หนัง เพลงที่ฟัง หนังสือที่อ่าน และการเมืองด้วยครับ
Group Blog
 
All Blogs
 
Gandhi my father - พ่อข้าชื่อว่า คานธี

ที่เวียดนามผมได้หนังมาเรื่องหนึ่ง เพิ่งดูจบจึงอยากเล่าให้เพื่อนๆฟังกัน เรียกว่าหนังเรื่องแรกของปีนี้ก็ว่าได้ที่ผมดูและรู้สึกชอบมากๆ - เป็นหนังอินเดียนะครับ

ผมเชื่อว่าทุกๆคนคงรู้จักท่านมหาตมะคานธี



ท่านเป็นผู้มีชื่อเสียงในเรื่องการต่อสู้เพื่ออิสรภาพแห่งชาวอินเดีย ผู้นำแนวทางอหิงสามาใช้เพื่อต่อต้านอำนาจรัฐป่าเถื่อน และผู้ที่เป็นแบบอย่างใช้วิธีอารยะขัดขืนในการท้วงกฎหมายที่ไม่ยุติธรรม ตลอดจนเป็นผู้นำจิตวิญญาณของคนในศาสนาฮินดู

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องส่วนตัวของท่านบางเรื่อง เป็นเรื่องที่ถูกเลี่ยงจะพูดถึงมากตลอด

ใบปิดของหนังเรื่องนี้ จัดแสงสวยมาก แสดงให้เห็นความครุมเครือของสัมพันธภาพระหว่างพ่อกับลูก

น้อยคนนักที่รู้ว่าลูกชายคนโตของท่านคานธี เป็นคนติดคุกในคดีฉ้อโกง / เป็นโรคติดสุราเรื้อรัง / เคยเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม / ชีวิตครอบครัวล้มเหลว / และเสียชีวิตในสภาพขอทาน

Gandhi my father - เป็นภาพยนตร์ที่ฮือฮาตั้งแต่มีข่าวจะสร้าง หนังถูกต่อต้านอย่างหนักจากบรรดาผู้นับถือท่านคานธี มีการข่มขู่ และใช้หลายวิธีเพื่อให้การสร้างมีปัญหา แต่หนังได้รับทุนจากต่างประเทศจึงผ่านไปได้ และเมื่อทำเสร็จก็ได้รับคำชมเชยอย่างเยี่ยมในทุกๆด้าน และที่สำคัญบรรดารุ่นหลานๆของท่านคานธีก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในด้านข้อมูลจนได้หนังอินเดียชั้นดีอีกเรื่องออกมาสู่สายตาผู้ชม

หนังตั้งคำถามว่า ถ้าในเรื่องของครอบครัวท่านคานธีใช้การอหิงสาที่ถูกต้องหรือไม่กับลูกชายของเขา

ที่ประเทศอาฟริกาใต้ คานธีกับภรรยาเริ่มต้นการต่อต้านจักรวรรดิ์อังกฤษที่นั้น แค่เปิดตัวก็เริ่มเห็นความขัดแย้ง เมื่อคานธีไม่เห็นด้วยที่ลูกชายของเขา Harilal Gandhi ฮาริอัล คานธี ต้องการจะแต่งงานกับหญิงที่รัก คานธีไม่เห็นด้วยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ยอม แต่ก็ขอร้องแกมบังคับให้ฮาริมาร่วมต่อสู้ที่อาฟริกาใต้



ฮาริอัลแสดงโดยนาย อัสยี กานนา ซึ่งเล่นได้ดีมาก เขาแสดงให้เห็นพัฒนการด้านลบของตัวฮาริอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ฮาริรักและกลัวพ่อของเขาในระดับสูงจนไม่กล้าเอ่ยปากอะไร ไม่กล้าพาภรรยามา ไม่กล้าคัดค้านคำสั่ง ถึงเวลาที่มีกองทุนส่งคนไปเรียนที่อังกฤษเขาก็ไม่ได้ไป คานธีส่งลูกผู้น้องเขาไปแทนเพราะเกรงคำครหาและพอเด็กเรียนไม่ไหวก็ส่งลุกของเจ้าหน้าที่อีกคนไปแทนโดยข้ามฮาริไปตลอด

สุดท้ายฮาริเป็นฝ่ายที่ขอหนีจากพ่อเขาไปเอง เขาตัดสินใจกลับไปอินเดีย และก็ชื่อคานธีทำให้เขาเข้าประเทศอินเดียไม่ได้ โดนส่งกลับเพราะพ่อคือนักเคลื่อนไหวการเมืองที่ทางการอังกฤษกำลังจับตา จนต้องทำให้ทางการเชื่อว่าเขาจะกลับมาเรียนหนังสือและทำงาน

ในขณะที่ผู้เป็นพ่อยิ่งใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ คนอินเดียยึดเอาท่านเป็นแกนหลักในทุกๆเรื่อง ฮาริกลับเข้าไม่ถึงพ่อ เขาเหมือนถูกมัดไว้ด้วยอะไรบางอย่าง เขาไม่อาจเอาเงินของตระกูลมาลงทุนใดใด (เพราะคานธีเกรงจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนจึงเอาเงินเข้ากองทุนอาศรมหมด) เรียนหนังสือก็ลุ่มๆดอนๆ จนต้องออกมาหางานทำเลี้ยงครอบครัว

ลูกชายของพ่อที่ยิ่งใหญ่มักจะถูกจับตาจากประชาชนเสมอ

มีอยู่คืนหนึ่งที่ฮาริอัลเสียใจที่มีคนนินทาเขาเรื่องความไม่เอาไหน เขากดดันจนเดินออกไปตะโกนบนถนนว่า"ทุกวันนี้ผมเหมือนมีชื่อคานธีติดอยู่บนหัวผม พวกคุณคิดว่าเขาคือพ่อของพวกคุณ แต่สำหรับผม เขาคือพ่อที่ผมไม่เคยหวังว่าจะมี" - นับจากจุดนั้น ฮาริก็เดินไปในทิศทางตรงกันข้ามกับพ่อเขาไปเรื่อยๆ

หนังให้ความยุติธรรมทั้งสองฝ่าย คานธีไม่ใช่ไม่รักลูก ท่านมีความเมตตาปราณีให้แก่ฮาริอัลเยี่ยงบิดาคนหนึ่งพึงจะมีต่อบุตร อย่างไรก็ตามท่านจัดการระบบครอบครัวโดยมุ่งเป้าหมายไปที่การต่อสู้เพื่อชาติ สิ่งที่ท่านหยิบยื่นให้ฮาริได้ก็คือชักชวนให้เขามาร่วมต่อสู้กับท่าน เข้ามาอยู่ด้วยกันในอาศรม ซึ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ ฮาริไม่ใช่คนไม่ดี เขาก็แค่อยากจะก่อร่างสร้างตัวเหมือนคนทั่วไปและอยากได้การสนับสนุนจากบิดาบ้าง แต่นั้นก็เป็นเรื่องที่ถูกปฎิเสธ

ความล้มเหลวของฮาริอัลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เขากู้เงินมาค้าขายก็เจ๊งจนลูกเมียต้องหนีจาก กลายเป็นคนติดเหล้า ชุมชนมุสลิมทนดูไม่ได้จึงล้างหนี้ให้และขอให้เข้าอิสลาม จนแล้วจนรอดฮาริยังไม่เลิกดื่มจนภรรยาต้องตรอมใจตาย แม่ของเขาเข้ามาช่วยดูแลลูกๆของเขาและพาเขาเข้าอาศรม ฮาริอัลอยู่ช่วยบิดาไม่นานก็ถุกพวกนักธุรกิจโสมมหลอกให้นำชื่อของเขาไปอ้างโกงระดมเงินชาวบ้าน จนต้องถุกฟ้องร้อง ในขณะที่คานธีก็ออกแถลงการณ์ให้จัดการกับฮาริอัลตามกฎหมาย

เขาต้องติดคุกระยะเวลาหนึ่งและเลิกพูดกับบิดานับแต่วันนั้นเป็นต้นมา

หนังกำกับโดย Feroz Abbas Khan ซึ่งก็เก่งมาก ภาพสวย ดนตรีประกอบยอด ไม่มีฉากวิ่ง /ร้องเพลงอะไรทั้งนั้น ตลอดเรื่องมีการแทรกภาพแบบข่าวยุคเก่ามาเป็นระยะๆให้สมจริง แต่ข้อเสียถ้าจะมีคือ ผมรู้สึกว่าเขาข้ามหรือละเรื่องวีรกรรมของท่านคานธีไว้ในเงื่อนไขที่ว่า"ใครๆก็คงรู้"มากไปนิด ชนิดที่ถ้าใครไม่รู้หรือรู้ประวัติท่านคานธีแต่น้อยก้อแทบจะไม่เข้าใจบางบริบทของภาพยนตร์ (แต่ขนาดนี้หนังก็ปาเข้าไป 2 ชม.กว่าๆ) จะให้ดีควรหาหนังเรื่อง Gandhi ของเซอร์ ริชาร์ด แอนเตอร์โบเรอะห์ มาดูอีกรอบประกอบกันไป

แต่ภาคการแสดงยอดเยี่ยม นอกจากนาย อัสยี กานนา ที่เล่นเป็นฮาริอัลแล้ว นาย Darshan Jariwala ก็เล่นเป็นท่านคานธีได้อย่างสมจริง (ดีกว่า เบน คิงส์ลี่ย์ เสียอีก) แต่ที่ผมชอบที่สุดคือนาง Shefali Shah เล่นเป็นนางคานธีได้อย่างน่าเห็นใจที่สุด ในบทภรรยาที่ทนเพื่ออุดมการณ์ของสามีจนต้องละเลยความต้องการของลูก แม้เธอจะพยายามขอร้องคานธีเพียงใดแต่ก็ได้แค่อนุญาติให้เอาเข้ามาเลี้ยงในอาศรมเท่านั้น




ทั้งแววตาและการแสดงของเธอประทับใจผมมาก "as a mother I cannot disown you nor can I call you my own" เธอพูดอย่างเสียใจปนน้อยใจในชะตากรรมของลูกชาย ที่เธอก็ทำอะไรแทบไม่ได้เลย



ภาพสุดท้ายของครอบครัว ฮาริอัลเอาผลไม้วิ่งมาให้แม่ของเขาท่านกลางฝูงชนตะโกนแซ่ซ้องผู้พ่อ"ผมเอามาให้แม่เท่านั้น" เขาพูดโดยไม่มองไปที่ท่านคานธีเลยแม้แต่นิดเดียว

บทหนังแสดงความสะเทือนใจกึ่งๆเสียดสี 2 ครั้งในตัวฮาริอัลเอง หนังเปิดเรื่องด้วยฮาริอัลในสภาพขอทานและติดเหล้ารุนแรงถูกนำเข้าโรงพยาบาล เจ้าหน้าถามว่าพ่อคุณชื่ออะไร เขาตอบว่า"คานธี" คำพูดที่กลับมาคือ "ผมรู้ว่าคานธีคือพ่อที่ยิ่งใหญ่ เขาคือบิดาแห่งประชาชาติ (Father of the nation) แต่พ่อจริงๆของคุณน่ะ ชื่ออะไร"

อีกครั้งคือคราวที่ท่านคานธีถูกยิงเสียชีวิต ในบาร์ที่ทุกคนต่างร่ำให้เสียใจ ฮาริอัลเดินโซเซน้ำตาคอลไปจ่ายเงิน เจ้าของร้านกลับบอก"ผมไม่เอาเงินคุณหรอก กลับไปเถอะ คุณรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อของผม(คานธี) เพิ่งจะสิ้นไป ตอนนี้ผมเป็นลูกกำพร้าแล้ว" เขาพูดต่อหน้าฮาริอัล อย่างไม่รู้ว่านี่คือลูกชายแท้ๆของผู้ที่เพิ่งจากไป

แหงล่ะ - ใครจะเชื่อว่าขอทานขี้เมาข้างถนนจะเป็นลุกของผุ้นำระดับตำนานอย่างท่านคานธี และหนังสรุปค่อนข้างชัดเจน การเสียสละตนเองของท่านคานธีเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่จนกระทั่งยอมแม้เกิดปัญหาในครอบครัว

ผมเองมีความเห็นว่าเรื่องนี้จะดูไว้เป็นคติก็ได้ และมันจะด้วยเหตุผลคล้ายๆกันหรือไม่ แต่ลูกของผู้ที่ยิ่งใหญ่ใครๆก็นับถือ ไม่น้อยที่มีปัญหาอย่างนี้ การละเลยดูแล / การตั้งความหวังไว้สูงของผู้ที่จับจ้องมอง / พ่อยิ่งใหญ่เกินไปจนลูกกดดัน / คนรอบข้างที่คอยหาผลประโยชน์ / เขาไม่รักดีเอง ฯลฯ ที่เราอาจจะไม่รู้และยากจะตัดสิน แต่สิ่งหนึ่งคือ ความยิ่งใหญ่และความรักนับถือของประชาชน มันไม่มีทางผ่านมาได้ทางกรรมพันธ์ ตัวอย่างคือฮาริอัลที่คนจะบูชาท่านคานธีอย่างไร ก็ไม่มีใครนับถือในตัวเขาแม้แต่น้อย ทุกวันนี้พูดถึงก็ยังไม่ยอมให้พูด แม้หนังจะทำให้เราเห็นใจเขาไม่น้อยก็ตาม



อยากได้การยอมรับและนับถือจากชาวบ้านมันไม่มีทางลัด ยิ่งตัวทำแย่ทุกอย่างยิ่งเลวร้าย ฮาริอัลพยายามหาทางนั้นแต่ก็หลงทางไปเรื่อยๆ

ฮาริอัล คานธี เสียชีวิตหลังจากท่าน มหาตมะคานธี สิ้นบุญเพียง 5 เดือน ในโรงพยาบาลของคนอนาถา พบอยู่ในสภาพขอทานและเป็นโรคติดสุราเรื้อรัง.......



Create Date : 18 มกราคม 2551
Last Update : 18 มกราคม 2551 11:22:46 น. 9 comments
Counter : 2203 Pageviews.

 
ขอบพระคุณก๊าบบบ ดูหนังเรื่องนี้ปี่แตกแน่

มันเป็นเรื่องที่ยากน๊ะ

ที่พ่อเป็นนักต่อสู้ และคนดัง

แต่ละฝ่าย รอบๆๆตัวกะหาผลประโยชน์กะรอบๆๆตัวของคนดัง

การเป็นลูกคนดัง มันกะเหมือนมีภาระอยู่ข้างหน้าแว๊วว เป็นเป้าแว๊ววว


และการดำเนินชีวิตของลูกคนดัง มานกะมีสื่อตามปะกบ ตลอดอ่า


อันนี้แนวคิดเกี่ยวกานม๊ะเนี๊ยะ เง๊อะ


เราไม่รู้น๊ะ มันเป็นสูตรสำเร็จ ของ วิถีชีวิตเอเซียอะ
เรากะ กำลังหาสมการแก้สูตรนี้เหมือนกัน

วิถีเอเซียน๊ะ

พ่อแม่สร้าง เติบโต


รุ่นลูก สะบายแหละ ได้รับการศึกษาดี มันกะเป็นปมของพ่อแม่ที่สร้าง ลูกต้องสะบายเพราะชั้นลำบากมาก่อน ประคองตัว หรือไม่เอา ขายกิจการ


รุ่นหลาน แทบไม่เอาแล้ว สะบายจากรุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายาย


ขณะที่แนวคิด ยุโรป เมกา

พ่อแม่สร้าง ไหง มันเติบโต เติบโต

ลูกหลานจะเอาไม่เอากะช่าง มานกะเติบโต เติบโต


เมืองไทย เรากะเห็นหลายๆๆครอบครัว ได้วิถี ยุโรป เมกา กะเกิด เหมือนกานนน แต่มะมากอ่า


โดย: Bernadette วันที่: 18 มกราคม 2551 เวลา:14:29:42 น.  

 
เห็นด้วยกะข้างบนละกัน ฮ่าๆๆ

หนังอินเดียไม่ได้ดูตั้งแต่...The Namesake (นับเป็นหนังอินเดียไหมเนี่ย)

"An eye for an eye make the whole world go blind"
- Gandhi



โดย: BloodyMonday วันที่: 18 มกราคม 2551 เวลา:20:13:01 น.  

 
สงสารฮาริอัลจังเลยค่ะ การมีพ่อที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะต้องถูกจับตาตลอด ถ้าทำอะไรไม่ดีนี่แย่เลยนะคะ น่าเสียดาย หากเขาทำตัวดีกว่านี้ เขาอาจไม่ต้องมีจุดจบที่น่าอนาถเช่นนี้ก็ได้


โดย: แพร (bookofpear ) วันที่: 18 มกราคม 2551 เวลา:20:49:03 น.  

 
รบกวนต่อเรื่องเหมาด้วยค่ะ

เพราะเราเสพหนังด้านเดียวอะ

ขอบพระคุณล่วงหน้าก๊าบบบ


โดย: Bernadette วันที่: 19 มกราคม 2551 เวลา:15:17:49 น.  

 
ชีวิตอินเดียจริงๆ คับ พ่อแม่ยิ่งใหญ่ ลูกๆ ก็ถูกตั้งความคาดหวังไว้เยอะ กลายเป็นกรอบที่ไปขังชีวิตพวกเค้า บางคนดีก็ดีไป แต่บางคนแหกคอกก็มี


โดย: veeda วันที่: 20 มกราคม 2551 เวลา:19:54:42 น.  

 
Gattaca (1997): เราอัพแหละ ขอบพระคุณม๊ากกกค่ะ
หนังในดวงใจเราเลยอะ หนังดีเจงเจง


โดย: Bernadette วันที่: 22 มกราคม 2551 เวลา:12:53:50 น.  

 
มะไหร่อัพบล๊อคฮิ๊วววววววววววววววว


โดย: Bernadette วันที่: 22 มกราคม 2551 เวลา:16:43:28 น.  

 
หนังของ วู๊ดดี อาแลน ที่Mr.cozy ส่งให้ดู 2 เรื่องแล้ว

วู๊ดดี้ อาแล้น เป็ฯอะไรที่แปลก เนื้อเรื่องแรกๆๆธรรมดาม๊ากก

แต่

จุดสนใจของหนัง อยู่ดีๆๆโผล่ขึ้นมาอย่างนึกไม่ถึง คาดไม่ถึง สิ่งที่เป็นไปไม่ได้

และกะกลับ สู่ชีวิตปรกติ เหมือน คืนสู่สามัญอะ


ขอบพระคุณม๊ากๆๆเลย ที่ให้เสพหนังของ วู๊ดดี้อาแลน
ดาราที่เล่นส่วนม๊ากกกะดาราดังๆๆๆทั้งน้าน

เหมือนกะ ยังไงขอให้ได้เล่นหนังของ วู๊ดดี้อาแลนอะ

เพราะบทนักแสดงนี้ โห ดูธรรมดา แต่ ยากน๊ะในด้านอารมณ์ แม้กระทั้ง ภาษา เมกัน เล่นเป็นคนอังกฤษ สำเนียงภาษา บทภาษากะเป็งอังกฤษอ่า

พอเราเสพหนังของวู๊ดดี้ อาแลน เรากะว่าแล้ว ทำไมเค้ามีแฟนๆๆหนังของเค้าเยอะ และชื่นชมในตัวเค้าอะ



โดย: Bernadette วันที่: 23 มกราคม 2551 เวลา:10:59:51 น.  

 
หวัดดีเพื่อนๆทุกคน

แบร์ จะอัฟบล๊อควันนี้ล่ะจ้า

คุณ veeda หวัดดี

บลัดดี้ หายไข้ละยัง

แพร สบายดีนะฮะ

เดี๋ยวตามไปเยี่ยมทุกคนเรยยยย


โดย: mr.cozy วันที่: 23 มกราคม 2551 เวลา:14:24:38 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

mr.cozy
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Is everybody in? Is everybody in?
The ceremony is about to begin
Friends' blogs
[Add mr.cozy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.