|
The God must be carzy - เทวดา ท่าจะบ๊องส์......
สมัยนี้ไม่รู้เหมือนสมัยผมไหมที่วันดีคืนดีโรงเรียนก็จะจัดให้ไปดูหนังกันยกชั้นเรียน
The God must be carzy - เป็นหนังอีกเรื่องที่อยู่ในใจผมเสมอมา จำได้ว่าตอนดูครั้งแรกน่ะเรียนประถมอยู่ ไปกันรอบโรงเรียนจัดให้ ส่วนรอบต่อๆมาก็ขอพ่อเช่าวีดีโอมาให้ดู

เนื้อหาเป็นเรื่องของเผ่าๆหนึ่งในอาฟริกาชื่อเผ่า บุชแมน - Bushmen พวกเขาเป็นเผ่าที่มีชีวิตเรียบง่าย สงบสุข ไม่มีกฎหมาย ไม่ทำโทษเด็ก ไม่สะสม ข้าวปลาอาหารเป็นกองกลาง ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน อยู่อย่างนี้มานานจนวันหนึ่ง ก็มีนักบินที่เพิ่งดื่มโค้กหมดขวดโยนขวดโค้กลงมาตรงกลางหมู่บ้าน - และพวกเขาก็คิดว่าพระเจ้าน่ะ ประทานมาให้
เมื่อแรกพวกเขาก็ตื่นเต้นว่ามันใช้ประโยชน์ให้ความสะดวกได้มากมาย รีดหนังงูก็ได้ ทุบข้าวก็ได้ ใช้ทุบเมล็ดต่างๆก็ได้ เอาไปเล่นเป็นเครื่องดนตรีก็ได้ จึงพากันบูชาเจ้าขวดโค้กนี้ราวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ - จวบจนกระทั้งวันหนึ่ง จากเผ่าที่สงบเรียบร้อยก็เริ่มทะเลาะกันแย่งใช้ เริ่มมีการโกหก เริ่มมีการอยากจะครอบครองไว้เพียงคนเดียว - จนถึงวันนั้น นิเชา ผู้ซึ่งระแวงเจ้าขวดโค้กนี้มาเสมอจึงออกมาโวยวายและตกลงจะเอาไอ้ขวดนี่ไปโยนทิ้งให้สุดขอบโลก
แต่แน่นอนกว่าจะถึงตอนนั้นสังคมก็วุ่นวายไปแยะกันแล้ว
หนังเสียดสีระบบทุนได้ยอดเยี่ยม ขวดโค้กเป็นสัญลักษณ์อย่างดีของ"การรุกราน" ของบรรดาทุนและสินค้าขนาดใหญ่ทั้งหลายต่อสังคมท้องถิ่นทั่วโลกที่ยังบริสุทธิ์อยู่ ส่งสินค้าอำนวยความสะดวกต่างๆมามอมเมาให้พวกเขาหลงใหลในเทคโนโลยี่ จนสภาพสังคมดั้งเดิมบิดเบี้ยว จากสังคมที่เงียบสงบมาเป็นสังคมที่รุนแรง เรื่องที่ไม่เคยเกิดก็เกิดเพราะเจ้าขวดโค้กใบเดียวนี่แหละ
หนังถึงกับให้ตัวละครหัวหน้าเผ่าคร่ำครวญว่า เราอยู่ของเรากันดีๆ สงบสุข ทำไมเทพเจ้าต้องส่งเจ้านี่มาด้วย เอาคืนไปเถิด เราไม่ต้องการ พวกเขาอยู่กันแบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว ส่งลงมาทำไม เทวดานี่ บ๊องส์จริงๆ!!!
ผมยังจำตอนต้นเรื่องได้ดี เปิดตัวด้วยสังคมเมืองใหญ่ที่สับสนวุ่นวายและตัดฉับเข้าสู่สังคมธรรมชาติที่สวยงาม เป็นการให้ภาพเล่าเรื่องได้ดีมากๆ รวมทั้งภาพตอนท้ายที่ นิเชา เอาขวดโค้กไปจนสุดฟ้าก็ติดตาอยู่ไม่ลืม

ดูแล้วก็อดคิดไปไม่ได้ - ทุกวันนี้ว่ากันว่าไม่มีอะไรที่ชาวบ้านต่างจังหวัดจะดีใจกันอย่างยิ่ง นอกจากการที่ห้างฯใหญ่ต่างๆไปเปิดที่ตัวอำเภอ
หนังกำกับและเขียนบทโดย Jamie Uys ตอนมาฉายที่บ้านเราประสบความสำเร็จมาก แถมตัวพระเอกของเรื่องอย่าง นิเชา ก็ดังระเบิด เคยมาเล่นหนังโฆษณาของกระเบื้องยี้ห้อหนึ่งด้วย หนังดีแบบ ชาร์ลี แชปปลิ้น ล่ะครับ ดูเอาสนุกก็ได้ เก็บไปคิดก็ได้อีกเหมือนกัน
ระบบทุนนิยมและการสร้างแบรนสามารถปกครองคนได้อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
ในหนังยังมีทางออกให้แก่สังคมชาวบุชแมน แต่มองไปในสังคมบ้านเราแล้วก็น่าเป็นห่วง ปัญหาข้อขัดแย้งต่างๆ ทั้งเด็กตีกัน วัยรุ่นแต่งตัวประหลาดๆ ผู้ใหญ่แย่งอำนาจ มองไปมองมาก็ไม่ต่างจากพวกชาวป่ากลุ่มนั้นที่กันเพราะแย่งขวดโค้กสักเท่าไร
คิดถึงตอนเด็กๆ ดูแล้วหัวเราะชอบใจ โตมาถึงได้คิดไปได้อีกอย่าง หัวเราะไม่ค่อยออก แต่ก็ยังอมยิ้มคิดถึงวันก่อนที่นั่งดูหนังเรื่องนี้หัวเราะแหย่กับเพื่อนบางคน (ล้อมันว่าหน้าเหมือนพระเอก - ฮิฮิ ) หนังจบก็เดินกินลูกชิ้น + ไอติม กันกลับโรงเรียน มีความสุขจัง........
Create Date : 09 ตุลาคม 2550 |
Last Update : 9 ตุลาคม 2550 15:47:21 น. |
|
9 comments
|
Counter : 3188 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: haro_haro วันที่: 9 ตุลาคม 2550 เวลา:16:15:19 น. |
|
|
|
โดย: Bernadette วันที่: 9 ตุลาคม 2550 เวลา:17:05:15 น. |
|
|
|
โดย: Bernadette วันที่: 10 ตุลาคม 2550 เวลา:14:40:07 น. |
|
|
|
โดย: varavic (varavic ) วันที่: 10 ตุลาคม 2550 เวลา:16:33:39 น. |
|
|
|
โดย: Bernadette วันที่: 10 ตุลาคม 2550 เวลา:16:41:34 น. |
|
|
|
โดย: haro_haro วันที่: 10 ตุลาคม 2550 เวลา:16:59:05 น. |
|
|
|
โดย: Bernadette วันที่: 11 ตุลาคม 2550 เวลา:12:43:33 น. |
|
|
|
โดย: mr.cozy วันที่: 11 ตุลาคม 2550 เวลา:14:37:15 น. |
|
|
|
โดย: coming soon (The Yearling ) วันที่: 12 ตุลาคม 2550 เวลา:9:27:10 น. |
|
|
|
| |
|
|
เทวดาท่าจะบ๊อง
เป็นหนังตลก ที่อยู่ในใจ แล้วครับ สำหรับใจสมัยเด้กๆ
ผมว่าหนังเรื่องนี้ (ไม่ไช่สิ มันมีหลายภาคง่ะ) ไม่เเน่ใจ
ว่าภาคนี้เคยดูรึป่าวนะ หนังชอบหยิบเอาเรื่อง "โค้ก"
สงสัยในสมัยนั้น โค้ก ดังมากๆ เพราะเรื่องนี้อะนะ
อ่านเนื้อเรื่องผมว่ามันน่าสนใจนะ เสียดสีสุดๆ เลยอะ
ทำให้เรากลับไปคิดว่า เอ้ ถ้าไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก
ที่เป็นอยู่เหมือนปัจจุบัน ชีวิตเราคงสงบ ก่านี้ (เหมือนในหนัง)
คิดถึงจังเน้อ อยากหามาดูเเก้เครียดนะเนียะ