ความรู้คือ วัคซีนของชีวิต เพลินอ่านนิยายดี
Group Blog
 
All Blogs
 
เพื่อภาษี ๑ บาท กับ ๑ ล้านบาท ?

เขียนโดย ลูกแก้ว

เมื่อได้อ่านคำให้สัมภาษณ์ของนักกฎหมายท่านหนึ่งซึ่งอยู่ในคณะตรวจสอบความผิดของนักการเมืองว่า ตนเคยขึ้นศาลภาษีเพราะไม่ยอมจ่ายค่าภาษีขายที่ดินตามจำนวนที่กรมสรรพากรประเมินมีจำนวนเงินน้อยกว่าภาษีของนักการเมืองที่ตนตรวจสอบอยู่และเป็นการต่อสู้ทางศาลเกี่ยวกับความขัดแย้งในข้อกฎหมาย มันบ่งบอกแนวคิดและความเห็นแก่ตัวของผู้ให้สัมภาษณ์ที่มองเรื่องตัวเองเล็ก ส่วนเรื่องคนอื่นใหญ่โตมาก แม้จะเป็นเรื่องเดียวกัน อันที่จริงแล้วการเลี่ยงภาษีคาบเกี่ยวกับการโต้แย้งด้านข้อกฎหมายแค่เส้นบางๆกั้นไว้เท่านั้น
ขั้นตอนปกตินั้นการเสียภาษีจะมีกฎระเบียบกำหนดไว้เป็นลายลักษณ์อักษร หลายคนอาจตีความเข้าข้างตนเพื่อไม่ต้องจ่ายภาษีก็ได้ แต่จะมีคณะกรรมการประเมินภาษีตัดสินปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้นคอยดูแลและพิจารณาข้อโต้แย้งระหว่างกรมสรรพากรกับผู้เสียภาษี หากผลพิจารณาไม่พอใจฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีสิทธินำคดีขึ้นสู่ศาลเพื่อตัดสินขั้นสุดท้ายได้จนถึงศาลฎีกา หลังจากได้คำพิพากษาฎีกาแล้ว ทุกฝ่ายต้องยอมรับคำตัดสินครั้งนี้โดยไม่มีคำโต้แย้งใดๆอีก การเลี่ยงภาษีนั้นต้องอาศัยข้อกฎหมายที่เอื้อต่อผู้เสียภาษีเป็นหลัก หากรัฐโต้แย้งว่าเห็นแตกต่างกัน ก็นำเรื่องเข้าสู่ขั้นตอนปกติดังกล่าวแล้วได้ จักเห็นว่าผู้เสียภาษีเลี่ยงจ่ายเงินภาษีน้อยหรือไม่จ่ายหรือรัฐไม่เห็นด้วยกับข้อกฎหมายที่ผู้เสียภาษีอ้างอิงโต้แย้งไว้ ย่อมนำคดีขึ้นสู่ศาลพิจารณาตัดสินได้เสมอ การเลี่ยงภาษีบาทเดียวหรือล้านบาทก็เป็นความผิดเท่าเทียมกัน ไม่ว่าคนเลี่ยงจะเป็นนักกฎหมายหรือผู้นำบ้านเมืองก็ตาม
ข่าวที่รับรู้กันในสังคมหรือสื่อมวลชนเกี่ยวกับการตรวจสอบการเลี่ยงภาษีของนักการเมือง มีขั้นตอนไม่แตกต่างจากระเบียบปฏิบัติปกตินัก นั่นคือ มีการโต้แย้งกันด้วยความเห็นเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่แตกต่างกัน ซึ่งสุดท้ายจักส่งไปให้ศาลพิจารณาว่าความเห็นของฝ่ายใดเป็นความถูกต้อง สิ่งที่แตกต่างกันคือ คดีของนักกฎหมายนั้นมีขั้นตอนสั้นกว่าเพราะพอรับผลพิจารณาจากคณะกรรมการประเมินภาษีด้วยตัวเลขที่ไม่พอใจหรือไม่ตรงกับแนวคิดของตน ก็อุทธรณ์ต่อไปยังศาลชั้นสูง ขณะที่คดีของนักการเมืองมีขั้นตอนเพิ่มเติมก่อนสู่ชั้นศาลเท่านั้น หากมองดูด้วยความยุติธรรมแล้วมันเป็นการโต้แย้งเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย แค่มีข้อกฎหมายหรือเงินจำนวนมากน้อยแตกต่างกันเท่านั้น ถ้าจะนับความเลวจากการเลี่ยงภาษีโดยเจตนาหรือไม่ นักกฎหมายหรือนักการเมืองไม่แตกต่างกันเลย แต่มีความผิดจริงหรือไม่ ข้อกฎหมายที่ถูกต้องคืออะไร ต้องเป็นดุลพินิจของศาล คนเลี่ยงภาษีบาทเดียวหรือล้านบาทก็มีเจตนากระทำทั้งสิ้นเพราะต้องยกข้อกฎหมายประกอบการไม่จ่ายภาษี นักกฎหมายหรือนักการเมืองใช้วิธีเดียวกัน จักแบ่งแยกว่านักกฎหมายทำได้และถือเป็นคนดี ส่วนนักการเมืองทำแบบเดียวกัน แล้วถือว่าเลวร้ายยิ่งกว่าได้อย่างไร มันเป็นความอยุติธรรมที่นักกฎหมายยัดเยียดแก่นักการเมืองที่ตนไม่ชื่นชอบ อันบ่งบอกความเอนเอียงไม่เป็นกลางในฐานะผู้ตรวจสอบความผิดของคนอื่น โดยเฉพาะประวัติมีตำหนิด้านเลี่ยงภาษีแล้วให้ตรวจสอบภาษีของศัตรูทางการเมืองของผู้แต่งตั้งตนมาทำงานนี้ มันสร้างความระแวงใจต่อการทำหน้าที่ของนักกฎหมายอย่างแน่นอน
ธรรมเนียมปฏิบัติในการตัดสินคดีของศาลยังต้องสนใจประวัติของผู้พิพากษาว่ามีประวัติที่บริสุทธิ์มากพอจะทำงานนี้หรือไม่ ความสัมพันธ์ส่วนตัวที่จะสร้างความเอนเอียงต่อคดีมีหรือไม่ ส่วนคณะตรวจสอบความผิดของนักการเมืองที่เฉพาะเจาะจงชื่อเหล่านี้ล้วนมีประวัติเคลือบแคลงอย่างมากในการใช้ชีวิตที่เป็นปฏิปักษ์ต่อผู้ถูกตรวจสอบชัดเจน การตรวจสอบประวัติคดีพิพาทที่หละหลวมจนมองว่าไม่บริสุทธิ์เพียงพอในการดำเนินคดีต่ออีกฝ่าย ทั้งที่รัฐบาลเน้นจริยธรรม คุณธรรม สูงส่งนักหนา นักกฎหมายเลี่ยงภาษีด้วยข้อกฎหมายแล้วพิพาทในศาลจนแพ้คดีและจ่ายเงินภาษีตามคำพิพากษาก็ไม่แตกต่างจากการต่อสู้คดีภาษีของนักการเมืองในวันนี้เพราะอาศัยข้อกฎหมายเช่นกัน
การตรวจสอบการทุจริตของนักการเมืองที่มีนักกฎหมายอยู่ในทีมงานสำหรับคดีรถดับเพลิงซึ่งน่าจะทำงานอย่างยุติธรรมและสมเหตุผล แต่กลับปล่อยคู่สัญญาที่เป็นผู้ว่ากทม.ไปด้วยข้ออ้างว่า เขามาทีหลัง ทั้งที่หลักสัญญานั้นผู้ว่าฯต้องเป็นคู่สัญญาและผู้ที่ทำให้สัญญาสมบูรณ์ด้วยการเปิดแอลซี คือ ผู้ว่าฯกทม. นอกจากนั้นยังมีการแก้ไขสัญญาบ่อยครั้งที่เอื้อประโยชน์แก่คู่สัญญาอีกฝ่ายและทำให้รัฐเสียหายตามหลักฐานเอกสาร คดีนี้เคยเข้าสู่การพิจารณาของตำรวจพิเศษมาแล้วยังเห็นว่าคู่สัญญาคือผู้ว่าฯกทม.ต้องรับผิดชอบโดยตำแหน่งและพฤติกรรมหลายอย่างของเขา ซึ่งถ้าเขาไม่ทำสิ่งนั้น สัญญาย่อมไม่เกิดขึ้นแน่นอน ความผิดจะไม่ตกถึงเขาด้วย แต่คณะทำงานฯกลับแจ้งเหตุผลต่อสาธารณชนว่า ผู้ว่าฯกทม.เข้าทำงานทีหลังและทำไปตามหน้าที่เพื่อให้สัญญามีผลสมบูรณ์ ทั้งที่ระเบียบข้าราชการนั้นหากเห็นว่าสิ่งใดผิดกฎหมายหรือสร้างความเสียหายแก่รัฐ ก็มีสิทธิปฏิเสธการทำงานหรือแจ้งให้หน่วยงานเหนือตนรับทราบไว้ แต่ไม่มีการกระทำนั้นแต่อย่างใด อย่าลืมว่าผู้ว่าฯกทม.ยังเป็นคนมีสติสมบูรณ์ดีพอจะรู้ว่าการเปิดแอลซีคือการสนองรับสัญญาทำให้มันสมบูรณ์ขึ้น จะปัดความรับผิดชอบนี้ไม่ได้อย่างน้อยในฐานะผู้มีอำนาจโดยตรง คณะตรวจสอบความผิดนักการเมืองที่มีนักกฎหมายอยู่ในทีมด้วยก็ยืนยันว่าผู้ว่าฯกทม.ไม่ผิดเพราะมาทำงานทีหลัง แต่ไม่มีข้อกฎหมายสนับสนุนอย่างใดอันสร้างความเคลือบแคลงใจแก่ประชาชนว่ากำลังเอื้อประโยชน์แก่นักการเมืองฝ่ายเดียวกับรัฐบาลที่มาจากการแต่งตั้งโดยคมช. มิได้ยึดถือหลักยุติธรรมและหลักกฎหมาย การปฏิบัติสองมาตรฐานเริ่มเห็นชัดขึ้น โดยเฉพาะความเป็นคนที่มีกิเลสตัณหาของคณะกรรมการเหล่านั้นบอกชัดว่าเขายังเป็นมนุษย์ปุถุชนที่มีรัก โลภ โกรธ หลง เหมือนคนไทยทั่วไป มิใช่เทวดาผู้มีจริยธรรมสูงส่งอย่างที่พยายามสร้างภาพกันมาหลายเดือน คนไทยต้องระวังในการรับฟังข้อมูลจากแหล่งข่าวเหล่านี้แล้วใช้วิจารณญาณในการเชื่อถือมากขึ้น เพราะการหาคนมากด้วยจริยธรรมสูงล้ำฟ้ายากยิ่งนัก คนดีเดินดินทั่วไปก็แค่เฝ้ามองรอบนอกเท่านั้น และเห็นใจคนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมแท้จริงจากคนที่อ้างตนว่ามีจริยธรรมสูงส่ง

***************************


Create Date : 13 มีนาคม 2550
Last Update : 13 มีนาคม 2550 14:12:11 น. 0 comments
Counter : 445 Pageviews.

arbel
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add arbel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.