หนัง เพลงที่ฟัง หนังสือที่อ่าน และการเมืองด้วยครับ
Group Blog
 
All Blogs
 
Local Hero - วีรบุรุษแห่งหมู่บ้าน

ผมเชื่อเสมอว่าโลกนี้ไม่มีอะไร ขาดล้วน ดำล้วน - เมื่อวานเมื่อผมได้พูดคุย (และด่า)กับเพื่อนเรื่องบริษัทน้ำมันแห่งหนึ่งที่จะขยายตัวไปขุดกลางทะเล ตอนขับรถกลับบ้าน ผมนึกถึงหนังเรื่องหนึ่งขึ้นมา

Local Hero เป็นหนังเล็กๆเรื่องหนึ่งที่ผมชอบมาก หนังมีเรื่องย่อว่า บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่คือ Knox Oil and Gas ได้พบว่าพื้นที่ชายฝั่งทะเลแห่งหนึ่งในประเทศสกีอตแลนน์มีน้ำมันอยู่ จึงได้ส่งตัวแทนบริษัทสองคนเพื่อไปเจรจาซื้อที่กับชาวบ้าน



ซึ่งถ้าฟังเพียงแค่นี้ก็อาจคิดต่อไปถึงหนังเรื่องการต่อต้านของชาวบ้านหรือการบังคับข่มขู่ของผู้ร่ำรวย กระทั่งการรุกรานธรรมชาติ- แต่หนังเรื่องนี้กลับมีมุมมองที่แตกต่างออกไป

หนังมองโลกตามความเป็นจริง เมื่อมีคนมาเสนอด้วยเงินแพงๆชาวบ้านทุกคนจึงตาลุกและพร้อมจะขายกันอย่างเต็มใจ (แต่ทำเป็นเล่นตัวกันตามคำสั่งผู้นำหมู่บ้าน / หวังโก่งราคา) และเจ้าหน้าที่จากเคน๊อซก็คือคนธรรมดาๆที่มาทำหน้าที่ตามหน้าที่ อย่างไรก็ตามหนังก็วิจารณ์การรุกคืบของระบบทุนนิยมและวิถีชาวบ้านอย่างคมคาย

นาย แม็ค แม๊คอินไทร์ - Mac MacIntyre (Peter Riegert) ผู้รับหน้าที่เดินทางไปสก๊อต (ด้วยเหตุผลของเจ้านายที่ว่าชื่อเขามีคำว่าแม๊ค คงจะมีเชื้อสายสกีอตปะปนบ้าง) และ แดนนี่ โอลล์เซ่น (Peter Capaldi) เจ้าหน้าประสานงานที่อังกฤษ เดินทางไปที่นั้นและพวกเขาก็พบกับวิถีชาวบ้านที่เรียบง่าย ซื่อๆและมีน้ำใจ (ทันทีที่เขาเปรยว่าอยากได้เหรียญ 10 เซ็นหยอดตู้โทรศัพท์ ทุกคนในบาร์ต่างพากันควักให้จนเกินพอ)

กระแสรักษ์โลก - โลกร้อน ในทุกวันนี้ดูเหมือนบริษัทน้ำมันใหญ่ๆต่างกลายเป็นผู้ร้ายไปตามๆกัน - แต่ประธานบริษัทน้ำมันแห่งนี้ เฟลิกซ์ ฮูเปอร์Felix Happer ( เล่นโดยดารารุ่นเก๋า Burt Lancaster) กลับเป็นคนที่แปลกๆ เขาหลับในที่ประชุมบ่อยๆ และเมื่อรู้ว่าบริษัทจะส่งคนไปซื้อที่ดินในแถบชายฝั่งสก๊อตเขาก็เรียก แม๊ค เขาไปหาและขอร้องให้แม๊คมองไปบนฟ้ายามค่ำคืนเพื่อค้นหากลุ่มดาวบางอย่างที่เขาเฝ้าศึกษามานาน "ดูไปบนท้องฟ้า และหมั่นโทรหาฉัน" เขาขอร้องแม๊ค

ผมเองเอียงๆซ้ายแต่ก็เชื่อว่าเราไม่ควรตัดสินใครจากสภาพที่เขาสังกัด ในบรรดานายทุนทั้งหลายก็ยังมีคนดีๆและอยากช่วยสังคมอยู่ไม่น้อย

หนังมีหลายๆฉากที่ผมประทับใจ โรงแรมเล็กๆเงียบสงบที่แทบไม่มีใครมาพัก / การเลี้ยงประจำปีที่ลุงขี้เมาแกขึ้นไปร้องเพลงเสียงเพี้ยนๆ / ชาวบ้านแอบย่องๆไปประชุมกันที่โบส์ถเพื่อไม่ให้แม๊ครู้ / แม๊คกับโอลล์เซ่นช่วยกันดูแลกระต่ายที่เขาทำขาหัก / เด็กวัยรุ่นที่เดินตามแม๊คเป็นพรวน / ชาวบ้านขอลายเซ็นไว้เป็นที่ระลึกเพราะไม่เคยเห็นคนอเมริกัน / เอาเข้าไปนานๆ ทั้งแม๊คและโอลล์เซ่นต่างก็ชักชอบชีวิตแบบนี้ไม่น้อย โอลล์เซ่นเองก็ไปปิ๊งมาร์ริน่าสาวนักสำรวจที่ไม่ต็มใจมาเตรียมพื้นที่สร้างฐานน้ำมันคนหนึ่งอีกต่างหาก

เวลาผ่านไปจนชาวบ้านทั้งหมดได้ข้อสรุปที่พอใจและต้องการจะขาย แม๊คเองก็เริ่มสับสนตนเองว่าที่ทำๆอยู่นี่จะดีจริงเหรอเปล่า - แต่ทุกอย่างก็เดินหน้าไปไม่ได้เพราะเฒ่าเบน เจ้าของกระท่อมริมชายหาดแกไม่ยอมขาย จนแม๊คต้องไปเจรจาด้วยตนเองที่บ้าน ( ซึ่งไม่มีประตู เข้าออกทางหน้าต่าง!!! ) ของลุงแก - "เราจะไปเจรจายังไงกับคนที่บ้านก็ไม่มีประตูละนี่"แม๊คบ่นอย่างอ่อนใจ

หนังบอกตรงๆว่าระบบทุนนิยมทำให้ชาวบ้านทั้งๆที่วีถีเดิมๆมันสวยงาม เรียบง่าย และเปี่ยมน้ำใจอยู่แล้ว มีความทะเยอทะยานอยากไปในที่อื่นๆที่เจริญกว่าหรืออยากได้เงินทองมาใช้ในสินค้าที่โฆษณาต่างๆ แต่หนังหยุดให้เราคิดแค่นั้น ถ้าใครอยู่ในเมืองใหญ่แล้วเจอวิถีแบบนั้น ก็คงปลงๆว่าไม่น่าขายที่ ขายชุมชน - แต่อย่าลืมว่าคนที่ไม่เคยมีเงิน เขาก็ย่อมอยากได้เงินมาใช้จ่ายในสิ่งที่เขาไม่เคยได้รับ

คิดดู - วิถีชนบทที่เปลี่ยนไปก็เพราะโดนเอาเงินมาทุ่ม แต่พวกเขา(ส่วนใหญ่)ก็เต็มใจรับใช่หรือไม่? เพราะอะไร ?

หนังใช้สัญลักษณ์อีกอย่างคือทุกๆระยะ จะมีเสียงบิดรถมอร์เตอร์ไซด์ดังลั่นท่ามกลางหมู่บ้านที่เงียบสงบ "เจ้าหนูนั่นไปซื้อรถมาก็ซิ่งใหญ่"ชาวบ้านคนหนึ่งบ่น - เป็นเชิงบอกว่าหมู่บ้านกำลังถูกรุกรานจากสิ่งแปลกปลอมไปทุกวัน (และเริ่มจากคนในไปเอามาด้วย)

Local Hero ตามชื่อหนังคงจะเป็นเฒ่าเบน เขาไม่ใช่วีรบุรุษนักต่อสู้แบบถือโทรโข่งด่าพวกนายทุน /จัดตั้งคนไปเดินประท้วง /ไปถือป้ายยืนด่าตามที่ต่างๆ - เฒ่าเบนแค่นั่งจิบชาอยู่หน้าบ้านและบอกว่าไม่ขาย - กระทั้งแม๊คเอารูปชายหาดสวยๆทั่วโลก (อย่างฮาวาย) ไปให้เลือกบอกว่าอยากได้ที่ไหนก็บอกจะซื้อให้และแถมเงินให้อีก 750000 ปอนน์ แกกลับตอบง่ายๆว่า - "หาดทรายที่ผมนั่งอยู่ทุกวันนี้ มันก็สวยงามมากพออยู่แล้ว โดยเฉพาะยามค่ำคืน" ทำให้แม๊คได้คิดอะไรขึ้นมา

ใช่ๆแล้ว ทุกๆคืนแม๊คจะมองบนท้องฟ้าและเขาจะเห็นประกายอะไรบางอย่าง มันสวยงามขึ้นทุกคืนและเขาก็รายงานฮูเปอร์มาโดยตลอด

ผมรักทุกอย่างในหนังเรื่องนี้ดูเป็นสิบๆรอบแล้ว ภาพ / การแสดง / บทสนทนา / ความหมาย / และที่ชอบที่สุดคือดนตรีประกอบ ที่ทั้งหมดประพันธ์โดย มาร์ค นอฟเลอร์ Mark Knopfler แห่งวงร๊อค Dire Straits ที่แต่งเพลงประกอบได้ความหมายสุดๆ โดยเฉพาะธีมที่ใช้เครื่องสายแบบไอริช และบทสรุปของหนังเรื่องนี้ในเพลงบรรเลงชื่อ Going Home

ฟิลลิกซ์ ฮูเปอร์เดินทางมาถึงหมู่บ้านเล็กๆนี้หลังจากแม๊ครายงานถึงประกายและกลุ่มดาวที่เขาเห็น ฮูเปอร์กับเฒ่าเบนนั่งคุยกันที่ในบ้านเฒ่าเบนทั้งวัน - ก่อนที่หนังจะจบลงจากการตัดสินใจที่ดีที่สุดเท่าที่คนๆหนึ่งจะใช้อำนาจเงินเขาตัดสินใจอะไรบางอย่างได้

หนังปิดฉากพร้อมกับเพลงนี้ที่เอามาฝาก เพลง Going Home เป็นเพลงที่ผมชอบมากที่สุดเพลงหนึ่ง หนังใช้ชื่อเพลงในหลายความหมาย ตอนต้นเรื่อง ฮูเปอร์ (ซึ่งเข้าใจว่าแม๊คเป็นสก๊อต) บอกแม๊คว่า "น่าดีใจนะ ที่ได้กลับบ้าน" เขาทำสีหน้าแปลกๆ(เพราะไม่ใช่บ้านเขา) - ท้ายเรื่องเมื่อชาวบ้านมารุมส่งแม๊คมีคนหนึ่งบอกว่า"จะกลับบ้านแล้วหรือ" แม๊คก็ทำสีหน้าแบบเดียวกัน - จนเมื่อเขากลับมาถึงคอนโดหรูหราเพลงนี้ก็ดังขึ้น ในขณะที่แม๊คยืนมองออกไปหน้าต่างอย่างเหม่อๆ

ผมก็พอเข้าใจเลยล่ะว่า"บ้าน"ในใจของแม๊คจริงๆในตอนหนังจบ มันควรจะเป็นที่ไหน............

Get this widget | Track details | eSnips Social DNA



Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2551 23:21:48 น. 11 comments
Counter : 1192 Pageviews.

 
โหน่าดูจัง เรียบง่าย ลึกซึ๊ง อีกเช่นเคย
หนังสื่อได้ตรง กะความเป็นจริง



โดย: Bernadette วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:12:22:22 น.  

 
เอียงซ้ายเอียงขวาไม่สำคัญฮ่ะ ขอให้ประเทศเคลื่อนไปตามคนอื่นๆได้ก็เยี่ยมแล้วครับ

เรื่องนี้ผมซื้อมาดูนานแล้ว จำเนื้อเรื่องแทบไม่ได้แล้วฮ่ะ ว่าแต่คุณโคซี่สบายดีไหม


โดย: BloodyMonday วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:45:48 น.  

 
ไม่ได้เข้ามาอ่านเสียนาน เลยเข้ามาอ่านย้อนหลังเสียหลายเรื่อง เดี๋ยวอ่านเสร็จแล้วจะมาเมนท์นะคะ


โดย: Michiru วันที่: 1 มีนาคม 2551 เวลา:10:58:09 น.  

 
ลึกซึ้งแหะหนังเรื่องนี้

ตอบคำถามกระทู้พาเที่ยวคราวนู้น`-->ดาเรียนอยู่อินเดียค่ะ เลยมีโอกาสมากกว่าคนอื่นหน่อย เพราะไม่ต้องเสียค่าตั๋วเครื่องบิน แถมด้วยความคุ้นเคยกับอินเดียอีก เลยผจญภัยไปได้หลายที่คับ


โดย: veeda วันที่: 1 มีนาคม 2551 เวลา:18:24:04 น.  

 
น่าดูอ่ะ เดี่ยวไปหามาดูบ้างดีกว่า


โดย: จุงเคม (Jamekung ) วันที่: 2 มีนาคม 2551 เวลา:2:09:15 น.  

 
มันเป็นเรื่องยากไม่มีใครถูกไม่มีใครผิด อ่า

กะความต้องการทรัพยากรเพื่อสนองความต้องการของมวลมนุษย์

แฮะ ตอนนี้ชอบสโลกแกน ทีวีของโซนี

Live color create

เกี่ยวกานอะปะเนี๊ยะ


โดย: Bernadette วันที่: 2 มีนาคม 2551 เวลา:8:56:10 น.  

 
ว่าจาเขียนเรื่อง ปัญญาจารย์ กะขออนุญาติ Mr.cozy ล่วงหน้า เอาบทความ เพลงของ turn turn ไปปะอะค่ะ


โดย: Bernadette วันที่: 3 มีนาคม 2551 เวลา:7:11:15 น.  

 
โอ้โห งั้นต้องรีบหามาดูแล้วล่ะค่ะ อยากรู้จัง ว่า ....

"บ้าน"ในใจของแม๊คจริงๆในตอนหนังจบ มันควรจะเป็นที่ไหน............

ช่วงหลังๆนี่ไม่ค่อยมีเวลาดูหนังแล้วค่ะ แม้กระทั่งหนังแผ่น เอาเวลาไปเลี้ยงหญิงปุ๋ย หมดวันเลยค่ะ


โดย: Shallow Grave วันที่: 5 มีนาคม 2551 เวลา:17:02:11 น.  

 
งะ ไหงฮิลลารี่ นำแล้วอะ

โอบามา มีสิทธิได้เป็งรองประธานาธิบดีอะปะงะ

เห็นนิมิตใหม่การเมืองไทย

ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้านร่วมมือกัน ขอคำแนะนำกัน
ดีกว่าหลายๆๆประเทศเลยอะ



โดย: Bernadette วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:18:48:21 น.  

 
Mr. Cozy ไปไหนเอ่ย กลับมาบล็อคแก๊งค์บ้านเราดีกว่า น่ะน่ะ


โดย: BloodyMonday วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:17:38:19 น.  

 
หวัดดีเพื่อนๆทุกคน

ไม่ได้ไปไหนครับ ช่วงนี้ยุ่งนิดๆ

เดี๋ยวอัฟล่ะ แหะๆๆๆ


โดย: mr.cozy วันที่: 8 มีนาคม 2551 เวลา:14:50:51 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

mr.cozy
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Is everybody in? Is everybody in?
The ceremony is about to begin
Friends' blogs
[Add mr.cozy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.