Group Blog
All Blog
|
EDP / EDT / EDC ปริมาณหัวน้ำหอม - ความติดทนโดยเฉลี่ย
 Parfum / EDP / EDT / EDC / Body Mist ระดับความเข้มข้นของหัวน้ำหอมที่มีอยู่ในน้ำหอมแต่ละประเภท 1. Perfume (Parfum) เข้มข้นที่สุดปริมาณหัวน้ำหอม 20-30% สังเกตง่ายๆ ค่ะ ขวดจะเล็กและมีปริมาณน้อยกว่า EDP / EDT แต่มีราคาค่อนข้างสูง (เช่น parfum ของแบรนด์ chanel 7.5ml. ราคาอยู่ที่ห้าพันกว่าบาท) และมักจะเป็นแบบแตะแต้มใช้เพียงแค่ นิดเดียวก็ให้ความหอมฟุ้งทั่วร่างกาย * Parfum เป็นน้ำหอมในระดับที่มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงต่างๆ ตั้งแต่กลิ่นเปิดจนถึงช่วงเบสที่เหลือติดผิวให้สัมผัสได้อย่างชัดเจนที่สุด ความทนขั้นต่ำ 8 ชม.ขึ้นไปและอาจอยู่ได้นานถึง 24 ชม. น้ำหอมในระดับ perfume นี้ไม่ค่อยมีสำหรับผู้ชาย เพราะเป็นเครื่องหอมที่แรงเกินไปสำหรับผู้ชายค่ะ 2.Eau de Parfum /Eau de Perfume (EDP): ปริมาณหัวน้ำหอม 15-20% เป็นน้ำหอมในระดับที่ใช้กันมาอย่างยาวนาน ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยที่ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นน้ำหอมสำหรับเพศหญิงหรือเพศชาย ระดับความติดทน 5-8 ชม. 3.Eau de Toilette (EDT): ปริมาณหัวน้ำหอม 5-15% มอบกลิ่นหอมที่บางเบาลงกว่าระดับ EDP คงความหอมได้นาน 3-4 ชม. เป็นระดับของน้ำหอมที่นิยมใช้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ - ฤดูร้อน **eau de ในภาษาฝรั่งเศสมีความหมายเดียวกับ water ซึ่งตรงนี้ eau de toilette ไม่ได้หมายถึงน้ำส้วมนะคะ 😄 แต่เป็นในความหมายของน้ำที่ใช้ประพรมในตอนแต่งตัวก่อนออกไปข้างนอก 4.Eau de Cologne (EDC) โคโลญจ์ เป็นน้ำหอมเก่าแก่ (ช่วงยุคกลางของยุโรปปี 1709) ได้รับความนิยมใช้เป็นน้ำหอมสำหรับสุภาพบุรุษในอเมริกา ด้วยกลิ่นอ่อนๆ ของผลไม้ สมุนไพรและพืชพรรณในตระกูล citrus อันแสนสดชื่น ซึ่งปกติแล้วจะประกอบไปด้วยหัวน้ำหอมประมาณ 2-4% เจือจางในแอลกอฮอล์และน้ำ ซึ่งเป็นที่นิยมใช้ในกลุ่มวัยรุ่น ติดทนทานประมาณ 2 ชม. 5. Eau Fraiche รวมทั้ง Splash , Body Mist และ After shave เป็นระดับความหอมที่เจือจางบางเบาที่สุดค่ะ โดยมีปริมาณหัวน้ำหอมเพียงแค่ 1-3% เท่านั้นพวกนี้ถือว่าใส่เพียงเพื่อให้เกิดความหอมสดชื่นหลังจากใช้งาน 1-2 ชม. *ส่วนครีมน้ำหอม หรือโลชั่นน้ำหอมมักใส่ลงมา 4-8% ในระดับเดียวกับ EDT และ EDC **เวลาเปรียบเทียบปริมาณหัวน้ำหอม ให้เทียบในแบรนด์เดียวกันและภายในรุ่นเดียวกันนะคะ ซึ่งเรื่องนี้ Lancome รุ่น La vie est belle EDT เป็นตัวอย่างที่ดี เนื่องจากใส่น้ำหอมลงมามากเกินระดับ EDT ในปริมาณสูงถึง 18% ซึ่งเป็นระดับที่สงวนไว้ให้ EDP ***ความทน การกระจายกลิ่นของน้ำหอม นอกจากปริมาณหัวน้ำหอมแล้วยังขึ้นอยู่กับส่วนผสมเช่น vanilla, tonka bean, amber, orris root, benzoin น้ำหอมที่มีส่วนผสมเหล่านี้มักจะติดทน สุดท้ายคือเรื่องของเคมีบนผิวหนัง อุณหภูมิและเหงื่อของแต่ละคนค่ะ :) #pimperfume ภาพและเรียบเรียงข้อมูลจาก realmenrealstyle.com เทคนิคการแตะแต้มและฉีดน้ำหอมที่เก็บไว้ใช้ได้ตลอดไป
 เทคนิคการแตะแต้มและฉีดน้ำหอม เก็บไว้ใช้ได้ตลอดไปค่ะ :) จุดชีพจรต่างๆ ในภาพเป็นจุดที่เหมาะสำหรับการใช้น้ำหอมเนื่องจากเป็นจุดที่มีอุณหภูมิลงตัวแก่การกระตุ้นกลไกการกระจายตัวกลิ่นของหอมได้ดี *ใต้กราม ซอกคอ หัวไหล่ ข้อพับแขน กลางหน้าอก และข้อพับหัวเข่า ช่วงข้อพับตรงกลางแขน รวมไปถึงบริเวณเอว ข้อพับขาหลังเข่า โดยไม่จำเป็นต้องฉีดหรือแต้มลงไปจนครบทุกจุดนะคะสลบกันพอดีคนใส่ 😄 คำว่า less is more น้อยแต่มาก ใช้ได้สำหรับศิลปะของการใส่น้ำหอมเช่นกันค่ะ เริ่มจาก 1 จุดละ 1 สเปร์ยก่อนแล้วค่อยเพิ่มทีละนิดถ้ายังไม่หอมพอ และควรใช้น้ำหอมหลังจากที่เราอาบน้ำเช็ดตัวเสร็จใหม่ๆ เพราะรูขุมขนของเราจะดูดซับโมเลกุลของน้ำหอมได้ดี การให้คนที่เข้าใกล้เราได้กลิ่นหอมอ่อนๆ นั้นมีเสน่ห์เย้ายวนกว่าการที่กลิ่นหอมของเราลอยพุ่งไป 2 เมตรเพื่อทักทายคนรอบข้างว่า "มองมาที่ฉันสิๆ" อะไรแบบนั้น ยกเว้นเสียแต่จะใส่ไปปาร์ตี้ยามค่ำคืนและในสถานที่ปิดเช่นงานเลี้ยงในโรงแรม ก็เต็มที่เลยค่ะกับกลิ่นเข้มๆ หรูๆ ส่วนวิธีที่เป็นการทำลายการกระจายกลิ่น รวมทั้งยุติการค่อยๆ เปลี่ยนแปลงความหอมของช่วงกลิ่นเปิดจนถึงกลิ่นฐานทำให้กลิ่นเพี้ยน ก็คือการใส่น้ำหอมแล้วใช้ข้อมือถูเข้าหากันให้ใช้วิธีแตะเบาๆ 1-2 ครั้งพอค่ะและไม่ควรใช้มือหรือนิ้วไปถูน้ำหอมเพื่อให้ซึมลงบนผิว ปล่อยให้แห้งเองดีที่สุด สุดท้ายสำหรับคนที่มีผิวแห้งน้ำหอมจะติดทนน้อยกว่าคนผิวธรรมดาและผิวมันให้ทาเบบี้ออยหรือโลชั่นที่มีกลิ่นเบาที่สุดชโลมลงบนผิวเพื่อสร้างเบสให้น้ำหอมมีที่เกาะก่อน หลังจากนั้นจึงใส่น้ำหอมกลิ่นที่ชอบลงไป หรือจะใช้วิธีคลาสสิคที่ยังคงให้ผลดีเยี่ยมเสมอด้วยการทาวาสลีนบางๆ ลงไปที่ผิวในบริเวณที่ต้องการแล้วฉีดหรือแต้มน้ำหอมทับก็จะทำให้กลิ่นติดทนนานเพิ่มขึ้นค่ะ Cr : เรียบเรียงข้อมูลและรูปภาพจาก realmenrealstyle.com และ vogue ไลน์ Omnia ของ Bvlgari กลิ่นไหนหอมที่สุดคะ?
 Bvlgari Omnia กลิ่นไหนหอมที่สุดคะ? ตอบไม่ได้เลยค่ะ อิอิ เรื่องความชอบเป็นปัจเจกเฉพาะบุคคลจริงๆ นะ แต่ถ้าเป็นกลิ่นยอดนิยมต่างๆ ก็ตามด้านล่างต่อไปนี้เลยค่ะ 😊 -สีม่วง (Omnia Amethyste) มอบกลิ่นหอมสะอาด เบาละมุน แบบสบู่หรูๆ และแป้งหอมกลิ่นหลักจากกุหลาบบัลแกเรีย ดอกไอริส และไม้หอม ภาพรวมให้กลิ่นหอมแพงในแบบบอบบางน่าทนุถนอมและโปร่งสบายเหมือนอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้า แรงบันดาลใจของน้ำหอมกลิ่นนี้มาจากภาพวาดของอิตาเลียนในยุคเรอเนสซองค์ที่มีความอ่อนโยนและสง่างามค่ะ (ยอดนิยม) -สีขาว (Omnia Crystalline) กลิ่นสะอาดบริสุทธิ์ ผ่อนคลาย จากใบไผ่ ชาเขียว ดอกบัว ไม้หอมและ musk เคยมีลูกค้าท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่าเวลาที่ใช้กลิ่นนี้รู้สึกว่าดูเป็นคนดีขึ้นมาทันทีค่ะ อิอิ ฟีลลิ่งแบบเย็นจากภายใน นิ่งๆ เหมือนเดินเล่นเรื่อยๆ ชมดอกไม้ในเรือนกระจกติดแอร์ ฟังแล้วก็เคลิ้มตาม 😊 (ยอดนิยม) - สีแดง (Omnia Coral) กลิ่นหอมระเรื่อ ร่าเริงสดใสในโทน floral fruity เป็นกลิ่นหอมหลักจากผลทับทิมผสมกับน้ำหวานของเกสรดอกไม้ ลูกโกจิเบอร์รี่ ไม้หอม และ musk ภาพรวมสื่อถึงความเยาว์วัย สีสันและความมีชีวิตชีวาในฤดูร้อน ให้ภาพลักษณ์คุณหนูที่เข้าถึงง่าย แต่ยังคงแอบหรูมีสไตล์ :) *Bvlgari ไลน์ Omnia เป็นไลน์ที่ใช้ชื่ออัญมณีหลากหลายสีสันในการเล่าเรื่องราวความหอมของแต่ละกลิ่น เป็นกลุ่มที่เหมาะสำหรับใช้ในช่วงกลางวัน ให้กลิ่นหอมสบายๆ ในสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร **เมื่อมีคำถามถึงน้ำหอมที่สุภาพ เรียบๆ แต่ต้องมีความหรูอยู่ด้วย และร่วมสมัย ใช้ได้ตั้งแต่สัมภาษณ์งาน - ไปงานแต่งงาน คำตอบแรกของเรามักเป็น Chloe EDP / Hermes ไลน์ Jour d`Hermes / Prada infusion d' iris และหลายกลิ่นของแบรนด์ Bvlgari อยู่ในใจเสมอค่ะ 😊 รีวิว BBW กลิ่นที่เราชอบ ตอนที่ 2 : Twilight Wood / Mad About You
 - Twilight Wood ป่าสนธยากับคนแคระทั้ง 7 😆 อีกกลิ่นที่เราชอบจาก BBW ค่ะ :) และรุ่นนี้น่าจะเป็นเพียงรุ่นเดียวที่มีรุ่นสำหรับผู้ชายออกมาด้วย เป็นกลิ่นที่ไม่รู้ว่าจะหาที่ติตรงไหน ส่วนผสมเด่นระหว่างไม้หอมนานาชนิด วนิลลา ดอกมิโมซาที่หอมหวานเหมือนน้ำผึ้งปนกลิ่นนุ่มนวลแบบพาวเดอรี่นิดๆ ตัดด้วยกลิ่นหอมสดใสของส้มแมนดารินทุกอย่างถูกเบลนด์อย่างลงตัวมาก ครีมมี่นุ่มนวล หรูหราแบบสาวๆ ที่โตแล้ว และหอมไม่ซ้ำใครในบ้าน bbw :) *กลิ่นนี้เคยเลิกผลิตไปและกลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้องของแฟนๆ เช่นเดียวกับกลิ่น butterfly flower / peony / freesia และอื่นๆ ที่ได้รับความนิยม Twilight Wood เป็นกลุ่มเครื่องหอมที่เหมาะมากกับช่วงฤดูหนาว อากาศเย็นๆ ลมเย็นๆ พร้อมมอบความรู้สึกผ่อนคลายสร้างสมดุลให้จิตใจ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของกลิ่นในตระกูลวู้ดดี้ค่ะ ไม้หอมต่างๆ จะช่วยสร้างความมั่นคงและสมดุลทางอารมณ์ให้กับเรา มันจะโรแมนติกแค่ไหน? ถ้าเราได้เดินเล่นในป่าสนกับคนรัก ก่อนสิ้นแสงสุดท้ายของวัน ท่ามกลางอากาศเย็นของฤดูหนาว สองมือที่กุมกันนั้นถ่ายทอดความอบอุ่นสู่หัวใจของทั้งคู่ พร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่น่าค้นหาโอบล้อมผิวกาย ❤ - น้ำหอมแนวเดียวกัน Estée Lauder Sensuous EDP / BBW Sensual Amber / BBW Amber Blush - Mad About You เพราะเธอนั้นทำให้ฉันคลั่งไคล้หลงใหล :) อีกหนึ่งกลิ่นจาก bbw ที่สร้างสรรค์ออกมาได้อย่างลงตัว ในแนวแบบน้ำหอมค่ะ เป็นกลิ่นมีทั้งความอ่อนหวาน เซ็กซี่ซุกซน และแฝงความขี้อ้อนน่ารัก หลากหลายมิติซะขนาดนี้ดมยังไงก็ไม่เบื่อ ถ้าเป็นผู้หญิงสักคนก็ดูหลากหลายสไตล์สาวเจ้าเสน่ห์ ชวนให้มองอย่างเพลินตา Mad About You เด่นด้วยกลิ่นหอมของดอกพีโอนี ผสมกับความหอมหวานของลูก black currant ผลสตอเบอรี่สด ช่วงเบสเป็นช่วงที่มาแนวแอบหรูนิดๆ (แต่รวมๆ แล้วแฝงความน่ารักแบบลูกอมซูกัสสีม่วงเสียมากกว่า) ด้วยกลิ่นหอมของ amber , patchouli , musk และวนิลลา เป็นหนึ่งในกลิ่นที่ได้รับคำชมและรีวิวในเชิงบวกมากอีกกลิ่นหนึ่งค่ะ - น้ำหอมแนวเดียวกัน Lancome Tresor Midnight Rose EDP รีวิว BBW กลิ่นที่เราชอบ ตอนที่ 1 (Forever Red / A Thousand Wishes)
 Bath & Body Works แบรนด์เครื่องหอมประทินผิวกายที่เด่นเรื่องมีกลิ่นหอมให้เลือกหลากหลายกว่า 100 กลิ่น เราเป็นคนที่ชอบน้ำหอมอยู่แล้ว กลิ่นของแบรนด์นี้ที่ชอบเลยค่อนข้างหอมในแบบน้ำหอมค่ะ :) ส่วนใหญ่จะเป็นกลิ่นที่มีส่วนผสมของไวน์ เหล้ารัม แชมเปญ วู้ดดี้ amber เบลนด์เข้ากับผลไม้ ดอกไม้ต่างๆ เราว่ามันเก๋ เซ็กซี่ และมีมิติดี ^^ กลิ่นแรกที่ทำให้ชอบแบรนด์นี้คงต้องย้อนไปเมื่อ 4-5 ปีก่อน - Forever Red เป็นกลิ่นแรกที่สั่งซื้อมาใช้ ด้วยความที่เห็นว่าแพงกว่ารุ่นอื่น จนคิดเอาเองว่ามันต้องหอมมากแน่ๆ เลยล่ะ 555 แบบดู luxury ดีจัง ชื่อกลิ่นก็เปรี้ยวโฉบเฉี่ยวแนวสาวมั่นมากๆ พอลองใช้จริงๆ ตกหลุมรักทันทีเลยค่ะ เป็นรุ่นที่หอมฟุ้งสุด ทนที่สุดในบรรดากลิ่นต่างๆ ที่เราชอบ (ใช้แค่เจลอาบน้ำ+ครีมทาผิว) Forever Red ให้กลิ่นหอมของเหล้ารัมที่มีความหวานแบบยั่วเย้าเร่าร้อน ผสมกับกลิ่นหอมอบอุ่นของวานิลลากับดอกไม้ที่เบ่งบานยามค่ำคืน แซมด้วยกลิ่นหอมสดของผลไม้ ลูกพีช แอปเปิ้ล ทับทิม ปิดท้ายด้วยความหรูหราของกลิ่นไม้โอ๊ค (รวมๆ เราว่ามันหอมแบบไวน์แดงค่ะ) Forever Red เป็นกลิ่นที่เซ็กซี่เอามากๆ ให้อารมณ์หญิงสาวใส่เดรสสีแดงเปิดไหล่ จับก้านแก้วดื่มดราย มาร์ตินี่ (ที่เธอรู้ลิมิตตัวเองว่าแค่ไหนถึงจะไม่เมาแบบผู้หญิงที่ดูแลตัวเองได้) ในบาร์เล็กๆ คืนที่อากาศข้างนอกหนาวเย็น พร้อมสบตากับหนุ่มที่ตั้งใจมอง 2-3 วินาที ก่อนหันไปทางอื่น... *ถ้าเทียบกับน้ำหอมทั่วไปกลิ่นนี้ให้อารมณ์ ความรู้สึก ในสไตล์เดียวกับ Gucci Rush ค่ะ ไลน์นี้หอมยกไลน์เลือกใช้ชิ้นไหนก็หอมเหมือนกันหมดค่ะ โลชั่น ครีม เจลอาบน้ำ - A Thousand Wishes มาแนวมอมเมาอีกแล้วค่ะกลิ่นนี้ 😄 กลิ่นหอมของแชมเปญราสเบอรี่ผสมกับผลสตอเบอรี่สด ดอกพีโอนี และ white musk เป็นกลิ่นที่เราคิดว่ามันเหมาะกับช่วงวันคริสมาสต์ และเคาน์ดาวน์ส่งท้ายปีมากๆ ให้ความหอมแบบสปาร์คกลิ้ง ฟู่ฟ่าเปล่งประกาย เต็มไปด้วยความสุข ความอบอุ่นที่อิ่มเอมในหัวใจ อารมณ์แบบเปิดแชมเปญในงานเลี้ยงฉลองไม่มีผิดค่ะ :) A Thousand Wishes เป็นกลิ่นหอมที่ได้รับรางวัลน้ำหอมยอดนิยมที่ผู้บริโภคในอเมริกาเลือกใช้สูงสุดเมื่อปี 2015 (Fifi Awards Consumer Choice) เคียงคู่มากับกลิ่นที่ทำสถิติยอดขายถล่มทลายที่สุดของ BBW คือ Japanese Cherry Blossom ที่ออกมาในปี 2006 และขายได้ถึง 30.2 ล้านชิ้น สำหรับเรา A Thousand Wishes เป็นน้องสาวของ Forever Red ค่ะ :) ในแบบที่ซอฟท์ลงมาใช้ง่าย หอมสดใสขึ้น แต่ยังคงความมีออร่า ในสไตล์สาวฮอต ถ้าจะให้เห็นภาพ Forever Red ก็เหมือนกับสาววัยทำงานที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยพรั่งพร้อม มาดมั่น สวย เซ็กซี่ ส่วน A Thousand Wishes นั้นสวยเด่นมีเสน่ห์สดใสเหมือนราชินีในงานพรอม อารมณ์เดียวกับน้ำหอม Carolina Herrera 212 VIP Rose |
ชิฟฟอนคาปูชิโน่
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?] ชอบน้ำหอมก็เลยเปิดร้านน้ำหอมมินิเป็นงานอดิเรก เป็นความสุขอย่างหนึ่งที่เห็นคนอื่น Happy กับกลิ่นหอมที่ถูกใจค่ะ *** สิทธิ์เป็นของผู้เขียน และผู้สร้างสรรค์ผลงานด้านต่างๆ หากนำไปใช้รบกวนให้เครดิตด้วย จะยินดีเป็นอย่างยิ่ง ขอบคุณค่ะ*** ติดต่อสอบถามข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่ wisa.p@me.com @@@@@@@@@@@@@@@@@ I Am Beautiful "ไม่สำคัญว่าใครจะมองเรายังไง แต่มันสำคัญที่ว่า เรามองตัวเองยังไง" Friends Blog
|
