สน. โมไบล์ (3) ตำรวจนอกเครื่องแบบ
อันนี้ขอเขียนชื่นชมและซาบซึ้งในความดีของตำรวจ (คนนั้น) ด้วยใจจริง เรื่องเริ่มตรงที่ว่า ช่วงนั้นดิฉัน เพิ่งไปอยู่เมืองเชียงใหม่ ยังไม่คุ้นเคยสถานที่เท่าไหร่ โดยเฉพาะจังหวัดทางภาคเหนือ พี่สาวทำงานอยู่ในฟาร์มในอำเภอพรหมพิราม (พิษณุโลก) อยากให้ไปเยี่ยม แกก็บอกเส้นทางรถไฟให้เสร็จสรรพ์ ตอนนั้นมือถือยังไม่มี โทรศัพท์สายก็มีบริการบางพื้นที่.. จะติดต่อกันทีก็ต้องเขียนจดหมาย .. ดิฉันพอจำเส้นทางที่พี่สาวบอก .. ลงที่สถานีหนอวตมนะ แล้วขึ้นเรือแพข้ามแม่น้ำน่าน ..แล้วให้ไปขึ้นรถบัสประจำทางที่ไปอุตรดิษฐ์ จะผ่านฟาร์มพอดี.. รถทุกคันรู้จักหมด เพราะเจ้าของฟาร์มเคยเป็นอดีต ส.ส.

ดิฉันไปซื้อตั๋วในช่วงบ่าย รถไฟธรรมดา ออกไปหมดแล้ว เหลือแต่รถด่วน ที่เรียกว่า เอก็กเพรส เทรน ถามเจ้าหน้าที่ว่า ผ่านหนองตมไหม.. เขาบอกว่าผ่าน และเขาบอกว่า ตั๋วหนองตมไม่ขายนะ ขายตั๋วพิดโลกเลย (ใคร ๆ ก็เรียก พิด-โลก) เรารีบซื้อเลย ไม่ได้ถามอะไรมากมาย ..กว่ารถไฟจะเคลื่อนออกก็สี่โมงกว่า ๆ ก็ไม่ได้เอะใจอะไร ..จำเอาแต่ชื่อสถานีหนอง ตม .. พอหกโมงเย็น เจ้าหน้าที่ก็มาตรวจตั๋ว

“น้อง.. หนองตมไม่จอดนะ จะจอดสถานีหลัก ๆ เท่านั้น “
“ถึงพิดโลกเวลาเท่าไหร่คะ”
“เกือบ ๆ เที่ยงคืน”

ดิฉันกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ.. แล้วจะให้ทำอย่างไรล่ะ.. พิษณุโลกก็ไม่เคยไปมาก่อน.. นี่เป็นครั้งแรก พอดีจังหวะนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาขอตรวจบัตรประจำตัว .. ดิฉันหยิบออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้เขาดู ในซองที่ใส่บัตรดิฉันใส่รูปขนาดหนึ่งนิ้วของผู้หมวดฯที่เป็นเพื่อนกัน เขาคงรู้สึกหนามือมั้งจึงพลิกดูหลังบัตร

“นี่รูปใคร”

ในสมัยโน้น.. นายร้อยตรีร้อยโทยังขาดแคลน หรือมีจำนวนน้อยมาก จึงดูเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะธรรมดา
“พี่ชายต่างมารดาค่ะ”
คำพูดมาจากไหนไม่รู้ จากนั้นก็พลันนึกถึงนามสกุลตัวเอง .. เห็นตำรวจทำหน้างง.. “ดิฉันใช้นามสกุลของแม่ค่ะ..ส่วนเขาใช้นามสกุลของพ่อ” (ขี้จุ๊ทั้งนั้นเลย) เขาดึงเอารูปออกมาดู ข้างหลังมีข้อความและลายเซ็นต์กำกับเรียบร้อย แสดงว่าไม่ใช่รูปที่ไปแอบหยิบเอาของใครมา ดิฉันก็เพิ่งได้อ่านเป็นครั้งแรกว่าเพื่อนเขียนอะไรไว้ให้

“รักและคิดถึงเสมอ มีอะไรจะให้ช่วยก็บอกนะ..ตามด้วย ร.ต.ต. และลายเซ็นต์ยึกขยือ”

ตำรวจคนนี้จึงให้ข้อมูลเกี่ยวกับเวลาเดินรถ รวมไปถึงสถานีที่ดิฉันต้องลงด้วย.. พิด-โลก ไม่ใช่หนองตม หลังจากนั้นเขาก็จะแวะมาถามข่าวคราวเป็นระยะ ๆ เกือบหกทุ่ม .. เอ็กเพรส เทรน ก็เทียบชานชาลา..พิษณุโลก.. ดิฉันลุกขึ้น..ควานหากระเป๋า.. ตลอดเวลาตั้งแต่ออกจากเชียงใหม่.. หลับไม่ลงเลย เพราะเป็นการเดินทางด้วยเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย และหวั่นวิตกเรื่องสถานีปลายทางด้วย ตำรวจคนนั้นก็เดินมาหา และเดินตามลงไปส่ง

“คุณจะไม่มีรถไปพรหมพิรามนะ.. คุณจะทำยังไง”
“ดิฉันจะนั่งที่สถานีจนโต้รุ่ง”
“มันอันตรายนะคุณ”

ดิฉันคิดว่าในสถานีรถไฟมีผู้คนมากมาย เดินทางไปมา.. บ้างก็ฟุบหลับ.. เราเองก็จะเป็นหนึ่งในนั้น เขาเดินไปไหนไม่รู้ แล้วกลับมาพร้อมกับชายวัยยี่สิบปลาย ๆ คนหนึ่ง
“ดูแลหน่อยนะเป็นผู้หญิง มาคนเดียวด้วย.. เธอมีพี่ชายเป็นนายร้อยนะ”

คนที่มาใหม่จ้องหน้าของดิฉันเขม็ง รถไฟกำลังจะเคลื่อนออกจากชานชาลา ตำรวจบนรถไฟโบกมือลาแล้วรีบวิ่งไปขึ้นรถ ดิฉันตะโกนขอบคุณเขา.. เขาขึ้นรถแล้วยื่นหน้าออกมาทางหน้าต่างรถ โบกมือให้ไหว ๆ

“คุณมาจากไหน? กำลังจะไปไหน? ขอดูบัตรหน่อยครับ “
โดนสอบถามข้อมูลอีกครั้ง ดิฉันยื่นบัตรอันเดิมให้ เขาก็พลิกดู และถามคำถามเหมือนคนแรก ..ดิฉันก็พูดตามสคริปแรกโดยไม่ตกหล่น
“ทำไมคุณรู้จักกับอดีต สส” ฉันก็อธิบายเรื่องที่พี่สาวมาทำงานที่นั่นให้เขาฟัง
“รถบัสไปอุตรดิษฐ์ เที่ยวแรกออก 7 โมงเช้า”
ดิฉันยืนกรานว่าจะนั่งบริเวณสถานีรถไฟจนกว่าจะรุ่งเช้า
“คุณไม่รู้หรอกว่าแถวนี้มันอันตรายแค่ไหน.. มิชฉาชีพมีทุกรูปแบบ คุณเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว.. มาจากต่างถิ่นด้วย.. มีพี่เป็นถึงผู้หมวด.. มาถามหาบ้านอดีต ส.ส ด้วย” เขาจ้องหน้าดิฉันอีก..
“ตามผมมา”
ดิฉันก็หิ้วกระเป๋าตามเขาไปอย่างว่าง่าย เขาพาเดินไปทางด้านหลังสถานีรถไฟ ผ่านตึกหลายตึก จากนั้นก็ไปหยุดอยู่ตรงหน้าประตูโรงแรมเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง มองผ่านกระจกเข้าไปเห็นมุ้งครอบของคนดูแลนอนขวางประตูอยู่ .. ณ เวลานั้น ใจดิฉันคิดไปทางลบ... มองโลกในแง่ร้าย.. ถ้ายังไง ตายเป็นตายละงานนี้
“ลุง..ลุง.. ผมเองนะ ...“ แล้วเขาก็บอกชื่อของเขาไป แต่ดิฉันไม่ได้ตั้งใจฟัง
“มันดึกแล้วนะ..งดรับลูกค้า” เสียงพนักงานคนแก่พูดจ้าอู้อี้ ด้วยความง่วง
“ผมบอกว่าให้หาห้องให้ผมห้องหนึ่งได้ไหม” เสียงของเขากึ่งข่มขู่กึ่งบังคับ คราวนี้ไม่มีเสียงตอบแต่ลุกมาปิดประตู หน้าตาสลึมสลือ
“มีห้องว่างไหม”
“มีห้องหนึ่ง ลูกค้าเพิ่งเช็คเอ้าตอนหน้าทุ่ม ยังไม่ได้เข้าไปดูแลเลย”
“พาขึ้นไปดูหน่อย”
ชายแก่คนนั้นพาเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง ระหว่างเดินขึ้นไป.. ไม่มีใครพุดอะไรสักคำ.. ส่วนดิฉันอยากจะแทรกแผ่นดินหนีด้วยความกลัว กลัวในสิ่งที่ตัวเองคิดและสร้างจินตนาการขึ้นมาเอง.. นี่เป็นครั้งแรกที่เดินเข้าโรงแรมกับผู้ชาย...ชายแก่คนนั้นเปิดประตูห้องให้เข้าไปดู ที่นอนมีรอยยับนิดหน่อย.. ห้องดูดี .. ตำรวจนอกเครื่องแบบคนนั้นเดินดูรอบ ๆ แล้วหันมาพุดกับดิฉัน
“คิดว่าคงใช้ได้นะ.. ปลอดภัยอยู่หรอก” จากนั้นเขาหันไปทางชายแก่คนนั้น
“ค่าห้องเท่าไหร่”
“ปกติห้าร้อย.. แต่นี่พักครึ่งคืน สี่ร้อย”
“สามร้อยแค่นั้นแหละ คนแรกลุงก็ได้ราคาเต็มไปแล้ว” ชายแกคนนั้นจึงพยักหน้าหงึกหงัก ๆ ตกลง ดิฉันวางกระเป๋าลงกำลังจะค้นหากระเป๋าสตางค์
“ไม่ต้องครับ” แล้วเขาก็ล้วงกระเป๋าของเขาออกมา หยิบเอาใบละร้อยและใบละยี่สิบอีกหลายใบนับให้จนครบ แล้วยื่นให้ชายแก่คนนั้น
“รถบัสคันแรก เจ็ดโมงเช้านะ ..คิวรถอยู่หลังโรงแรมนี้ ..คุณเดินอ้อมไปนิดเดียว.. ขอให้นอนหลับสบายนะ” แล้วเขาก็เดินหันหลังเดินกลับลงไปพร้อมชายแก่.. ดิฉันไม่ลืมยกมือไหว้ขอบคุณเขา... แตแ..แต่.. ไม่ได้ถามชื่อเสียงเรียงนามของเขาเลย.. ถ้าได้เจอเขาอีกในตอนเช้า.. จะถามเขา... แต่ไม่มีวี่แวว และไม่รู้เลยจนกระทั่งทุกวันนี้

ป่านนี้เขาคงใกล้จะ หรือเกษีญณอายุราชการไปแล้วล่ะ.. แต่ดิฉันก็ยังรำลึกถึงความดีของเขาอยู่เสมอ.. ในโลกใบใหญ่นี้ คนดี ๆ ยังมีอยู่.. ดิฉันไม่มีโอกาสได้ตอบแทนบุญคุณของเขาเลย.. ขอขอบคุณ..ขอบคุณ และขอบคุณ คุณที่เป็นคนดี และขอให้ความดีจงตอบแทนคุณ.. เหตุการณ์นั้นทำให้ดิฉันนำมาดำเนินชีวิต.. คือ.. ช่วยเหลือคนที่อยู่รอบข้างและทำงานเพื่อสังคมเท่าที่กำลังจะพอมี ... ซาบซึ้งในความดีของตำรวจนอกเครื่องแบบคนนั้นจัง






Create Date : 25 ตุลาคม 2553
Last Update : 25 ตุลาคม 2553 16:11:56 น.
Counter : 558 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Maya_II
Location :
มุกดาหาร  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



Star sign : Gemini
Hobby : Reading & Writing
Interest : variety