ความรู้คือ วัคซีนของชีวิต เพลินอ่านนิยายดี
Group Blog
 
All Blogs
 
เมื่อควันจาง.........

เขียนโดย ลูกแก้ว

เมื่อควันปืนจางลงภาพต่างๆย่อมปรากฏชัดต่อสายตาของทุกคน หลังการล้มล้างรัฐธรรมนูญเดิมและลิดรอนสิทธิเสรีภาพของคนไทยด้วยกฎอัยการศึก มันทำให้เห็นภาพหลากหลายชัดขึ้น พรรคการเมืองที่ถือกำเนิดจากระบอบประชาธิปไตยกลับแสดงตนสนับสนุนกฎอัยการศึกให้คงอยู่ต่อไปเพื่อแสวงหาโอกาสในชัยชนะ การกำจัดและล่าล้างฝ่ายที่แพ้เพื่อล้างแค้นหรือล้างอายโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและศักดิ์ศรีของพรรคในระบอบประชาธิปไตย การใส่ร้ายป้ายสีเอาชั่วทั้งหมดใส่รัฐบาลเดิม ยกย่องตนและคณะทำงานเป็นเทพเจ้าแห่งความดีและคุณธรรมสูงยิ่ง ผู้อาวุโสมากบารมีซึ่งอยู่เบื้องหลังการสร้างควันเพิ่มความสำคัญให้ตนสูงขึ้นด้วยข้ออ้างด้านศีลธรรมจรรยาและคุณธรรมสูงล้ำค่า
การมีรัฐธรรมนูญที่สร้างภาพว่าคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่ยังคงกฎอัยการศึกทั้งประเทศไว้ โดยไม่ให้ความรู้แท้จริงแก่คนทั่วไปว่า ตอนนี้ประเทศของเรามีสองอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ อันมิใช่หลักมาตรฐานการปกครองบ้านเมืองแบบสากลซึ่งชาติต้องมีผู้นำบ้านเมืองเพียงหนึ่งคน ตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีนายกรัฐมนตรี 1 คน และคณะรัฐบาล แต่ยังบอกด้วยว่าประธานคณะมนตรีฯเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการปลดนายกรัฐมนตรีได้ ในทางกลับกันผู้นำบ้านเมืองไม่มีอำนาจในการปลดประธานคณะมนตรีฯเลย จึงเห็นชัดว่าแท้จริงแล้วรัฐธรรมนูญกำหนดบทบาทนายกรัฐมนตรีตามหลักการปกครองเท่านั้น ส่วนอำนาจแท้จริงในการบริหารประเทศขึ้นอยู่กับผู้ที่มีสิทธิปลดนายกรัฐมนตรี ตามหลักของกฎอัยการศึกแล้วผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในบ้านเมือง คือ ผู้นำทางทหารสูงสุดหรือผู้ประกาศใช้มัน มิใช่นายกรัฐมนตรี ดังนั้น การรักษาอำนาจตามกฎอัยการศึกไว้ย่อมเกิดประโยชน์แก่ทหารมากที่สุด ส่วนประชาชนควรรับรู้ว่า ตราบใดที่กฎอัยการศึกยังคงใช้บังคับ รัฐธรรมนูญจะขาดความศักดิ์สิทธิ์แท้จริงในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน เนื่องเพราะไม่มีหลักประกันใดรับรองว่าผู้นำสูงสุดของกฎอัยการศึกจะไม่ใช้อำนาจลดทอนสิทธิเสรีภาพดังกล่าวหรือลงโทษคนตามอำเภอใจในเวลาใด เราจักเห็นว่าประเทศต่างๆในโลกประชาธิปไตยต่างเรียกร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึกโดยเร็วที่สุดเพราะพวกเขารับทราบความร้ายกาจของกฎนี้อย่างแท้จริงและต้องการให้รัฐธรรมนูญเป็นหลักประกันศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย มิใช่คนกลุ่มหนึ่งอยู่เหนือกฎหมาย
กรรมหรือการกระทำเป็นเครื่องส่อเจตนาของคณะรัฐบาลและคณะมนตรีฯซึ่งเราเห็นได้ชัดขึ้นจากพฤติกรรมต่างๆที่แสดงต่อสาธารณชน ตัวอย่างเช่น
1.ผลตอบแทนการร่วมงานล้มล้างรัฐธรรมนูญด้วยเงินเดือนของประธานมนตรีฯและคณะซึ่งกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญให้ต้องมีเงินเดือนและผลตอบแทนต่างๆ แม้ระเบียบทางราชการจะกำหนดให้ข้าราชการเลือกรับเงินราชการ เงินเดือนคณะมนตรีฯ หรือเงินรัฐวิสาหกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ไม่ห้ามเงินเดือนจากหลายรัฐวิสาหกิจ จึงมีการเลี่ยงอักษรโดยให้บุคคลเหล่านั้นไปนั่งตามบอร์ดของรัฐวิสาหกิจมากกว่าหนึ่งแห่งและรับผลตอบแทนจากหน่วยงานเหล่านั้นซึ่งเมื่อเทียบกับเงินเดือนข้าราชการแล้วมีจำนวนมากกว่าหลายเท่าตัว
2.การตอบแทนน้ำใจแก่ผู้ร่วมงานฯด้วยการแต่งตั้งพวกเขาไปอยู่ในบอร์ดบริหารตามรัฐวิสาหกิจทุกแห่งด้วยข้ออ้างเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ แล้วบีบคั้นกรรมการบริหารมืออาชีพเดิมให้ลาออก โดยไม่คำนึงถึงความรู้ ประสบการณ์ และความเหมาะสมในองค์กรนั้น เราจึงเห็นทหารทุกชั้นยศเป็นบอร์ดบริหารองค์กรที่ต้องแข่งขันทางการค้ากับเอกชน เช่น บริษัทน้ำมัน การท่าอากาศยานไทย การไฟฟ้า การบินไทย อสมท. เป็นต้น ขณะที่ทักษะและความรู้ส่วนใหญ่ของพวกเขาเกี่ยวข้องกับการทำลายล้างข้าศึกในสนามรบ มิใช่สนามการค้า หลายหน่วยงานที่เคยปลอดจากมาเฟียสีต่างๆเริ่มมีข่าวการเข้าไปหาประโยชน์ตามผู้เป็นเจ้านายบ้างแล้ว ดังเช่น มาเฟียดอนเมืองผันตัวเองไปอยู่สนามบินใหม่เป็นต้น ตัวอย่างความล้มเหลวในการบริหารงานโดยทหารซึ่งเป็นธุรกิจที่ต้องแข่งกับเอกชน คือ ธนาคารทหารไทยซึ่งบอร์ดบริหารมีทหารเกือบทั้งหมดต้องประสบปัญหาหนักด้านหนี้ไม่ก่อรายได้ ปล่อยกู้สินเชื่อที่ขาดมาตรฐาน ช่วยเหลือพวกพ้อง จนใกล้ปิดกิจการ รัฐบาลชุดก่อนต้องเข้าช่วยประคองและปรับโครงสร้างหนี้สินเพื่อรักษาชื่อเสียงและฐานะของธนาคารไว้ ปัญหามาจากการขาดผู้บริหารมืออาชีพ ขาดระเบียบวินัยในการทำงาน เห็นแก่พวกพ้องมากเกินไป การบริหารกิจการไม่เป็นไปตามมาตรฐาน เป็นต้น การแต่งตั้งพวกพ้องไปอยู่ตามรัฐวิสาหกิจหลังการปฏิวัติรัฐประหารในอดีตเคยกระทำกันมาตลอด แต่ผลลัพธ์ที่เห็นชัดทุกครั้งคือ ความตกต่ำขององค์กรนั้นๆเพราะจะประสบปัญหาเรื่องอิทธิพลของสารพัดสีในองค์กรที่ทำลายความเข้มแข็งให้ลดลงจนล่มสลายในที่สุด
3.การประกาศใช้คุณธรรมดูแลประเทศ แต่มีการแต่งตั้งบุคคลซึ่งแสดงตนเป็นศัตรูกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเป็นกรรมการตรวจสอบข้อกล่าวหาความผิดต่างๆ ทั้งที่หลักสากลของการพิจารณาคดีจะต้องให้ความยุติธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหามากที่สุดโดยเฉพาะผู้ตัดสินคดีควรมีความเป็นกลางและจิตใจปราศจากอคติ บุคคลเหล่านั้นประกาศตนแต่แรกว่ามีอคติต่อผู้ถูกกล่าวหา ยังได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่สำคัญนี้ จึงขาดความน่าเชื่อถือตั้งแต่แรก ถ้าเป็นการพิจารณาคดีในศาล คู่ความยังใช้สิทธิคัดค้านผู้พิพากษาซึ่งมีอคติหรือส่วนได้เสียต่อคดีได้ นอกจากนั้นการตั้งคนหนึ่งให้อยู่ในคณะตรวจสอบสองคณะเป็นเรื่องที่ขาดความเป็นธรรมชัด เช่น เป็นกรรมการทั้งคตส.และปปช. เป็นต้น แทนที่จะให้สองหน่วยงานตรวจสอบและคานอำนาจกันเพื่อความยุติธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหาด้วย หากมีข้อพิจารณาที่ขัดแย้งกันจึงให้ศาลเป็นผู้ตัดสินสุดท้าย
4.การแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติ จะเห็นสัดส่วนสมาชิกที่คมช.แต่งตั้งได้ชัดว่ามาจากข้าราชการหลายสีเป็นหลักใหญ่ โดยเฉพาะมาจากร่างแปลงสีเดียวกับคมช. พวกข้าราชการไม่ว่าจากหน่วยงานใดย่อมไม่มีความเป็นอิสระทางความคิดเพราะต้องฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชาเพื่อความก้าวหน้าในตำแหน่งของตน มันเป็นธรรมชาติของคน ในรัฐธรรมนูญจึงห้ามมิให้ข้าราชการเป็นสมาชิกสภาฯใดๆ ดังนั้น กฎหมายหรือระเบียบใดที่คมช.หรือรัฐบาลต้องการใช้บังคับ ย่อมอาศัยคะแนนเสียงจัดตั้งเหล่านี้เป็นหลัก ไม้ประดับในสภาฯไม่มีทางแย้งหรือคัดค้านได้เลย
5.กระบวนการเขียนรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้นั้นจะมีคมช.เป็นผู้คัดเลือกทุกขั้นตอน แล้วสร้างฉากเสนอชื่อตัวจริงและไม้ประดับ อันน่าจะเป็นการถ่วงเวลาในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทั้งที่คมช.แต่งตั้งบุคคลที่มีคุณสมบัติสูงพอในการเขียนขึ้นมาจำนวนหนึ่งจากหลายวงการก็ได้ ถึงอย่างไรหลังการเขียนฉบับร่างฯเสร็จก็ต้องนำไปให้ประชาชนลงประชามติอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องสร้างขั้นตอนให้ซับซ้อนแล้วคมช.ก็ควบคุมคัดเลือกทุกระดับ คมช.น่าจะเลือกสรรตั้งแต่แรกแล้วลงมือทำงานทันที การเขียนร่างฯจะย่นเวลาลงมาก
6.พรรคการเมืองทั้งแก่และไม่เก่าซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในระบอบประชาธิปไตยแสดงท่าทีส่งเสริมกฎอัยการศึกและคมช.ซึ่งเกิดจากการปฏิวัติล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงของคนไทยโดยมีเจตนาทำลายพรรครัฐบาลเดิมมิให้กลับมาเป็นคู่แข่งในสนามเลือกตั้งอย่างไม่ละอายใจและขาดน้ำใจนักกีฬาที่ดี ที่สำคัญคือไม่อยู่เคียงข้างประชาชนในการปกป้องสิทธิเสรีภาพของคนไทย(เมื่อมีกฎอัยการศึก) ส่งเสริมการล้มล้างรัฐธรรมนูญอันเป็นหลักประกันในระบอบประชาธิปไตยของคนไทยและพรรคการเมือง คนไทยที่มีสติและรักประชาธิปไตยอย่างแท้จริงน่าจะมองเห็นธาตุแท้ของพรรคการเมืองที่ขาดอุดมการณ์ประชาธิปไตยและยึดถือชัยชนะเป็นหลักใหญ่โดยไม่คำนึงถึงหลักการที่ถูกต้อง สิทธิเสรีภาพและคะแนนเสียงเลือกตั้งของคนไทย เราควรกำหนดจุดยืนของกลุ่มนี้ให้อยู่นอกเวทีการเมืองเพราะไม่ได้รักประชาธิปไตยอย่างแท้จริงและไม่ปกป้องสิทธิเสรีภาพของคนไทย ทั้งที่ผู้กำหนดชัยชนะในสนามเลือกตั้ง คือ คนไทย มันแสดงว่าเขาไม่เห็นความสำคัญของคนไทย นอกจากเป็นเวลาเลือกตั้งเท่านั้น
7.การไม่แยกแยะผู้กระทำความผิดกฎหมายกับคนบริสุทธิ์กรณีปัญหาภาคใต้ด้วยข้ออ้างเรื่องความสมานฉันท์โดยไม่คำนึงถึงความยุติธรรมและการสูญเสียของญาติผู้ตายจากการกระทำละเมิดกฎหมายของบางคน อันที่จริงการให้อภัยเป็นสิ่งดี แต่ต้องกระทำด้วยหลักการเดียวกันทั้งประเทศ โดยต้องแยกแยะตามข้อเท็จจริงและความร้ายแรงของความผิด ขณะที่รัฐบาลโดยความเห็นชอบของคมช.ไม่ดำเนินคดีกับทุกคนในกลุ่มที่ถูกกล่าวหาว่าทำลายความมั่นคงของชาติ ฆ่าคนบริสุทธิ์และเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง ทหารหรือตำรวจ ทั้งที่ควรแยกแยะก่อนว่าอภัยโทษแก่ผู้ร่วมขบวนการที่มิได้สังหารคนบริสุทธิ์ได้ แต่ผู้ใดฆ่าทหาร ตำรวจ หรือประชาชนโดยมีหลักฐานชัดเจน จักต้องถูกลงโทษเพื่อความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายไทยซึ่งใช้บังคับทั้งประเทศโดยไม่มีดินแดนยกเว้นเด็ดขาด ตอนนี้กลับมีการยกเว้นความผิดด้วยเหตุผลด้านศาสนาแตกต่างกัน จึงเกิดความไม่เท่าเทียมกันของคนไทยขึ้น
8.บทเรียนจากความแตกต่างด้านความเชื่อทางศาสนาของศรีลังกาหรือฟิลิปปินส์เป็นตัวอย่างที่ต้องนำมาพิจารณากำหนดนโยบายของชาติ โดยเฉพาะการให้อำนาจบริหารหรือด้านการพิจารณาคดีกับอาวุธแก่คนในพื้นที่ปัญหาโดยไม่มีการผสมผสานความเป็นคนไทยเลือดสีเดียวกันแก่พวกเขา รวมทั้งการตั้งกองทหารจากคนในพื้นที่และศาสนาจำเพาะอาจกลายเป็นกองกำลังที่ต่อต้านรัฐในภายหลังได้ มันจะก่อปัญหาหนักขึ้นในการควบคุมพื้นที่และส่งเสริมสร้างดินแดนใหม่โดยปริยายจากเจ้าของแนวคิดนี้ สิทธิสภาพพิเศษด้านศาลอาจคล้ายกับสิทธิสภาพนอกอาณาเขตซึ่งต่างชาติเคยบีบคั้นไทยมาก่อนในประวัติศาสตร์ ตราบใดที่ยังไม่อาจทำให้เกิดความรักแผ่นดินไทยเหมือนกันได้ จะนำนโยบายการปกครองอย่างรัฐในอเมริกาหรือมาเลเซียมาใช้ไม่ได้
9.ข้ออ้างการสร้างสมานฉันท์ทำให้รัฐบาลยอมทำตามข้อเรียกร้องของอีกฝ่ายเต็มที่ จึงเห็นการต่อต้านด้วยฝูงชนขับไล่กองทหารซึ่งดูแลความปลอดภัยและดินแดนตามจุดยุทธศาสตร์ต่างๆ และต้องล่าถอยออกมาด้วยคำสั่งของรัฐบาลหรือผู้นำทหาร หลายจุดเริ่มการเรียกร้องเลียนแบบกันและได้รับการตอบสนองอย่างดี มันจะกลายเป็นจุดบอดดำมืดเหมือนเมื่อสองปีก่อนที่เจ้าหน้าที่ไทยเข้าไปในพื้นที่ได้ต้องรับอนุญาตจากผู้นำชุมชนก่อนทั้งที่เป็นแผ่นดินไทย การวางระเบิด ยิงคน เพิ่มความถี่ขึ้นเพื่อท้าทายความอ่อนแอของรัฐบาลและดึงมวลชนในพื้นที่ซึ่งไม่มั่นใจต่อความเข้มแข็งของรัฐบาลให้จำต้องยอมช่วยเหลืออีกฝ่ายโดยปริยาย บรรพชนไทยดูแลพื้นที่ปัญหานี้ด้วยความเข้มแข็งและอ่อนโยนอย่างมีศิลปะ อีกฝ่ายจึงไม่สามารถทำตามความประสงค์ของเขาได้สำเร็จ ความอ่อนแอของนโยบายรัฐด้านเดียวอาจทำให้ต้องสูญเสียดินแดนแห่งนี้ไปก็ได้
10.รัฐบาลใหม่มุ่งมั่นกำจัดผลงานของชุดเดิมทั้งการยกเลิกหรือเปลี่ยนผู้บริหารองค์กร ข้าราชการ ชื่อนโยบาย ทั้งที่หลายคน หลายโครงการมีประโยชน์ต่อมวลชนและมีเป้าหมายที่ดีต่อสังคมโดยมุ่งพัฒนาชาติให้เจริญตามกาลเวลาที่แท้จริง แล้วยังพยายามหยุดเวลาไว้เพื่อพลิกประเทศกลับไปสู่เวลาที่ตนพึงพอใจโดยไม่คำนึงว่าประเทศนี้ต้องยืนอยู่ร่วมกับหลายประเทศบนโลกใบนี้ แทนที่จะยอมรับความจริงและปรับตัวเข้มแข็งขึ้นให้เข้ากับการค้าเสรีที่มีเพิ่มขึ้น ด้านการค้าก็ไม่สร้างสรรค์ตลาดใหม่ตามหลักการตลาดสากล ส่งเสริมการลดความขยันหมั่นเพียรสร้างอนาคตที่ดีขึ้นแก่ครอบครัวซึ่งมีผลทางอ้อมให้ชาติขาดการเติบโตเท่าที่ควร
อำนาจเปลี่ยนมือจากกลุ่มคนที่ได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งจากคนไทยไปสู่กลุ่มคนเผด็จการซึ่งมี
อาวุธในมือและไม่ต้องการคะแนนเสียงใดๆ ย่อมมีรูปแบบการทำงานแตกต่างกัน ฝ่ายหนึ่งจะทำเพื่อให้เจ้าของคะแนนเสียงพึงพอใจแล้วเลือกพวกเขาให้เป็นรัฐบาลอีกครั้งและทุกการกระทำต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ส่วนอีกฝ่ายจะมุ่งทำเพื่อความต้องการของตนโดยไม่สนใจว่าประชาชนจะชอบหรือไม่ชอบ คำสั่งของพวกเผด็จการคือกฎหมาย มันหมายความว่ากลุ่มนี้จะอยู่เหนือกฎหมาย ดังนั้น แม้จะเกิดการปฏิวัติรัฐประหารในแผ่นดินนี้หลายครั้ง เมื่อควันปืนจางลงจักเห็นการตอบแทนน้ำใจกันและเจตนาในการลดทอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนชัดมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนระบอบประชาธิปไตยนั้นผู้ปกครองประเทศต้องฟังเสียงประชาชนและทำตามกฎหมาย แต่เผด็จการนั้นจะมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งอยู่เหนือกฎหมาย ประชาชนต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของพวกเขา มันจึงเป็นความแตกต่างที่ประเทศในสากลโลกไม่อาจยอมรับรัฐบาลที่มิได้ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชนได้ ทำให้เกิดภาพหนึ่งขึ้นคือ การสืบทอดอำนาจของกลุ่มเผด็จการด้วยการสิงร่างในพรรคการเมืองแล้วลงสนามเลือกตั้ง เพื่อชัยชนะพวกเขาต้องใช้อำนาจทำลายล้างคู่แข่งทุกรูปแบบแลกกับการบริหารประเทศที่ต่างชาติยอมรับได้
ณ เวลานี้คนไทยต้องเข้าใจให้ถูกต้องก่อนว่าความแตกต่างระหว่างรัฐบาลจากการเลือกตั้งและจากการปฏิวัติคืออะไร ส.ส.จากการเลือกตั้งของประชาชนกับการแต่งตั้งของกลุ่มบุคคลหนึ่ง อำนาจแท้จริงของกฎอัยการศึกกับความศักดิ์สิทธิ์ของรัฐธรรมนูญ คนไทยควรเลือกปกป้องอย่างไหนที่เกิดประโยชน์ที่สุด ความสง่างามของผู้นำบ้านเมืองตามหลักสากลของการปกครองประเทศที่ควรมีคนเดียว มิใช่ต้องรอรับความเห็นชอบจากกลุ่มบุคคลใดก่อน ขณะนี้ภาพผู้ปกครองประเทศสองคนในหนึ่งแผ่นดินปรากฏขึ้นแล้ว หากพิจารณาจากกฎหมายสูงสุดสถานภาพและความสำคัญของตำแหน่งผู้นำด้อยค่าลงด้วยอำนาจการปลดจากตำแหน่งอยู่กับคนกลุ่มเดียวเท่านั้น มิใช่อยู่ในมือของประชาชน การเจรจาใดๆคนภายนอกจะไม่เสียเวลาคุยกับรัฐบาล แต่จะคุยกับกลุ่มผู้ให้ความเห็นชอบขั้นตอนสุดท้ายซึ่งถือเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศ มันจึงกลายเป็นความสับสนใจแก่คนอื่นเกี่ยวกับกติกาบริหารประเทศซึ่งมีพลเมือง 63 ล้านคน
การบริหารประเทศภายใต้กฎอัยการศึกมีเงื่อนไขสำคัญที่หลายคนลืมไป คือ หากรัฐบาลทำงานที่คมช.ไม่เห็นชอบก็สามารถใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกขับไล่หรือปลดผู้นำหรือรัฐมนตรีคนใดโดยไม่ต้องรอความเห็นชอบจากผู้นำรัฐบาลก็ได้ หากไม่มีกฎอัยการศึกก็ยังไล่รัฐบาลได้ด้วยคำสั่งปลดผู้นำตามรัฐธรรมนูญ จึงมองเห็นอำนาจสูงสุดในประเทศว่าอยู่ในมือของผู้ใดชัดขึ้น เพื่อความสงบสุขของสังคมโดยรวมคนไทยต้องเคารพกติกาในบ้านเมือง ณ เวลานี้และผู้ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศให้มากที่สุด แต่ไม่ควรส่งเสริมสนับสนุนสิ่งที่ขัดต่อหลักการประชาธิปไตยซึ่งให้ความคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของคนไทย โดยเฉพาะพรรคการเมืองหรือนักการเมืองที่มุ่งทำลายล้างคู่แข่งโดยปราศจากน้ำใจนักกีฬาที่ดีและขาดคุณธรรมอย่างแท้จริงไม่ควรได้รับการนับถือหรือคัดเลือกจากคนไทยให้ร่วมกิจกรรมทางการเมืองในภายหน้าเลย นักกีฬาที่แข่งด้วยความสามารถ มิใช่ฉวยโอกาสโกง ย่อมเป็นผู้ชนะที่สง่างามน่ายกย่องที่สุด ส่วนคนโกงต้องถูกขับไล่ลงจากสนามแข่งขัน มันจึงเป็นหลักการที่ถูกต้องและเป็นที่ยอมรับของคนทั้งโลก เมื่อคนไทยเป็นส่วนหนึ่งของพลเมืองโลกจึงสมควรยึดถือหลักการนี้ไว้เพื่อความสง่างามของประเทศ

*************************************


Create Date : 28 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2549 14:47:34 น. 0 comments
Counter : 390 Pageviews.

arbel
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add arbel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.