SmileySmiley :: How Do I Enjoy Life while "Living with Cancer" ::
Group Blog
 
All blogs
 

Color of India : Pune Trip

มีคนบอกให้เขียนเล่าเรื่องที่ไปเมืองปูเน่, อินเดีย
สัมผัสเอาจากรูปก็แล้วกันน๊ะ

เดือนเมษา - พฤษภาคม ที่เมืองปูเน่ จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น
เพราะอากาศร้อนมาก
ผู้คนที่มาเข้าอาศรม OSHO มีจำนวนน้อย
ในเมืองละแวก สวนโคเลกาว (Korekaon Park)
ก็เลยไม่คึกคักเท่าที่ควร
(ช่วงไฮซีชั่น คนมาปฏิบัติธรรม ที่ OSHO Ashram
5,000 คนต่อวัน โลว์ซีซั่น เหลือ 800 คนต่อวัน)

ทริปนี้ ไปกับคุณโธมัส สามีของฉัน

กินอาหารมื้อแรก ที่ปรุงโดยพ่อครัว ซึ่งจ้างมาโดยเฉพาะ


พี่ครัวของเราชื่อ ราจู มาทำอาหารให้ที่แฟลต


อาหารที่ทำ เป็นอาหารแขก มังสะวิรัต
ฉันแจ้งไว้แล้วว่า ข้าวกล้อง ไม่ใช้น้ำมัน ไม่เค็ม....
เขาบอกมีอย่างหนึ่งที่อยากให้กิน คือ Dal ตัล เป็นถั่วซึ่งให้พลังงานสูง
(ปกติฉันไม่กินถั่ว เพราะโปรตีนสูง แต่ไหนๆ มาอินเดีย ก็ต้องหลิ่วตาตาม)


นายมิกะ เพื่อนของคุณโธมัส ชาวฝรั่งเศส ที่มาใช้เวลาอยู่ในอินเดีย กับศาสตร์แห่งเรกิ
เขาเป็นคนจัดหาแฟลต พ่อครัว และแม่บ้านให้เรา


แม่บ้านมาทำงานให้ช่วงเช้า เธอทำงานหลายแห่ง
Aya = แม่บ้าน
ส่วนตัวเธอ ชื่อ ชายา


เมื่อสอบถาม ชายา เกี่ยวกับการนุ่งสาหรี
เช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็นำสาหรี ชิ้นใหม่ พร้อมเสื้อของเธอ มาให้ลองใส่ดู


นุ่งสาหรี่ แล้วก็ไม่ใช่แค่ลองเฉยๆ ใส่มันเลยทั้งวัน....
สบายตัวดี ทีแรกนึกว่า จะรุ่มร่าม...
กินมื้อสายวันนั้น มีครบทั้งสลัดผัก ผลไม้ และข้าวกล้อง


ไปเที่ยวตลาดกัน เยโรล่าตอนสายๆ


แผงขายมันฝรั่ง กะหอมแขก สดมากๆ


อินเดีย...สวรรค์ ของคนกินพืช ผัก


แขกขายถั่ว
มีถั่วให้เลือกสารพัดชนิด สีสันหลากหลาย ทั้งเมล็ดเล็กเมล็ดใหญ่


นี่ก็ขายถั่ว แต่เป็นฝักๆ ที่เราเรียก "ถั่วแขก"


แขกกินถั่วกันทุกมื้อ แขกขายถั่วจึงมีอยู่ทั่วตลาด


ชาวอินเดีย แคว้นมหารัชตะใช้ผักชี ทำน้ำจิ้ม สีเขียวๆ


ร้านขายผลไม้ร้านนี้ ภายหลังกลายเป็นร้านเจ้าประจำ


ไปร้านไหนๆ ก็เห็นใช้ตาชั่งแบบนี้ เครื่องหมายแห่งความยุติธรรม...


นั่งตุ๊กตุ๊ก กลับแฟลต
ที่นั่นเรียก รถแบบนี้ว่า Auto Rickshaw


นั่งรถผ่าน เห็นรถเข็นขายน้ำอ้อย
ถ้าเทียบขนาดกับเครื่องหีบน้ำอ้อยสดแถวบ้านเราแล้ว
เจ้าเครื่องนี้ ต้องเรียกว่า ขนาดใหญ่โตมโหฬาร...
คนหีบอ้อยแกจับไม้อันใหญ่นี้ เดินรอบรถเข็นเลยแหละ...
เห็นแล้วก็ตื่นตา ตื่นใจ ใช่เล่น


แต่งตัวกัน ใส่ชุดสีแดง Maroon ตามระเบียบของอาศรม OSHO
เห็นเขาเรียกชุดของ Sanyasin แต่เราถึงยังไม่เป็น ก็ให้แต่งชุดแบบนี้ ตอนเข้าอาศรม


ตอนเย็น ถ้าจะไปร่วม Evening Meeting ที่อาศรม ต้องอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนชุดขาว
ให้สะอาดบริสุทธิ์


ถนนแถวหน้าแฟลต มีเด็กวัยรุ่น มาเล่นคริกเก็ต กีฬายอดฮิต..


ร้านอาหารแขก ไม่ได้จำชื่อมา...


ร้านขายมะม่วง ริมถนน


แถวเมืองใหม่ มีให้บริการขี่ม้าเล่น
ขี่กันบนถนนเลย...
ม้าสวยๆ พวกนี้ ยังมีใช้กันมาก เพราะในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวจะต้องขี่ม้าในขบวนพิธี
วันว่างจากงานพิธี ก็ออกมารับจ้างพิเศษแบบนี้


วัดพระศิวะ Shiva Temple บนเนินเขา




แล้วก็ไปวัดพระกฤษณะ Lord Krisna Temple


อาหารที่ร้าน...แป้ง ใส่ไส้ มีซอสมาด้วย เป็นอาหารเช้า ของคุณโธมัส


อาหารแขก เสริฟในถาดสแตนเลส
อาหารมักจะเป็นผัก ผัด แกงในน้ำข้นๆ ต้ม เคี่ยวจนนุ่ม
ทำให้น่าตาอาหารไม่ค่อยน่ากินนัก....


ถาดอาหารของฉัน ที่ศูนย์เรกิ
ทำสลัดเพิ่มเอาใจฉันด้วย ทุกวัน... ขอบคุณจริงๆ
แป้งสีขาว เรียกว่า จะปาตี เป็นโรตีชนิดหนึ่ง ทำจากแป้งโฮลวีทที่เพิ่งโม่มาสดๆ
จี่กับกะทะ และผิงไฟร้อนๆ ไม่ใช้น้ำมัน....เยี่ยม
กินอาหารจานนี้ ต้องใช้มือเปิบ.....


มองออกไปจากระเบียงห้องพักที่แฟลต....


ไปนอนค้างบ้านเพื่อน ฝึกสมาธิร่วมกัน หัดทำจะปาตี กับ ภาระตะ

พักอยู่ เมืองปูเน่ คนเดียว 4 สัปดาห์
ไม่น่ากลัว ถ้าไม่ออกไปข้างนอกมืดค่ำ
เพราะเป็นเมืองที่มีต่างชาติจำนวนมาก มาปฏิบัติธรรม




 

Create Date : 15 ตุลาคม 2550    
Last Update : 15 ตุลาคม 2550 15:48:45 น.
Counter : 3987 Pageviews.  

People of India : Beautiful memories

ภาพถ่าย ที่เก็บไว้ หลายเดือนก่อน
เอาออกมาดูอีกครั้ง
..............ก็....ยิ้มกว้าง
เมื่อนึกถึงมิตรไมตรีที่ได้รับจากพวกเขา

แถวตลาดเยโรล่า เมืองปูเน่ แคว้นมหารัชตะ อินเดีย


ยามเช้า ใต้แสงแดดอ่อน
สองสาวหน้าร้านขายของชำ และขนมสำหรับมื้อเช้า


สาวงาม...เธอมาสวดมนต์ที่วัดของพระศิวะ


"ออกมาเดินเล่น แวะดื่ม Cha"
Cha = เป็นชานมสด ใส่ขิง และน้ำตาล


ที่บ้านหนึ่งในซอยเล็กๆ....
หลังจากฉัน เอารูปถ่ายของเธอ และพี่สะใภ้ไปให้ที่บ้าน
เธอชวนฉัน "ดื่มน้ำมะม่วงสด...หรือ ชา ดี??"
ฉันไม่ได้รับไมตรีในคราวนั้น เพราะต้องเผ่นกลับบ้าน ก็มันค่ำแล้วนี่....


พบกับพี่ชายคนนี้ แกนั่งกับคนอื่นๆ อีกสองสามคน อยู่หน้าวัดของพระศิวะ Shiva Temple
อีกสามวันต่อมา ฉันเตรียมรูปถ่ายไปให้...แต่หาแกไม่เจอแล้ว...
ถามคนแถวนั้นก็ไม่รู้จัก
ท้ายที่สุด เลยฝากร้านตัดเสื้อข้างๆ วัดไว้ ถ้าเห็นคนในรูป ช่วยมอบรูปให้เขาด้วย...



หนุ่มคนนี้ รวมกลุ่มกับเพื่อนนั่งแถวๆ มอเตอร์ไซค์
เห็นว่า เพื่อนของเขาเป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้าง
เขาเห็นฉันไปถ่ายรูปเล่น ก็แซวกัน ว่าถ่ายให้คนนี้มั่ง


หน้าตลาดเยโรล่า
รถราขวักไขว่า ผู้คนมากหลาย
คุณป้าแกนั่งยองๆ อยู่กับพื้น พร้อมเพื่อนๆ อีก สามสี่คน
ผู้คนก็เดินผ่านไปมา.........



ที่มหารัชตะ คนนิยมนุ่งส่าหรี
โดยเฉพาะผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว......




ที่บนภูเขา Mahabelswar ห่างจากเมืองปูเน่ ไป 200 กิโลเมตร
สูงกว่าระดับน้ำทะเล 4500 ฟุต

ฉันพบกับครอบครัวหนึ่ง
พวกเขาอยู่ร่วมกันประมาณ 25 คน
เป็นพวกร่อนเร่ ตั้งเต้นท์อยู่ตามลานว่าง บนภูเขา


I love the moment


สาวน้อยคนขวามือ เธอบอกว่า "My name is Ocean"


เล่นกับกล้อง.....สังเกตมั้ยว่า ฟันขาวมาก กันทั้งนั้น


คุณยาย...


สาวๆ รวมหมู่


ดอกไม้กับภูเขา


รถโดยสาร ขึ้นเขา


มีด่านเก็บเงิน ค่าเยี่ยมชมภูเขา และค่าภาษีจัดการมลภาวะ







 

Create Date : 15 ตุลาคม 2550    
Last Update : 15 ตุลาคม 2550 15:35:31 น.
Counter : 741 Pageviews.  

ธรรมชาติกับชีวิต

กลับมาแล้ว คิดถึงค่ะ
ไม่ได้บอกล่วงหน้าไว้
เพราะถูกเรียกตัวกลับ จากหลวงพระบาง
ให้กลับกรุงเทพด่วนฯ
กลับมากินข้าวกับเพื่อนๆ ร่วมรุ่นมหาวิทยาลัย
ในวันซ้อมเปิดร้านอาหารของสามีอิชั้นเองค่ะ

แล้วน้องสาว ก็ฉกตัวให้เป็นเพื่อนคุณแม่ไประยอง
หายหน้าไปเป็นสัปดาห์ หายไปไหนเหรอคะ????




ไปศึกษา เรียนรู้ ฝึกปฏิบัติ
การเยียวยา ร่างกาย จิตใจ
ด้วยการให้ธรรมชาติเป็นผู้บำบัด

รู้สึกเป็นอิสระ ในการดำรงชีวิต อย่างแท้จริง.....

เมื่อได้รู้จักกับ "ธรรมชาติบำบัดที่แท้"
เมื่อได้เรียนรู้ การดูแลสุขภาพด้วย "การพึ่งตนเอง"




ชีวิตที่เกิดมาเป็นมนุษย์
ร่างกายนี้ ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
มันไม่ได้คงที่
เซลล์ที่ประกอบขึ้นมองเห็นเป็นร่างกาย
มีการเกิด ดำรงอยู่ และตายตลอดเวลา
เวลาที่ดำเนินไป ผ่านไป
ร่างกายเยียวยาตัวเองได้
ธรรมชาติอัศจรรย์เกินกว่าที่เราคิดมากนัก

หากเราสัมผัสกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความรู้สึก
เราจะค่อยๆ รับฟังเสียงจากธรรมชาติ
และเราจะไม่ทำร้ายธรรมชาติอีกต่อไป

หยุด การทำร้ายร่างกายด้วยการใช้ "ยาทุกชนิด"
หยุด การทำร้ายร่างกายด้วยการกิน "อาหารไร้พลังชีวิต"
หยุด การทำร้ายร่างกายด้วยการกิน "ปริมาณมาก"

หยุด.....กิจกรรม การงาน หากได้ยินเสียงจากธรรมชาติ
ที่ร่างกายเรียกร้อง ด้วยอาการไม่สบายต่างๆ

เมื่อน้ำมูกไหล คัดจมูก ไอ มีเสมหะ......
เมื่อปวดตัว เป็นไข้.....
เมื่อปวดหัว......
เสียงของธรรมชาติได้เรียกร้องให้เรา....หยุดพัก

เราจะหยุด...หยุดพัก กิจกรรมทุกชนิด

หยุด......การคิด
หยุด......การดูโทรทัศน์
หยุด......การคุยโทรศัพท์
หยุด......การอ่านหนังสือ
หยุด......การกิน

เพื่อให้ร่างกายได้เยียวยาตัวเอง




ขอบคุณ: หมอเจคอบ เวทักกันเชรี //www.naturelifehospital.org/
ข้อเขียนของหมอเจคอบในเวป การแพทย์ทางเลือก
//www.dtam.moph.go.th/alternative/viewstory.php?id=37
ขอบคุณ: พี่สำอางค์ พี่แมว และอาสาสมัครท่านอื่นๆ ค่ะ

เดี๋ยวจะเปิด Group Blog อันใหม่ว่า ด้วยเรื่อง "ธรรมชาติบำบัด" นะค๊า โปรดติดตาม.....จะมาพร้อมเรื่องเล่า และรูปถ่าย เหมือนเคยอ่านะ




 

Create Date : 09 ตุลาคม 2550    
Last Update : 10 ตุลาคม 2550 18:23:43 น.
Counter : 770 Pageviews.  

OSHO International Meditation Resort and my days in Pune

กลับมาจากเมืองปูเน่ (ชื่อเดิม ปูนา) ซึ่งอยู่ในรัฐมหาราษฏระ ประเทศอินเดีย เมือวันจันทร์ที่แล้ว.... หลังจากไปใช้ชีวิตที่นั่น 6 สัปดาห์ กับการเรียนรู้เกี่ยวกับการทำให้สมองว่าง จิตว่าง และเข้ารับการบำบัดด้วยเรกิ ไปๆมาๆ เริ่มฝึกเรกิเคี่ยวกรำจากเรกิ 1 เรกิ 2 และเรกิ 3 ในที่สุดได้เป็น เรกิมาสเตอร์ (อาจารย์สอนเรกิ) รวมถึงได้หลักคิดในการดำเนินชีวิตมาด้วย
ได้สัมผัส กับความรู้สึกเบิกบาน เริงร่า มันเป็นอย่างนี้นี่เอง :)

ไปอินเดียครั้งแรก อยู่มัน 6 สัปดาห์ในเมืองๆ เดียว
มีสถานที่ๆ ไปเป็นหลักอยู่ 2 แห่ง คือ
1. โรงเรียนเรกิ ใช้แฟลตของ สวามีจี (ท่านอาจารย์โอมานันด์ บราตี ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียน : คุรุ ของ มีนากุมารี เพราะท่านเรียกชื่อฉันว่าอย่างนี้) ซึ่งท่านเปิดห้องสอนการฝึกสมาธิ โดยนำเรกิมาประกอบเพื่อเพิ่มพลังชีวิตจากจักรวาลให้แก่ผู้รับการบำบัดและผู้ฝึกเรกิ ช่วยให้การเข้าถึงภาวะสมองว่างจิตว่างระหว่างการฝึกสมาธิได้เร็วขึ้นและง่ายขึ้น สวามีจีได้ให้เวลาสำหรับการถามตอบคำถามใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต ซึ่งจัดเจนแจ่มแจ้ง

2. OSHO International Meditation Resort อยู่ที่นั่นเราเรียก Ashram (อาศรม) หรือ Commune (ประชาคม)
เข้าไปสัมผัสกับธรรมชาติ ความสงบเงียบ มีชีวิตชีวา สะอาด และครบครันไปด้วยการบริการต่างๆ ที่เตรียมไว้ให้ผู้ฝึกสมาธิได้รับความสะดวกสบาย ซึ่งทางอาศรมจัดไว้ ช่วงที่ไปเป็น Low-season รายละเอียดค่อยเล่าในบล็อกอันต่อไป เผื่อใครสนใจเกี่ยวกับท่าน OSHO โดยเฉพาะ ตอนนี้ไปที่ //www.osho.com ก่อนเลย

บางวันก็ไปทั้งสองที่ ตื่นเช้าตอนตีห้า อาบน้ำ ใส่ชุดสีแดงเข้ม (Maroon Rope) แล้วออกจากแฟลตเดินสมาธิก้าวเท้า ซ้าย-ขวา ซ้าย-ขวา อย่างเร็วจ้ำอ้าวประมาณ 1 กิโลเมตรไปยังอาศรม

"ใส่ชุด Maroon Rope"


จ่ายสตางค์ตรงทางเข้า ปัจจุบัน ชาวต่างชาติไปใช้สถานที่และเข้าร่วมกิจกรรมสมาธิที่อาศรม ค่าเข้า 450 รูปี ส่วนชาวอินเดีย 150 รูปี ซึ่งก่อนการไปใช้สถามที่ก็ต้องสมัครสมาชิกกันก่อน ฉันไปสมัตรก่อนหน้า 1 วันนอกจากกรอกใบสมัคร ทำบัตรสมาชิกแล้วก็ต้องมีการเจาะเลือดสมาชิกต้องไม่เป็นโรคติดต่อใดๆ


"วันไปสมัครสมาชิก ถ่ายรูปที่ด้านหน้าอาศรม เพราะเขาไม่อนุญาตให้ถ่ายด้านในอาศรม"


"สิ่งของที่ต้องใช้ตอนไปอาศรม ได้แก่ บัตรประจำตัว ชุดสีแดงเข้ม ชุดสีขาว กุญแจล็อกเกอร์ ตารางกิจกรรมสมาธิประจำสัปดาห์ และคูปองอาหาร"


มุ่งหน้าไปที่ล็อกเกอร์เก็บของ แล้วตรงไปยังอาคารหลังคาทรงปิรามิด ที่ให้ความรู้สึกถึงความมั่งคงและทรงพลัง ทางเท้าที่นำไปสู่บันไดทางขึ้นปิรามิดมีสระน้ำขนาดใหญ่ปูกระเบื้องสีดำ เงาสะท้อนต้นหางนกยูงและต้นไผ่ต้นสูงใหญ่ที่รายรอบ ดอกหางนกยูงสีส้มสดลอยบนผิวน้ำละรอกคลื่นเคลื่อนตัวเอื่อย พริ้วไหว


"อาคารทรงปิรามิด...ขอบคุณเวป OSHO สำหรับรูปนี้"


ภายใต้หลังคาปิรามิดขนาดใหญ่น่าจะจุคนได้มากกว่า 5,000 คน เช้าวันนั้น เอารองเท้าวางบนชั้นหน้าห้อง สั่งน้ำมูก แล้วเดินเข้าไปในห้องภายในเพดานเป็นหลังคารูปปิรามิด เปิดแอร์เย็นฉ่ำ อากาศสดชื่นกลิ่นสะอาด.....
เห็นมีคนมาก่อน หลายสิบคน บางคนนอนท่าศพอาสนะ บางคนหมุนข้อต่างๆ แบบโยคะ บางคนนั่งหมอบพักกายพักใจแบบโยคะ บางคนนั่งนิ่งๆ มองไปรอบๆ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความเพลิดเพลินกับเสียงเพลงจากฟลุทที่เปิดคลอเบาๆ ไว้ ทะยอยกันเข้ามาในห้อง ตอนจะเริ่มมีคนอยู่สัก 400 คนได้

6.15 น. Dynamic Meditation เป็นการใช้พลังงานที่มีอยู่ในตัวเราอย่างตื่นตัว

หายใจออกอย่างต่อเนื่องทำความสะอาดเลือด ด้วยท่าพ่นลมออกทางจมูกพร้อมกระพือปีก 15 นาที

ต่อด้วยการระบายความรู้สึกด้วยการหัวเราะ ร้องไห้ พูดบ่นด่าด้วยภาษาที่เราไม่รู้จักแสดงออกทางอารมณ์เต็มที่ หลับตาไม่สนใจใครต่างคนต่างสนใจตัวเอง 15 นาที

ต่อด้วยการกระโดดสองขาพร้อมกับออกเสียง Hoo Hoo Hoo ต่อเนื่อง เป็นการเอาอากาศเข้ามาเพิ่มพลัง ช่วงนี้แหละที่เริ่มรู้สึกคล้ายว่าจะเป็นลม แต่หยุดไม่ได้..... กระโดดต่อไป กระโดด กระโดด อ่อนล้า สลับกับทรงพลัง 15 นาที

เพลงเปลี่ยนเป็นเสียง Singing Bowl ก้องกังวาน ยืนหยุดนิ่ง สังเกตตัวเองที่ภายนอก เป็นร่างกาย เห็นเหงื่อไหล รู้สึกชีพจรเต้นแรง เกิดความร้อนตามส่วนต่างๆของร่างกาย แขนขาสั่นๆ ผิวหนังยุกยิก 15 นาที

แล้วลงนอนพัก ดูลมหายใจที่ท้อง และพักผ่อนไปเลย เพราะหมดแรงจริงๆ แขนขาไม่รู้อยู่ไหน.... รู้สึกถึงความสงบ นิ่ง สบาย จนเสียงระฆังปลุกให้ตื่นจากภวังค์ ตะแคงตัวนิ่งสักพัก ลุกขึ้นมา รู้สึกสบาย คล่องตัว สดชื่น.....

ออกจากห้องกิจกรรม ไปหาผลไม้กินที่ห้องอาหาร ซึ่งสะอาดมาก ในห้องบริการอาหาร มีที่ล้างมือก่อนเข้า แต่ห้ามใช้มือหยิบอาหารจากตู้อาหาร ป้องกันการติดเชื้อจากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่ง ห้ามชิมอาหาร ซึ้อเสร็จ ยกออกไปกินข้างนอก เป็นโต๊ะเก้าอี้ที่ตั้งไว้ใต้ร่มไม้

กินเสร็จ ไปห้องสมาธิ Silence Sitting ห้องนี้ต้องใส่ถุงเท้าขาวเข้าไป เพราะพื้นห้องเป็นหินอ่อนที่ไม่ได้เคลือบน้ำยา ขอความร่วมมือทุกคนไม่ให้เอาผิวหนังสัมผัส น้ำมันในร่างกายจะทำลายผิวหินอ่อน ห้องนี้เมื่อเข้ามาต้องไม่ส่งเสียงใดๆ ที่นี่เป็นที่เก็บอัฐิของท่าน OSHO ด้วย นั่งสมาธิ ไป 1 ชั่วโมง

ไปสวดมนต์เช้าเรกิ ไหว้พระอาทิตย์อาบพลังชีวตจากจักรวาล ที่ลานกิจกรรมกลางแจ้ง

แล้วออกจากอาศรม แวะถ่ายรูปกับพระพิฆเนศ


เดินกลับไปโรงเรียนเรกิ ตึกใกล้กันกับแฟลตที่พักน่ะแหละ ไปถึงตอน 11 โมง ไปพบสวามีจีและถามคำถามท่าน เกี่ยวกับสมาธิ หรือเรกิ รวมถึงหลักการใช้ชีวิต แล้ว 11.30 น. ท่านและอาจารย์เรกิท่านอื่นทำการบำบัดเรกิให้...

12.30 น.ก็กินข้าวร่วมกัน เป็นอาหารแขกที่ทำรับประทานกันเป็นปกติ ฉันก็เข้าไปแจมด้วย โดยขอให้พ่อครัวช่วยทำสลัดผักให้ด้วย อาหารหลักที่กิน เป็น "จะปาตี" ซึ่งทำจากแป้งสาลีโม่มาใหม่ๆ สลัดผักใส่เกลือเล็กน้อยกับน้ำมะนาว ซุปถั่วที่เรียก "ดัล" และผัดผักนิดหน่อยไม่อยากจะกินอาหารที่ใช้น้ำมันมาก


"มื้อเที่ยง กินใส่จานสแตนเลสแบบนี้"


13.30 น. เป็นชั่วโมงฝึกสมาธิแบบต่างๆ และฝึกเรกิ อาจารย์เรกิสองสามคนจะมาทุกวัน และร่วมกันสอนนักเรียน รวมทั้งให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติไปในแต่ละขั้นของเรกิ และฝึกบำบัดให้แก่ผู้อื่นด้วย


"นั่งนิ่งๆ นะจ๊ะ เข้าสมาธิแบบนั่งนิ่ง"


"หายใจออกต่อเนื่อง" "หัวเราะกันอย่างต่อเนื่อง"


"ตันตระ จ้องตาตัวเอง"


15.30 น. พูดคุยประสบการณ์เกี่ยวกับการฝึกเรกิ สักครึ่งชั่วโมง
16.00 น. กลับแฟลตที่พัก ไปพักผ่อน โดยแวะกินน้ำมะพร้าวอ่อนสดก่อนขึ้นแฟลต อาบน้ำ นอนพักผ่อน
17.30 น. กินผลไม้ แล้วอ่านหนังสือที่สนใจ
18.00 น. เผ่นไปอาศรมอีกรอบ ตรงไปที่ล็อกเกอร์อาบน้ำสระผม เปลี่ยนชุดเป็นสีขาว เพื่อเข้าประชุมตอนเย็น Evening Meeting เป็นช่วงที่ทุกคนที่ทำงานในอาศรมและผู้ฝึกสมาธิจะมาทำกิจกรรมสมาธิร่วมกัน มีการเต้นรำ (Dance Meditation) Giberish Meditation และฟังวิดีโอทอล์คของท่าน OSHO จนถึง 2 ทุ่มเศษ


"ภาพช่วงประชุมเย็น เวลามีคนมากๆ ภาพจากเวป"


วันไหนไม่ได้ไปอาศรมและไม่เหนื่อย ตอนเย็นชอบออกไปเดินเล่นที่ตลาดเยโรล่า ใช้วิธีเดินจากแฟลตข้ามสะพานยาวๆ ไปจนถึงตลาด ที่จริงถ้านั่งรถตุ๊กตุ๊กที่เรียกว่า "ออโต้ริกชอ" เขาคิดแค่ 15 รูปีเอง แต่ชอบเดินมากกว่า... ซื้อผลไม้สดๆ เดินชมตลาด ซื้อเครื่องประดับแขกๆ

กลับถึงแฟลตตอนค่ำ พ่อครัวผู้ดูแลแฟลตจะทำอาหารให้กิน ตามที่บอกไว้ ว่า ไม่เค็ม ไม่มัน ให้ทำสลัด และกับข้าวที่ทำจากผัก ข้าวกล้อง ส่วนเขาจะทำสูตรไหนก็แล้วแต่เขา เป็นสไตล์อาหารอินเดียน่ะแหละ กินเสร็จก็ทำสมาธิ 1 ชั่วโมง โทรหาคุณสามีซึ่งกลับเมืองไทยก่อน แล้วก็นอน...


"อาหารมื้อเย็น...กินค่ำไปหน่อย"


วันไหนไม่ได้ไปอาศรม ก็ตื่นเช้า ไปสวดมนต์เช้าเรกิ ไหว้พระอาทิตย์อาบพลังชีวตจากจักรวาล แล้วเต้นรำเข้าสมาธิบนดาดฟ้า....

หลังจากเรียนเรกิจนได้รับใบประกาศนียบัตรเป็นอาจารย์เรกิแล้ว ก็อยู่ต่ออีก 10 วัน เพื่อจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับตัวเองเงียบๆ โดยไปฝึกเรกิที่โรงเรียนทุกวัน แต่จะพูดน้อย หรือแทบไม่พูดเลย และไม่คิดอะไรมาก......

อาจารย์เรกิเพื่อนกันชื่อ Usha ชวนไปเยี่ยมบ้าน ให้ได้ไปรู้จักครอบครัว วัฒนธรรม และอาหารที่เธอทำ เธอบอกว่า คนอินเดียแต่ละชั้นวรรณะจะมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันมาก ในเรื่องกิริยามารยาท และที่เห็นชัดคืออาหารไม่เหมือนกัน ชวนให้ไปดูทำ "จะปาติ" เลยได้วิชาอาหารแขกติดตัวกลับบ้านมาด้วย.... :)

หัดใส่ชุดส่าหรี ทีแรกนึกว่าจะรุ่มร่ามทนไม่ไหว แต่พอใส่จริงๆ สบายตัวดีแฮะ.....







 

Create Date : 19 มิถุนายน 2550    
Last Update : 2 ตุลาคม 2551 16:18:09 น.
Counter : 2650 Pageviews.  

6 weeks in Pune, India

Just come to say "Namaste" to everyone.

My blog has to be updated. This time I have not much things to say, because my Reiki Grand master (Swamiji Omanand Bharti) said "You not allow to think when you are in Pune"

So, I have to keep in silence. Not only about talking but also writing, reading, talking to myself :P hurrr it's tough. By the way, I am happier now. Life is a joy.


Start being a meditator


The day after tomorrow, will be my Reiki Master Certificate ceremony and celebration!!! How could I come to this Reiki world -- Cosmic living energy!!!

Next 10 days, I will spend most of my time in the Ashram (OSHO International Meditation Resort). Yes, for meditation.

Then better have a look at photo taken here in Pune, India.
















 

Create Date : 28 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 26 มิถุนายน 2550 7:24:40 น.
Counter : 704 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  

Minie'
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]




รู้โลกเรียนธรรม

Friends' blogs
[Add Minie''s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.