|
เวียดนาม.....ตามใจผม
มีเพื่อนบล๊อคหลายคนทราบแล้วว่าผมไปเที่ยวเวียดนามมา และถามหารูปภาพกันใหญ่
อาทิตย์ที่แล้ว ผมได้เดินทางไปเวียดนาม ดินแดนที่ผมอยากไปเยือนมาตลอดชีวิต

ภาพแรกจากสายตาผมบนเครื่องครับ ประเทศที่ผมสนใจนับแต่ได้ดูหนังและฟังเพลงเกี่ยวกับสงครามของดินแดนนี้ เริ่มจาก Good morning Vietnam ไปจนถึง Havean and Erath เริ่มจากบทเพลงอย่าง have you vere seen the rain จนถึง Civil War
ผมเดินทางถึงกรุงฮานอยประเทศเวียดนามเวียดนามบ่ายแก่ๆ ยังไม่ทันจะได้ดูอะไรในเมืองหลวงนัก ก็ต้องเดินทางไปเมืองฮาลอง พวกเราจะค้างแรมที่นั้นหนึ่งคืน เพื่อยามเช้าจะได้ล่องเรือดูอ่าวที่ชื่อแปลว่ามังกร และปัจจุบันถูกนับถือว่าเป็นมรดกโลกนี้ให้ทั่วถึง
การเดินทางไปสู่เมืองฮาลอง ต้องนั่งรถไปกัน ระยะทาง 170 กม. ผมประมาณการว่าอย่างช้าราว 3 ชม.ก็น่าจะถึง แต่พอผู้นำทางท้องถิ่นบอกว่าราวๆ 4 ชม. ผมก็สงสัยยิ่งนัก
"ถนนมันไม่ดีหรือครับ" ผมถาม - "เปล่าครับ ลาดยางตลอด" ลุงธงชัย (ชื่อไทยไกด์ท่องถิ่น อดีตทหารเวียดนามเหนือ อายุ 50 เศษๆ ใจดีมาก) ตอบนิ่มๆ
"งั้นทางก็คงคดเคี้ยว เลี้ยวลด" เพื่อนอีกคนเสนอความความเห็น "เปล่าครับ ทางก็ตรงดี" แกกระชุ่นตอบ
"ประเทศนี้ จำกัดความเร็วใช่ไหม" เจ้าอีกคนเสนอความคิดอย่างที่คิดว่าฉลาดที่สุดแล้ว "เปล่าครับ ขับได้เร็วตามสบาย ไม่ห้าม" ซุปเปอร์ไกด์ของผมยังตอบอย่างสุขุม
"รู้แล้ว เขาปิดเวลาเข้า / ออกเมือง!!!" - ความเห็นนี้สุดท้ายนี่น่านับถือกันจริงๆ - แต่คุณลุงแกยังรักษามารยาทไม่หัวเราะออกมา แต่คงปลงในความคิดของหนุ่มไทยกลุ่มนี้ไม่น้อย "ไม่ใช่ครับ พวกคุณนั่งๆกันไปก็รู้เอง" แกรีบตัดบทก่อนจะเจอความเห็นประหลาดๆโผล่ออกมาอีก
พอรถเดินทางจริงๆผมก็รับทราบว่ามิน่าถึงไม่อาจทำเวลาได้ - ก็บรรดารถราในเวียดนามนี่ ขับกันได้อย่างถึงใจพระเดชพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ โดยเฉพาะพวกรถจักรยาน และจักรยานยนต์ - พี่ท่านทั้งหลายขี่กันปาดกันอย่างธรรมดามาก วูบไปวาบมา เดี๋ยวก็กินเลน / ขับจี้ / ปาดหลัง/ แซงข้าง ชนิดว่าถ้าคุณอยากเห็นการขับรถแบบวัดใจในรูปแบบใดใดก็ตาม ผมก็ขอให้มาดูที่ท้องถนนในเวียดนามนี่ก็แล้วกันเถิด รับรองจะได้เห็นอย่างแน่นอน - รถยนต์จึงไม่อาจขับได้เร็วเกิน 60 กม. / ชม ไปได้เลย
ผมเองก็มีแต่ความนับถือจิตใจของชาวเวียดนามในวัฒนธรรมการขับรถเยี่ยงนี้ เพราะมันกลายเป็นข้อตกลงกันเองไปโดยปริยายว่า รถยนต์ใหญ่ๆน่ะ ต้องขับให้ช้าๆเข้าไว้ ไม่เช่นนั้นถ้าเกิดอุบัติเหตุก็จะเจ็บตัวกันขนาดหนัก และพวกเขาก็มีขันติธรรมกันสูง ใครจะปาด จะเบียดกัน ผมก็ไม่เห็นการตะโกนด่าทอใดใดทั้งสิ้น พอได้ยินเสียงแตรขอทางก็ดูจะหลบให้กันแต่โดยดี พวกรถยนต์ก็ขับอย่างช้าแม้จะไม่สุภาพเท่าไร
ลุงธงชัยแกบอกว่าในเวียดนามนี่ ถ้าให้เลือกเอารถไม่มีแตรกับไม่มีเบรก พวกเขายินดีจะเอาคันที่ไม่มีเบรกมากกว่า ผมเองงี้เชื่อสนิท เพราะตลอดเวลาผมได้ยินแต่เสียงแตรขอทาง และก็ไม่เห็นใครเหยียบเบรกอย่างจริงๆจังๆ เลยทีเดียว

มาถึงเวียดนามเอาก็เกือบสองทุ่ม หาอะไรใส่ท้องแล้วก็เข้าโรงแรม พวกผมพักที่ Halong Dream อยู่ริมอ่าวพอดี ผมพักชั้นที่ 15 มองออกไปเห็นอ่าวยามค่ำ แต่ยังหัวค่ำอยู่มากจึงเดินชมเมืองกันใหญ่ เริ่มจากตลาดกลางคืนก่อนแล้วเดินเข้าเมืองไปเรื่อยๆ
ฮาลองเดิมเป็นอ่าวติดภูเขา ไม่มีพื้นที่ราบเลย เมื่อก่อนใครจะมาเที่ยวก็เดินขึ้นเนินไปพักบ้านแถวริมเขา ที่ราบข้างอ่าวปัจจุบันนี้เป็นการถมทะเลออกไปทั้งสิ้น จึงได้ที่พอจะทำถนนกว้างๆและปลูกโรงแรมดีๆ ผมเองรู้เข้าก็เสียดายที่มาช้าไป พักที่กระท่อมริมเขาน่าจะสนุกกว่าโรงแรมใหญ่ๆแน่ๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เสียแล้ว

โรงแรมที่ดูแปลกตาอีกแบบคือโรงแรมแบบห้องแถว ผมนับได้ 7 โรงแรมเรียงกันครับ 1 ห้องแถว หนึ่งโรงแรม ดูก็น่าสบายดีอยู่ สนนราคาก็ไม่แพงแค่ประมาณ 12- 15 ดอลล่าร์เท่านั้น ผมเองก็ตั้งใจว่าคราวหน้าถ้ามาเองลำพัง คงจะมาพักที่แบบนี้แหละ ทางเดินตามบ้านที่เป็นใหล่เขา เรียงรายกันไปอย่างเมืองเก่าเท่านั้นที่จะมีได้ ผมเดินเล่นไต่ขึ้นไปถึงยอดก้อมีแต่ความเงียบสงบ บ้านเรียงรายไปจนถึงยอดเขาเลยทีเดียว
ตลอดตามรายทางผมจะเห็นแผงขายอาหารแบบนี้เรียงรายทั่วไปหมด คงคล้ายๆกับแผงโต้รุ่งบ้านเรา ชั่วแต่ว่าของเขาน่ะ นั่งเก้าอี้เป็นตั่งเล็กๆแทนโต๊ะ เก้าอี้สูงๆอย่างบ้านเรา - เกือบทุกแผงจะเป็นอาหารประเภทต้มซุป มีเนื้อต่างๆ เครื่องใน และผักสด วางบนน้ำแข็ง ให้เลือกเอากันตามใจชอบ บางคนก็กินกับข้าวสวยก็มี นั่งดื่มเหล้าเบียร์เอาเป็นกับแกล้มก็มี ดูท่าทางทุกคนก็สุขใจกันดี ผมเห็นก็ชอบใจนัก - เพราะการที่คนเราหากทำงานมาตลอดวัน ช่วงเย็นๆถึงค่ำหากมีที่ให้ได้นั่งพักผ่อน พูดคุยกับเพื่อนฝูง มีสุราอาหารราคาไม่แพง ได้ดื่มกินคุยเล่นกัน ก็ย่อมเป็นเรื่องที่ควรจะพอใจอยู่มาก ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไรเลย

เช้าอีกวันผมจะได้ไปล่องอ่าวฮาลอง (ภาพจากห้องพักในโรงแรมครับ) แต่เมื่อคืนกว่าจะนอนกันก็ดึกโข เพราะพอกลับโรงแรมมีคนไทยกลุ่มหนึ่ง รอรถจากบ่อนคาสิโนจะมารับไปเล่น หนึ่งในนั้นชวนผมให้ลองไปด้วยกัน ผมกับเพื่อนอีกคนก็เห็นตรงกันว่า ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว ก็ควรเปิดหูเปิดตากันให้มากที่สุด จึงติดรถไปกับเขาด้วย (รายละเอียดไว้จะเล่าให้ฟังคราวหลัง) กว่าจะกลับก็เที่ยงคืนเศษ

ผมอยุ่กลางทางก่อนถึงอาลอง กับสัญญาณจารจรที่ผมก้อไม่เข้าใจความหมาย
Create Date : 20 ธันวาคม 2550 |
Last Update : 20 ธันวาคม 2550 10:57:19 น. |
|
26 comments
|
Counter : 1225 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: Michiru วันที่: 20 ธันวาคม 2550 เวลา:11:21:43 น. |
|
|
|
โดย: Michiru วันที่: 20 ธันวาคม 2550 เวลา:11:29:06 น. |
|
|
|
โดย: แฟนผมตัวดำ วันที่: 20 ธันวาคม 2550 เวลา:12:45:05 น. |
|
|
|
โดย: haro_haro วันที่: 20 ธันวาคม 2550 เวลา:13:07:25 น. |
|
|
|
โดย: Bernadette วันที่: 20 ธันวาคม 2550 เวลา:13:18:40 น. |
|
|
|
โดย: ซอร์บอนน์ (ซอร์บอนน์ ) วันที่: 20 ธันวาคม 2550 เวลา:15:19:53 น. |
|
|
|
โดย: veeda วันที่: 20 ธันวาคม 2550 เวลา:18:17:53 น. |
|
|
|
โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 20 ธันวาคม 2550 เวลา:19:35:45 น. |
|
|
|
โดย: ตงเหลงฉ่า วันที่: 20 ธันวาคม 2550 เวลา:23:07:16 น. |
|
|
|
โดย: Michiru วันที่: 21 ธันวาคม 2550 เวลา:15:14:07 น. |
|
|
|
โดย: mr.cozy วันที่: 21 ธันวาคม 2550 เวลา:22:49:18 น. |
|
|
|
โดย: แพร (bookofpear ) วันที่: 23 ธันวาคม 2550 เวลา:2:55:21 น. |
|
|
|
โดย: Bernadette วันที่: 23 ธันวาคม 2550 เวลา:9:05:08 น. |
|
|
|
โดย: veeda วันที่: 23 ธันวาคม 2550 เวลา:12:51:50 น. |
|
|
|
โดย: แพร (bookofpear ) วันที่: 24 ธันวาคม 2550 เวลา:13:59:11 น. |
|
|
|
โดย: มารีออง วันที่: 25 ธันวาคม 2550 เวลา:0:04:47 น. |
|
|
|
โดย: Bernadette วันที่: 25 ธันวาคม 2550 เวลา:9:43:32 น. |
|
|
|
โดย: haro_haro วันที่: 25 ธันวาคม 2550 เวลา:10:44:47 น. |
|
|
|
โดย: Sary วันที่: 26 ธันวาคม 2550 เวลา:2:17:02 น. |
|
|
|
โดย: Sary วันที่: 26 ธันวาคม 2550 เวลา:2:19:24 น. |
|
|
|
โดย: mr.cozy วันที่: 26 ธันวาคม 2550 เวลา:9:30:23 น. |
|
|
|
โดย: Bernadette วันที่: 26 ธันวาคม 2550 เวลา:9:44:47 น. |
|
|
|
โดย: Bernadette วันที่: 26 ธันวาคม 2550 เวลา:19:25:41 น. |
|
|
|
โดย: coming soon (The Yearling ) วันที่: 27 ธันวาคม 2550 เวลา:9:23:18 น. |
|
|
|
โดย: มารีออง วันที่: 31 ธันวาคม 2550 เวลา:11:11:22 น. |
|
|
|
| |
|
|