11. ซิมมี่..เพื่อนจากต่างแดน
วันนี้อากาศแจ่มใส ท้องฟ้าปลอดโปร่ง..ขณะทึ่หนูกำลังนอนเล่นเพลิน ๆ กินลมชมแสงแดดพลันก็มีรถมาจอดที่หน้าประตู พร้อมกับมีเสียงเจื้อยแจ้วออกมา
“ใช่บ้านอาจารย์... หรือเปล่าค่ะ..”
หนูต้องรีบทำงานตามหน้าที่..เห่าเสียงดังขรม..จนนายป้าเปิดประตูบ้านออกมาดู
“อาจารย์คะ.. อาจารย์ค่ะ..หนู....เองค่ะ”
เจ้าของเสียงก้าวลงจากรถพร้อมกับหอบข้าวของพะรุงพะรัง จากนั้นก็มีคนก้าวลงมาจากรถอีกหนึ่งคน..และสุดท้ายก้าวตามลงมาอีกคน.. เป็นสาวน้อยตัวเล็ก ๆ..ผมสีน้ำตาลอ่อน ๆ รวบมัดจุกน้อย ๆ สองจุกดูน่ารัก
“อยู่ไหนคะตอนนี้ได้ข่าวว่าอยู่อเมริกา”
“ค่ะ หนูอยู่แคลิฟอร์เนีย..นี่ลูกสาวหนูค่ะ..ซิมมี่.. นี่คือคุณครูของแม่ (This is my teacher..)
“พัฟฟี่.. ไปอยู่หลังบ้านเร้ว” นายป้าสั่งหนูอีกแล้ว...นี่ก็เป็นอีกหนึ่งข้อห้ามสำหรับหนูเวลามีแขกมาบ้าน คือ “ห้ามวุ่นวาย” หนูจึงต้องวิ่งไปอยู่แถว ๆ หลังบ้าน แต่ก็อดที่จะแอบมองแขกของนายป้าไม่ได้..

ทุกคนพากันเข้าไปข้างในบ้าน..ได้ยินเสียงคุยกันโฉงเฉง.. โฉงเฉง.. หนูแอบฟังและอยากมีส่วนร่วมด้วยเหลือเกิน แต่ก็พยายามบังคบตนเองให้นิ่ง..นิ่ง..และนิ่งไม่ต้องสนใจทั้ง ๆ ที่ได้ยินทุกสิ่งทุกอย่าง สุดท้ายหนูก็ทนนิ่งไม่ได้ จึงแอบย่องเบา ๆ ไปนั่งพิงอิงแอบอยู่ข้างประตู.. เพื่อสอดส่ายสายตาดูบรรยากาศภายในบ้านและเงี่ยหูฟังพวกเขาพูดคุยกัน
“ตอนนี้ไม่ได้ทำงาน..เลี้ยงลูกอยู่บ้านค่ะ.. ซิมมี่น่ะ..เพิ่งจะ 4 ขวบเองค่ะ..” คงหมายถึงเด็กหญิงตัวเล็กที่มาด้วย.. จากนั้นก็เห็นคุยกันไปหัวเราะกันไป..หนูก็พยายามขยับเข้าใกล้..ทีละนิด ละนิดจนในที่สุดหนูก็นั่งพิงขอบประตูบ้านทำตัวเจี๋มเจี้ยมเพราะเกรงจะโนดุ.. หนูต้องนั่งอย่างเงียบและเรียบร้อยที่สุด
“มอมมี๋..ด๊อก..ด๊อก..(Mommy…dog…dog..) ” เด็กหญิงตัวเล็กพูดพร้อมกับชี้มือมาที่หนู..ฮั่นแน่...ตอนนี้หนูได้รับความสนใจแล้ว
“มอมมี๋..ฮี.. ออ.. ชี แม่คะหมาตัวผู้หรือตัวเมีย (Mommy…he?...or...she?)”
“ชี.. เฮอร์เนม อิส พัฟฟี่ ตัวเมียจ้ะ..ชื่อพัฟฟี่ (she…Her name is Puffy)
หนูซิมมี่เดินตรงมาหาหนูแล้วค่อย ๆ ยื่นมือน้อย ๆ ของเธอที่สั่นเทานิด ๆ และระแวดระวังเต็มที่พอ ๆ กับหนูกธระแวดระวังเหมือนกันว่าเด็กหญิงผมทองจะทำอะไรหนูหรือเปล่า....เธอค่อย ๆ วางบนหัวของหนูเบา ๆ พร้อมกับเรียกชื่อ
“พัฟฟี่...พัฟฟี่..” โดยปกติแล้วถ้าคนแปลกหน้าเข้าใกล้หนู..หนูจะทำท่า..ยิงฟัน..แหง่ใส่..แต่นี่สัญชาตญาณบอกหนูว่าเธอเป็นมิตรและเธออ่อนโยนมาก..หนูจึงปล่อยให้เธอลูบหัวเล่น..จากนั้นเธอก็ไปขอขนมแม่และนั่งทานอย่างเอร็ดอร่อย หนูได้แต่นั่งมอง...น้ำลายจะหกให้ได้

ทีนี้ทุกคนก็พากันลุกเดินออกจากบ้านไปเดินเล่นหน้าบ้านกัน..หนูก็แอบเดินตามนายป้าห่าง ๆ
“พัฟฟี่....ช็อคโกแล็ต” เธอพูดพร้อมกับยื่นให้.. หนูจึงเลียกินอย่างเอร็ดอร่อย..
“มอมมี่..พัฟฟี่เอทอิท ออล์ แม่คะพัฟฟี่ทานหมดเกลี้ยงเลย (Mommy….Puffy ate it all) เธอเอาไม้เสียบขนมไปให้แม่ดูด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็กลับมาชวนหนูวิ่งเล่น ..ตอนแรกหนูก็นั่งนิ่งไม่วิ่งตาม..แต่เธอก็ไม่ละความพยายาม..พยายามแสดงให้ดูว่าหนูต้องทำอย่างไร.. หนูก็เลยนึกถึงน้ำใจที่เธอป้อนขนมให้กับมือ..จึงเอ้า...เอาใจเธอสักหน่อย.. วิ่งเหยาะ ๆ แหยะ ๆ ก็คงพอไหว



I am Puffy and this is my new friend, Simmy .

กิจกรรมวิ่งเล่นวิ่งไล่ก็จบลงเมื่อถึงเวลาที่ต้องจากกัน..ซิมมี่ดูอาลัยอาวรณ์หนูมาก..แล้วป้าที่มาด้วยกันก็คงรู้ใจยิงคำถามทันที
“จะเอาพัฟฟี่กลับบ้านด้วยไหมล่ะ (Do you want to take her home?)” ซิมมี่รีบพยักหน้า
เธอจะเอาไปจริง ๆ จนไม่ยอมไปขึ้นรถ เดือดร้อนถึงแม่ต้องมาเจรจา
“พัฟฟี่จะไม่ไปกับหนูนะ..บ้านของพัพพี่อยู่ที่นี่”
“But she might miss me (แต่หนูเกรงว่ามันคงจะคิดถึงหนูน่ะ)
“It’s too big.. มันโตเกินไปเอาไปไม่ได้หรอก”
“put her on the floor ..(ให้มันนอนที่พื้นน่ะ)
“The police at the airport will not allow her(ตำรวจที่สนามบินจะไม่อนุญาตให้เอามันไป)
“We can put her in a bag and..(เอามันใส่ในกระเป๋าแล้วก็..)
“No...No.. เอาไปไม่ได้น่ะบ้านพัฟฟี่อยู่นี่”
“มันจะคิดถึงหนูน่ะแม่”
“เอาไว้หนูมาคราวหน้ามาเยี่ยมมันก็ได้”
“ไม่ค่ะ..พัฟฟี่จะต้องคิดถึงหนูแน่ ๆ เลย”
“พัฟฟี่จะอยู่บ้านของพัฟฟี่”
“พัฟฟี่อาจจะร้องไห้เพราะคิดถึงหนู”
เกลี้ยกล่อมกันตั้งนาน ซิมมี่ก็ไม่ยอมไปขึ้นรถ..และทุกครั้งที่พูดก็จะก้มหน้าต่ำลง ๆ ตาเริ่มแดง หนูช่วยอะไรไมได้หรอกได้แต่นั่งมอง..สุดท้ายแม่ของซิมมี่ก็อุ้มซิมมี่ขึ้นรถพร้อมกับเสียงร้องไห้จ้า แต่ก็ยังพูดไม่หยุด
“พัฟฟี่อาจจะคิดถึงหนู.. พัฟฟี่จะคิดถึงหนู...แง..แง..” หนูก็ได้แต่มองตามจนรถเคลื่อนออกไป เฮ้อ! ใครมาตกหลุมรักหนูก็คงช่วยไม่ได้นะ.. หวังว่าคงมีโอก่าสได้เจอกันอีกนะซิมมี่..
บ้ายบาย




catch me if you can ...จับให้ได้ไล่ให้ทันนะพัฟฟี่



นายป้าพูดภาษาไรนะ


นายป้าบอกให้หนูเล่าถึงตรงนี้...ถ้ามีโอกาสหนูจะกลับมาเล่าอีกค่ะ..บ้าย บาย



Create Date : 04 กันยายน 2554
Last Update : 21 พฤษภาคม 2557 13:15:01 น.
Counter : 682 Pageviews.

0 comment
10. . แค้นที่ต้องชำระ
วันที่เจ็บปวดทั้งใจและกาย....

ใกล้บ้านของหนู มีเพื่อนบ้านที่พบเจอกันบ่อย ๆ แต่ไม่สนิทกันมากนัก ก็มีเจ้าบิ๊กดำตัวโต บิ๊กมักจะตามจีบหนูบ่อย ๆ หรือไม่ก็วิ่งตามทักทายหยอกล้อ พอนับกันเป็นเพื่อนได้..และถัดไปอีกหลังหนึ่งจากที่เคยเงียบเหงามีเพียงแค่สองตายายพลันก็มีเจ้าตัวเล็ก ๆ ขนหยองสีดำสองตัวชื่อทองหยิบกับทองหยอด..เป็นน้องหมาไฮบริดเหมือนกันระหว่างพุดเดิลกับเทอร์เรียและยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแม่เลย.. เจ้าบิ๊กดำเห่อสองสาวสองตัวนี้มาก..และทำตัวเป็นทั้งพี่เลี้ยงและบอดี้การ์ด..

“พัฟฟี่..ไปเก็บใบมะกรูดป๊ะ” นายป้าปั่นจักรยานออกหน้าหนูก็วิ่งตาม..ใบมะกรูดอยู่ในสวนห่างจากบ้านประมาณสองร้อยเมตร..เส้นทางที่ไปก็จะผ่านบ้านของเจ้าบิ๊กดำ..ที่ผ่าน ๆ มาทุกครั้งที่หนูไปบิ๊กก็จะวิ่งออกมาคอยต้อนรับ หยอกล้อเล่นกับหนู.. คราวนี้ก็เช่นกัน บิ๊กวิ่งออกมาเห่าทักทาย..แต่สองสาวดำขนหยอง ซึ่งไม่คุ้นเคยกับหนูมาก่อน..และถือว่ามีกันและกันสองหล่อนสองปาก แปดขาพวกมันคิดว่ามีพลังแข็งแกร่งสุด ๆ แล้ว..ทั้งสองเห่า เห่า และเห่าทำท่าจะเข้ามากัด.. หนูอดหมั่นไส้ไม่ได้ที่ตัวเล็ก ๆ ทำอวดเก่ง..หนูจึงกระโจนแหง่เข้าใส่.. และแล้วก็รู้ว่าวันนี้หนูดวงซวย ...เพราะพอเจ้าบิ๊กดำเห็นแค่นั้นแหละมันก็กระโจนเข้ามาช่วยสองสาวนั่นทันที..
“เฮ้ย! หยุดเดี๋ยวนี้นะ.. อย่าเข้ามาเชียว” ท่อนไม้ไผ่ยาวเกือบสองเมตรในมือนายป้าขู่บิ๊กดำให้ถอยกรูดออกไป.. แต่แววตาของมันยังอาฆาตรมาดร้าย..ไม่มีร่องรอยและวี่แววความเป็นมิตรเหลืออยู่เลย

ขากลับ..นายป้าก็คอยระวังภัยให้หนู..สองสาวนั่นก็วิ่งออกมาไล่เห่าหนูอีก.. หนูเลยเผลอตัวกระโจนใส่กระจะขู่ให้มันกลัว..บิ๊กดำคอยจังหวะอยู่แล้วได้ทีกระโจนพุ่งเข้าใส่หนู..หนูกระโดดหลบวิ่งเข้าป่าข้างทาง.. และแล้วหนูก็รู้ว่าหนูตัดสินใจผิด.. นายป้าเข้ามาช่วยหนูไม่ได้..บิ๊กดำอ้าปากมหึมาของมันแยกเขี้ยวที่มีน้ำลายไหลเฟอะฟะขย้ำลงตรงสะโพกหนู..มันสะบัดอย่างแรงยังไม่หนำใจมันขย้ำอีกครั้งตรงขาพร้อมกับสะบัด...เนื้อของหนูฉีกขาด..หนูร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด.. มันสะบัดหนูเหวี่ยงโครมออกไป..ปากของมันมีขนขาว ๆ ของหนูเต็มไปหมดเลยเลย..มันยังไม่หนำใจขย้ำหนูอีกที..ทีนี้กดลงไปที่โคนขา..เขี้ยวของมันฝังลึกลงไปในเนื้อของหนู..หนูร้อง ๆ และร้อง นายป้าคงทนฟังเสียงร้องของหนูและทนเห็นบิ๊กรังแกหนูไม่ไหวจึงมุดป่าเข้ามาช่วย..ในมือถือไม้ท่อนโต ๆ
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ..บิ๊กปล่อย..หมาตัวผู้ทำไมต้องรังแกหมาตัวเมียด้วย..ฮึ”นายป้าพูดพร้อมกับทำท่าจะฟาด..บิ๊กเลยรีบโกยแน็บ.. หนูเดินกระโผก
กระเผกกลับบ้าน ร้องครางหงิง ๆ ด้วยความเจ็บปวดเลือดสด ๆ สีแดง ๆ ของหนูไหลย้อยไปตามทางเดิน และที่ทำให้หนูเจ็บใจมากกว่านั้นก็คือ..เสียงโห่ไล่เสียงเยาะเย้ยของสองสาวนั่น.. ฮึ่ม.. บิ๊กนะบิ๊ก..เป็นผู้ชายออกสามศอกแท้ ๆ มารังแกสาวน้อยหน้าหวานอย่างหนู

พอถึงบ้าน..นายป้าทำความสะอาดแผลให้เอายาเหลืองยาแดงมาทาให้ด้วย..
“ดูสิ..โดนกัดตั้งสามที่..รอยเขี้ยวลึกเป็นรูโบ๋วเลย..ต้องไปเย็บแผล” ปรากฏว่าหนูไม่ได้ไปเย็บแผลหรอกนะเพราะนายป้าโทรหาสัตวแพทย์แต่เขาไม่อยู่บ้าน..ปิดร้านหลายวัน.. นายป้าจึงทำหน้าที่ล้างแผลเช็ดแผลให้หนูทุกวัน.. หนูสุขภาพดีแผลหนูจึงแห้งและหายเร็ว..แผลแห้งไม่เปียกแฉะ..
เพราะนายป้าให้ทานทั้งยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบ.. เวลาทานละก็..บอกได้แต่ว่าหนูไม่ชอบเอาเสียเลย..จะรีบคายทิ้งเมื่อมีโอกาส.. แต่ก็อย่างว่าแหละนายป้าฉลาดกว่าหนูเสมอ.. วิธีเอายาให้หนูทานก็คือ.. ละลายลงไปในนมข้นหวาน.. หนูก็เลียจนเกลี้ยง.. หือไม่ก็นายป้าหาขนมอร่อย ๆ มาป้อนหนู..ป้อนอย่างเร็ว..ความตระกละจึงทำให้หนูไม่มีเวลาสังเกต.. ขนม..ขนม..ขนมและตามด้วยยาเม็ดแล้วรีบตามด้วยขนม..ขนม..ขนม.. หนูต้องรอให้แผลมันหาย..คงต้องใช้เวลานาน..แต่หนูก็ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว.. นับแต่เหตุการณ์วันนั้นหนูกับบิ๊กดำก็กลายเป็นศัตรูกัน..หนูต้องคอยหลบเวลาหนูแอบวิ่งออกไปข้างนอกบ้าน..เพราะยังไง ๆ หนูก็สู้มันไม่ได้อยู่แล้ว..ตัวมันโตมาก..เจ้าขนหยองสองตัวนั่น..ถ้ามาเดี่ยวหนูไม่กลัวหรอกเพราะมันเล็กและผอมกว่าหนูมาก มันเห็นบิ๊กดำขู่หนู..พวกมันก็ทำตามด้วย..หนูได้แต่เก็บความแค้นไว้ในใจ

นับแต่เหตุการณ์วันนั้นหนูกับบิ๊กดำก็กลายเป็นศัตรูคู่อริกัน..หนูต้องคอยแอบ ๆ หลบ ๆ เวลาหนูแอบวิ่งออกไปนอกรั้ว..เพราะยังไง ๆ หนูก็สู้มันไม่ได้อยู่แล้ว..ตัวมันโตมาก..เจ้าขนหยองสองตัวนั่น..ถ้ามาเดี่ยวหนูไม่กลัวหรอกเพราะมันเล็กและผอมกว่าหนูมาก มันเห็นบิ๊กดำขู่หนู..พวกมันก็ทำตามด้วย..หนูได้แต่เก็บความแค้นไว้ในใจ

และแล้วโอกาสก็อำนวย.. วันที่ได้มีโกสชำระแค้นก็มาถึง..วันนั้นหนูนั่งดูนายป้าใส่ปุ๋ยไม้ประดับใบอยู่บริเวณหน้าบ้าน..สองหยองก็วิ่งผ่านบ้านของหนู..และมองเห็นหนู..มันยังคงคิดว่าตัวมันเองเก่งจึงอยากจะเข้ามาต่อกรกับหนู.. มันรีบมุดช่องรั้วเข้ามา..แต่อีกหยองหนึ่งลังเลและรีรอรออยู่นอกรั้ว.. หนูรอโอกาสนี้มานานแล้ว..รอ รอให้มันพ้นรั้วเข้ามา..พอมันมุดพ้นเข้ามาแค่นั้นแหละ..หนูกระโจนเข้าขย้ำคอของมัน..สะบัดแล้วขย้ำอีกหนูทำซ้ำ ๆ เพื่อนหยองของมันที่รออยู่นอกรั้วเห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งกลับบ้าน

“พัฟฟี่..อย่า..อย่าทำ..ปล่อยมันไป..ปล่อยมันไป..เดี๋ยวมันตายนะ” เสียงนายป้าห้ามหนูไม่ฟังเลยหนูฟัดเหวี่ยงมันจนตัวมันกระเด็นกระดอนไปกลิ้งหลุน ๆ กองอยู่กับพื้น..หนูกระโจนเข้าใส่มันอีก..เหวี่ยงมันตกลงไปในร่องประตูรั้วเหล็ก.. มันเจอทางตันจะกระโดดขึ้นก็ไม่ได้ หนูยืนจังก้ารออยู่แล้ว.. เพื่อให้หนำใจหนูกระโจนโถมใส่ตัวมัน..เขี้ยวของหนูบดขยี้ลงไปในคอของมันอย่างหมั่นเขี้ยว..เลือดของมันไหลเยิ้มเปอะเปื้อนเกรอะที่แผงคอของมัน..ไม่มีเสียงร้องเพราะตัวมันอ่อนปวกเปียกลุกขึ้นยืนยังไม่ได้เลย .. นี่เป็นครั้งแรกที่หนูได้มีโอกาสแสดงความดุร้ายให้นายป้าเห็น..และเป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสกัดเพื่อร่วมสายพันธุ์.. หนูกะจะเอามันให้นอนดิ้นตายแทบเท้าเลยแหละ.. เพราะมันเป็นต้นเหตุให้บิ๊กดำทำร้ายหนู.. นายป้าพยายามจะดึงหนูออกจากมัน..แต่ก็กล้า ๆ กลัว ๆ และคงไม่กล้าเสี่ยงยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจเจอลูกหลงเกิดหนูพลั้งพลาดงับแขนเข้าให้จะทำยังไง..สุดท้ายคงนึกได้..นายป้ารีบวิ่งไปที่หลังบ้านและหิ้วถังน้ำมาสาดโครมใส่อย่างแรง..ทำให้หนูต้องรีบปล่อยนังหยองออกจากปากและกรธโจนหนีน้ำ...เกมกัดฝ่ายเดียวของหนูจึงจบสิ้นลง.. เจ้าหยองโซซัดโซเซลุกขึ้นได้ก็ลากขากระโผกกระเผกกลับบ้าน.. ขนหยอง ๆ ของมันยังติดเต็มปากหนูเลย..

นับแต่นั้นมาทุกครั้งที่มันเห็นหนูมันก็จะวิ่งแจ้นหนีสุดชีวิตเลย.. ถ้ามันกำลังวิ่งเหยาะ ๆ ช้า ๆแถว ๆ ใกล้บ้านหนู แต่พอมันเห็นหนูแค่นั้นแหละ..พวกมันก็จะใส่เกียร์หมาแข่งกันวิ่งกลับบ้าน ...เหลือแต่เจ้าบิ๊กดำที่หนูไม่มีโอกาสได้ชำระแค้น...ถ้าหนูตัวโตกว่านี้อีกหน่อยละก็..แง่..ไม่แน่เหมือนกัน..






Create Date : 04 กันยายน 2554
Last Update : 2 ตุลาคม 2554 22:29:28 น.
Counter : 610 Pageviews.

0 comment
9. หลงทาง
โคลลี่เคยเล่าเรื่องนายป้าพาไปเที่ยวป่าเที่ยวเขาให้ฟัง และยังบอกว่ามันเป็นการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ที่น้องหมาตัวไม่โตอย่างเรา ๆ ได้มีโอกาส..มุดป่าฝ่าดงที่ต้นไม้ปกคลุม..ฝ่าดงหญ้าที่หนาทึบที่สูงท่วมหัวพวกเราหลายเท่า.. หนูฟังแล้วยังรู้สึกสนุกเลย..แต่ทำไมนายป้าไม่พาหนูไปบ้างนะ.. แม้ตอนนี้ไม่มีโคลลี่แล้ว..ภาพจินตนาการในสมองของหนูก็ยังคงโลดแล่นไปกับเรื่องการผจญภัย..และแล้วฝันของหนูก็เป็นจริง..
“พัฟฟี่.. วันนี้ไปเที่ยวเล่นแถว ๆ ภูเขาใกล้ทุ่งนานะ” หัวใจของหนูเต้นโครม ๆ กับคำว่าภูเขา..ในที่สุดนายป้าก็ให้โอกาสหนูได้สัมผัสอย่างที่โคลลี่เล่าให้ฟังแล้ว

นายป้าสะพายเป้ขี่รถเครื่องไปช้า ๆ และมีหนูวิ่งตามติด ๆ อย่างร่าเริง.. ปัญหาที่หนูแก้ไม่ได้ก็คือการนั่งซ้อนท้ายรถเครื่องไม่เป็นนี่แหละ.. แต่หนูก็ชอบวิ่ง.. ตลอดเส้นทางหนูไม่ลืมที่จะทำเครื่องหมายกันหลงทางเอาไว้..เช่น ฉี่ลงพื้นถนนเป็นระยะ ๆ หรือแม้แต่การอึไว้ข้างทางเป็นช่วง ๆ สิ่งเหล่านี้น้องหมาอย่างเราได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมน่ะ




หนูชอบมุดหน้าต่างห้องครัวน่ะ..เพราะกลิ่นอาหารมันล่อใจ

ภูเขาที่ว่านั่นอยู่ไม่ไกล..ประมาณสองกิโลเมตรห่างจากบ้านนายป้า..แต่ก็เล่นเอาหนูหอบแฮ่ก ๆ เหมือนกัน.. นี่หรือที่เรียกว่าภูผา..เหมือนที่โคลลี่เล่าเอาไว้เลย..มีก้อนหินมากมาย..บางก้อนก็เล็ก บางก้อนก็ใหญ่มหึมา..ต้นไม้ใหญ่ไม้เล็กบางช่วงก็เป็นดงหนาทึบ..บางที่ก็โล่ง ๆ เดินสบาย ๆ นายป้าพาเดินช้า ๆ เลาะไปตามโขดหิน..และแหงนหน้ามองต้นไม้ต้นนั้นทีต้นนี้ที
“ดูสิพัฟฟี่..กล้วยไม้ป่าแถวนี้ยังมีอยู่เหลืออยู่เยอะ.. ไว้ให้มันเป็นดอกไม้ประดับป่า..ป่าจะได้สวยงาม” นายป้าชี้ให้ดู หนูก็แหงนมองตาม...แต่ไม่ค่อยจะเข้าใจหรอก..ลึก ๆ ในใจตอนนั้นรู้สึกกลัว ๆ เพราะรอบ ๆ ตัวเต็มไปด้วยโขดหิน หน้าผาสูง ๆ หินบางก้อนยังมัรูปทรงเหมือนสัตว์ตัวใหญ่ ๆ ที่น่ากลัว..เล่นเอาหนูถอยกรูดและต้องจ้องมองอีกครั้งถึงรู้ว่าที่แท้มันก็สีเทา ๆ ดำ ๆ แข็งทื่ออยู่กับที่นี่เองหนูขึ้นไปเหยียบมันยังได้เลย..นายป้าเดินมองโน่นมองนี่ไปเรื่อย ๆ และมาหยุดอยู่บริเวณใกล้ ๆ โขดหินใหญ่..นายป้ามองรอบ ๆ ด้วยสีหน้ายิ้มนิด ๆ ..เดินเข้าไปใต้โขดหิน..ดึงเอาขวดพลาสติกออกมาจากย่าม..และเอาไปตั้งไว้บนก้อนหินเล็ก ๆ ที่อยู่ภายใต้ชะง่อนหินใหญ่..นายป้าเดินหน้านับก้าวไปสักระยะหนึ่ง.. หนูยังไม่เข้าใจว่านายป้าจะทำอะไร..จนกระทั่งนายป้าหยุดยืนแล้วหันหน้าไปทางขวดที่วางไว้.. ล้วงเข้าไปในย่าม.. หยิบเอาอะไรสักอย่างออกมา.. และแล้วใจหนูก็ต้องห่อเหี่ยวลงจนแทบจะล้มทั้งยืน.. ก็โลหะสีเงินที่นายป้าถืออยู่ในมือนั้น..หนูเคยเห็นแล้วครั้งหนึ่งที่นายป้าหยิบออกมากระชากเสียงดัง..แล้วไปยืนอยู่ไม่ไกลจากกอกล้วยที่อยู่ติดกำแพงหลังบ้านจากนั้นก็มีเสียงระเบิดออกมาติด ๆ กันสองครั้ง.. แก้วหนูหนูแทบแตกสลาย..หนูต้องวิ่งเข้าไปมุดหลบอยู่ข้างในบ้าน..แล้วตอนนี้ล่ะหนูจะทำยังไง..จะหาที่ซ่อนตรงไหน
“พัฟฟี่..เตรียมอุดหูให้ดี ๆ นะ” นายป้ายังหันมาบอกหนูอีก.. พอนายป้ายกลำกล้องขึ้นแค่นั้นแหละ..หนูกระโจนพรวดหนี..หนูต้องหนีก่อนที่มันจะระเบิดออกมา....
“ปัง..ปัง..” เสียงระเบิดมันตามหนูมาติด ๆ หนูลงเกียร์น้องหมา..วิ่งสุดชีวิต..วิ่งไป ๆ จนได้ยินเสียงระเบิด ปัง..ปังที่ตามมาอีกแต่คราวนี้หนูได้ยินค่อยมาก..หนูยังคงวิ่งไปเรื่อย ๆ นานแค่ไหนหนูไม่รู้..แต่ตอนนี้ไม่ได่ยินเสียงอะไรแล้ว .. เฮ้อ..ในที่สุดหนูก็ปลอดภัย.. หนูผ่อนความเร็วของฝีเท้าลง.. เริ่มได้สติ.. หนูมองซ้ายมองขวา.. แล้วนี่มันที่ไหนกันละ..มองไปทางไหนก็มีแต่ป่า.. ป่า..และป่า..แล้วร่องรอยที่หนูทิ้งไว้ล่ะมันอยู่ตรงไหน.. แย่แล้ว...หนูหลงทางเสียแล้วหรือนี่..

หนูพยายามตั้งสติ..สูดดมหากลิ่น..กลิ่นอะไรก็ได้..กลิ่นของสิ่งมีชีวิตซึ่งมันอาจจะเป็นสิ่งชี้แนะวิธีการหาทางกลับบ้านให้หนูได้บ้าง.. และแล้วหนูก็ได้กลิ่นสาปลอยฟุ้งมากับสายลม..หนูค่อย ๆ ย่องเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ เป็นกลิ่นของนางกระบือและลูกกำลังเล็มหญ้าอยู่ใกล้ ๆ นางแม่มีเชือกผูกด้วย..แสดงว่าต้องมีคนอยู่แถวใกล้ ๆ นี้.. แต่..บางครั้งการเจอคนของหนูก็อาจนำไปสู่อันตรายได้..หนูอาจจะถูกลักพาตัวไป..เอาไปเลี้ยง..หรือแม้แต่เอาไปเป็นอาหาร..บรื๋อ..อ หนูไม่อยากจะคิด..ทันใดนั้นหนูก็ได้กลิ่นของคนหลายกลิ่นผสมผสานกัน..กลิ่นเพื่อนร่วมสายพันธุ์ด้วย..หนูรีบวิ่งไปทางนั้น..ไม่นานหนูก็ได้ยินเสียงรถเครื่องดังใกล้เข้ามา ๆ หนูวิ่งเข้าไปดูใกล้ ๆ จนลืมตัวว่ากำลังหลงทางอยู่..หนูกระโจนพรวดออกไป..จ๊ะเอ๋กับเพื่อนร่วมสายพันธุ์..ที่หันหน้ามาเห็นหนูพอดีและกระโจนเข้าหา
“อุ้ย!! หมาน่ารักจัง..ฝ้ายอย่า..ฝ้ายอย่า” เสียงน้องผู้หญิงที่นั่งซ้อนท้ายรถเครื่องโดยมีชายวัยกลางคนเป็นคนขับพูดขึ้น..ทำให้เจ้าตัวที่เรียกว่า ‘ฝ้าย’ หยุดกึก..ฝ้ายก็เป็นสาวเหมือนหนูแต่ตัวใหญ่กว่าหนูเยอะเลย..และมีขนสีขาวนวล ๆ เปื้อนหมอง มอมแมมจนดูเหมือนฝ้ายคลุกขี้เถ้า
“หมาใครนี่..หาเจ้าของไม่เจอหรือเปล่า” เสียงน้องผู้หญิงอีกคนพูดขึ้น..ดูอายุไล่เลี่ยกัน เธอหันมามองหนูอย่างเอ็นดู...ตอนนี้หนูต้องใช้หมองอย่างหนักว่าจะเอายังไงดี..ดูผู้คนที่ขี่รถเครื่อง..กลิ่นเหงื่อโชยอย่างแรง..ไม่มีกลิ่นหอมของสบู่และแป้งเลย...เจ้าฝ้ายก็มอมแมม..แสดงว่าทำงานทำการเสร็จแล้วกำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน..หนูจึงฉวยโอกาสแอบวิ่งตามพวกเขาไปโดยทิ้งระยะพอที่จะไม่ให้กลิ่นขาดหายไป

ไชโย..ในที่สุดหนูกำทำสำเร็จ..เมื่อหนูโผล่พ้นทางแยกออกมาแล้วได้กลิ่นเครื่องหมายของตัวเอง..หนูดม ๆ แล้ววิ่ง..ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนคิดว่าคุ้นเคยกับกลิ่นที่อยู่รอบ ๆ บ้านของหนูแล้ว.. เช่น..กลิ่นตุของฉี่พวกนางมอมอที่อยู่ในสวนใกล้บ้าน.. นายป้ามาถึงบ้านหรือยังหนูไม่รู้..แต่ไม่เป็นไรจะไปแอบหลบอยู่แถวข้าง ๆ รั้วก่อน..เพราะถ้าไม่หลบก็เสี่ยงกับการถูกรังแกจากเพื่อนบ้าน..ขณะที่หนูกำลังคิดเพลินอยู่นั้น..พลันนางหมาแม่ลูกอ่อนก็โผล่มาจากไหนไม่รู้.. ท่าทางมันคงหิวโซ เพราะดูตัวมันผอมมากเต้านมยานโตงเตงยังเปียก ๆ อยู่เลยแสดงว่าเพิ่งให้นมลูกเสร็จใหม่ ๆ ..มันกระโจนพรวดจะเข้ามากัดหนู..สงสัยมันคงจะหวงถิ่น.. หนูก็กระโดดหลบวิ่งโกยแน็บเข้าป่าสวนมันสำประหลัง.. หลับหูหลับตาวิ่ง ๆ อีกแล้วด้วยความกลัว.. พอได้สติ..เหลียวหลังมอง..เอ๊ะ..มันไม่ได้วิ่งตามเรามา.. แต่หนูก็หลงทางอีกแล้ว.. หนูเดินวนไปวนมารู้อยู่ว่าสวนมันสำประหลังนี้อยู่แถว ๆ หลังบ้านนายป้า..แต่เดินไปทางไหน..มองไปทางไหนก็เจอแต่ต้นมัน..หนูเดินวนไปเวียนมา..ก็ยังหาทางออกไม่ได้..สุดท้ายสัญชาตญาณมันสอนเอง..หนูส่งเสียงหอน..โบร๊ว....โบร๊ว.. หนูหอนอยู่หลายรอบ.. เดินไปหอนไป..พลันหนูก็ได้ยินเสียงรถเครื่องที่หนูคุ้นหู..แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าใช่เสียงของรถนายป้าหรือไม่..หนูกำลังจะวิ่งไปหาแต่เสียงเครื่องยนต์ก็ดับเสียแล้ว..หนูนิ่งฟังเสียง..จากนั้นลองส่งเสียงลองทักทายดูอีกครั้ง.. โบร๊ว..ว
“พัฟฟี่.. พัฟฟี่” หนูรีบวิ่งไปตามเสียง.. และหนูกระโดดโลดเต้นดีใจสุดขีดเมื่อเจอนายป้า
“หนีกลับมาก่อนทำไม.. ดูสิเนื้อตัวมอมแมมหมดเลย.. นี่มันสวนหลังบ้านเรานะ..หลงเข้าไปได้ยังไง..ฮึ” หนูไม่อยากเล่าเลยว่า..เรื่องมันยาว




สวนหลังบ้านที่หนูพลัดหลงเข้าไปอ่ะ



Create Date : 02 สิงหาคม 2554
Last Update : 2 สิงหาคม 2554 10:36:32 น.
Counter : 402 Pageviews.

0 comment
8. ช.ช้างตัวโต
ช้าง.. ช้าง.. ช้าง น้องเคยเห็นช้างหรือเปล่า ..ช้างมันตัวโตไม่เบาจมูกใหญ่ยาวเรียกว่างวง..ถึงหนูจะเคยได้ยินหลาน ๆ ของนายป้าร้องเพลงนี้ก็เถอะ..หนูก็ไม่เคยเข้าใจเลยว่ามันคืออะไร ..ก็อย่างว่าแหละนะ..สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น..



วันนั้นก็เป็นวันแสนจะปกติธรรมดา ..คือเวลานายป้าไม่อยู่หนูก็จะนอนหลบอยู่ในห้องครัวหลังบ้าน.. ใครจะผ่านไปมาหนูก็ไม่สน..จมูกของหนูจะสัมผัสกลิ่นอะไรบ้างหนูก็ไม่แยแสที่จะตามพิสูจน์มัน.. หน้าที่ของหนูก็คือ..เวลานายป้ากลับมาจากทำงานในตอนเย็น..หนูก็จะลุกขึ้นอย่างช้า ๆ และบิดขี้เกียจเหยียดแข้งเหยียดขาก่อน และวิ่งไปส่องดูว่าใช่นายป้าหรือไม่ ..ถ้าใช่ก็จะวิ่งตรงไปที่ประตูรั้ว.. รอให้รั้วเปิด..จากนั้นหนูก็จะวิ่งออกไปดมกลิ่นสื่อสารที่เพื่อนบ้านละแวกนี้ทิ้งเอาไว้.. พอนายป้าเคลื่อนรถเข้าจอดที่โรงจอดรถและเดินกลับมาปิดประตู...หนูก็จะต้องรีบวิ่งเข้าบ้าน..
“อยู่ข้างนอกเดี๋ยวตัวอื่น ๆ ก็มากัดเอาหรอก”
“เปิดประตูรั้วทิ้งไว้ไม่ได้ เดี๋ยวพวกนังมอมอ จะแอบเข้ามาเล็มหญ้า หรือไม่ก็น้องหมาตัวอื่น ๆ จะเข้ามากัดพัฟฟี่” นายป้าย้ำความทรงจำของหนูเสมอ ๆ

วันที่หนูคิดว่าเป็นวันธรรมดา..แต่ไม่ธรรมดาก็คือ.. หนูได้กลิ่นสาปสางเตะจมูกอย่างแรง ..หนูก็เกิดการอยากรู้ก็ตอนนายป้าเปิดประตูรั้วนั่นแหละ..หนูมีความสงสัยพอ ๆ กับนายป้า..เพียงแต่ต่างมุมมองกัน
“เอ๊ะ..ทำไมหญ้าบริเวณทางเข้าบ้านถึงมีรอยเหยียบย่ำ..กอหญ้าช้ำถูกถอนรากถอนโคนออกมาหลายกอ..เหมือนมีใครมาถึงหญ้าออก..ถ้าเป็นพวกนางมอมอ ก็ผ่านมาแถวนี้บ่อย ๆ ก็ไม่เคยทิ้งร่องรอยอย่างนี้” นายป้าคงคุยกับหนูเพราะมีแค่เราสอง..และนายป้าก็ชอบคุยกับหนูเสมอ ๆ ส่วนมุมมองของหนู.. หนูได้กลิ่นฉุนของฉี่อย่างแรง..ได้แต่ดม ๆ ดูแต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นฉี่ของใครเพราะเป็นกลิ่นที่แปลกใหม่มาก..นายป้าเดินวนรอบ ๆ สำรวจดูในขณะที่หนูก็ดมดูรอบ ๆ ..เราทั้งสองต่างก็ไม่ได้คำตอบจึงพากันกลับเข้าบ้าน..และดำเนินชีวิตประจำวันตามปกติ..

รุ่งเช้า..ขณะที่หนูกำลังหลับเพลิน..ถึงแม้พระอาทิตย์จะขึ้นมาทักทายแล้ว..แต่หนูก็ไม่สนใจหรอก..ยังไม่ถึงเวลาทานอาหารเช้า..และยังไม่ถึงเวลาไปส่งนายป้าที่ประตู..พลัน..กลิ่นสาปสางเหมือนเช่นเมื่อวานก็ลอยมากระทบจมูกหนูอย่างแรง.. ตอนนี้นายป้าอยู่บนบ้าน..ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาหนูมีตัวช่วย..และหนูก็ต้องทำหน้าที่น้องหมาฝ้าบ้านให้ดีที่สุด.. หนูรีบวิ่งตามกลิ่นไปดู..
อุแม่เจ้าโว้ย.. หนูวิ่งยังไม่พ้นขอบชายคาบ้านหนูก็มองเห็นได้ชัดเจน.. ตัวอะไรใหญ่บะเริ่มเทิ่มสีทึม ๆ ยืนอยู่ตรงทางประตูเข้าบ้าน..ลำตัวสูงใหญ่จนพ้นขอบรั้ว ..หนูตกใจกลัวสุดขีดจนแทบช๊อคตายคาที่..พร้อม ๆ กับฉี่ราด..ระเบิดเสียงเห่าออกไปดังก้องกังวานโดยไม่รู้ตัว..จนนายป้ารีบวิ่งลงมาดู
“มีอะไรเหรอพัฟฟี่..” นายป้ามองไปทางที่หนูมอง..แล้วก็หัวเราะ
“โอ้..นั่นช้างนี่..พัฟฟี่กลัวช้างเหรอ.. คงกลัวสินะเพราะไม่เคยเห็นอะไรตัวใหญ่อย่างนี้มาก่อน” นายป้าไม่ได้เดินไปดูใกล้ ๆ แต่ก้มลงเอามือลูบหัวหนู..นายป้าไม่มีอาการตื่นเต้นตกใจ..แสดงว่าเจ้าตัวนั้นไม่เป็นอันตราย..แต่หัวใจหนูสิเต้นตุ้มต่อม ๆ ไม่เป็นจังหวะ..หนูยังคงเห่า ๆ พร้อม ๆ กับกระดิกหางอย่างเร็วด้วยความตื่นเต้น
“พัฟฟี่..หยุดเห่าได้แล้วเดี๋ยวมันตกใจพังรั้วเราเข้ามานะ”
หนูยังคงสั่นงก ๆ ไม่หานต้องเอาตัวเองไปเบียดกับขาของนายป้าเพื่อให้รู้สึกว่าปลอดภัย

เราสองยืนมองการเคลื่อนไหวของเจ้าที่เรียกว่าช้างนั่น.. ภาพที่เห็นก็คือ.. บริเวณทางเข้าบ้านของนายป้าซึ่งอยู่ติดกับถนน จากถนนหลักมาถึงรั้วนายป้าเป็นคลองน้ำ..จะมีน้ำไหลหลากเฉพาะเวลาฝนตกหนัก ๆ นายป้าจึงต้องวางท่อระบายน้ำขนาดกลางเอาไว้..และตรงที่เป็นคลองซึ่งตอนนี้ไม่มีน้ำก็จะเป็นร่องคลองลึก..รถขนาดหกล้อที่บรรทุกช้างมาจึงขับถอยหลังลงไปจอดที่คลองซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำเพื่อให้ฝาท้ายที่เปิดออกมาตรงทางเข้าบ้านนายป้าก็จะสูงจากทางเดินนิดหน่อย..ส่วนเจ้าช.ช้างก็จะยืนบานทางเข้าบ้านนายป้าแล้วยกเท้าใหญ่ ๆ ของมันขึ้นรถลงรถได้อย่างสบาย.. และนั่นเป็นคำตอบของเมื่อวานนี้ด้วย ..เนื่องจากเลยบ้านนายป้าไปประมาณหนึ่งกิโลเมตรจะมีวัดป่าอยู่แห่งหนึ่งที่เจ้าของช้างและช้างพากันไปพักค้างแรมที่นั่น ..จอดให้ช้างลงตรงนี้และเดินไปต่อ..ไม่มีที่ไหนจะเอื้อได้มากเท่าบริเวณหน้าบ้านนายป้า..และตอนเช้าก็กลับมาที่เดิมเพื่อเอาช้างขึ้นรถและขับออกไป.. เมื่อวานนี้ทิ้งฉี่ฉุนไว้ให้สูดดม.. และเช้านี้ก็มีของที่ระลึกฝากไว้ให้ดูต่างหน้า..นั่นคือกองมูลก้อนมหึมาของนางช้าง..แต่นายป้ากลับอารมณ์ดีพูดกับหนูว่า
“พัฟฟี่รู้ไหม..โบราณเขาว่า.. ช้างเหยียบนา พญาเหยียบเมือง.. นับว่าเป็นบุญ.นี่ช้างก็มาเหยียบหน้าบ้านเรา..แสดงว่าบ้านเรามีบุญวาสนา..จะอยู่อย่างร่มรื่นเย็นสบาย..”

สำหรับหนูแล้ว.. หวังว่าคงไม่มีโอกาสเจอะเจออย่างนี้อีกเป็นครั้งที่สองนะ..เดี๋ยวหัวใจน้อย ๆ ของหนูจะวายตายจากนายป้าไปก่อน..

นะสิ



หนูเป็นยามเฝ้าบ้านอ่ะ



Create Date : 16 กรกฎาคม 2554
Last Update : 21 พฤษภาคม 2557 13:16:33 น.
Counter : 888 Pageviews.

0 comment
7. อวดเก่ง.. show off!!
หนูทำเรื่องยุ่งอีกแล้ว...
หนูจัดอยู่ประเภท ไฮเปอร์แอคทีพ หนูอยู่นิ่งไม่ค่อยได้.. ยกเว้นเวลาหนูนอนหลับเท่านั้น.. ในแต่ละวันหนูต้องหาหิจกรรมทำเช่น..ทำตัวเป็นนักล่า.. (สัตว์เล็กสัตว์น้อย) เป็นยามเฝ้าบ้านเวลานังมอ มอ มันมาเลาะเล็มหญ้าใกล้ ๆ รั้ว ทักทายนายไปรณษณีย์เวลาเขาแวะมาหยอดจดหมายลงที่ตู้สีแดงหน้าบ้าน.. ทักทายคนมาเก็บค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าขยะมูลฝอย.. เห่าขู่วัยร่นที่คุยเสียงดังเวลาเดินผ่านหน้าบ้าน และคนที่มาล่ากิ้งก่าตามรั้วบริเวณใกล้ ๆ บ้านในรัศมียี่สิบเมตร หน้าที่กล่าวมานี้มีข้อแม้ว่า หนูจะทำเฉพาะในเวลาที่นายป้าหรือนายลูกอยู่.. เป็นการแสดงความอวดเก่งของหนูไง แต่ถ้านายไม่อยู่หนูจะหดหัวแอบซ่อนตัวในโรงครัวหลังบ้าน เหตุเพราะหนูเป็นสาวน้อยหน้าหวานและขี้ขลาดนั่นเอง และแล้วหนูก็ทำให้เกิดเรื่องจนได้ ..เรื่องแล้ว หนูกับนายป้า
“พัฟฟี่..เวลาวิ่งเวลาเดินดูหน้าดูหลังมั่งสิ..อูย..อูย..เจ็บ ”
นายป้าดุหนูขณะที่กำลังพยายามยันตัวลุกขึ้น เรื่องมีอยู่ว่า.. ในช่วงหน้าหนาว บ้านของหนูจะหนาวเป็นพิเศษ เพราะอยู่ที่สูงและล้อมรอบไปด้วยป่า..เวลาลมหนาวพัดมา..ต้นไม้เหล่านั้นก็จะช่วยส่งผ่านลมหนาวมาปะทะบ้านดังโครม ๆ เลยทีเดียว.. นายป้าก็มักจะแต่งตัวรุ่มร่าม ..เสื่อผ้ากันหนาวเทอะทะ.. วันนั้นก้เช่นกัน..นายป้าใส่กระโปรงทรงตรงยาวกรอมเท้า.. เสื้อกันหนาวตัวโตยาวถึงเข่า.. ขณะที่นายป้าเดินดูไม้ดอกบริเวณหน้าบ้าน.. หนูก็พยายามชวนนายป้าเล่น..ชวนออกนอกบ้าน.. นายป้าก็ยังเฉยอยู่.. หนูวิ่งวนดักหน้าดักหลังเพื่อให้นายป้าสนใจ.. และก็คงกำลังมองเพลินจึงไม่ได้สังเกตเห็นหนู..หนูวิ่งดักหน้าแล้วหมอบลง.. นายป้ายกเท้าก้าวเดินตามปกติ..จึงยกไม่พ้นตัวหนู ชนตุ๊บเข้าที่หลังหนูอย่างแรง..นายป้าจะกระโดดก็แต่ก็ไม่ถนัดเพราะกระโปรงแคบ..จึงสะดุดล้มตึงลงบริเวณพื้นปูนอย่างแรง..จนเกรงว่ากระดูกอาจจะหักได้..
“ทะลึ่งนักแกน่ะ.. ดูสิ..เอาแขนลงเสียด้วย.. ดีนะที่กระดูกฉันไม่หัก” หนูสำนึกผิดอยากจะขอโทษ แต่ก็พูดไม่เป็น.. เห็นนายป้าเดินเขยก.ๆ อยู่นายหลายวัน

ความทะลึ่ง อวดเก่งของหนูไม่สิ้นสุดอยู่แค่นั้น.. เวลานายป้าเปิดประตูรั้วหน้าบ้าน..หนูจะตั้งท่ารอ...เวลารั้วเลื่อนเปิดเมื่อไหร่..หนูจะวิ่งกระโจนพรวดออกไป..ถ้าเป็นจังหวะที่คนขัยรถเครื่องหรือรถจักรยานผ่านมาหนูก็จะไล่เห่าขู่ทำท่าจะงับ..แต่ไม่เคยได้งับสักทีหรอก.. บางครั้งหนูก็วิ่งไล่เห่ารถยนต์..
“พัฟฟี่..อย่าทำอย่างนั้น..อีกหน่อยก็จะถูกรถทับเอาหรอก” จะถูกดุอย่างไรหนูก็ยังสนุกที่จะทำ..และทำเป็นกิจกวัตรประจำวันเสียด้วย..โดยเฉพาะในตอนเช้าเวลานายป้าเปิดประตูเพื่อขับรถออกไปทำงาน.. หนูก็จะวิ่งไปรอที่ประตูทุกวัน..

เลยบ้านของหนูขึ้นไปทางเหนือไม่ไกล..จะมีวัดปฏิบัติธรรมที่มีชื่อเสียงในละแวกนั้นอยู่วัดหนึ่ง.. และทุกวันก็จะมีญาติโยม..โดยเฉพาะคนแก่ ๆ นำอาหารไปส่งที่วัด..และส่วนใหญ่ก็ขะขับรถเครื่องไป.. ช่วงเวลาที่ไปก็เป็นเวลาไล่เลี่ยกันกับเวลานายป้าออกไปทำงาน ...

และแล้ววันหนึ่ง.. นายป้าเปิดประตูรั้วเตรียมจะออกไปทำงาน..หนูก็ตั้งตารอเวลารั้วเปิด.. พอรั้วเลื่อนพอหลวมตัวหนู หนูก็กระโจนพรวดออกไป.. จังหวะนั้นเอง ..คนแก่สองสามีภรรยา..ก็ขับรถเครื่องเก่า ๆ วิ่งช้า ๆ เพื่อที่จะไปส่งอาหารที่วัด..ผ่านหน้าบ้านหนูพอดี สามีเป็นคนขับ..ภรรยาเป็นคนซ้อนท้าย โดยนั่งบ่ายเบี่ยง..มือก็ถือกระติบข้าว และตะกร้าใส่อาหาร..หนูก็กระโจนพรวดพร้อมกับเห่ากรรโชกอย่างแรง.. คุณตาคนขับก็ตกใจ..คุณยายคนซ้อนท้ายก็ตกใจ..ร้องจ้าก..รถเครื่องเสียหลักเซถลา.. คุณยายหงายหลังเลื่อนตก ..ตะกร้าอาหารและกระติบข้าวก็ลอยละลิ่วไปคนละทิศละทาง..ชามอาหารกระเด็นออกจากตะกร้า..กลิ้งหลุน ๆ ลงข้างทาง..ผักลวกและน้ำพริกแจ่วของคุณยายหกระเนระนาด.. นายป้ายืนตะลึงกับภาพที่เห็น.. มาได้สติก็ต่อเมื่อเสียงคุณยายร้องโอย ๆ ..นอนแอ้งแม้งดิ้นกระแด่ว ๆ อยู่ข้างถนน.. ส่วนคุณตากับรถเครื่องก็เซถลาลงข้างทางแต่ไม่ล้ม ..นายป้ารีบไปพยุงคุณยายยลุกขึ้น.. หนูเห็นเลือดแดง ๆ ไหลซิบ ๆ หยดแหมะ ๆลงพื้น
“พัฟฟี่..ดูสิว่าทำอะไรลงไป” หนูรีบวิ่งไปหลบอยู่หลังบ้าน แต่ก็ยังได้ยินเสียงคุยกัน
“อย่าไปว่ามันเลย.. มันบังเอิญและมันก็ไม่รู้เรื่อง” เสียงยายพูดกับนายป้า
“ดูสิ..ขมับข้างซ้ายยายมีเลือดไหลออกมากเลย.. ข้อศอกด้วย..แขนด้วย”
“ไป๊..ไปหาหมอ” เสียงคุณตาดังขึ้น
“คุณตาเป็นอะไรไหมคะ” เสียงนายป้าถามขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอก..ห่วงแต่ยายนั่นแหละยิ่งไม่ค่อยสบายอยู่ด้วย”
“เดี๋ยวหนูพาไปหาหมอเองค่ะ..หนูจะดูแลเองค่ะ”
“หนู..ฟังยายนะ..อย่าไปดุด่าว่าอะไรนังหมามันนะ.. ยายถือว่าเป็นเคราะกรรมของยาย..ถ้าไม่เกิดที่นี่ตรงนี้..ก็อาจจะไปเกิดที่อื่น.. ยายไม่ขอจองเวรจองกรรม.. ยายไม่ติดใจเอาความ.. มันเป็นเดรัจฉาน..ไม่รู้เรื่อง..ยายจะแผ่บุญแผ่เมตตาให้มันด้วย” คุณยายใจดีบอกกับนายป้าขณะที่นายป้าพยุงขึ้นรถ

หนูวิ่งออกมาแอบส่องดู เห็นนายป้าขับรถออกไป..ส่วนคุณตากำลังก้มเก็บตะกร้าและถ้วยชาม..อาหารที่ตกเรี่ยราดก็คงเป็นหน้าที่ของเหล่ามดคงมาขนไปรังของมัน ..
“พัฟฟี่..ต่อไปอย่าทำอีกนะ..เห็นไหม๊..คุณยายเขาอายุเจ็ดสิบกว่า ๆ แล้ว..ตกลงไปกลิ้งอย่างนั้นน่าสงสารออก..ต่อไปนี้ห้าทำอย่างนี้อีก..ไม่ว่ากับใคร ๆ ก็ตาม”

นายป้าเทียวไปเยี่ยมคุณยายหลายครั้ง..เห็นหิ้วของกินไปฝาก.. และผูกข้อเรียกขวัญให้ด้วย.. เฮ้อ..นี่เพราะความอวดเก่งของหนูแท้ ๆ ที่ทำให้หลาย ๆ คนต้องเป็นทุกข์



Create Date : 10 กรกฎาคม 2554
Last Update : 10 กรกฎาคม 2554 22:55:20 น.
Counter : 400 Pageviews.

0 comment
1  2  3  

Maya_II
Location :
มุกดาหาร  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



Star sign : Gemini
Hobby : Reading & Writing
Interest : variety