ความรู้คือ วัคซีนของชีวิต เพลินอ่านนิยายดี
Group Blog
 
All Blogs
 
กฎอัยการศึก ปี2550

เขียนโดย แก้วมณี

หลังจากคณะปฏิวัติล้มล้างรัฐบาลจากการเลือกตั้งของประชาชนและรัฐธรรมนูญจึงใช้กฎอัยการศึกปกครองบ้านเมือง เมื่อแต่งตั้งรัฐบาลและรัฐธรรมนูญชั่วคราวแล้ว ยังมีการประชุมยกเลิกกฎอัยการศึกในบางท้องที่ต่อสาธารณชนตามเสียงเรียกร้องของประชาชนส่วนใหญ่ แม้บางพรรคการเมืองจะสนับสนุนให้ใช้กฎอัยการศึกนี้ต่อไป แต่คำประกาศชัดเจนของรัฐบาลไม่ได้เป็นไปตามคำพูดนั้นด้วยข้ออ้างที่ไม่สมเหตุผลว่ายังอยู่ในขั้นตอนทางธุรการ จึงทำให้ในทางปฏิบัติโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วกฎอัยการศึกยังคงใช้บังคับเหนือรัฐธรรมนูญอยู่ ทั้งที่กฎหมายหลายฉบับหรือการแต่งตั้งบุคคลในรัฐบาลที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีในวาระเดียวกันนำออกใช้เป็นรูปธรรมแล้ว
ลักษณะของกฎอัยการศึกนั้นจะมีความเด็ดขาดในทางปฏิบัติและเป็นการออกคำสั่งจากผู้นำสูงสุดของฝ่ายทหารเท่านั้น แม้จะมีรัฐธรรมนูญแต่ก็บังคับใช้ไม่ได้เพราะกฎอัยการศึกจะมีอำนาจสูงสุดเสมอเนื่องจากจุดประสงค์ของกฎอัยการศึกคือการบังคับใช้เด็ดขาดและรวดเร็วเพื่อความมั่นคงแห่งชาติเป็นหลัก จึงต้องลดขั้นตอนและการบังคับบัญชาให้สั้นที่สุด การตรวจสอบน้อยที่สุด อันแตกต่างจากกระบวนการทางรัฐธรรมนูญซึ่งจะมีการคานอำนาจและตรวจสอบกันตลอดเวลาโดยเน้นการให้ความยุติธรรมเป็นหลักใหญ่ ถ้ามีกฎอัยการศึกใช้บังคับ รัฐธรรมนูญย่อมใช้บังคับไม่ได้ สิ่งที่บัญญัติคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของคนไทยจะไม่ใช้บังคับ มันจึงเป็นเพียงอักษรที่เขียนไว้เท่านั้น ความเป็นผู้นำสูงสุดและมีอำนาจแท้จริงจะมิใช่นายกรัฐมนตรี แต่จะเป็นผู้นำทางทหารสูงสุดเพียงคนเดียว การบังคับใช้กฎหมายจะอยู่ที่บุคคลนั้น หัวหน้ารัฐบาลที่ได้รับการแต่งตั้งภายใต้กฎอัยการศึกจึงทำหน้าที่ต้อนรับแขกเมืองตามพิธีการเท่านั้น การลงโทษตามกฎหมายหรือคำสั่งตามกฎอัยการศึกจะอยู่ในอำนาจของผู้นำทางทหาร รวมไปถึงการดูแลบ้านเมืองทั้งในและนอกประเทศ ตำรวจทำงานภายใต้บังคับบัญชาของผู้นำกฎอัยการศึกและตามการมอบหมายอำนาจเฉพาะเท่านั้น มิใช่ตามกฎหมาย ผู้นำกฎอัยการศึกมีอำนาจเลือกใช้หรือเลิกกฎหมายใดก็ได้ กลุ่มที่มีอำนาจสูงสุดในบ้านเมืองมิใช่รัฐบาล แต่เป็นกลุ่มทหารที่ทำงานตามกฎอัยการศึก
ความศักดิ์สิทธิ์และความเฉียบขาดของกฎอัยการศึกนั้นหากอยู่ในมือผู้ใช้ที่เป็นคนดีและทำเพื่อบ้านเมืองแท้จริง ก็จะเป็นประโยชน์ในช่วงสั้น ถ้าใช้ด้วยระยะยาวนานประวัติศาสตร์การปฏิวัติบอกยืนยันว่า ผู้ใช้มักเหลิงอำนาจที่จะบันดาลทุกสิ่งในปฐพีได้ดังใจ แค่รำพึงออกมาเท่านั้น ส่วนผู้ที่รู้ลึกซึ้งถึงคุณและโทษของกฎอัยการศึกอย่างดีคือ ชาวตะวันตก เพราะเขาเข้าใจเนื้อหาของกฎอัยการศึกอย่างแท้จริง อันแตกต่างจากคนไทยซึ่งเคยเผชิญกับอิทธิฤทธิ์ของมันหลายครั้ง แต่ลืมเลือนได้ง่าย ตัวอย่างจากประวัติศาสตร์ความอยุติธรรมของการปกครองภายใต้กฎอัยการศึกซึ่งยังเป็นที่ตราตรึงในความทรงจำของปู่ย่าพ่อแม่ของหลายคน คือ ถ้ามีไฟไหม้ที่บ้านหลังใด เจ้าของบ้านจะถูกประหารชีวิตที่หน้าบ้านต้นเพลิงโดยไม่ต้องไต่สวน หรือ ผู้ใดถูกกล่าวโทษว่าเป็นนักเลง จะถูกจำขังตลอดชีวิตทันทีโดยไม่ต้องขึ้นศาล หรือ การลักพานักการเมืองที่ไม่เป็นที่พึงพอใจไปสังหารตามอำเภอใจ หรือ การบังคับขืนใจลูกเมียของคนอื่นโดยผู้มีอำนาจ เป็นต้น ยุคมืดของไทยภายใต้กฎอัยการศึกเป็นที่หวั่นเกรงของประชาชนอย่างมากเพราะบางคนอาจถูกใส่ร้ายหรือกลั่นแกล้งด้วยความหมั่นไส้กันโดยยัดเยียดข้อหาหรือสร้างไฟในบ้านของศัตรูเพื่อป้ายความผิดแล้วจับประหารทันที หลายครอบครัวต้องรับทุกข์ทรมานจากคำสั่งเหล่านี้จนเป็นที่อนาถใจกันหลายปีกว่าอำนาจเผด็จการจะสูญสลายไปตามวัฏจักร คุณสมบัติเด่นของกฎอัยการศึกจึงเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มทหารเป็นพิเศษ เพราะเขาจะได้ประโยชน์สูงสุดและเป็นผู้ครองแผ่นดินตัวจริง มิใช่ประชาชน ขณะที่ชาวตะวันตกจะรังเกียจกฎอัยการศึกอย่างมาก แต่จะนำข้อดีของมันไปตราเป็นกฎหมายพิเศษเพื่อบังคับใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น แล้วยังควบคุมการใช้อำนาจของรัฐบาลไว้ในระดับหนึ่งด้วย ส่วนรัฐธรรมนูญนั้นกำหนดผู้นำสูงสุดของประเทศไว้ชัดเจนว่าต้องเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ผู้นำกฎอัยการศึกจะปกครองประเทศก็ต้องเปลี่ยนสถานะไปเป็นนายกรัฐมนตรีก่อน ตัวแทนประเทศไทยคือนายกรัฐมนตรีทั้งด้านพิธีการและการปฏิบัติงาน กฎหมายสูงสุดของประเทศคือ รัฐธรรมนูญ ทุกคนไม่ว่าจะมีอาชีพใดหรือนับถือศาสนาใดต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน อันแตกต่างจากกฎอัยการศึกที่ผู้นำทางทหารและกลุ่มทหารจะอยู่เหนือกฎหมายและเป็นผู้ออกกฎหมายหรือระเบียบเพื่อใช้ในการปกครองประเทศ
คุณสมบัติพิเศษของกฎอัยการศึกมีทั้งด้านดีและด้านไม่ดีจึงสมควรใช้ในระยะเวลาไม่นานนักเพราะต่างประเทศจะต่อต้านการใช้กฎอัยการศึกซึ่งทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของรัฐธรรมนูญที่ใช้คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนและมีกระบวนการตรวจสอบการทำงานทุกขั้นตอน ทำให้ประเทศที่ใช้กฎอัยการศึกมักถูกคว่ำบาตรทั้งทางตรงและทางอ้อม การเจรจาการค้าหรือการเมืองต้องระงับเพราะเขาไม่ยอมพูดคุยกับรัฐบาลที่มาจากระบอบเผด็จการ มันกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและการค้าขายซึ่งลดถอยลง หากประเทศชาติขาดรายได้หรือเงินตราการลงทุนจากต่างชาตินานวัน เศรษฐกิจจะถดถอยลง ประชาชนไม่ยอมกลับไปทำไร่ไถนาดังที่บรรพชนกระทำในอดีตตามที่รัฐบาลต้องการอย่างแน่นอน ยิ่งเกิดความขาดแคลนอาหารหรือเงินในการซื้อสินค้าประจำวันหรือการตกงานมีเพิ่มขึ้นเพราะกิจการต้องปิดตัวเองจากใบสั่งการผลิตสินค้าน้อยหรือไม่มีเลย มันจักกลายเป็นแรงบีบคั้นให้ผู้นำระบอบเผด็จการต้องทบทวนบทบาทของตนเองและเปลี่ยนแนวคิดไปสู่ระบอบประชาธิปไตยเพื่อความอยู่รอดของชาติหรือรอวันที่ประชาชนซึ่งกำลังอดอยากโค่นล้มตนตามวัฏจักร หลายชาติในโลกที่ใช้กฎอัยการศึกพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าขาดความเจริญ พัฒนาตัวเองช้า การใช้อำนาจคุกคามสิทธิเสรีภาพของคนทั่วไปมีเพิ่มขึ้น แต่ปิดข่าวได้ดี การคอรัปชั่นกว้างขวางและไม่กลัวเกรงกฎหมายเพราะตนเป็นคนออกและบังคับใช้เอง อีกทั้งไม่มีคนกล้าพูดประณามหรือตรวจสอบได้ เสรีภาพของคนหรือสื่อมวลชนจะมีน้อยลง ผลข้างเคียงด้านลบจากกฎอัยการศึกเหล่านี้เคยเกิดขึ้นในเมืองไทยตั้งแต่สมัยคุณปู่ยังมีชีวิตอยู่และยังปรากฏให้เห็นในคนรุ่นปัจจุบันโดยคนกลุ่มเดียวกัน คือ ผู้บังคับใช้ตามกฏอัยการศึกซึ่งมีพวกเดียวเท่านั้น คือ ทหาร อันบอกแก่ประชาชนได้ชัดเจนว่า พวกเขากับบรรพชนที่บังคับใช้กฎอัยการศึกยังไม่เคยเปลี่ยนแนวความคิดให้ทันโลกสมัยใหม่เลย หากไม่แก้ไขเรื่องการรู้จักโลกยุคใหม่ที่แยกบทบาททหารกับนักปกครองออกจากกันอย่างเด็ดขาดแล้ว เมืองไทยไม่ว่าจะใช้เกวียนหรือเครื่องบินเพื่อการเดินทางก็จะต้องพบการปฏิวัติและกฎอัยการศึกจากคนกลุ่มนี้ตลอดไป ทั้งที่ปัจจุบันนี้เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่าการต่อสู้ระหว่างประเทศอยู่ในสนามการค้าซึ่งต้องอาศัยนักปกครองที่ฉลาด มีไหวพริบ ความรู้สูง ส่วนทหารต้องทำหน้าที่ด้านความมั่นคงแห่งชาติเป็นหลักใหญ่เพราะประเทศชาติสงบและปลอดภัยจากรั้วแห่งชาติที่เข้มแข็งและมีกองทัพทันสมัย ย่อมส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนของต่างชาติในประเทศของเราและต่อชื่อเสียงของไทยในการเจรจาระหว่างประเทศด้วย ถ้าทั้งสองฝ่ายต่างเป็นเลิศในหน้าที่ของตนย่อมทำให้ประเทศชาติเติบใหญ่อย่างมั่นคง เป็นที่เกรงขามของเพื่อนบ้านและนานาชาติดังเช่นที่เห็นในจีนหรือสหรัฐอเมริกา
นักปกครองหรือทหารต่างมีความรู้และเชี่ยวชาญคนละด้าน จึงไม่สมควรในการเข้าไปก้าวก่ายงานของกันและกัน แต่ควรส่งเสริมให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเพื่อปกป้องประเทศและสร้างประโยชน์แก่ประชาชน ตามประวัติศาสตร์ด้านการปฏิวัติของไทยจะเห็นชัดว่าทหารอยากเข้ามาสวมบทบาทเป็นนักบริหารประเทศโดยใช้อาวุธเป็นหลัก จึงกลายเป็นการทำร้ายประชาชนและประเทศชาติให้ตกต่ำลงจากการคว่ำบาตรของต่างชาติเพื่อสนองความปรารถนาของตนและพรรคพวกโดยไม่สนใจว่าโลกจะหมุนเปลี่ยนหรือพัฒนาเจริญทางความคิดไปมากเพียงใด หากมองไปรอบโลกจะเห็นสถาบันทหารของเขามีความมั่นคงและรู้จักบทบาทหน้าที่ของตนอย่างดี จึงเป็นการส่งเสริมให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง การเมืองแข็งแกร่ง ประชาชนอยู่ดี กินดี ตัวอย่างเช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มาเลเซีย สิงคโปร์ สหรัฐ อังกฤษ จีน เป็นต้น ประเทศเหล่านี้สถาบันทหารของเขาอยู่ในระเบียบวินัย ความคิดทันสมัย รู้จักหน้าที่ในโลกปัจจุบันว่าควรดูแลให้บ้านเมืองมั่นคงซึ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของชาติและประชาชนไม่อดอยาก ประเทศชาติไม่อาจขาดนักปกครองและทหารได้ แต่จะมีแค่ทหารอย่างเดียวก็ไม่ได้เพราะทหารได้รับการฝึกสอนให้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการสร้างความมั่นคงให้แก่บ้านเมือง มิได้ปลูกฝังให้เรียนรู้ทุกศาสตร์ในการบริหารประเทศหรือเป็นพหูสูตรแห่งชาติ การปกครองประเทศต้องอาศัยหลายศาสตร์เพื่อดูแลประเทศ เราไม่อาจใช้ศาสตร์แห่งการต่อสู้ในสนามรบไปบริหารประเทศได้ซึ่งเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ สมัยนี้เราคงถือปืนไปรุกรานเพื่อนบ้านหรือแย่งสิ่งของจากคนอื่นได้ยากกว่าเวลาพันปีที่ผ่านมา การแพ้ชนะต้องอาศัยปัญญาและไหวพริบในการเปิดตลาดการค้าระหว่างประเทศเป็นหลัก น้อยคนจะยอมรับว่าต้องใช้ปืนไปเปิดประตูการค้าของอีกประเทศหนึ่ง หรือ คิดจะแย่งทรัพย์สินของอีกประเทศต้องฆ่าคนของเขาทั้งหมดก่อน ผู้นำเผด็จการคนล่าสุดของยุคนี้ คือ ซัตดัม ได้รับโทษประหารจากการใช้อำนาจเผด็จการกับประชาชนของตนแล้วยังใช้กองทัพบุกไปแย่งชิงบ่อน้ำมันของเพื่อนบ้าน จึงต้องรับเคราะห์กรรมในบั้นปลายชีวิตซึ่งเป็นไปตามหลักกรรมสนองกรรมของพุทธศาสนานั่นเอง มันคงเป็นบทเรียนสอนใจแก่ผู้นำเผด็จการหลายคนว่า ไม่มีอำนาจใดอยู่ยั่งยืนชั่วฟ้าดินสลาย เมื่อวันที่มันโรยราพร้อมกับตัวเลขอายุ เขาอาจต้องยุติลมหายใจไปพร้อมกับมันอย่างไม่เต็มใจ จึงควรสำนึกด้วยว่าการปฏิวัติทำลายชาติ ระดับของกรรมควรสนองผู้กระทำมากน้อยแค่ไหน คนไทยจึงเชื่อได้เลยว่าคำสอนเรื่องกรรมเป็นความจริงคู่โลกเสมอ เราแค่เป็นคนมองดูผลกรรมสนองผู้กระทำหรือทายาทของเขาเท่านั้น มันเป็นหน้าที่ของคนไทยที่ต้องติดตามดูและใช้สอนลูกหลานไว้เป็นบทเรียน

*******************************


Create Date : 07 มกราคม 2550
Last Update : 7 มกราคม 2550 16:32:09 น. 0 comments
Counter : 1127 Pageviews.

arbel
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add arbel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.