BlogGang.com : : arbel - แดนสนธยา

ความรู้คือ วัคซีนของชีวิต เพลินอ่านนิยายดี

Group Blog

All Blogs

แดนสนธยา

เขียนโดย ลูกแก้ว

อันที่จริงแล้วปัญหาภาคใต้ของประเทศไทยมีมานานหลายสิบปีแล้ว ผู้บริหารประเทศบางรุ่นเมินเฉยและไม่แก้ไข ทำให้ปัญหาทับถมสูงและหนักขึ้น หลายรุ่นจะเลือกวิธีแก้ไขแตกต่างกัน บ้างก็ใช้วิธีรุนแรง บ้างใช้กฎระเบียบเข้มงวด เราจึงเห็นภาคใต้เงียบหรือรุนแรงสลับกัน แม้แต่ผู้บริหารประเทศซึ่งมาจากคนในภาคใต้เองพื้นที่ของเขาก็ยังเกิดความรุนแรงขึ้นด้วยการเผาโรงเรียนอันเป็นการท้าทายอำนาจรัฐ และไม่อาจจับผู้กระทำผิดได้ จนกระทั่งมาถึงผู้บริหารประเทศอย่างนายกฯทักษิณซึ่งเลือกใช้วิธีใหม่ๆในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ด้วยการใช้อำนาจทางทหารและการบริหารพื้นที่ร่วมกัน โดยเน้นใช้ข้อมูลข่าวเพื่อจัดการกับหัวโจกที่คุมคนก่อกวนในพื้นที่เป็นหลักซึ่งเป็นแผนเด็ดศีรษะแม่ทัพ กองทัพก็สลายตัวลง เราจักเห็นความรุนแรงเริ่มลดลงในระยะหลังเมื่อทหารกับตำรวจเรียกบุคคลในข้อมูลเชิงลึกซึ่งเชื่อว่ามีอิทธิพลสูงเข้าค่ายอบรมปรับแนวคิดใหม่ ทำให้บางคนเริ่มเปลี่ยนแปลงแนวคิดหรือระมัดระวังการทำงานมากขึ้น อันส่งผลให้การสร้างความปั่นป่วนลดความรุนแรงลงเพราะสูญเสียกำลังพลที่เคยหลงผิดเข้าเป็นแนวร่วมไป ตำรวจและทหารคุมพื้นที่ได้มากขึ้น ชาวบ้านให้ความไว้วางใจเจ้าหน้าที่ซึ่งแสดงความเข้มแข็งมากขึ้น จึงไม่อยากตกอยู่ในอำนาจของกลุ่มก่อกวนบ้านเมืองอีกและให้ความร่วมมือในการส่งข้อมูลต่างๆแก่รัฐ ก่อนการปฏิวัติรัฐบาลการยิงคนบริสุทธิ์ลดลงเพราะข่าวและข้อมูลมีมากขึ้น หัวหน้ากลุ่มต่างๆในพื้นที่ถูกจับตามองแน่นหนาและชัดเจนขึ้น ผู้หลงผิดเริ่มมองเห็นความจริงและถอยห่างจากพวกปั่นป่วนบ้านเมืองโดยการชี้แจงความจริงจากเจ้าหน้าที่รัฐและบิดามารดาซึ่งอยากเห็นลูกหลานมีอนาคตที่ดีจึงดึงพวกเขากลับสู่ความถูกต้องอีกครั้งเมื่อรัฐบาลให้โอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่
หลังเกิดการปฏิวัติรัฐบาลแล้วผู้นำชุดใหม่เริ่มต้นแนวทางแก้ปัญหาภาคใต้ใหม่ด้วยข้ออ้างการสมานฉันท์โดยบอกว่าวิธีการของรัฐบาลเดิมผิดพลาด และกล่าวคำขอโทษต่อสาธารณชนในพื้นที่ปัญหา แล้วยังมีคำสั่งให้ทหารหรือตำรวจวางเฉยและห้ามการตอบโต้ใดๆในพื้นที่ อันเป็นการส่งเสริมให้อีกฝ่ายย่ามใจและเพิ่มความรุนแรงขึ้นด้วยการวางระเบิดตามจุดต่างๆ สังหารครูและคนบริสุทธิ์อย่างอุกอาจ เกณฑ์ชาวบ้านแต่ละหมู่บ้านให้ขับไล่กองทหารที่เฝ้าระวังจุดยุทธศาสตร์ออกไปอย่างต่อเนื่อง บางหมู่บ้านซึ่งเคยอยู่สงบระหว่างสองศาสนากลับมีการขับไล่คนที่ไม่นับถือศาสนาเดียวกับตน หลายแห่งเริ่มเตรียมประกาศเอกราชและตั้งดินแดนของตนซ้อนขึ้น ทั้งหมดกระทำเพื่อทำลายศรัทธาของชาวบ้านที่เริ่มมีให้เจ้าหน้าที่รัฐซึ่งเข้าครองพื้นที่เพิ่มขึ้นในสองสามปีที่ผ่านมา เมื่อเกิดความระแวงใจในกลุ่มชาวบ้านขึ้นอีกครั้ง รัฐจะขาดความร่วมมือและข้อมูลประกอบการทำงาน ตอนนี้กองกำลังของรัฐตกเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว ขณะที่อีกฝ่ายใช้โอกาสที่รัฐอ้างการสร้างความสมานฉันท์โดยหยุดกวาดล้างหัวโจกก่อน พวกเขาแสดงแสนยานุภาพด้านอาวุธและกำลังพลซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนบ้านหรือกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่ข่มขู่ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่รัฐอย่างอหังการ เป้าหมายคือการยึดพื้นที่หรือเขตอำนาจของตนกลับคืนจากรัฐให้สำเร็จ โดยเฉพาะผู้นำทางทหารและการบริหารประเทศหลายคนเป็นผู้ที่นับถือศาสนาเดียวกัน ย่อมมีความเป็นมิตรมากขึ้นต่อกลุ่มดังกล่าว มันจึงกลายเป็นโอกาสทอง
การวางระเบิด การลอบยิงคนบริสุทธิ์หรือครูอาจารย์ผู้ประสาทวิชาให้คนฉลาดขึ้นหรือเจ้าหน้าที่รัฐ การขับไล่คนต่างความเชื่อทางศาสนา เกิดหนักขึ้นหลังจากผู้นำประเทศกล่าวคำขอโทษและการปล่อยกลุ่มบุคคลให้พ้นคดีความมั่นคงแห่งชาติซึ่งถูกกล่าวหาว่าฆ่าเจ้าหน้าที่รัฐโดยไม่แยกแยะผู้กระทำความผิดกับคนบริสุทธิ์ก่อน จึงกลายเป็นการเพิ่มกำลังพลแก่ฝ่ายตรงกันข้ามซึ่งเพลี่ยงพล้ำมาระยะหนึ่งแล้ว จนกระทั่งมีเสียงลือกึ่งหยันว่า ถ้ามีการก้มกราบเท้าขอโทษต่อหัวหน้าของเขา ความสงบอาจมีหวังให้พบเห็นได้ มันแสดงให้คนไทยเห็นว่ากลุ่มบุคคลนั้นต้องการบรรลุเป้าหมายของเขาโดยอาศัยความอ่อนแอของรัฐภายใต้คำว่าสมานฉันท์ สิ่งที่กองกำลังทหารหรือตำรวจในพื้นที่กระทำและก่อผลดีต่อการบริหารพื้นที่โดยเฉพาะการลดบทบาทหัวโจกด้วยนโยบายเชิงรุกและรับอย่างมีศิลปะซึ่งเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นแล้ว รัฐบาลชุดนี้น่าจะส่งเสริมต่อไป มิใช่ยุติแผนนี้เพียงเพราะเป็นนโยบายของรัฐบาลชุดก่อนอันเป็นอคติที่ไม่เห็นแก่ประโยชน์โดยรวมของสังคม แล้วยังไม่เห็นใจต่อความสูญเสียของกำลังพลในพื้นที่ซึ่งถูกสังหารทุกวันภายใต้คำสั่งห้ามตอบโต้ผู้ทำละเมิดกฎหมายภายใต้แผนสมานฉันท์ อันเป็นการส่งเสริมอีกฝ่ายให้บรรลุเป้าหมายของเขาเร็วขึ้น หากไม่สังหารแม่ทัพ จะหยุดยั้งกองทัพไม่ได้ การเจรจาใดๆจะเกิดขึ้นยาก ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐขาดศักยภาพที่ดีกว่าอีกฝ่าย การสมานฉันท์เป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจตรงกันทั้งสองฝ่าย
บรรพชนไทยปกครองดินแดนที่มีความแตกต่างบนพื้นฐานความเชื่อแบบพุทธศาสนาที่ให้ความเมตตาและให้เกียรติแก่ทุกคนซึ่งอาจมีความเชื่อแตกต่างกันได้ อีกทั้งยังต้องมีความเข้มแข็งทางทหารควบคู่กันด้วยเพื่อกำราบกลุ่มที่ชอบใช้ความรุนแรงด้วยหวังจะหมุนเวลาในประวัติศาสตร์กลับคืนมาโดยอาศัยการสนับสนุนจากเพื่อนบ้านที่ไม่อยากเห็นความสงบในแผ่นดินไทยและยังรับการส่งเสริมจากกลุ่มอิทธิพลด้านมืดทั้งพวกค้าของเถื่อน น้ำมันเถื่อน ยาเสพติด เรียกค่าคุ้มครอง เมื่อรวมตัวกันจึงกลายเป็นกองกำลังติดอาวุธที่สร้างความไม่สบายใจแก่ผู้บริหารประเทศมาตลอด หากสังเกตจากเรื่องราวในอดีตจักเห็นว่า รัฐบาลที่วางเฉยต่อปัญหาในพื้นที่จะแจกจ่ายเงินแก่ทุกกลุ่มในหลายรูปแบบเพื่อให้วางตัวสงบไว้ การค้าด้านมืดได้รับการคุ้มครอง จักไม่เห็นข่าวรุนแรงเกิดขึ้น หากชุดใดมีแผนแก้ไขปัญหาและกระทบต่อทุกกลุ่มในพื้นที่ จะมีการแสดงแสนยานุภาพอวดตนให้เห็นตามข่าวทันที ถ้ากำลังของรัฐเอาจริง อีกฝ่ายจำต้องเก็บตัวและความสงบกลับคืนมา ดังนั้น จึงไม่แปลกที่จะเห็นกลุ่มปั่นป่วนบ้านเมืองแสดงอำนาจด้านอาวุธและกำลังคนขณะที่รัฐบาลแสดงท่าทีประนีประนอมสูงสุดและยุติการตอบโต้ทางทหารโดยยินยอมรับความเสียหายฝ่ายเดียว ความศรัทธาของชาวบ้านต่อรัฐลดถอยลง อีกฝ่ายฉวยโอกาสนี้ช่วงชิงมวลชนกลับคืนไปอย่างง่ายดาย
หากความปั่นป่วนในพื้นที่ภาคใต้เกิดขึ้นจากความคลาดเคลื่อนในคำสอนของศาสนา รัฐบาลต้องชี้แจงให้พวกเขาทราบว่าความถูกต้องคืออะไร หัวโจกก่อความวุ่นวายและสังหารคนบริสุทธิ์ หรือเจ้าหน้าที่รัฐต้องรับการลงโทษเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนอื่นและแสดงให้เห็นความเท่าเทียมกันของคนไทยที่ต้องเคารพกฎหมายเดียวกัน กระบวนการยุติธรรมต้องปราศจากอคติและยืนอยู่บนความเที่ยงธรรมโดยไม่จำกัดศาสนา เมื่อประเทศไทยต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทุกดินแดนของไทยต้องใช้กฎหมายเดียวกัน ธงชาติสีเดียวกัน แม้จะนับถือศาสนาแตกต่างกันก็ตาม เราต่างเป็นคนไทยซึ่งมีจิตเมตตาและเป็นมิตรต่อกันเสมอ ความสมานฉันท์จะเกิดขึ้นยาก ถ้ากองกำลังทหารมีความอ่อนแอกว่ากลุ่มสร้างความปั่นป่วนเปรียบเสมือนเด็กเกเรย่อมไม่กลัวครูที่ไม่เข้มแข็งหรือไม่รู้จักใช้อำนาจของตน ผู้กำหนดนโยบายต้องมีเจตนาทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ มิใช่เพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือแค่สร้างภาพพจน์ให้สูงเด่นเท่านั้น มันจะไม่ใช่การแก้ปัญหาแบบยั่งยืน แค่หล่อเลี้ยงปัญหาไว้เพื่อมิให้ถูกพวกเดียวกันพูดประณามเท่านั้น
ประวัติศาสตร์ของแดนใต้เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่อื่นที่มีความยิ่งใหญ่ของตนเองในอดีต ดังเช่น เชียงใหม่ อยุธยา สุโขทัย เป็นต้น เราจะเห็นความเป็นเนื้อเดียวกันของชนชาติไทยได้จากการให้ความรู้ การพัฒนาบ้านเมืองทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างต่อเนื่อง ทุกพื้นที่ต่างมีคนแตกต่างด้านศาสนาอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ไม่มีการแบ่งแยก เอื้ออาทรต่อกัน ดังนั้น การแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืนของพื้นที่แดนใต้ที่รัฐบาลต้องเร่งทำอย่างต่อเนื่องคือ การส่งเสริมให้คนในพื้นที่มีความรู้สูงขึ้น เข้าใจและยอมรับภาษาไทยมากขึ้น มันจะเปิดโอกาสในชีวิตของเขาในแผ่นดินไทยทั้งด้านครอบครัว การทำมาค้าขาย ด้านสังคม ด้านการศึกษา ในอดีตนั้นเราละเลยต่อสังคมของภาคใต้โดยยอมเชื่อฟังคำอ้างของพวกเขาที่ว่า เขาแตกต่างจากคนไทยทั่วไป จึงยอมให้พวกเขาปิดตัวเอง รับรู้เฉพาะรูปแบบสังคมของพวกเดียวกันโดยเราต้องปรับตัวให้เข้ากับพวกเขาฝ่ายเดียว จึงกลายเป็นโอกาสของฝ่ายตรงข้ามที่จะเข้าล้างสมองชาวบ้านให้เชื่อว่าพวกเขาควรปกครองตัวเองเพราะมีความแตกต่างกันและใช้ประวัติศาสตร์นับร้อยปีมาเป็นแกนหลักในการเรียกร้อง ทั้งที่หลายจังหวัดของไทยต่างเคยมีประวัติศาสตร์การเป็นเมืองหลวงเก่าหรือดินแดนอิสระมาก่อนทั้งสิ้น แต่ปัจจุบันนี้ต่างยอมรับความเป็นคนไทยเหมือนกันได้และอยู่ร่วมกันเรียบร้อยดีโดยไม่สนใจจะเรียกเวลาในประวัติศาสตร์กลับคืนมาอีก
การพัฒนาความเจริญในพื้นที่ด้านการคมนาคม การติดต่อสื่อสาร รัฐบาลต้องเร่งส่งเสริมให้เข้าสู่พื้นที่ภาคใต้ เมื่อความเจริญเข้าไปถึงประตูบ้าน ข้อมูลข่าวสารเพิ่มมากขึ้น ความคิดอ่านของชาวบ้านย่อมเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตามไปด้วย ความรุนแรงต่อแนวคิดแบ่งแยกดินแดนจักลดน้อยลงเมื่อชาวบ้านได้รับประโยชน์และชีวิตมีความหวังมากขึ้นจึงไม่ดิ้นรนสร้างความวุ่นวายให้ชีวิตของตน อิทธิพลของกลุ่มสร้างความปั่นป่วนจะถดถอยเพราะไม่อาจรั้งความเจริญหรือแย่งความสะดวกสบายจากชาวบ้านไปได้ ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐทำงานจริงจังต่อการกำจัดพวกเก็บค่าคุ้มครองซึ่งอาศัยชื่อเสียงไม่ดีของกลุ่มสร้างความปั่นป่วนอันส่งผลให้การค้าขายหรืออุตสาหกรรมในพื้นที่ดังกล่าวมีน้อย ลูกหลานของชาวบ้านตกงาน เมื่อทุกคนมีงาน มีความหวังในครอบครัว ย่อมไม่อยากกลับไปอยู่แบบซ่อนตัวและหวาดกลัวอย่างเดิมอีก พวกที่สร้างปัญหาแก่ภาคใต้จักลดน้อยลงมาก แผ่นดินแห่งนี้ย่อมสงบขึ้นแน่ ตัวอย่างการพัฒนาประเทศมุสลิมอย่างมาเลเซียที่กระทำทั้งประเทศมิได้ขัดต่อหลักศาสนาของเขาเลย ดังนั้น การนำความเจริญเข้าสู่แดนใต้จึงไม่มีทางขัดต่อหลักศาสนาหรือความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ทุกเชื้อชาติแน่ ตราบใดที่ยังไม่นำความรู้ การพัฒนาพื้นที่ แนวคิดด้านศาสนาที่ถูกต้องเข้าสู่ภาคใต้ เราจักต้องเห็นการสูญเสียของคนบริสุทธิ์ด้วยฝีมือของกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อแผ่นดินไทยอีกนาน คำขอโทษหรือกราบเท้าอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่สวยหรู แต่ไม่ใช่การสมานฉันท์ที่แท้จริง ครูที่ดีต้องรู้จักใช้คำสอนและไม้เรียวควบคู่กันจึงเปลี่ยนเด็กเกเรให้กลับเป็นเด็กดีได้ ผู้นำบ้านเมืองควรเห็นใจคนบริสุทธิ์ที่ต้องตายสังเวยชีวิตร่วมกับคำขอโทษและพิจารณาคำสั่งหยุดยั้งการปฏิบัติงานด้านความมั่นคงของกองกำลังทหารในพื้นที่ให้รอบคอบขึ้น ถ้าทหารกำลังรบอย่างได้เปรียบเพิ่มขึ้นในสนามรบ แต่แม่ทัพกลับสั่งถอนกำลังหรือสั่งหยุดรบฝ่ายเดียวด้วยเหตุผลส่วนตัว ย่อมกลายเป็นโอกาสของศัตรูในการสังหารทหารอย่างสะดวกใจ มันเป็นการฆ่าทหารผู้เสียสละรักษาผืนดินแห่งนี้โดยอาศัยมือของศัตรู ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นในการรบกับลาวที่ชายแดนไทยแห่งหนึ่งอันเกิดจากคำสั่งของผู้นำในเวลานั้นซึ่งสร้างความสูญเสียชีวิตทหารจำนวนมากและเป็นความอัปยศของคนไทยที่ต้องเก็บซ่อนไว้จนถึงปัจจุบันนี้
ณ เวลาแห่งวิกฤตนี้ผู้นำประเทศต้องแสดงความเข้มแข็งทั้งการบริหารและทางทหารให้ฝ่ายตรงกันข้ามเกรงขาม ชาวบ้านมีศรัทธาต่อการทำงานของรัฐ รู้เท่าทันต่อแผนของอีกฝ่าย ป้องกันมิให้ปัญหานี้ลุกลามใหญ่โตกลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศตามที่อีกฝ่ายต้องการเพื่อนำต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้องและต้องมีสภาพเหมือนติมอร์ตะวันออกหรือศรีลังกา ส่วนฟิลิปปินส์ซึ่งเคยมีปัญหาคล้ายกับไทยยังพยายามจำกัดขอบเขตปัญหาไว้ภายในประเทศของตน มิให้ต่างชาติเข้าเกี่ยวข้องเด็ดขาด ทิศทางนโยบายแก้ปัญหาภาคใต้ของไทยจักทำได้ดีเพียงใด ต้องฝากไว้กับความฉลาดและความจริงใจของผู้นำประเทศและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติซึ่งมีอำนาจสูงสุดในการบริหารประเทศแล้ว

******************************

Create Date : 07 ธันวาคม 2549

Last Update : 7 ธันวาคม 2549 14:03:47 น.

0 comments

Counter : 492 Pageviews.

arbel

Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์

Smember

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]

Friends' blogs

[Add arbel's blog to your web]

Links

Bloggang.com

Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.