปิดตาให้มากๆ คนที่มาดูแลเรา (coach, mentor, lead eng, trainer - ไม่รู้ว่าที่นั่นเรียกอะไร) อาจจะไม่ดี ขี้เกียจสอน ดุด่า ดูถูก หมั่นไส้ ฯลฯ ก็ขอให้ก้มหน้าก้มตาทน และเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด ครูพักลักจำ อ่อนน้อมถ่อมตน ก็ยังเป็นคาถาที่ใช้ได้ดีเสมอกับงานแบบไทยๆ โดยเฉพาะที่นั่น มีแต่คนเก่งๆ อีโก้สูงกันทั้งช่างทั้งวิศวกร ที่ขาดไม่ได้คือ อย่าดูแคลนงานบางอย่างที่เราคิดว่าไม่เกี่ยวกับเรา ให้ทำเกินไว้ก่อน ไม่ได้กับเราวันนี้ก็ได้วันหน้า คนอื่นๆเห็นเสมอว่าเราทำเกินหน้าที่เสมอๆ อย่างน้อยเวลาเขาสำรวจความเห็นเลื่อนขั้นเลื่อนเงินเดือนก็เป็นผลดีกับเรา แน่นอนคนกวนตีนมันก็ต้องมี ขอให้ทน ผูกมิตรให้ได้มากที่สุด โดนด่าก็เงยหน้าสู้ ไม่ผิดจริงก็ยิ้มไว้ ผิดจริงก็ขอโทษ แล้วบอกว่าผมจะแก้ไข อย่าแถ ... คงไม่มีอะไรแล้วล่ะครับ ที่เหลือ คุณก็ต้องยืนบนขาตัวเองแล้วครับ ... โชคดีนะครับ ... พี่นก --------------------------------------ตำแหน่ง horizons drilling engineer ของ CV สัมภาษณ์ไปราวๆ 2 เดือนก่อน ผมขอเล่าประสบการณ์ที่ผมไปสัมภาษณ์ตำแหน่ง drilling engineer ของ Chevron. เพื่อที่จะเป็นการตอบแทนเพราะผมก็ได้ความรู้จากเว๊ปนี้ไปเยอะเหมือนกันครับ ก่อนอื่นผมได้ไปสัมภาษณ์ทั้งตำแหน่ง FE และ DE ของ chevron แต่ที่ผมได้คือตำแหน่ง horizons drilling engineer ซึ่งผมจะแชร์ประสบการณ์ที่ผมได้สัมภาษณ์มาทั้งสองรอบ โดยหลักๆผมสามารถสรุปได้ว่าเค้าต้องการคนที่มี logic ค่อนข้างสูงและเน้นไปทางด้าน soft skills งั้นเริ่มเลยนะคับรอบแรก เริ่มโดยการแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษ พูดไปได้ซักพัก เค้าก็ถามว่า ทำไรบ้างที่เป้นกิจกรรมของสังคม มีเพื่อนเยอะไหม ทำกิจกรรมไรมาบ้าง รู้ไหมว่างานนี้เป็นไง ทำไรรู้หรือป่าว แล้วคุณเคยเจอปัญหาไรไหมเวลาทำงานมา หลังจากนั้นเค้าก็ถามว่าทำงานลุยๆได้ไหม เคยเจอเจ้านายอารมณ์ฉุนเฉียวไหมแก้ปัญหาไง หลังจากนั้นก็ถามว่ามีไรถามไหม อยากรู้ไร ใช้เวลาประมาณ 30 - 40 นาที ซึ่งผมคิดว่าเร็วมากและเค้าก็ดูไม่ค่อยสนใจในตัวผมเท่าไร และก็บอกว่ามีคนสมัครเยอะมากคือเค้าจะเลือก 1 ต่อ 20 ประมาณนั้นที่จะเข้ารอบต่อไป จนซักประมาณสองเดือนให้หลังเค้าก็โทรมาแจ้งว่าผมสามารถเข้าไปในรอบสองซึ่งรอบนี้ครึ่งๆ คือ เข้ามารอบสอง หกคน เอา สามคน เริ่มที่รอบสองเลยแล้วกันรอบสอง เริ่มด้วยแนะนำภาษาอังกฤษ เหมือนเดิมแต่ครั้งนี้จะนานกว่าครั้งแรก ทำไรมาบ้าง แล้วเค้าก็จะถามคำถามจาก resume ของคุณที่เขียนไปว่ารู้จริงป่าว ทำได้จริงป่าว ถามว่าเคยทำไรที่ประสบความสำเร็จมาบ้าง อธิบาย หลังจากนั้นก็ถามว่าเคยทำกะคนหลากหลายประเภทไหม ทำไง งานไร เจอปัญหาไรบ้าง แก้ยังไง เจอเจ้านาย โหดไหม หยาบคายไหม แล้วก็ให้เรายกตัวอย่างพร้อมทั้ง เล่าประสบการณ์ที่เคยเจอมา คุณมีความคิดไงในอีกห้าปีข้างหน้าคุณอยากจะเป็นแบบไหน สิบปีข้างหน้าเป็นไง ทำไมถึงอยากทำที่บริษัทนี้ มีดีอย่างไร ทำไมผมต้องรับคุณเข้าทำงาน ทำงานในสภาวะกดดันได้ไหม ยกตัวอย่างพร้อมอธิบายเหตุผล การแก้ปัญหา หลักๆที่ผมจำได้ก็มีเท่านี้ ซึ่งจะเน้นไปทางด้าน systematical thinking and logical thinking มาก อาจจะเเทรกด้วย เทคนิคนิดหน่อย แต่ไม่มากคับ หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ไม่น้อยที่ผมได้แชร์ประสบการณ์การสัมภาษณ์ที่บริษัทนี้ เพื่อให้น้องๆเตรียมตัวที่จะเข้ามาสัมภาษณ์ในครั้งต่อไป (comment ของผม - คำถามทั้งหมดนี่เป็นคำถามมาตราฐานเลยนะครับ โดนถามแน่ๆครับ ท่องคำตอบไปได้เลย ภาษาคนรุ่นผม เรียกว่ากึ๋นเข้าไปเลย คือ ท่องจำให้เข้าไปถึงกึ๋น แปลว่าต่อให้หลับก็ฝันถึง ละเมอออกมาก็ไม่พลาด ประมาณนั้น และขอบคุณครับที่นำมาแบ่งปัน แล้วเราๆท่านๆที่กำลังอ่านอยู่นี่ล่ะครับ ถึงคราวเราเมื่อไร อย่าลืมนะครับ บล๊อกผมมีที่ว่างสำหรับจิตอาสาสาธารณะเสมอครับ "การให้ย่อมเป็นสุขกว่าการรับ")บริษัท BJ cementing (เป็นบ.service ด้านซีเมนต์หลุมที่ใหญ่และเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีแห่งหนึ่งของวงการฯ) คาดว่าสัมภาษณ์ไปไม่ถึงเดือนดี ตำแหน่งผู้ช่วยวิศวกรสนาม การสัมภาษณ์ก็ไม่มีไรมากคับ อ้อคนสัมภาษเป็น manager ฝรั่ง 1. เค้าก็ถามเกี่ยวกับเอกสารที่ส่งไปเป็นมารัยยังงัย 2. สามารถไป offshore ได้มั้ย 3. การทำงานกี่วัน ๆๆ แล้วพักนิดเดียวสามารถทำได้มั้ย ก็ไม่มีไรมากแล้วเค้าก็เปิดโอกาสให้ถาม ไม่ซีเรียส เป็นการสัมภาษที่รีแลค เหมือนเค้าจะลองเชิงภาษาอังกิดอ่ะคับบ.ทรานโอเชียน (Transocean) - เป็นบ.ให้เช่าแท่นแห่งหนึ่งที่ใหญ่มั่นคงและเป็นที่รู้จักในวงการฯครับ คาดว่าสัมภาษณ์ไปไม่ถึงเดือนดี (น้องคนเดียวกับที่ไป BJ ข้างบนนั่นแหละครับ - พี่นก) ส่วนวันก่อนก็ AD (Assistant Driller - พี่นก) ของทรานโซเชียล เวลา 1.30 ชม 1. สอบข้อเขียนก็เป็น แบบคำนวนพื้นฐาน ปริมาตร อิเล็กฯ 2. ภาษาอังกิด อ่านเรื่องตอบ ,แล้วก็วิชาช่าง ยนต์บ้าง เกี่ยวกับเครื่องมือบ้าง มีเซนเซอร์ เยอะอยู่ จำไม่หมดพี่นก - ขอบคุณน้องคนนี้ และ ทุกๆคนที่ผ่านมามากๆครับ จำมาไม่หมดไม่เป็นไรครับ นิดหน่อยๆติดปลายนวมมาคนล่ะข้อสองข้อก็ดีมากแล้วสำหรับเพื่อนๆที่รออ่านอยู่ เพราะว่าไอ้ข้อสองจข้อที่คุณจำมานั้นอาจจะเป็นข้อสองข้อที่พลิกชะตาชีวิตของใครหลายๆคนได้เลยนะครับ ... ถึงคุณอาจจะไม่รู้ แต่บุญกุศลมันไม่ใช่ไปรษณีย์ที่ต้องการบ้านเลขที่นำส่ง มันตามไปคืนความดีความสุขให้คุณแน่นอนครับ ด้วยรักและศรัทธาในใจที่แบ่งปันของทุกๆคนนะครับ .... -------------------------------------Workforce Training Program (รุ่น Sch10) โครงการที่สนับสนุนโดยขาโจ๋ใหญ่ CV PTTEP และ HESS ของบ้านเรา ตามลิงค์นี้ครับ //www.chevronthailand.com/news/2011/3.asp แต่คุ้นๆว่าของปีนี้หมดเขตไปแล้ว ยังไงก็เก็บไว้เป็นข้อมูลก็แล้วกันครับ- ข้อเขียน 1. วิชาช่างกับภาษาอังกฤษ 1.1 วิชาช่างก็จะเป็นพื้นฐานของช่างอุตสาหกรรมทุกช่างครับ ตั้งแต่ คำนวณพื้นฐานของทุกสาขา การเขียนแบบอ่านแบบ ความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมน้ำมัน ตรรกกะพื้นฐาน อื่นๆๆ แต่มักจะทำไม่ทันกัน เพราะมีตั้ง 150 ข้อ ให้เวลาแค่ 1 ชั่วโมง 1.2 ภาษาอังกฤษ นี่ จะเป็นแนวโทอิคในส่วนของ Part Reading มี 100 ข้อ ใช้เวลา 1 ชั่วโมงเหมือนกัน แบ่งเป็น แกรมม่า ครึ่งนึง อ่านบทความ,จดหมาย,อีเมล,ป้ายโฆษณา แล้วตอบคำถามประมาณ 2 ถึง 3 ข้อ อีกครึ่งนึง- การสัมภาษณ์ อันนี้ในส่วนของ Scholaship จะมีคนสัมภาษณ์ ประมาณ สิบกว่าคน แบ่งเป็นคนของ Chevron,PTTEP,Hess รวมๆกันไป เริ่มแรกจะให้เราแนะนำตัวเองภาษาอังกฤษให้แนะนำตัวประมาณว่า ชื่ออะไร ,จบที่ไหน,มีประสบการณ์ หรือ ทำงานอะไร,รู้จักบริษัทที่ให้ทุนมั้ย,บริษัทที่ให้ทุนทำอะไร,ทุนที่เราได้รับนี่ไปทำอะไร ทำนองนี้ โดยเค้าจะมี ลิสท์ ให้บนกระดาน ว่าควรจะพูดอะไรบ้าง พอพูดจบ ก็จะมีคนถามเราต่อเป็นภาษาอังกฤษ(ตรงนี้อาจจะไม่เหมือนกัน อย่างเช่น พ่อแม่ทำงานอะไร,ทำไมถึงอยากมาทำที่นี่ ประมาณนี้) เค้าก็จะถามต่อไปสักพัก หรือ จนเราไปไม่เป็น ก็จะกลับมาถามเป็นภาษาไทย เกี่ยวกับตัวเรา ว่าทำไรมา มีความรู้กับสิ่งที่ทำมากแค่ไหน ให้เราอธิบาย อย่างผมพึ่งเข้าทำงานที่เก่ามาได้สองเดือน เค้าก็จะถามว่า ตั้งแต่ทำงานมารู้อะไรบ้าง มีหน้าที่อะไร ชอบอะไรมากที่สุดในบริษัท เพราะอะไร ถ้าให้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในบริษัทจะแก้ยังไง ข้อดี ข้อเสียของตัวเอง แล้ว ก็มีถามอย่างอื่นอีกครับ แต่หลักๆจำได้เท่านี้ ไว้เด๋วถ้ามีอะไรจะมาแชร์อีกนะครับ หวังว่าคงเป็นประโยชน์ต่อคนที่สนใจนะครับ ..^ ^พี่นก - ขนาดเจ้าตัวออกตัวว่าเรียบเรียงไม่เก่ง จำไม่ได้ได้นะเนี้ย ฉอดๆเชียว (ขอแซวหน่อย) ... ขอบคุณมากๆครับ ============ ข้างล่างนี่เป็นเรื่องเล่าของเพื่อนเราคนหนึ่งที่มีโอกาสได้ไปเป็นน.ศ.ฝึกงานบนแท่นนอกชายฝั่ง ผมขอเอามาลงไว้ที่นี่เพราะเห็นว่าอยู่ในขั้นตอนกระบวนการสอบสัมภาษณ์ครับ ============= ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณพี่นกก่อนเลยครับ ที่ให้คำแนะนำผมในเรื่องการเตรียมตัวไปฝึกงาน และความรู้ต่างๆมากมายซึ่งได้จาก blog นี้ วันนี้ผมจะขอมาเล่าประสบการณ์ที่ได้ไปฝึกงานที่ offshore มานะครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนพี่น้องทั้งที่ยังศึกษาอยู่ หรือจบการศึกษาไปแล้ว ไม่มากก็น้อย ขณะนี้ผมศึกษาอยู่ในสาขา Instrumentation & Elec กำลังขึ้นปี 4 ได้มีโอกาสเป็นนักศึกษาฝึกงานในแผนก Production trainee ของบริษัทน้ำมันแห่งหนึ่ง และได้มีโอกาสเดินทางไปฝึกงานที่ฐานปฎิบัติการนอกชายฝั่ง เป็นระยะเวลา 1 อาทิตย์วันแรก เมื่อไปถึงต้องเข้าไปหาพี่ที่ดูแล HSEก่อนเลย (safety) เขาก็จะพาเดินดูว่าอะไรอยู่ตรงไหน กินข้าวตรงไหน นอนที่ไหน ข้อห้ามข้อควรระวังต่างๆบนแท่น เวลาเกิดเหตุฉุกเฉินให้ไปที่ไหน ทำตัวยังไง หลังจากนั้นผมก็ไปหาพี่ที่ดูแลเรื่อง production เค้าก็พาไปเดินดูเรียนรู้เกี่ยวกับ Production process การผลิต ตั้งแต่ก้นหลุม ว่ามีอะไรข้างในหลุมบ้าง ขึ้นมาผ่านไอนั่นไปไอนี่ เข้าตรงนี้ ออกตรงนั้น ต้องใส่สารอะไรเพื่อเร่งปฎิกิริยา platform ที่ผมไปไม่ใหญ่มาก เป็นการ control แบบ manual ซะส่วนใหญ่ หมดวันแรกวันที่ 2 ลงรายละเอียดในแต่ละส่วนของ process โดยการเดินถาม พี่ๆ ที่อยู่หน้างานของแต่ละส่วน plan ที่ผมวางไว้คือ ตั้งใจไปศึกษา process และ field instruments ผมก็เลยเจาะจงถามไปทีละส่วนเลย ได้ความรู้เยอะมากครับ ต้องขอบคุณพี่ๆเขาด้วย ที่ช่วยเหลือ ส่วนช่วงบ่าย ผมก็ตามถามพวกพี่ๆ ที่ดูแลเฉพาะในส่วนของ generator,pump นู้นนี่ ยันพี่ขับเครน หมดวันที่สอง***จะขอแนะนำหน่อยครับ ส่วนมากเวลาไปฝึกงานกัน จะรอให้เขาสั่งงานทำนู้นทำนี่ ถ้าเขาไม่สั่งก็นั่งเฉยๆ เวลาผ่านไป ฝึกงาน 2เดือน ได้แค่เงินค่าขนมกลับมาบ้าน ความรู้แทบไม่ได้ ผมอยากแชร์ประสบการณ์ว่า บริษัทหรือโรงงานที่เราไปฝึก หน้าที่ของเขาก็คือทำงาน ไม่ได้มีใครจะมาคอยสอนนู้นสอนนี่เราตลอด เราต้องกระสันจะหาความรู้เอง ดังนั้น ด้านได้อายอด อายครูบ่รู้วิชา นะจ๊ะ*** วันที่สาม บนแท่น เนื่องจากมีเวลาจำกัดผมก็ได้กินข้าวเช้าล่ำลาฝากเนื้อฝากตัวพี่ๆเขา แล้ว plan ต่อไปคือไปดูการแยกน้ำมันกับน้ำออกจากกันที่ tanker(เรือเก็บน้ำมัน)คือที่แท่นผลิตจะ ได้มาเป็น น้ำกับน้ำมัน ส่งไปที่ tanker เผื่อที่จะแยกเก็บไว้แต่น้ำมัน และน้ำถูกส่งกลับไปที่แท่นเพื่อ ปั๊มลงหลุม (Gas ถูก flareทิ้งไปบนแท่น) ขึ้นไปบนเรือทุกนายบนเรือเป็นชาวฟิลิปปินผู้น่ารักทุกคน ^^ ดูแลต้อนรับอย่างดี คุยกันรู้เรื่อง เนื่องจากภาษาผมก็ปวกเปียก ก็เลยเหมือน งูเจอปลา คุยกันรู้เรื่อง 555 พาเดินดูทุกอย่าง ทั้งบนเรือล่างเรือ ทุกซอกทุกมุม แต่เสียอย่างเดียว เรื่อง safety และรักความสกปรก ห้องน้ำนี่สุดๆ ใส่รองเท้าแตะทำงาน สูบบุหรี่ในห้อง control room สุดยอด !! 555 จบจาก tanker ช่วงเย็น นั่งเรือย้ายไปนอนที่ rig vicksburg ไปถึงก็แนะนำตัวนู้นนี่ จะมีพี่มารับไปดู vdo safety อาหารการกินบนนี้ สบาย อ้วนฉุเลยผม นอนห้องนึง 2 คน พี่ room mate ทำ night ตอนกลางวันเข้าห้องก็ต้องเงียบๆ ค่อยๆย่อง เกรงใจเขา ไปดู tanker เหนื่อยๆ วันนี้ก็เลยจบแค่นี้ พักผ่อน จบวันที่สามวันที่ 4 ตื่นแต่เช้า พี่ที่เป็น room mate เขาเลิกงานพอดี ก็เลย พาเดินดูคร่าวๆว่าตรงนั้นทำอะไร ตรงนี้ทำอะไร แล้วเขาก็ไปนอน ถึงตาเราแล้วที่ต้องเดินหาความรู้ ก็เลยเดินถามไปทีละจุด แล้วพอดีมี activity ให้ดูก็เลยโชคดี ไปดูเขา ขุดๆเจาะๆกัน ไอผมก็ไม่ได้เรียนมาทางนี้ ก็เลยได้แต่จ้องๆ ไม่ค่อยรู้เรื่อง T^T แต่พี่ๆเขาก็คอยอธิบายตลอด ขอบคุณมากครับ เหนื่อยๆเลยวันนี้ จบวันที่สี่วันที่ 5 วันสุดท้าย ล่ำลาพี่ๆบน rig แล้วย้ายร่างกายไปที่แท่นผลิตอีกที่ ไปถึงก็เดิมๆ safety(สำคัญมาก เขาจึงเน้นเป็นพิเศษ) แล้วเขาก็ปล่อยให้เดินดู process เดินจนทั่วก็เข้าไปห้อง control room โชคดีของผม แท่นผลิตนี้ใช้ระบบ dcs ควบคุม (เพิ่งเรียนเทอมที่ผ่านมา ร้อนวิชา) ก็เลยนั่งขลุกอยู่ในห้องจนเย็น (ห้องแอร์ เย็นฉ่ำเลยไม่อยากออกข้างนอก 5555) ล่ำราพี่ๆกลับขึ้นฝั่งโดยสวัสดิภาพ จบแล้วครับ น่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย สำหรับเพื่อนพี่น้องที่สนใจที่จะทำงานด้านนี้ ถ้าชอบอยากจะมาทำก็จัดเลยครับ ทุกๆอย่างไม่มีอะไรอยากเกินความสามารถเรา อยู่ที่เรากล้าที่จะเริ่มต้นไขว้คว้ามันรึเปล่า ตัวผมเองก็เรียนกะท่อนกะแท่น ภาษาก็งูๆปลาๆ อาศัยดิ้นๆแถๆไป หนักเอาเบาสู้ อะไรที่ผ่านมาแล้ว เรากลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่เราต้องพัฒนาตนเองได้เรื่อยๆ (จำมาจากใน blog พี่นกนี่แหละครับ โดนใจผมมาก) สู้ๆครับ สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณพี่ๆทุกคนที่ให้ทั้งความรู้และประสบการณ์ที่หาซื้อไม่ได้ซึ่งมีประโยชน์ต่อผมมาก และที่ขาดไม่ได้เลยคือ ต้องขอขอบคุณพี่นกมากๆครับ ที่มี blog ดีๆให้ผมได้ศึกษาหาความรู้ ขอบคุณมากครับ ;D ==============================Group activity ของ Schlumberger สัมภาษณ์เมื่อต้นๆปี 2011 วันแรกที่ไปถึงก็มีให้แนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษค่ะ ประมาณสี่นาทีค่ะ แล้วก็ต่อด้วยการทำ Group Activity ค่ะ ก็ตอนทำกิจกรรมก็ต้องเถียงกันเป็นภาษาอังกิดค่ะ หลังจากนั้นก็จะมีการถามเกี่ยวกับการทำกิจกรรมค่ะ พอหลังจากนั้น ทางคณะกรรมการก็จะประกาศรายชื่อคนที่ผ่านค่ะ พอมาวันที่สอง คนที่เป็น recruitor ก็จะถามคำถามอ่ะค่ะ ก็มีถามทั่วไปอ่ะค่ะ ว่าทำไมอยากทำงานนนี้ งานหนักทำได้ไหม คำถามประมาณนี้อ่ะค่ะ ---------------------------------------บริษัท Schlumberger ตำแหน่ง วิศวกรสนาม สัมภาษณ์ราวๆต้นปี 2011 ทางบริษัทจะโทรมานักให้ไปสัมภาษณ์ค่ะ พร้อมกับส่งอีเมล์มายืนยันว่าไปสัมภาษณ์ที่ไหน ภายในอีเมล์ก็จะระบุกำหนดการ รวมถึงตารางเวลาทำกิจกรรมไว้อย่างละเอียด พร้อมกับระบุสิ่งที่เราต้องเตรียมไปในวันนั้น คือ 1. Resume กับ Transcript 2.เตรียมพูดแนะนำตัว 4 นาที โดยจะต้องมีหัวข้อดังต่อไปนี้ - Strendth and weakness - Why you want to be schlumberger field engineer ในอีเมล์ระบุเวลา 8.00 น. ที่ตึก Rasa ชั้น 17 ค่ะ หลังจากไปถึงเค้าก็จะให้ลงชื่อ หลังจากนั้นก็จะมีการ present เกี่ยวกับข้อมูลบริษัทให้ฟังก่อนเล็กน้อย และก็ต่อด้วยขั้นตอนการแนะนำตัวของผู้สมัครแต่ละคน คนที่ไปสัมภาษณ์รอบนี้มีทั้งหมด 19 คนค่ะ ส่วนใหญ่จบจาก คณะวิศวกรรมศาสตร์หมดเลยค่ะ มีหนูเป็นวิทยาศาสตร์คนเดียวเลยค่ะ (แอบเกร็งๆ นิดๆค่ะ แต่ก็สู้ไม่ถอยค่ะ ) หลังจากแนะนำตัวเสร็จ เค้าก็จะแบ่งกลุ่มค่ะ ให้ทำกิจกรรม โดนมีกติกาที่ว่าคะณะทำกิจกรรม ห้ามพูดภาษาไทยแม้แต่คำเดียวเลยค่ะ (ต้องเถียงกันเป็นภาษาอังกฤษหมดเลยค่ะ ก็สนุกดีนะค่ะ) เพราะว่าขณะที่ทำกิจกรรมก็จะมีคณะกรรมการเดินดูให้คะแนนตลอดเวลาเลยค่ะ โจทย์สำหรับการทำกิจกรรมคือ ให้ต่อเรือค่ะ โดยมีอุปกรณ์ดังต่อไปนี้ 1. กระดาษ A4 5 แผ่น 2. Cardboard 1 แผ่น ขนาดประมาณ 13x 15 cm. 3. chopstick 2 คู่ 4. กรรไกร 2 อัน 5. ลูกกอล์ฟ 4 ลูก 6. เทปใส 2 ม้วน 7. เชือก 1 ม้วน ขั้นตอนแรก จะให้เวลาในการวาดรูปออกแบบเรือประมาณ 15 นาที่ หลังจากนั้นให้เวลา 20 นาทีในการสร้างเรือ โดยมีกติกาก็คือ เรือต้องสามารถรับน้ำหนักลูกกอล์ฟทั้งสี่ลูกได้โดยที่เรือต้องลอยอยู่ได้เกิน 1 นาที อ้ออีกอย่างนึงคือ ภายในโจทย์จะระบุ บุคคลมาทั้งหมดสิบสายอาชีพ และเราต้องเป็นคนเลือกว่าเราจะเลือกใครขึ้นไปบนเรือเรา พร้อมกับต้องอธิบายด้วยว่าทำไม เกณฑ์การให้คะแนน ก็คือ ถ้ายิ่งใช้อุปกรณ์ในการสร้างเรือน้อยเท่าไหร่ก็จะได้คะแนนเพิ่มมากขึ้น และถ้าเรือที่สร้างสามารถรับน้ำหนักลุกกอล์ฟ ได้เพิ่มอีกก็จะได้รับคะแนนเพิ่มค่ะ หลังจากทำกิจกรรมกลุ่มเสร็จ แต่ละกลุ่มก็จะโดนคำถามเชิงกดดันเล็กน้อยว่า 1. คุณคิดว่าจะเลือกใครเป็นผู้นำของกลุ่ม 2. แล้วถ้าจะให้เลือกการทำงานครั้งหน้า คุณจะเลือกร่วมงานกับใครทำไม 3. ใครเป็นคนออกแบบเรือ 4. ทำไมถึงคิดออกมาเป็นรูปร่างนี้ 5. แต่ละคนภายในกลุ่มใครทำอะไรบ้าง 6. แล้วก็ให้เหตุผลว่าสี่คนที่คุณเลือกขึ้นเรือไปด้วยนั้นมีเหตุผลอ่ะไร 7. แล้วถ้าจะให้โหวตใครออกคุณจะเลือกใคร ก็เป็นคำถามประมาณนี้อ่ะค่ะ หลังจากนั้น ทางคณะกรรมการก็จะประกาศรายชื่อคนที่เข้ารอบต่อไปค่ะ พอมาถึงรอบต่อไปก็จะเป็นการสัมภาษณ์รายบุคคลค่ะ โดยคำถามส่วนใหญ่ก็จะเน้นเกี่ยวกับตัวบุคคลค่ะ 1. ว่าคุณคิดยังไงกับงานนี้ 2. คิดว่าจะทำได้ไหม 3. รู้ไหมว่างานนี้มันหนักนะ ต้องมีทั้งร่างกายและจิดใจที่แข็งแกร่ง 4. ถ้าต้องไปทำงานแล้วไม่ได้กลับมาบ้านเลยคุณจะรู้สึกยังไง 5. จะคิดถึงพ่อแม่ไหมจะคิดถึงเพื่อนไหม 6. พ่อแม่คุณคิดยังไงถ้าคุณต้องไปทำงานไกลบ้านไม่ได้กลับบ้านเป็นเดือนๆ 7. ปกติคุณชอบไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆๆบ่อยไหม 8. ยามว่างคุณทำอะไร 9. งานอดิเรกคืออะไร 10. แล้วตอนเรียนมหาลัยคุณทำกิจกรรมอะไรบ้าง 11. เคยทำงานนักมาบ้างไหม คำถามก็ประมาณนี้อ่ะค่ะ เสร็จแล้วทางคณะกรรมการก็จะส่งเมล์มาหลังจากสัมภาษณ์อาทิตย์นึงอ่ะค่ะ ว่าใครจะได้เข้ารอบต่อไป รอบต่อไป เค้าก็จะส่งให้ไปสัมภาษณ์กับ manager ของแต่ละฝ่ายอ่ะค่ะ (พี่นก - ตอนนี้น้องสาวคนนี้รอสัมภาษณ์กับ manager เข้าใจว่าเร็วๆนี้ ได้ผลยังๆไงคิดว่าเธอคงมาเล่าสู่กันฟังนะครับ) แล้วเพื่อนๆล่ะครับ ถึงคราวที่เราเป็นผู้ให้บ้างหรือยังครับ บล๊อกผมมีที่ว่างให้เสมอครับ ==========================บริษัท Pan Orient Energy สัมภาษณ์งานในตำแหน่ง Senior Asset HSE Coordinator การสัมภาษณ์ก็มีทั้งภาษาอังกฤษ(ช่วงแรก)และภาษาไทย(ช่วงหลัง)คำถามก็มีประมาณว่า 1. เล่าประสบการณ์การทำงานทั้งสองที่ว่าเป็นยังไงทั้งที่ xxx และ xxx เราผ่านอะไรมาบ้าง 2. ระบบการจัดการของทั้งสองที่เป็นยังไง แตกต่างกันตรงไหนบ้าง แล้วเราชอบแบบไหน 3. ที่ทำงานเคยมีลูกน้องที่เราต้องดูแลไหม ถ้ามีแล้วเรามอบหมายงานยังไง ตามงานยังไง สอนงานยังไง 4. การควบคุมผู้รับเหมาทำยังไง เคยเจอปัญหาอะไรบ้าง 5. อธิบาย Project ที่ตัวเองเคยทำทั้งที่ทำงานและสมัยเรียน 6. ถามความคิดเห็นว่าสามารถทำงานเป็นกะได้ไหม? เช่น ทำ 2 อาทิตย์ หยุด 1 อาทิตย์ที่วิเชียรบุรี (ตอนนี้เค้าจะอธิบาย Asset ว่ามีที่ไหนบ้าง) 7. มีแฟนหรือยัง? 8. เล่าประวัติครอบครัว พี่น้องกี่คน พ่อแม่ทำงานอะไร 9. ถามเรื่องเรียน ป.โท ว่าทำไมถึงเรียน Logistics Management เพราะมันคนละสายกับ ป.ตรี ที่เรียนมาทางด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย 10. ทางพี่ Pan Orient ก็อธิบายว่าตำแหน่งนี้เป็น Senior แต่เค้าก็ไม่ปิดกั้นคนที่อายุ ถ้าเห็นว่าเราเรียนจบมาด้านนี้ แล้วมีประสบการณ์ด้านนี้ และคิดว่าสามารถพัฒนาได้ ก็อยากจะเรียนมาพูดคุยดูก่อน อ่านต่อตอนที่ 4 ที่นี่ครับ => คำถามจริงในการสอบสัมภาษณ์ภาคที่สี่ เนื้อหาเกี่ยวเนื่อง คลิ๊กเลยครับ งานวิศวกรสนาม (field engineer) ... เขาสัมภาษณ์อะไรกันนักกันหนา - ตอบอย่างไรให้โดนใจ ผลการสำรวจเงินเดือนวิศวกรประจำปี 2552 มนุษย์เงินเดือน - ทำไมเงินเดือนของแต่ล่ะตำแหน่งแต่ล่ะงานในบ.ไม่เท่ากัน CV กับ จดหมายสมัครงาน : เขียนกันยังไงให้เป็นสับปะรด สาวไหนอยากส่งพ่อเจ้าประคุณออกมาทำงานที่นี่ โปรดตรวจสอบคุณสมบัติพ่อตัวดีตามนี้ก่อนนะครับ ข้อดีของการทำงานแบบเป็นกะนอกชายฝั่งทะเล เอ้า ! ... แฟนใครทำงานแบบนี้รีบมาอ่านนะ
Create Date : 05 มีนาคม 2554
Last Update : 12 เมษายน 2556 15:35:25 น.
30 comments
Counter : 7101 Pageviews.
โดย: แป้ง IP: 124.121.231.86 วันที่: 5 มีนาคม 2554 เวลา:16:20:02 น.
โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 5 มีนาคม 2554 เวลา:17:44:47 น.
โดย: ทศพร IP: 58.9.14.204 วันที่: 9 มีนาคม 2554 เวลา:17:51:52 น.
โดย: expert IP: 58.9.180.209 วันที่: 16 มีนาคม 2554 เวลา:23:56:43 น.
โดย: expert IP: 58.9.180.209 วันที่: 16 มีนาคม 2554 เวลา:23:58:03 น.
โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 17 มีนาคม 2554 เวลา:15:41:41 น.
โดย: Eng IP: 202.44.37.11 วันที่: 17 มีนาคม 2554 เวลา:16:37:56 น.
โดย: kinobuli วันที่: 18 มีนาคม 2554 เวลา:21:04:20 น.
โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 18 มีนาคม 2554 เวลา:22:03:41 น.
โดย: เด็กโข่ง IP: 125.27.85.14 วันที่: 30 มีนาคม 2554 เวลา:23:51:59 น.
โดย: TOM IP: 223.207.112.135 วันที่: 5 เมษายน 2554 เวลา:2:06:03 น.
โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 6 เมษายน 2554 เวลา:22:01:35 น.
โดย: Warapol H. IP: 203.146.16.141 วันที่: 11 เมษายน 2554 เวลา:9:09:19 น.
โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 12 เมษายน 2554 เวลา:20:46:54 น.
โดย: dddddddddd IP: 118.175.15.178 วันที่: 28 เมษายน 2554 เวลา:18:34:08 น.
โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 30 เมษายน 2554 เวลา:13:48:04 น.
โดย: Trainee in SKL(fly to BKK tonight) IP: 34.252.139.210 วันที่: 30 เมษายน 2554 เวลา:14:01:04 น.
โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 30 เมษายน 2554 เวลา:15:46:58 น.
โดย: dddddddddd IP: 118.175.15.178 วันที่: 2 พฤษภาคม 2554 เวลา:16:24:55 น.
โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 2 พฤษภาคม 2554 เวลา:20:20:25 น.
โดย: Edward IP: 146.23.250.105 วันที่: 5 พฤษภาคม 2554 เวลา:11:02:47 น.
โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 5 พฤษภาคม 2554 เวลา:15:46:54 น.
โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 3 ตุลาคม 2554 เวลา:11:08:32 น.
โดย: kanthaphon IP: 202.153.80.214 วันที่: 29 ตุลาคม 2555 เวลา:0:51:19 น.
โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 29 ตุลาคม 2555 เวลา:9:12:02 น.
โดย: อภสิทธฺิ์ IP: 49.230.183.77 วันที่: 20 พฤษภาคม 2558 เวลา:9:44:18 น.
โดย: Nong fern daddy (Nong Fern Daddy ) วันที่: 20 พฤษภาคม 2558 เวลา:10:41:35 น.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 782 คน [? ]
... Blog นี้ ... แด่ ... แม่น้องเฟิร์นและน้องภัทร เธอ ..ผู้เปลี่ยนห้องที่มืดมิดให้สว่างไสวได้ด้วยรอยยิ้มเธอ ..ผู้อยู่เบื้องหลังความเข้มแข็งและความสำเร็จทั้งมวล ... และ ...เธอ ... ผู้เป็น "บ้าน" เพียงแห่งเดียวของผม ---------------------------------------------
หรือเพียง "ฝัน" ที่หาญท้าชะตาฟ้า ?
หรือจะเพียง "ศรัทธา" (ที่)ไร้ความหมาย ?
แม้จะเป็นแค่เพียง "ฝัน" จนวันตาย
แต่ผู้ชายคนนี้จะอยู่ข้างเธอ ... ตลอดไป ...
แด่ ... ลูกที่กล้าฝันของพ่อ
ยิ่งกว่าสอบเอนต์อีก -*-"
แต่ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ ที่ผ่านมาได้ เย้ ๆ