Group Blog
 
All blogs
 

loVe-loVe ตอนที่ 31

โรสปิดไฟภายในห้องนอนแล้ว และเป็นจังหวะเดียวกับที่ได้ยินเสียงเคาะประตู จึงเอื้อมไปเปิดในความมืดสลัว คิดว่าเป็นน้องสาวและตั้งใจจะไล่กลับไปนอนในทันที

"อะไรอีกล่ะลี่?" หญิงสาวเอามือปิดปากหาว แต่แล้วก็ต้องตาโตเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่เป็นใคร

เวรุตยิ้มกว้าง แทรกตัวเข้าภายในก่อนที่ประตูจะปิดตัวลง แล้วกดล็อคซ้ำ

"เข้ามาทำไม ออกไปเลยนะ" โรสพูดเสียงต่ำ ดันอกชายหนุ่มจนหลังชนประตู

"พี่โรส หลับหรือยังคะ" เสียงเคาะดังขึ้นอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงลิลลี่ ทำเอาโรสตกใจแทบแย่ หากแต่ยังไม่ทันตอบ ชายหนุ่มกลับประคองใบหน้าเธอเข้าจูบ

"บ้าที่สุดเลย ทำอย่างนี้ได้ยังไง" โรสทุบอกกว้างอย่างแรงด้วยอารมณ์โกรธ หลังจากได้ยินเสียงฝีเท้าลิลลี่จากไปแล้ว เวรุตกุมข้อมือเล็กทั้งสองข้าง แล้วเดินต้อนจนเธอล้มหงายลงบนที่นอน

"ปล่อยนะ!" หญิงสาวออกคำสั่ง

"ปล่อยก็ได้" เวรุตว่าพลางเลื่อนมือไปปลดสายรัดเสื้อคลุมออก แล้วเคลื่อนไหวฝ่ามือเข้าสัมผัสแผ่นหลังผ่านชุดนอนเนื้อผ้าเรียบลื่นส่งร่างบอบบางเข้าแนบชิดอกกว้าง ขณะที่เขาซุกไซ้ไปที่ซอกคอหอมกรุ่นกลิ่นสบู่

"คุณทำอย่างนี้ไม่ได้นะ" โรสพยายามผลักไหล่เขาออก เท่าที่กำลังจะเหลืออยู่ ชายหนุ่มขยับขึ้นมองสบตาคู่สวย ราวกับจะสะกดเธอให้หยุดนิ่ง

"แล้วถ้าทำแบบนี้ล่ะ" เวรุตขยับลงจูบริมฝีบางแผ่วเบา หยอกเย้าแล้วแปรเปลี่ยนเป็นยั่วยวนระคนอ่อนหวานให้ความรู้สึกอบอุ่นหวั่นไหวไปกับสัมผัส

โรสขยับแขนขึ้นโอบรอบคอชายหนุ่มราวต้องมนต์เสน่หา รู้ว่าเธอจะต้องเสียใจกับการกระทำในค่ำคืนนี้ หากแต่ความรู้สึกในห้วงเวลานี้บอกว่ามันคุ้มที่จะเสี่ยง ในขณะที่เวรุตนั้นมั่นใจเป็นเท่าทวีว่าเขาและโรสเกิดมาคู่กัน และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาคงไม่มีวันแยกจากเธอไปได้





ลิลลี่นอนพลิกตัวกระสับกระส่าย คิดว่าตนคงไม่ได้ดูละครก็เลยทำให้นอนไม่หลับ ครั้นพอมองนาฬิกาจึงรู้ว่าละครจบไปตั้งนานแล้ว และทำให้คิดต่อไปอีกว่าคนที่อยู่ห้องข้างๆ นั่งทำอะไรอยู่ข้างล่าง เขาน่าจะขึ้นมาตั้งนานแล้ว

"หรือจะตกบันได?" หญิงสาวพูดกับตัวเองแล้วก็นึกห่วงขึ้นมา จึงรีบออกจากห้อง แต่พอไปถึงราวระเบียง กลับเห็นเขาค่อยๆ คลำทางขึ้นมาจากเชิงบันไดด้านล่าง

ลิลลี่ยืนดูเงียบๆ จนกระทั่งเห็นเขาก้าวไม่พ้นขอบขั้นบันไดและเกือบตก โชคดีที่คว้าราวไว้ทัน หญิงสาวรีบยกมือขึ้นปิดปาก มิฉะนั้นเขาต้องรู้แน่ว่าเธอแอบดูอยู่

วินระวีเดินขึ้นมาจนถึงบันไดขั้นสุดท้ายแล้วตรงไปจนถึงผนังด้านใน เขาค่อยๆ คลำทางเดินไปเรื่อยๆ จนฝ่ามือเคลื่อนมาถึงหน้าประตูห้องลิลลี่ เขาหยุดชะงักไปชั่วครู่ คิดว่าหญิงสาวคงกำลังหลับฝันดี โดยหารู้ไม่ว่าเธอกำลังจับจ้องเขาทุกอิริยาบท ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วค่อยๆ เดินต่อไปยังห้องของตน

ลิลลี่คิดว่าเธอคงทำให้เขาไม่สบายใจ ทั้งที่เรื่องเมื่อหัวค่ำ มันก็แค่อุบัติเหตุ เขาคงไม่ได้คิดเกินเลยกับเธอเป็นแน่ จึงตัดสินใจว่าเธอจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้น และทำดีกับเขาเหมือนเดิม เพราะเขาดูน่าสงสารออกจะตายไป




เวรุตตื่นมาไม่พบโรสตั้งแต่เช้า คิดว่าเธอคงอาบน้ำแต่งตัวลงไปรอข้างล่างแล้ว หากแต่นั่งดื่มกาแฟอยู่ครู่ใหญ่ก็ยังไม่เห็นตัว

"ลี่เห็นโรสบ้างหรือเปล่า นี่ผมจะสายแล้วนะ" เวรุตเอ่ยทักเมื่อเห็นลิลลี่เดินผ่านมาพอดี

"พี่โรสไปหัวหินตั้งแต่เช้ามืดแล้วนี่คะ ลี่นึกว่าคุณรู้แล้วซะอีก"

"เปล่านี่ ผมไม่เห็นรู้เรื่อง"

"เห็นว่าจะไปสองอาทิตย์ค่ะ"

ลิลลี่มองหน้าชายหนุ่ม นึกชั่งใจเกี่ยวกับรูปที่เห็นเมื่อคืน ก่อนจะแกล้งพูดแหย่ออกไปเพื่อดูปฏิกิริยาเขา

"ดีเหมือนกันนะคะ เทวินทร์จะได้ไม่มารบกวนใจคุณอีก หรือคุณอาจจะอยากให้เขามาก็ได้"

"โรสไม่อยู่แล้ว เขาคงไม่อยากมาที่นี่หรอก" เวรุตว่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย ที่โรสไปโดยไม่บอกเขาซักคำ หากแต่ลิลลี่กลับเข้าใจผิดไปกันใหญ่

"ผมต้องรีบไปแล้ว เย็นนี้ไม่ต้องรอทานข้าวนะ ผมมีนัดกับลูกค้า" เวรุตบอกกล่าวก่อนจะคว้ากุญแจรถออกไปทันที

ลิลลี่ขบริมฝีปาก ไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับชีวิตต่อจากนี้ เวรุตดีพร้อมทุกอย่างแต่เธอจะทนใช้ชีวิตอยู่กับคนที่มีใจให้เพศเดียวกันได้อย่างไร แถมที่ปรึกษาที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็มาชิ่งหนีไปเสียเมื่อตอนเธอรู้ความจริงเข้าพอดี ลิลลี่มองขึ้นไปชั้นบน ไม่แน่ใจว่าคนบนนั้นจะเป็นที่พึ่งที่ดีได้ในเรื่องนี้ แต่เขาน่าจะรู้จักเวรุตดีกว่าใครๆ




ลิลลี่เคาะประตูห้องเมื่อเห็นว่าสายแล้ว แต่วินระวียังไม่ยอมออกจากห้องนอน หญิงสาวเปิดเข้าไปเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับ มองไปรอบๆ ห้องมืดสลัวด้วยม่านทึบปิดไว้รอบทิศ

"อยู่ได้ยังไงนะแบบนี้" ลิลลี่บ่นพึมพำ แล้วรูดม่านออก เปิดประตูระเบียงเพื่อให้อากาศบริสุทธิ์ผ่านเข้ามา ก่อนจะหันไปจัดการกับผ้าห่มบนเตียง ขณะกำลังง่วนอยู่นั้น หัวใจก็หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินตัวเปล่าออกมาจากห้องน้ำ หญิงสาวรีบดึงผ้าห่มขึ้นปิดหน้า ขณะที่เขาหันรีหันขวางควานหาเสื้อผ้าในตู้ แล้วค่อยๆ ย่องไปทางประตูที่เปิดทิ้งไว้ แต่เท้าเจ้ากรรมดันไปเตะถูกขอบประตูเข้า

"ใครน่ะ?" วินระวีหันตามเสียงทันที หญิงสาวจึงแกล้งเคาะประตูที่เปิดอยู่แล้ว

"ลี่เองค่ะ เข้าไปได้ไหมคะ" ลิลลี่หลับตาปี๋กลัวว่าเขาจะสงสัย

"อย่าเพิ่งเข้ามานะ ผมแต่งตัวอยู่" วินระวีตอบกลับ

"ค่ะ งั้นลงไปรอข้างล่างนะคะ" หญิงสาวปิดประตูลงทันที แล้วรีบเดินเร็วๆ จากไปด้วยใบหน้าเรื่อ

และนั่นทำให้ชายหนุ่มนึกประหลาดใจ เพราะดูเหมือนเขาจะได้ยินเพียงเสียงปิดประตู แล้วลิลลี่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาค่อยๆ เดินไปอีกด้านของเตียงนอน เมื่อรู้สึกถึงกระแสลมเย็นผ่านเข้ามาทางประตูระเบียง รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า เพราะพอจะรู้แล้วว่าใครเป็นคนเปิดมันทิ้งไว้





"นี่มันอะไรกันคะเทวินทร์" พัดชาทิ้งหนังสือซุบซิบซึ่งมีรูปชายหนุ่มกับโรสไปไหนมาไหนด้วยกันสองต่อสอง ลงบนโต๊ะหน้าโซฟา

"ไม่มีอะไรหรอกน่า เพื่อนกันไปทานข้าวด้วยกันไม่เห็นจะแปลก" เทวินทร์ดึงหญิงสาวลงนั่งบนตัก แล้วหอมแก้มฟอดใหญ่

"แต่ข่าวซุบซิบเรื่องมือที่สาม มันหนาหูจนพีชเริ่มจะคล้อยตามแล้วนะคะ นักข่าวก็ถามเรื่องนี้ไม่เว้นแต่ละวัน พีชตอบจนไม่รู้จะตอบยังไงแล้ว" หญิงสาวหน้าบึ้ง และสิ่งที่กลัวที่สุดก็คือ แม่เขาถือหางเรื่องนี้อยู่

"ผมสัญญาว่าจะเคลียร์โดยเร็วที่สุด ตกลงไหม"

"คุณไม่ได้หลอกพีชนะคะ?"

"ใครจะกล้า" เทวินทร์ยิ้มตาหวาน ขยับหญิงสาวลงนอนบนโซฟา

"แล้วเรื่องแต่งงานของเราล่ะคะ?"

"เราก็เข้าหอกันแทบทุกคืนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?" ชายหนุ่มว่าพลางโน้มใบหน้าเข้าใกล้

"นี่ปล่อยนะ วันนี้พีชไม่ค่อยสบาย" หญิงสาวเบี่ยงหน้าหลบ

"เหรอ กินยาหรือยัง" เทวินทร์ใช้มือแตะที่หน้าผาก

"พีชไม่กล้ากินซี้ซั้วอ่ะ พรุ่งนี้จะไปหาหมอค่ะ"

"ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ ติดต่อหรือเปล่า" เทวินทร์แกล้งทำหน้าหวาดเสียว

"นี่! จะมากไปแล้วนะ คุณคิดว่าพีชเป็นอะไรกันแน่?" หญิงสาวหยิกแก้มคนตรงหน้าด้วยความหมั่นไส้

"เป็นโรคขาดความรักมั้ง" เทวินทร์ว่าล้อแล้วจุ๊บที่ริมฝีปากเบาๆ

"รู้ไว้ก็ดี ละครที่พีชเล่น ตอนจบนางร้ายก็ไล่ยิงพระเอกแทบทุกเรื่อง คุณคงไม่อยากให้พีชเล่นบทนั้นใช่ไหม?" หญิงสาวแกล้งขู่

"พีชไม่ทำหรอก เพราะพีชของผมเป็นนางเอกตลอดกาล" เทวินทร์ยิ้มขำ เพราะนิสัยในบทกับนอกบทเธอต่างกันโดยสิ้นเชิง พอพูดจบพัดชาก็ผลุนผลันลุกขึ้น วิ่งไปอาเจียนที่ห้องน้ำ

"เราพูดเลี่ยนขนาดนั้นเลยเหรอ?" ชายหนุ่มถามตัวเองงงๆ ก่อนตามไปดูอาการ





เวรุตรู้สึกเครียดตั้งแต่เช้าจนถึงหัวค่ำเพราะติดต่อโรสไม่ได้เลย ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเธอต้องจงใจหลบหน้าเขาถึงขนาดนี้ ทั้งที่เมื่อคืน... ชายหนุ่มเดินผ่านห้องทำงานของหญิงสาวเข้าไปในห้องพัก ทิ้งตัวลงบนเตียงที่ทั้งสองเคยใช้ร่วมกัน เขาคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่งข้อความเข้ามือถือ คิดว่ายังไงเธอก็ต้องได้รับ

โรสนั่งมองดาวดวงเดิมที่เปลผ้าหน้าที่พักริมชายหาด คิดถึงเหตุการณ์ในคืนที่ผ่านมา แม้จะรู้สึกดีเพียงใดก็เทียบไม่ได้กับความละอายใจที่ถาโถมเข้ามาเมื่อไฟรักดับมอดลง สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดก็คือต้องอยู่ให้ไกลจากเวรุต มิฉะนั้นเธอคงต้องรู้สึกผิดอยู่ร่ำไป

เสียงข้อความเข้าดังแทรกความคิดขึ้นมา หญิงสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตา แล้วล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงที่สวมอยู่ โรสจ้องมองคำว่า "คิดถึง..." นิ่งอยู่อย่างนั้น หากไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เธอคงจะยิ้มแล้วตอบเขากลับทันทีด้วยข้อความคล้ายๆ กัน

แล้วข้อความอื่นก็ตามมาเป็นระยะๆ

"โรสยังสวมแหวนที่ผมให้อยู่ใช่ไหม?"

หยดน้ำใสๆ ร่วงลงบนหน้าปัดโทรศัพท์ หญิงสาวพลิกดูนิ้วว่างเปล่า แล้วขยับมือขึ้นจนเห็นดาวดวงที่เปล่งแสงสว่างที่สุดอยู่ตรงโคนนิ้่ว โรสมองดูอยู่ชั่วครู่ ตั้งท่าจะถอดแหวนนั้นออก หากแต่เสียงข้อความใหม่ดังขัดขึ้นเสียก่อน

"อย่าคิดถอดมันออก"

"คนบ้า" โรสเช็ดน้ำตาแล้วยิ้มขำ หันซ้ายแลขวาสงสัยว่าเขารู้ความคิดเธอได้อย่างไร






















 

Create Date : 17 มกราคม 2555    
Last Update : 17 มกราคม 2555 23:20:45 น.
Counter : 337 Pageviews.  

lovE-lovE ตอนที่ 30

"ได้ข่าวว่าลูกชายคนเล็กคุณรัศมีประสบอุบัติเหตุ ไม่เห็นบอกกันบ้างเลย ตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ" คุณแสงรวีถามไถ่ ขณะล้อมวงเล่นไพ่กันเป็นงานอดิเรกภายในบ้านของเธอ

"ดีขึ้นมากแล้วล่ะค่ะ หมอบอกว่าถ้าเริ่มเห็นแสงบ้าง ก็จะมีโอกาสมองเห็นอีกครั้ง" คุณรัศมีว่าพลางถอนหายใจ

"ตายจริง! ร้ายแรงขนาดนั้นเชียวหรือคะ" คุณแสงรวีอุทาน

"อย่ากังวลเลยนะคะ ตาวินต้องหายแน่ๆ ค่ะ" คุณวันเพ็ญให้กำลังใจ

"ตั้งแต่ย้ายไปอยู่กับเวมาเกือบเดือน ได้หนูโรสกับหนูลี่ช่วยดูแล รู้สึกว่าวินจะมีกำลังใจดีขึ้นเยอะเลยค่ะ" คุณรัศมีว่า

"หนูโรสอยู่ที่นั่นด้วยเหรอคะ?" คุณแสงรวีหันมองหน้าคุณวันเพ็ญกับคุณรัศมีสลับกันไปมา

"ก็ยัยลี่น่ะสิคะ พอจำอะไรไม่ได้ ก็ไม่ยอมกลับบ้านท่าเดียว ต้องให้พี่สาวไปอยู่ด้วย" คุณวันเพ็ญอธิบาย

"แปลกนะคะ ที่ลูกคุณทั้งสองมาประสบอุบัติพร้อมๆ กันแบบนี้" คุณแสงรวีตั้งข้อสงสัย พลางคิดว่าเรื่องของลูกชายตนคงไม่ง่ายเสียแล้ว หากว่าทางนั้นได้ใกล้ชิดกัน

"แหม เหตุบังเอิญไม่มีจริงหรอกค่ะ คงเป็นเรื่องของพรหมลิขิตซะมากกว่า" คุณรัศมีว่าเป็นนัย

"พรหมลิขิต หรือจะสู้คนลิขิตได้ล่ะคะ" คุณแสงรวียิ้มตอบพร้อมกับความคิดบางอย่างที่ผุดขึ้นในใจ ณ บัดนาว




เทวินทร์ยอมตามใจคุณแสงรวี และไปมาหาสู่โรสบ่อยครั้งขึ้น เพื่อยื้อเวลาที่จะให้หญิงสาวเคลียร์เรื่องทุกอย่าง เพราะแม้เขาจะไม่ยินยอมพร้อมใจกับมารดาเรื่องมีคู่ แต่ก็ไม่อาจทำร้ายโรสโดยการเปิดโปงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเวรุตได้

ในขณะที่คุณแสงรวีเองก็ให้คนจับตาความเคลื่อนไหวของลูกชาย และรู้เห็นโดยตลอดว่าเทวินทร์ยังไม่ได้ยุติความสัมพันธ์กับพัดชาดังที่รับปากไว้ เธอจึงจำต้องยื่นมือเข้าไปเกี่ยวข้องเพื่อให้ทั้งสองแตกหักกันเร็วขึ้น


"แกจะมาทำไมบ่อยๆ ที่บ้านแกไม่มีข้าวกินหรือไง" เวรุตแสดงอาการไม่พอใจ เมื่อเห็นเทวินทร์ทำตัวเป็นแขกประจำ และถือโอกาสมาทานข้าวที่บ้านเขาบ่อยๆ

"โรสเป็นคนชวนฉันเองนะ" เทวินทร์ไม่สนใจอาการบึ้งตึงของอีกฝ่าย กลับหันไปส่งสายตาให้หญิงสาวที่พูดถึง เป็นการยั่วยุเวรุตให้แสดงความรับผิดชอบบ้าง

"ขอโทษนะคะ คุณคงไม่พอใจที่ฉันถือวิสาสะ ชวนแขกมาที่บ้านของคุณ" โรสว่า

"โรสก็รู้ว่าผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น" เวรุตหันมองหน้าหญิงสาว

"นั่นน่ะสิ เวไม่ได้หมายความอย่างนั้นหรอกค่ะพี่โรส ทานกันหลายๆ คนสนุกดีออก" ลิลลี่ช่วยเสริม

"งั้นก็เลิกพูดไม่เข้าท่าได้แล้วเว เทวินทร์ก็ไม่ใช่ใครอื่น จำไม่ได้เหรอว่าสมัยเรียนเราสนิทกันแค่ไหน" วินระวีว่าพี่ชาย

"ฉันผิดเองก็ได้ ถ้าแกไม่เกรงใจล่ะก้อ หอบเสื้อผ้ามานอนที่นี่เสียเลยสิ จะได้ไม่ต้องไปๆ มาๆ " เวรุตอดเหน็บไม่ได้

"ดีเหมือนกันนะ แกคิดได้ไงเนี่ย" เทวินทร์ทำเป็นเห็นด้วย

"นี่แก!" เวรุตไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะทำจริง

"ล้อเล่นน่า กลางคืนน่ะฉันมีที่ซุกหัวแล้ว คงไม่รบกวนหรอก" เทวินทร์หัวเราะร่า

"งั้นทานข้าวกันเลยนะคะ เย็นหมดแล้ว" ลิลลี่ว่าแล้วส่งโถข้าวให้ทุกคนตักใส่จานตัวเอง




"ขอโทษแทนเวด้วยนะคะเทวินทร์ พรุ่งนี้คุณไม่ต้องมาที่นี่แล้วล่ะค่ะ โรสจะไปดูงานที่หัวหินสองอาทิตย์ กลับมาโรสจะบอกคุณป้าเรื่องของเราเองค่ะ คุณจะได้ไม่ต้องลำบากใจอีก" หญิงสาวบอกกล่าว ขณะทั้งสองกำลังเดินเล่นด้วยกันที่สนามหน้าบ้าน

"เวไม่มีความรับผิดชอบเอาเสียเลย ทั้งที่มันก็ดูหวงโรสออกอย่างนั้น" เทวินทร์ออกความเห็น

"ก็คงหวงก้างไปอย่างนั้นเองค่ะ อีกหน่อยโรสออกจากชีวิตเขาแล้ว ก็คงจะลืม"

"โรสแน่ใจเหรอว่าไม่อยากได้เวคืน"

"ถึงได้เขาคืนมา โรสก็คงไม่มีความสุขไปชั่วชีวิต ให้มันจบแบบนี้แหละดีแล้วค่ะ"

"นั่นสินะ ไม่ว่าจะตัดสินใจยังไงก็เจ็บทั้งนั้น ผมรู้ว่าโรสคงพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังไม่ได้ แต่ไว้ใจผมได้นะ ไหนๆ เราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว คิดซะว่าผมเป็นพี่ชายก็แล้วกัน" เทวินทร์ลูบศีรษะหญิงสาวด้วยความเอ็นดูและเห็นใจ

"ขอบคุณค่ะ"

"ผมเห็นต้องกลับเสียที"

"โรสเดินไปส่งค่ะ"





"คุณว่าพี่โรสคิดยังไงกับเทวินทร์" ลิลลี่ถามความเห็นวินระวี เมื่อนั่งอยู่หน้าจอทีวีด้วยกันในห้องรับแขก ซึ่งกลายเป็นกิจวัตรหลังอาหารเย็นของทั้งคู่ไปแล้ว และจากการต้องอยู่ด้วยกันทั้งวัน จึงทำให้ทั้งสองสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว

"ลี่น่าจะรู้ดีกว่าผมนะ" วินระวีทิ้งตัวลงนอนบนตักหญิงสาว

"ลี่ว่าพี่โรสยังไม่ชอบเทวินทร์ถึงขนาดนั้นค่ะ คุณยังมีโอกาสนะคะวิน" ลิลลี่ก้มมองคนบนตัก

"เกี่ยวอะไรกับผม ผมเคยบอกเหรอว่าอยากเป็นพี่เขยลี่" วินระวีถามขำๆ

"พี่สาวลี่เสียหายตรงไหน ออกจะสวยแสนดีออกปานนั้น" ลิลลี่ขยี้ผมชายหนุ่มด้วยความหมั่นไส้

"ลี่ตั้งใจจะชมตัวเอง หรือชมโรสกันแน่" ชายหนุ่มว่าล้อ

"คิดเอาเองสิคะ ลี่สวยยังไง พี่โรสก็สวยอย่างนั้นแหละ"

"เฮ้อ.. ว่าแล้วเชียว"

"ทำไมต้องทำเสียงแบบนี้ด้วย" ลิลลี่แว้ดใส่ แล้วแกล้งดึงเคราชายหนุ่มซึ่งเริ่มจะยาวมากแล้ว

"โอ๊ย! ผมเจ็บนะลี่"

"ใครจะเหมือนคุณล่ะ เป็นฝาแฝดกันแท้ๆ เวหล่อยังกะเทพ ส่วนคุณน่ะเครารกยังกะซาตาน"

"ซาตานเหรอ? มาให้ข้าจัดการซะดีๆ" วินระวีคว้าหมอนอิงขึ้นมา แล้วขยับลุกขึ้น จับหญิงสาวกดลงบนโซฟา ตั้งใจจะแกล้งใช้หมอนอัดใบหน้า

"นี่! อย่าเล่นบ้าๆ นะ" ลิลลี่ขำ รู้ว่าเขาแค่แกล้งเล่น

"ใครว่าเล่น" ชายหนุ่มเล่นสนุกจนลืมสถานะของตนและหญิงสาว จนกระทั่งเขาสะดุดล้มทับร่างบอบบาง ริมฝีปากจูบลงที่ข้างแก้มนวลใสที่เขาเคยคุ้น เสียงหัวเราะของทั้งสองเงียบหายไปทันที

ลิลลี่รู้สึกราวเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ในใจสับสนไม่รู้ว่ามันเคยเกิดขึ้นที่ไหนและเมื่อไหร่ หญิงสาวพยายามนึก คิดว่าเป็นโอกาสเดียวที่อาจทำให้เธอคิดอะไรออก

วินระวีขยับใบหน้าขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากเขาห่างเธอเพียงเซนติเมตร ดูท่าทางเขาจะลังเลใจ ขณะที่ลิลลี่เบิ่งตาโตด้วยหัวใจเต้นระทึก ตัดสินใจไม่ถูกว่าเธอจะทำอย่างไรดี

"ขอโทษนะ ลี่เจ็บตรงไหนหรือเปล่า" ดูเหมือนเขาตัดสินใจได้ก่อน

"ปละ..เปล่าค่ะ" ลิลลี่รีบขยับลุกขึ้น ในช่วงที่โรสเดินเข้าบ้านมาพอดี

"เออ คือลี่ง่วงนอนแล้ว ฝากพี่โรสพาวินขึ้นชั้นบนด้วยนะคะ" ลิลลี่ว่าแล้วรีบผลุนผลันไปทันที

"จะรีบไปนะ ยัยลี่นี่" โรสบ่นงงๆ เพราะทุกทีก็เห็นนั่งดูทีวีเป็นเพื่อนกันจนจบถึงจะยอมขึ้นนอน

"โรสไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวดูจบแล้วผมขึ้นนอนเองได้"

"แน่ใจนะคะ"

"ไม่ต้องห่วงนะ"

"ค่ะ" โรสว่าแล้วผละขึ้นไปยังห้องนอนของตน เพื่อเก็บเสื้อผ้า คิดว่าจะพักผ่อนแต่หัวค่ำ เพราะพรุ่งนี้จะได้เดินทางแต่เช้า




ลิลลี่ปิดประตูห้องนอนตนเองลงด้วยหัวใจเต้นรัว ไม่เข้าใจว่าเกิดความรู้สึกเช่นนี้กับวินระวีได้อย่างไร ภาพเหตุการณ์ที่คิดว่าเคยเกิดขึ้น อาจจะเคยเกิดกับเวรุตก็ได้ และเรื่องนี้ต้องพิสูจน์ เขาคงจะไม่ว่าอะไร เพราะยังไงเธอกับเขาก็เป็นสามีภรรยากัน

เมื่อคิดดังนั้น หญิงสาวจึงออกจากห้องตนเองแล้วไปเคาะประตูห้องข้างๆ โรสเห็นน้องสาวเข้าพอดี จึงหยุดชะงักเท้าตรงกึ่งกลางบันได รอจนลิลลี่หายเข้าไปในห้องนอนเวรุต แล้วจึงรีบก้าวเร็วๆ ไปยังห้องพักตนเอง พยายามปัดความรู้สึกที่กำลังรบกวนจิตใจออกไป ด้วยความคิดที่ว่าช้าเร็วเหตุการณ์นี้ก็ต้องเกิดขึ้น เธอควรจะตั้งต้นทำใจเสียแต่บัดนี้



"ลี่มีอะไรหรือเปล่า" เวรุตถามด้วยสีหน้าเครียด เพราะภาพหญิงคนรักเดินคลอเคลียกับชายอื่นในรั้วบ้านตนยังคงวนเวียนอยู่ในหัว

"ไม่สบายหรือเปล่าคะเว ดูคุณเครียดๆ นะคะ" ลิลลี่ถามด้วยความห่วงใย พลางใช้หลังมือแตะที่หน้าผากคนที่นั่งอยู่ตรงขอบเตียง

"ผมไม่เป็นไรหรอก บอกธุระลี่มาดีกว่า" เวรุตกุมมือเล็กไว้แล้วถาม ลิลลี่จ้องตาเขา พลางคิดว่าหากวินระวีมองเห็น เขาจะมองเธอด้วยสายตาแบบนี้ไหม สายตาห่วงใยราวเธอเป็นเด็ก และนั่นทำให้ไม่แน่ใจว่าเธอกับเวรุตมีความสัมพันธ์แบบไหนกันแน่ ก่อนที่เธอจะสูญเสียความทรงจำ

"เออ..คือลี่.." หญิงสาวลังเลไม่รู้จะเริ่มยังไง

"มีอะไรก็พูดมาเถอะ ไม่เห็นต้องเกรงใจผมเลยนี่" เวรุตมองด้วยสายตาสงสัยใครรู้ว่าลิลลี่มีอะไรอึดอัดใจกันแน่

"ลี่อยากรู้ว่า..." ลิลลี่ว่าแล้วหยุดไปอีก

"อยากรู้อะไรก็ถามมาสิลี่" เวรุตคะยั้นคะยอ

"ทำไมลี่ถึงหนีไปที่เพชรบูรณ์ จนประสบอุบัติเหตุคะ" ลิลลี่ถามเร็วรัวออกไปแล้วก็ต้องขบริมฝีปากตัวเอง ถึงแม้จะอยากรู้ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เธออยากถามในตอนนี้ แต่ก็ทำเอาเวรุตอึ้งไปครู่ใหญ่ เพราะไม่ทันตั้งตัวว่าลิลลี่จะถามถึงเหตุการณ์นี้

"เออ คือเราทะเลาะกันนิดหน่อย แล้วลี่คงน้อยใจน่ะ ก็เลยขับรถหนีไป" เวรุตว่า

"ถ้านิดหน่อยจริง ลี่คงไม่ทำขนาดนั้นมั้งคะ" ลิลลี่ตั้งขอสังเกต

"อย่าพูดถึงมันอีกเลยนะลี่ จะทำให้ไม่สบายใจซะเปล่าๆ ยังไงตอนนี้เราก็กลับมาอยู่ด้วยกันแล้ว" เวรุตลุกยืนแล้วดึงหญิงสาวเข้ามากอดไว้หลวมๆ และนั่นทำให้ลิลลี่นึกด่าตัวเองในใจอีกที่นำอ้อมกอดนี้ไปเปรียบเทียบกับที่วินระวีเคยกอดเธอในสระน้ำ

"ก็ได้ค่ะ งั้นลี่ไม่กวนคุณแล้วนะคะ" ลิลลี่ขยับตัวออก

"พักผ่อนให้สบายนะ ไม่ต้องคิดอะไรมาก" เวรุตว่าพลางเดินไปส่งหญิงสาวที่ประตูห้อง

ลิลลี่ถอนหายใจเดินไปเคาะประตูห้องพี่สาว เพราะคิดว่าเรื่องนี้โรสน่าจะตอบคำถามเธอได้ดีกว่า ถึงยังไงก็เป็นพี่น้องกัน เธอคงไม่มีอะไรต้องปิดบัง



"ลี่.." โรสประหลาดใจที่เห็นน้องสาวยืนอยู่หน้าห้อง

"ขอเข้าไปหน่อยได้ไหม" ลิลลี่ถอนหายใจ แล้วทิ้งตัวลงบนที่นอน

"เป็นอะไรอ่ะ" โรสถามขณะเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า

"นี่พี่โรสจะไปไหนคะ" ลิลลี่ถามสงสัย

"พี่ลืมบอกว่าต้องไปดูงานที่หัวหินสองอาทิตย์"

"ให้ลี่.."

"ไม่ได้หรอก พี่ไปทำงานนะ ถ้าลี่ตามไปด้วยใครจะดูแลวินกับเวล่ะ"

"ลี่ก็อยากไปเที่ยวบ้างนี่คะ" ลิลลี่ทำหน้างอ

"งั้นก็ให้เวพาไป"

"ดีเหมือนกันค่ะ อะไรๆ มันอาจจะดีขึ้นก็ได้" ลิลลี่พูดคล้ายรำพึงกับตัวเอง

"อะไรที่ว่าน่ะ อะไรเหรอ?"

"ก็แบบว่า.. เวเขามีท่าทางแปลกๆ กับเทวินทร์ แต่กับลี่เขาดูไม่ค่อยสนใจ"

"ใครว่าล่ะ พี่ก็เห็นเขาใส่ใจลี่ดีออก"

"ลี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น"

"เออ รอแป๊บนะ พี่ขออาบน้ำก่อน เดี๋ยวจะออกมาคุยด้วย"

"ก็ได้ค่ะ ลี่รอได้"

โรสถอนหายใจแล้วรีบตรงเข้าห้องอาบน้ำ คิดว่าอย่างน้อยๆ เธอควรได้มีเวลาเตรียมตัวกับคำถามที่ลิลลี่อยากรู้บ้าง

ลิลลี่เห็นโทรศัพท์มือถือพี่สาวอยู่บนหัวเตียง จึงหยิบมากดเล่นดูรูปที่ถ่ายไว้ มีแต่รูปเวรุตเมื่อครั้งที่ไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วยกันเต็มไปหมด หญิงสาวเลื่อนดูไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพี่สาวเดินออกมาจากห้องอาบน้ำในชุดคลุม

"เพราะอย่างนี้นี่เอง" ลิลลี่เงยหน้าขึ้นมาจากหน้าปัดโทรศัพท์จ้องหน้าพี่สาวเขม็ง

"ลี่..คือพี่อธิบายได้นะ" โรสตกใจคิดว่าน้องสาวคงระแคะระคายอะไรเข้าให้แล้ว

"ภาพมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว พี่โรสจะอธิบายอะไรอีก ตอนแรกลี่ก็แค่สงสัย แต่ตอนนี้แน่ใจแล้วค่ะ"

"มันก็แค่ภาพถ่ายกันเล่นๆ เผอิญพี่ลืมลบออก"

"ก็ดีแล้วล่ะค่ะ ถ้าพี่โรสลบออก ลี่คงตาบอดไปอีกนาน"

"พี่ขอโทษ"

"ไม่ใช่ความผิดของพี่โรสหรอกค่ะ เรื่องนี้เป็นปัญหาระหว่างเวกับลี่แค่สองคน"

"แต่พี่..."

"ที่แท้เขาก็หวงเทวินทร์ ไม่อยากให้เข้าใกล้พี่โรส"

"ว่าไงนะ??"

"คนในรูปนี้เวใช่ไหมคะ พี่โรสตอบมาคำเดียว" ลิลลี่ยื่นโทรศัพท์ให้พี่สาวดู รูปชายหนุ่มนอนหลับตาพริ้ม แต่งหน้าจัดจ้านด้วยเครื่องสำอางค์หนาเตอะ

"มันก็ใช่...แต่ว่า" โรสไม่รู้จะอธิบายยังไงว่าเป็นฝีมือเธอเอง แต่เพราะลิลลี่เองนั่นแหละที่ให้ข้อมูลเธอผิดๆ

"เขาบอกลี่ว่าเราทะเลาะกัน ก่อนลี่จะหนีไปเพชรบูรณ์ ต้องเป็นเรื่องนี้แน่ๆ เลยค่ะ" ลิลลี่นึกเดาเรื่องได้เองหมด

"ฟังนะยัยลี่ หยุดบ้าได้แล้ว เวเขาไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอก" โรสประคองใบหน้าน้องสาวแล้วพูดให้ความมั่นใจ

"มิน่าล่ะ เขาถึงไม่เคยแสดงความรักกับลี่เลยซักครั้ง ลี่จะทำยังไงดีพี่โรส"

"เอาล่ะ อยากจะคิดว่าจริงก็ได้ แต่ลี่แต่งงานกับเขาแล้ว ควรจะช่วยกันแก้ไขสิ พี่ว่าลี่ควรจะให้โอกาสเขานะ"

"เขาจะเปลี่ยนได้เหรอคะ" ลิลลี่ว่าด้วยท่าทางสยอง

"ถ้าลี่ให้กำลังใจเขา เขาต้องทำได้" โรสว่าปลอบ

"งั้นลี่ควรบอกให้เขารู้ไหมคะ ว่าลี่รู้ความลับเขาแล้ว"

"พี่ว่าอย่าดีกว่า" โรสถอนหายใจ เกรงว่าถ้าทำเช่นนั้น เขาจะหัวเราะเยาะยัยลี่ซะมากกว่า

"งั้นลี่.."

"กลับไปนอนได้แล้วนะ ทำใจให้สบาย ทุกอย่างมีทางแก้ไข"

ลิลลี่จำต้องทำตามที่โรสแนะ ครั้นพอออกจากห้องพี่สาวได้ ก็พบเวรุตสวมชุดนอนยืนอยู่ตรงเชิงบันไดพอดี หญิงสาวจ้องเขาตาไม่กระพริบก่อนจะรีบเดินหลบเข้าห้องตัวเองไป เวรุตมองตามแล้วยิ้มประหลาดใจในท่าทีแปลกๆ นั้น แล้วเดินไปเคาะประตูห้องที่ลิลลี่เพิ่งจากมา


























 

Create Date : 16 มกราคม 2555    
Last Update : 16 มกราคม 2555 21:45:01 น.
Counter : 342 Pageviews.  

loVe-loVe ตอนที่ 29

ลิลลี่จัดการเก็บเสื้อผ้าเปียกลงตะกร้า แล้วพาชายหนุ่มลงมานั่งข้างล่าง

"อยู่นี่ก่อนนะคะ ฉันจะไปเตรียมอาหาร คุณคงหิวแย่แล้ว" ลิลลี่ว่าพลางเปิดทีวีในห้องรับแขกทิ้งไว้แล้วเอารีโมทใส่ไว้ในมือชายหนุ่ม

"คุณทำอะไรให้ผมทาน ผมอยากกินกุ้งเผาสะเดาหวาน" วินระวีว่าเมื่อนึกถึงอาหารที่ลิลลี่เคยทำ หญิงสาวเลิกคิ้ว คิดว่าเขาช่างกล้าพูด

"เออ เอาไว้คราวหน้านะคะ ฉันไม่ได้เตรียม (อะไรพันนั้น) ไว้ค่ะ ทานราดหน้าไปก่อนนะคะ"

"ราดหน้าก็ได้ ลี่ทำอร่อยทุกอย่าง"

"คุณรู้ได้ยังไงคะ"

"เวบอกว่าอย่างนั้นน่ะ"

"อย่าเชื่อเวมากนะคะ ของอย่างนี้ต้องลองเองค่ะ" ลิลลี่ยิ้มหวานรู้สึกปลื้มที่มีคนชอบฝีมือทำอาหารของเธอ ส่วนชายหนุ่มนั้นนึกจินตนาการได้ทันทีว่าหญิงสาวจะทำหน้ายังไง



วินระวีนั่งฟังเสียงทีวีอยู่ลำพังพักใหญ่ รู้สึกเบื่อจึงลุกขึ้นเดินคลำทาง คิดว่าจะไปหาลิลลี่ที่ครัว แต่แล้วกลับไปสะดุดขาโต๊ะตัวเล็กที่ตั้งประดับอยู่มุมห้อง ทำให้เสียหลักและมือไปปัดถูกแจกันแก้วใบใหญ่ที่วางอยู่บนนั้นหล่นโครมลงบนพื้น

"ตายจริง! อย่าขยับนะคะวิน" ลิลลี่วิ่งหน้าตั้งออกมาจากครัว หลังได้ยินเสียงแจกันแตก พอเห็นสภาพเศษแก้วและน้ำกระจายเกลื่อนพื้น ทำให้คิดว่าเป็นวันโลกาวินาศหรือไงนะ เขาจะอยู่เฉยๆ บ้างไม่ได้หรือยังไง

ลิลลี่พาชายหนุ่มขยับออกมาอยู่ในที่ปลอดภัย เสร็จแล้วก็ต้องรีบกลับไปเก็บกวาดพื้นอีกนาน เพราะไม่รู้เศษแก้วไปซุกอยู่ที่ใดบ้าง

"ลี่ ผมขอโทษ" วินระวีว่าด้วยน้ำเสียงสำนึกผิดที่ทำให้หญิงสาวต้องลำบาก

"ถ้าคุณไม่นั่งเฉยๆ ฉันจะโกรธคุณจริงๆ ด้วย โชคดีนะที่คุณไม่บาดเจ็บอะไร ไม่งั้นเวต้องคิดว่าฉันดูแลคุณไม่ดีแน่ๆ" ลิลลี่ปาดเหงื่อ หลายวันก่อนเธอยังเซ็งชีวิตเพราะไม่มีอะไรจะทำ มาวันนี้เธอกลับต้องวุ่นวายตลอดเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่เขามาถึง

"ลี่จะได้รู้ไงล่ะ ว่าซินเดอเรลล่ารู้สึกยังไง" วินระวีว่าล้อ นึกถึงคราวที่ขี่ม้าขาวอยู่กลางทุ่งด้วยกัน

"นี่คุณยังมีอารมณ์มาล้อเล่นอีกเหรอ" ลิลลี่แว้ดเข้าให้ ลืมนึกไปเลยว่าเขาเป็นแขก

"พาผมไปนั่งที่ครัวด้วยนะ ผมไม่อยากอยู่คนเดียว"

"ถ้าสัญญาว่าจะนั่งเฉยๆ" ลิลลี่เริ่มทำเสียงดุ

"ครับผม" วินระวียิ้มกว้าง






ชายหนุ่มนั่งเงียบๆ ฟังเสียงจับโน่นหั่นนี่ไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าใจเขาสงบขึ้นเป็นครั้งแรก นับแต่เกิดอุบัติเหตุ แล้วจู่ๆ เขาก็ครวญเพลงขึ้นมา ลิลลี่มองหน้าคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ที่โต๊ะเตรียมอาหารแล้วยิ้ม คิดว่าอย่างน้อยๆ เขาก็มีประโยชน์อยู่บ้าง นอกจากหาแต่เรื่องวุ่นให้เธอ หญิงสาวฟังไปเรื่อยๆ ไม่ได้ทักท้วงอะไรแม้จะรู้สึกว่าเสียงเขาฟังดูเศร้าๆ คงเป็นเพราะเพิ่งอกหักแถมยังโชคร้ายซ้ำอีก ทำให้คิดไปว่าเธอยังโชคดีกว่าเขา แม้จะสูญเสียความทรงจำไปแต่ก็ยังมีเวรุตอยู่ข้างกาย


"คุณชอบทานอาหารอะไรเป็นพิเศษไหมคะ" ลิลลี่ถามเมื่อเขาร้องเพลงจบ อยากจะชวนเขาเปลี่ยนอารมณ์จากเรื่องเศร้าๆ

"ก็มีบ้างเช่น กุ้งเผากับสะเดา ปลาราดพริก ผัดเปรี้ยวหวาน ต้มยำซีโครงอ่อน น้ำพริกกุ้งสด ..." วินระวีร่ายมาเป็นสิบๆ อย่าง เท่าที่เขาจำได้ว่าเธอเคยทำให้เขาทาน

"โอ้โห! คุณชอบเยอะขนาดนี้เลยเหรอคะ" ลิลลี่ทำตาโต

"จริงๆ แล้วผมไม่ค่อยช่างเลือก กินได้ทุกอย่าง"

"ไว้ฉันจะทยอยทำให้นะคะ แต่ไม่รู้จะอร่อยเหมือนที่คุณเคยทานมาหรือเปล่า"

"ถ้าไม่ใช่ ก็คงใกล้เคียง" วินระวีว่ายิ้มๆ

"อืม.. เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าคะ" จู่ๆ หญิงสาวก็นึกอยากรู้ แต่เห็นอีกฝ่ายเงียบไป

"คือ..คุณรู้ใช่ไหมว่าฉันความจำเสื่อม ฉันก็เลยจำคุณไม่ได้"

"ก็ต้องรู้จักสิ ผมจะไม่รู้จักพี่สะใภ้ตัวเองได้ยังไง เพียงแต่ไม่ได้เจอกันบ่อย เพราะผมไม่ได้อยู่กรุงเทพ"

"แล้วเมื่อก่อนคุณอยู่ไหนคะ"

"ผมทำไร่อยู่ที่เพชรบูรณ์"

"เหรอคะ? ฉันก็ประสบอุบัติเหตุแถวนั้น แต่จำไม่ได้ว่าตัวเองไปทำอะไรที่นั่น"

"เรื่องร้ายๆ อย่าไปจำมันดีกว่า ราดหน้าเสร็จหรือยัง ผมหิวแล้ว"

"เรียบร้อยแล้วคะ" ลิลลี่ว่างจานราดหน้าควันฉุยลงตรงหน้าชายหนุ่ม

"กลิ่นหอมจังเลย"

"ทานให้หมดนะคะ" หญิงสาวว่าพลางเอาช้อนกับส้อมใส่ไว้ในมือให้

วินระวีพยายามจะตักเส้นก๋วยเตี๋ยวที่จับตัวกันด้วยความยากลำบาก ยังไม่ถึงปากก็หล่นร่วงลงไปในจานคืนจนรู้สึกหงุดหงิดตัวเอง

"อดทนหน่อยนะคะวิน อีกหน่อยคุณหายแล้วก็หลับตาทานข้าวได้" ลิลลี่ว่าล้อให้กำลังใจ

"ลี่หลับตาทานเป็นเพื่อนผมไหมล่ะ?"

"ลองดูก็ได้ค่ะ" ลิลลี่นึกสนุก และไม่อยากทำให้เขาเครียด จึงหลับตาทานเป็นเพื่อน โดยไม่ต้องห่วงสวยเพราะยังไงเขาก็ไม่เห็นเธออยู่แล้ว

ลิลลี่แอบมองคนตรงข้ามเป็นระยะ รู้สึกว่าเขามีความสุขกับการรับประทานมากขึ้น และแอบยิ้มขำที่เห็นเขาทำเลอะเทอะเหมือนเด็กๆ






โรสกลับมาถึงห้องทำงาน ปรากฏว่าเวรุตยังคงนั่งรอเธออยู่ที่เดิม เขามองหน้าเธอนิ่งทว่าภายในกลับไม่ได้ดูสงบเหมือนภายนอก หญิงสาวบอกได้ทันทีจากแววตาที่ไม่คุ้นเคยนั้น

"ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรแล้ว ฉันจะทำงาน" โรสออกปากเพราะเขากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ของเธอ

"ทีออกไปทานข้าวตั้งนานสองนาน ไม่เห็นจะห่วงงาน" เวรุตยังคงนั่งพิงพนักเฉย

"ฉันไม่ใช่ลูกจ้างคุณนะคะ ฉันจะเข้าออกตอนไหน ก็เป็นสิทธิ์ของฉัน"

"โรสคงลืมไปแล้วมั้ง ว่าเราเป็นอะไรกัน ผมไม่มีสิทธิ์จะหวงเหรอ ถ้าโรสออกไปกับผู้ชายอื่นสองต่อสอง" เวรุตลุกขึ้นยืน ขณะที่หญิงสาวสบตาเขาไม่ลดละ มีเพียงโต๊ะทำงานกั้นสายตาดุเดือดของทั้งคู่

"นั่นน่ะสิ คุณทำให้ฉันสับสนกับบทบาทตัวเองไปหมดแล้ว ตกลงคุณคิดว่าฉันเป็นใครกันแน่?"

"โรสก็เป็นเมียผม ไม่เห็นจะสับสนตรงไหน" เวรุตว่าชัดถ้อยชัดคำ

"เมียเหรอ? ต่อหน้าคนทั้งโลกคุณบอกพวกเขาว่าลี่เป็นเมียคุณ แต่กับฉันคุณกลับไม่กล้าปริปากบอกใครๆ" โรสปาดน้ำตาที่ร่วงลงมา ทำให้อารมณ์ของชายหนุ่มเริ่มเปลี่ยนไป

"ผมขอเวลาบ้างได้ไหม เรื่องนี้มันมีอะไรมากกว่าที่คุณคิด" เวรุตเดินอ้อมโต๊ะเข้ามาหา หากแต่หญิงสาวกลับก้าวถ้อยหลัง

"คุณให้ฉันเล่นบทคนรักจนฉันเชื่อว่าฉันเป็น แล้วคุณก็โยนบทอื่นมาให้ พอฉันยอมแสดง คุณก็บอกไม่ใช่"

"ผมขอร้อง เชื่อใจผมซักครั้งนะโรส"

"ฉันเคยเชื่อค่ะ เชื่อหมดทั้งตัวทั้งหัวใจ!"

"ฟังผมก่อนได้ไหม?" เวรุตคว้าข้อมือเล็กตั้งใจจะดึงหญิงสาวเข้ามากอด

"ไม่!" โรสสลัดข้อมือออกอย่างแรง แล้วรีบถลาไปที่ประตูห้องพัก

"โรส ออกมาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน" ชายหนุ่มเคาะประตูหนักหน่วง แต่ไร้การตอบรับ

หญิงสาวนอนคว่ำหน้าร้องไห้อย่างหนักบนที่นอน คิดถึงวันเวลาที่เคยใช้ร่วมกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บ จนถึงนาทีนี้แล้ว เขายังจะมาทวงสิทธิ์บ้าบออะไรอีก ทุกอย่างมันจบแล้ว!







โรสขังตัวเองอยู่ในห้องจนกระทั่งหัวค่ำถึงยอมออกมา เวรุตซึ่งนั่งคอยที่โต๊ะทำงานรีบเดินเข้าไปหา เมื่อเห็นหญิงสาวก้าวออกจากห้องพัก พอเห็นเขาเธอก็เดินตรงไปที่ประตูอีกบานเพื่อออกจากห้องทำงาน

"โรส กลับบ้านกันเถอะ" เวรุตรีบคว้ากอดหญิงสาวจากด้านหลัง

"ไม่กลับ ปล่อยนะ" โรสพยายามดึงแขนเขาออก

"ไม่กลับ ผมก็ไม่ปล่อย" เวรุตยิ้มยวน คลายอ้อมแขนออกเล็กน้อยให้อีกฝ่ายหันมาเผชิญหน้าแล้วรวบกอดเธออีกทีจนขยับตัวไม่ได้

"ฉันหายใจไม่ออก" โรสร้องประท้วง

"จริงอ่ะ งั้นผมผายปอดให้นะ" เวรุตว่าล้อแล้วโน้มใบหน้าลงมาใกล้

"นี่ ไปให้พ้นเลยนะ" โรสแว้ดใส่แล้วดันคางเขาไว้

"ลี่กับวินรอทานข้าวอยู่ที่บ้าน" เวรุตเลิกแกล้งแต่ยังไม่ยอมปล่อย

"วิน น้องชายคุณน่ะเหรอ?" โรสหยุดขัดขืนชั่วครู่ ถามด้วยความสนใจ

"ใช่ ผมยังไม่มีโอกาสบอก วินจะมาอยู่กับเรา ลี่จะได้มีเพื่อนเวลาเราสองคนมาทำงาน"

"มาอยู่เป็นเพื่อนยัยลี่??"

"อืม น้องผมเพิ่งประสบอุบัติเหตุเหมือนกัน ตอนนี้ตาบอดไปชั่วคราว ที่ไม่ได้บอกเพราะเห็นทางบ้านคุณกำลังมีปัญหาเรื่องลี่อยู่"

"ทำไมช่วงนี้มีแต่เรื่องร้ายๆ นะ" โรสพูดเหมือนรำพึงกับตัวเอง

"ใช่ โรสอย่าทำให้ผมต้องโชคร้ายไปอีกคนเลยนะ" เวรุตอาศัยช่วงที่หญิงสาวกำลังเผลอคิดเรื่องที่ได้รับฟัง โน้มลงจูบที่ริมฝีปากบางแผ่วเบา และกว่าเธอจะรู้ตัวก็ไม่มีโอกาสปฏิเสธจุมพิตที่หนักหน่วงขึ้นเสียแล้ว

"อย่าทำให้ฉันรู้สึกผิดไปมากกว่านี้ได้ไหม" โรสซบหน้าลงกับอกกว้าง ยอมรับว่าเขาไม่ได้ตบมือเพียงข้างเดียว แต่เขาก็ไม่ควรเป็นฝ่ายเริ่ม

เวรุตกอดกระชับลูบไล้เส้นผมและแผ่นหลังปลอบโยน รู้ว่าหากไม่ทำเช่นนี้เขาก็ต้องรู้สึกผิดมหันต์เช่นกัน โรสอาจไม่รู้ตัวว่าเธอเป็นเพียงกำลังใจเดียวที่ทำให้เขาเผชิญกับปัญหาต่างๆ ได้ด้วยความหวัง แม้มันจะดูเลือนลางและเจ็บปวดไปสักหน่อย





"เหนื่อยไหมคะเว พี่โรส" ลิลลี่เข้าไปคล้องแขนชายหนุ่ม เมื่อทั้งคู่กลับถึงบ้านราวสองทุ่ม

"ผมต่างหากต้องถามลี่ว่าเหนื่อยไหม ที่ต้องอยู่กับไอ้เด็กรั้นนี่ทั้งวัน" เวรุตว่าล้อ

"ก็ผมบอกแล้วไงว่าให้พากลับบ้าน พี่อยากปล่อยผมไว้ที่นี่เอง" วินระวีแย้ง

"เห็นไหม? แกก็เป็นซะอย่างนี้ ไม่ฟังเหตุผลอะไรบ้างเลย" เวรุตโต้กลับ

"เวก็แค่ล้อคุณเล่น อย่าโกรธเลยนะคะวิน" ลิลลี่รีบแก้แทน

"เออ สวัสดีค่ะวิน ฉันเป็นพี่สาวลี่ค่ะ ได้ยินแต่คนอื่นพูดถึงคุณ เพิ่งได้เจอกันวันนี้เอง" โรสเอื้อมมือไปจับมือชายหนุ่ม เพราะรู้ว่าสภาพเขาตอนนี้แค่เอ่ยทักคงไม่พอ

"สวัสดีครับโรส" วินระวีเบนความสนใจมาที่หญิงสาวอีกคนทันที เพราะเขาเองก็เคยได้ยินชื่อเธอบ่อยๆ ส่วนหน้าตาก็คงเหมือนลิลลี่อย่างไม่ต้องสงสัย

"อยู่ด้วยกันที่นี่นะคะ โรสจะได้ช่วยดูแลคุณด้วย ไหนๆ เราก็เป็นญาติกันแล้ว" หญิงสาวเอ่ยด้วยความหวังดี คิดว่าดีเหมือนกัน อย่างน้อยเธอก็คงอึดอัดน้อยลงกว่าที่ต้องอยู่ลำพังกับ'น้องเขย'และน้องสาว

"งั้นไปทานข้าวกันเลยนะ ผมหิวจะแย่อยู่แล้ว ยังไม่ได้ทานมื้อเที่ยงเลย" เวรุตว่าแล้วชำเลืองมองไปที่โรส คล้ายจะโทษเธอกรายๆ ที่ทำให้เขาไม่ได้ทานกลางวัน

"ตายจริง งานยุ่งขนาดนั้นเลยเหรอคะเว" ลิลลี่มองหน้าเขาด้วยดวงตากลมโต

"ก็นิดหน่อยน่ะ" เวรุตหันกลับมามองคนข้างๆ แล้วจูงมือเธอ นำไปที่โต๊ะอาหาร

"ทางนี้ค่ะวิน" โรสช่วยนำทางชายหนุ่มอีกคนตามไป รู้สึกเห็นใจในโชคชะตาเขาไม่น้อยที่ต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้



"ทานเยอะๆ นะคะเว ลี่ทำอร่อยทุกอย่างเลยค่ะ" ลิลลี่ตักซี่โครงหมูชุปแป้งทอดให้คนนั่งข้างๆ

"ลี่เล่นชงเอง กินเองอย่างนี้ ผมจะออกความเห็นอะไรได้" เวรุตว่าล้อ

"ใครว่าล่ะ คุณเป็นคนพูดต่างหากว่าลี่ทำอาหารอร่อย จริงไหมคะวิน" ลิลลี่รีบหาแนวร่วมกับคนนั่งตรงข้าม วินระวีได้แต่ยิ้มเก้อ เพราะเขาเป็นคนกุเรื่องขึ้นมาเอง

"นี่ขนาดลืมๆ ไปบ้างลี่ก็ยังทำอร่อย ส่วนพี่สิ อุตส่าห์ไปเรียนแทบตายก็ยังไม่มีคนออกปากชม" โรสตัดพ้อว่าตัวเองพร้อมกับเหน็บคนตรงหน้าไปด้วยในตัว

"พี่โรสไม่ต้องทำหรอกค่ะ เป็นหน้าที่ลี่เองดีกว่า" ลิลลี่ยิ้มแก้มปริ

"พี่ก็เบื่อที่ต้องฝืนทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวเองแล้วเหมือนกัน" โรสยิ้มกลบเกลื่อนความรู้สึก แล้วหันไปใส่ใจช่วยตักอาหารให้วินระวี ขณะที่เวรุตแอบมองเธอเป็นระยะๆ


"โรสทานเองบ้างสิ มัวแต่ตักให้ผม" วินระวีว่า

"โรสทานกลางวันมาเยอะแล้วล่ะค่ะ เลยไม่ค่อยหิว" หญิงสาวว่า ทั้งที่เธอแทบจะไม่ได้แตะอาหารที่ออกไปทานกับเทวินทร์เลยด้วยซ้ำ

"ใช่สิ ไปกับเทวินทร์ โรสคงเจริญอาหารน่าดู" เวรุตหลุดปากว่าประชดออกมาโดยไม่รู้ตัว

"วันหลังคงต้องขอให้เขาพาโรสไปทานบ่อยๆ แล้วล่ะค่ะ" หญิงสาวประชดกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

"ใครคะ เทวินทร์ แฟนที่โรสเหรอคะ?" ลิลลี่ถามด้วยความสนใจ

"เทวินทร์เลิกกับพัดชาแล้วเหรอ?" วินระวีเปรยขึ้นลอยๆ

"ไม่รู้สิ ฉันไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน" เวรุตยักไหล่ ทำทีไม่ใส่ใจ

"เรื่องชาวบ้านที่ไหนคะ ว่าไงคะพี่โรส" ลิลลี่ยังคงเซ้าซี้ต่อ

"งั้นวันหลังพี่จะชวนเขามาทานข้าวที่นี่ด้วยนะ ถ้าลี่อยากรู้จัก" โรสว่า

"ดีเลยค่ะ บอกล่วงหน้านะคะ ลี่จะได้จัดชุดใหญ่ไว้ต้อนรับ" ลิลลี่เสนอด้วยความยินดี


"ฉันขอตัวขึ้นข้างบนก่อนนะคะ อยากพักผ่อนเต็มทีแล้ว" โรสว่าเมื่อดูเหมือนทุกคนจะอิ่มกันแล้ว

"พี่โรสดูตาแดงๆ นะคะ คงจะเพลียมาก" ลิลลี่เอ่ยทัก

"พี่คงจะจ้องคอมมากไปน่ะ ต้องไปพักสายตาบ้างแล้ว" โรสว่าแล้วลุกจากโต๊ะไป

"เดี๋ยวผมช่วยจัดการจานพวกนี้ละกัน" เวรุตเสนอตัว

"ลี่จัดการเองดีกว่า คุณไปพักผ่อนเถอะค่ะ"

"ถ้างั้นผมจะขึ้นไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวจะลงมาทำงานอีกซักพักแล้วถึงจะนอน" เวรุตว่าแล้วเดินผละไป

"แล้วคุณล่ะคะวิน ถ้าจะขึ้นข้างบนลี่จะไปส่ง" ลิลลี่หันมาถามสมาชิกคนสุดท้ายที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม

"ผมยังไม่ง่วง ว่าจะดูละครซักเรื่องก่อน" วินระวีว่า

"คุณติดละครเหมือนกันเหรอคะ?" ลิลลี่ถามตื่นเต้น เพราะที่นี่ดูจะมีเธอคนเดียวที่ชอบดูละคร

"ปกติผมจะนั่งอ่านหนังสือไปด้วย แต่ตอนนี้คงทำไม่ได้แล้ว" ชายหนุ่มว่านึกถึงกิจวัตรที่เคยทำร่วมกัน

"เอางี้ค่ะ พอพักโฆษณาลี่จะอ่านให้คุณฟังเอง"

"ไม่ต้องหรอก ผมไม่มีหนังสือติดมาด้วย"

"ว้า! น่าเสียดายนะคะ"

"ว่าแต่ลี่ชอบดูเรื่องอะไร"

"........."

"........."





เวรุตก้าวเร็วๆ ตามโรสจนมาถึงชั้นบน แล้วเข้าห้องพักตนเองไปเฉยๆ โรสหันมองแล้วแอบน้อยใจที่เขาไม่พูดอะไรซักคำ ก่อนตรงไปที่ห้องพักของตนซึ่งอยู่ติดกัน

หญิงสาวนั่งกอดเข่าอยู่บนที่นอน จมอยู่กับความคิดของตนเอง ฟังเสียงนาฬิกาขยับผ่านไปทีละวินาที ในค่ำคืนอันมืดสนิทหากแต่จิตใจกลับไร้ความสงบ ไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ในสภาพนี้ไปอีกนานเท่าไร และจะผ่านมันไปได้อย่างไร

เวรุตอาบน้ำเสร็จจึงออกจากห้องนอนเพื่อลงไปนั่งทำงานข้างล่าง แต่ก็ยังไม่วายมองไปที่ห้องข้างๆ ซึ่งไร้แสงไฟเล็ดรอดออกมา คิดว่าโรสคงหลับไปแล้ว ชายหนุ่มเดินผ่านห้องรับแขกเห็นลิลลี่และวินระวีกำลังดูละคร และคุยกันถูกคอ เขาจึงเดินเข้าห้องทำงานไปเงียบๆ และอยู่ที่นั่นจนถึงเที่ยงคืน พอออกจากห้องทำงานอีกทีก็เห็นโรสเดินเข้าไปในครัว เขาจำเธอได้ทันทีจากชุดนอนที่สวมอยู่

"หิวเหรอ?" ชายหนุ่มยืนพิงขอบประตูห้องครัวแล้วเอ่ยทัก ทำเอาหญิงสาวถึงกับสะดุ้ง

"แค่ลงมาหาน้ำดื่มค่ะ" โรสตอบพลางรินน้ำใส่แก้ว แล้วไปนั่งที่หน้าโต๊ะเตรียมอาหาร

"ผมจะไปนอนแล้ว ตามสบายนะ"

"เชิญค่ะ"

โรสนั่งมองจนเขาเดินลับตาไป น้ำตาก็ถึงกับร่วง หากเขาทำตัวใกล้ชิด เธอก็รู้สึกผิด พอเขาทำตัวห่างเหิน เธอก็ทำใจไม่ได้อีก ทางที่ดีคือต้องดื่มน้ำเข้าไปมากๆ เพราะไม่ว่าจะอย่างไรเธอก็ต้องเสียน้ำตาอยู่ดี คิดพลางกรอกรวดเดียวหมดแก้ว ราวกับจะช่วยชะล้างความรู้สึกภายในได้

หญิงสาวใช้หลังมือปาดน้ำตาที่ร่วงลงมาไม่ขาดสาย พลางเดินกลับขึ้นไปบนห้องนอน คิดว่าตนคงดื่มน้ำมากไป น้ำตาจึงไหลไม่ยอมหยุด พอกลับเข้าห้องมืดสลัวและทิ้งตัวลงบนที่นอน ถึงได้รู้ตัวว่ามีใครอื่นอยู่บนที่เตียงนั้นด้วย

"ร้องไห้ทำไม" เวรุตรวบกอดหญิงสาวหลังจากแอบเข้ามารอเธอได้พักใหญ่

"ฉันเปล่า" โรสรีบพลิกตัวกลับแล้วดันอกชายหนุ่ม ด้วยอาการตื่นตระหนกไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่

"อย่าบอกนะว่าน้ำแก้วเมื่อกี้ เอามาล้างหน้า" เวรุตว่าล้อ พลางขยับตัวขึ้นใช้นิ้วเกลี่ยความชื้นบนแก้มหญิงสาว

"คุณเข้าผิดห้องแล้ว ออกไปได้แล้ว" โรสมองด้วยสายตาขุ่นเคือง เพราะเขาทำให้เธอเริ่มรู้สึกผิดอีกแล้ว

"ผมไม่ได้เมานะ จะเข้าผิดได้ยังไง" ชายหนุ่มยังคงยิ้มกว้างไม่แคร์สีหน้าของอีกฝ่าย

"เมื่อไหร่คุณจะเลิกเห็นฉันเป็นตัวแทนยัยลี่ซะที ที่ผ่านมามันก็มากเกินพอแล้วไม่ใช่เหรอ" โรสกลั้นน้ำตาไม่อยู่อีกครั้ง ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าชายหนุ่มแห้งหายไปทันที

"แล้วถ้าผมจะบอกความจริงลี่ โรสจะรู้สึกดีขึ้นไหม?"

"ความจริงอะไร ความจริงที่ว่าคุณคิดจะจับปลาสองมือน่ะเหรอ??"

"ใช่ เพราะปลาตัวนี้ดิ้นเก่งชะมัด ถ้าจับมือเดียวต้องหลุดมือไปแน่"

"ปล่อยนะ!" โรสทั้งทุบทั้งดันไหล่ชายหนุ่ม โกรธที่เขายังมีอารมณ์มาพูดเล่นกับเธอแบบนี้

"ผมพูดผิดซะที่ไหน" เวรุตจับข้อมือหญิงสาวกดลงบนที่นอน มองสบดวงตาเกรียวกราดคู่สวย

"เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่า จะให้ลี่เป็นฝ่ายเลือก ตอนนี้คุณก็รู้คำตอบแล้วนี่ จะปล่อยฉันไปได้หรือยัง"

"แต่ถ้าลี่จำอะไรๆ ได้ คำตอบอาจไม่ใช่อย่างนี้ก็ได้ ถ้าจะให้แฟร์เราก็ต้องรอจนถึงวันนั้น"

"คุณจะไปรอที่ไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่ในห้องนี้"

"นี่มันบ้านผมนะ ผมอยากรอตรงไหนก็ได้"

"ใช่สิ! ฉันมันก็แค่คนอาศัย ไม่ต้องย้ำหรอก"

"ไม่ย้ำก็ได้ นอนดีกว่า ผมง่วงแล้ว"

"กลับไปนอนห้องคุณสิ"

"โรสก็รู้ว่าผมไม่ชอบนอนแปลกที่" เวรุตว่าพลางทิ้งตัวลงด้านข้าง กอดร่างบางไว้แน่นหนา

"คุณเคยนอนห้องนี้เสียที่ไหน" โรสแว้ดเข้าให้ ขยับตัวต่อต้านอ้อมแขนที่กระชับมากขึ้นทุกที

"ถ้ามีโรสอยู่ด้วย ที่ไหนก็คงไม่ต่างกัน แล้วถ้ายังไม่หยุดขยับ..." เวรุตว่าเตือนเป็นครั้งสุดท้าย ทำให้อีกฝ่ายนิ่งไปทันที ชายหนุ่มโน้มลงจูบที่หน้าผาก แล้วคลายวงแขนออกเล็กน้อย ขณะที่โรสรู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากจะคิดอะไรอีกแล้ว ประกอบกับความอบอุ่นคุ้นเคยทำให้หญิงสาวผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย ท่ามกลางราตรีสุขสงบที่กลับมาเยือนทั้งคู่อีกครั้ง



















 

Create Date : 14 ธันวาคม 2554    
Last Update : 30 ธันวาคม 2554 3:25:46 น.
Counter : 693 Pageviews.  

lovE-lovE ตอนที่ 28

ลิลลี่มีอาการเหงาซึมบ้าง เพราะวันๆ นอกจากงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ แล้วเธอก็ไม่มีอะไรทำอีก จะออกไปข้างนอกลำพังก็กลัวกลับไม่ถูก ขณะที่โรสและเวรุตต่างออกไปทำงานกันตั้งแต่เช้า และกลับเข้าบ้านจวนมืด ช่วงหัวค่ำจึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของวัน เพราะทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า หลังมื้ออาหารก็เป็นละครหลังข่าว ซึ่งเธอกลับมาติดงอมแงมได้อีกในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้รู้สึกเพลินไปได้มากทีเดียว

วินระวีเก็บตัวอยู่ในห้องแทบทั้งวันมาเป็นอาทิตย์ นับตั้งแต่ได้รับอนุญาติให้กลับบ้านได้ เขาไม่ยอมพบหน้าใคร และแทบจะไม่ทานอาหาร จนคุณรัศมีต้องตามเวรุตมาดู เพราะพูดจนไม่รู้จะพูดยังไง ลูกชายก็ยังดื้อเก็บตัวตัดขาดจากโลกภายนอกอยู่อย่างนั้น

"มาแล้วเหรอเว ขึ้นไปดูน้องที แม่พูดเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง" คุณรัศมีว่าด้วยอาการร้อนใจ

"ผมจะพาวินไปอยู่ที่บ้านผม แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ"

"จะดีเหรอลูก? แล้วใครจะช่วยดูแลวินล่ะ"

"ก็ลี่ไงครับ สองคนนั้นเคยอยู่ด้วยกันมาพักใหญ่ อาจจะช่วยกระตุ้นความทรงจำลี่ได้ด้วย"

"ลองดูก็ได้ แม่ก็จนปัญญาแล้ว นี่พ่อเขาไปเยี่ยมคุณปู่ที่เชียงใหม่ แม่ยังไม่กล้าตามไปเลย"

"ไปเถอะครับ ถือว่าไปพักผ่อนด้วย ทางนี้ผมจะดูแลให้เองนะครับ"




"แกอยู่ในนี้ได้ยังไงทั้งวัน ทั้งมืดทั้งอับ" เวรุตเห็นสภาพทรุดโทรม หนวดเคราขึ้นเต็มแล้วไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง วินระวีอาจไม่ใช่คนสำอาง หากแต่เขาก็ไม่เคยเห็นน้องชายในสภาพซกมกขนาดนี้

"ถึงพี่จะเปิดไฟ เปิดหน้าต่าง ผมก็ไม่รู้สึกดีขึ้นหรอก" ชายหนุ่มยังคงนั่งนิ่งอยู่บนที่นอน

"แกยังมีโอกาสมองเห็นนะวิน คนที่เขาเป็นมากกว่านี้เขาก็ยังอยู่มาได้" เวรุตว่าปลอบ พลางเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าวางไว้บนเตียง แล้วขนเสื้อผ้าน้องชายยัดใส่เข้าไปแบบลวกๆ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ว่าพี่ชายกำลังทำอะไร

"ลี่ สบายดีใช่ไหม?"

"แกคิดถึงเขา ทำไมไม่ไปหา" เวรุตว่าอย่างรู้ทัน หากแต่อีกฝ่ายยังคงปากแข็ง

"ผมก็แค่ถาม ในฐานะคนที่ต้องประสบชะตากรรมเดียวกัน"

"สภาพลี่ก็ไม่ต่างจากแกหรอก วันๆ ขังตัวเองอยู่บ้านคนเดียวทั้งวัน ฉันกับโรสต้องออกไปทำงาน กว่าจะกลับก็มืดค่ำ" เวรุตว่าไป เดินเก็บข้าวของไปเรื่อยๆ

"ทำไมพี่ไม่หาคนไปอยู่เป็นเพื่อน"

"แกถามตัวเองดีกว่า ถ้าแกอยากมีเพื่อน ทำไมแกไม่ออกไปข้างนอก" เวรุตย้อนให้

"มันต่างกันนี่ ลี่มองเห็นแต่ผมมองไม่เห็น"

"ใช่ แต่แกจำได้ทุกคน ส่วนลี่ไม่รู้จักใครซักคน และคงรู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่กับคนแปลกหน้า"

"มันเป็นหน้าที่พี่นี่ ที่ต้องดูแลลี่ให้ดี"

"แล้วก็เป็นหน้าที่ฉันอีกเหมือนกันที่ต้องดูแลแกให้ดี เพราะแกเป็นน้องฉัน ไปแต่งตัวได้แล้ว ฉันจะพาไปหาหมอ" เวรุตว่าแล้วโยนเสื้อกับกางเกงให้

"หมอนัดวันนี้เหรอ? ผมไม่อยากไป"

"ฉันจะลงไปรอข้างล่าง ถ้าไม่รีบตามไป ฉันจะขึ้นมาเต๊ะก้นแก ฉันไม่ว่างมานั่งเอาใจแกทั้งวันเหมือนแม่นะจะบอกให้" ว่าแล้วก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้า



"เป็นไงบ้างลูก?" คุณรัศมีถามเมื่อเห็นเวรุตลงมาจากชั้นบน

"เรียบร้อยครับ อีกเดี๋ยวคงตามลงมา" เวรุตยิ้มกว้างแล้วให้คนเอากระเป๋าไปใส่ไว้ในรถ

"โชคดีนะที่มีเว วินไม่ยอมฟังใครเลย" คุณรัศมีถอนใจโล่งอก

"แล้วแม่จะไปเชียงใหม่เมื่อไหร่ครับ ผมจะให้เลขาจัดการเรื่องตั๋วให้"

"ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย แม่คิดว่าจะไปพรุ่งนี้เลย"



"งั้นผมพาวินไปเลยนะครับแม่" เวรุตโน้มลงหอมแก้มคุณรัศมี ก่อนจะเดินเข้าไปหาน้องชายที่ค่อยๆ คลำทางลงมาถึงเชิงบันได

"ฝากน้องด้วยนะลูก" คุณรัศมีเดินตามมา เพื่อไปส่งทั้งสองที่หน้าประตูบ้าน แล้วหันไปจับมือวินระวี

"ดูแลตัวเองให้ดีนะลูก"

"ผมแค่ไปหาหมอนะครับแม่ ไม่ได้ไปออกรบ" วินระวีว่าขันๆ

"ก็แม่เป็นห่วงนี่นะ" คุณรัศมียิ้มออกมาได้ เมื่อเห็นรอยยิ้มของลูกชาย





ลิลลี่กำลังเตรียมอาหารกลางวัน เมื่อรถเวรุตแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้าน หญิงสาวประหลาดใจเล็กน้อย คิดว่าเขาคงลืมอะไรไว้ จึงละมือจากงานที่ทำอยู่

"ลืมอะไรหรือเปล่าคะเว" ลิลลี่เอ่ยทักก่อนเห็นว่าเขาไม่ได้มาคนเดียว ส่วนวินระวีชะงักเท้าไปทันทีที่ได้ยินเสียงอ่อนหวานคุ้นหูนั้น และเพิ่งรู้ว่าถูกหลอกเสียแล้ว ใจเขาเริ่มเต้นรัวราวมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง

"ขอโทษค่ะ ลี่ไม่รู้ว่าคุณพาแขกมาด้วย"

"ไม่ใช่แขกหรอกลี่ ถึงตอนนี้หน้ามันจะเหมือน" เวรุตว่าขำๆ จนอีกฝ่ายยกมือขึ้นลูบหนวดเคราตัวเองโดยไม่รู้ตัว

"นี่วินระวี น้องชายผมเอง"

"สวัสดีค่ะ" ลิลลี่ยกมือไหว้ยิ้มทักทาย

"สวัสดีครับ" วินระวีทักกลับ ลิลลี่หันมองเวรุต เมื่อสงสัยว่าทำไมวินระวีไม่มองหน้าเธอ เวรุตจึงต้องสงสัญญาณบอกให้รู้เขามองไม่เห็น

"เข้าไปคุยกันข้างในดีกว่า" เวรุตกระตุกแขนน้องชายให้เดินต่อไปที่โซฟาข้างสระน้ำ

"ลี่ไปหาเครื่องดื่มให้นะคะ" หญิงสาวว่าแล้วผละไป



"พี่พาผมมาที่นี่ทำไม" วินระวีถามทันที ที่รู้สึกว่าลิลลี่ไม่ได้อยู่ในบริเวณนั้นแล้ว

"แม่จะไปเชียงใหม่พรุ่งนี้ ไม่มีใครดูแลแก ฉันก็ต้องพามานี่น่ะสิ"

"ผมอยู่คนเดียวได้ ผมจะกลับบ้าน" วินระวีว่าเสียงแข็ง

"งั้นแกรออยู่นี่ก่อน ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ ออกมาแล้วจะพาไปส่ง" เวรุตว่าแล้วเดินเข้าครัวไปทันที รู้ดีว่าหากเขาขอให้อยู่วินระวีคงไม่ฟังเสียง



"ลี่กำลังจะยกน้ำออกไปให้ค่ะ" ลิลลี่ว่าเมื่อเห็นเวรุตโผล่เข้ามา

"เอาไว้ก่อนเถอะ ผมมีเรื่องจะขอร้อง" เวรุตว่าแล้วดึงมือหญิงสาวมานั่งตรงโต๊ะเตรียมอาหาร

"มีอะไรคะเว" ลิลลี่เห็นท่าทางเขาดูจริงจังจนผิดสังเกต

"น้องชายผมเพิ่งถูกผู้หญิงทิ้ง แถมมาประสบอุบัติเหตุตาบอดอีก ตอนนี้สภาพจิตใจเขาแย่มาก พ่อแม่ผมไปเชียงใหม่เลยไม่มีใครดูแล ถ้าผมจะให้วินมาอยู่กับเราซักระยะ ลี่จะว่ายังไง"

"โธ่เว! เรื่องแค่นี้เอง คุณยังยอมให้ลี่พาพี่โรสมาอยู่ที่นี่ ลี่จะว่าคุณได้ยังไงคะ ไม่ต้องห่วงนะคะ ลี่จะช่วยดูแลเขาเอง"

"ลี่น่ารักที่สุดเลย อ้อ อย่าบอกวินนะว่าผมเล่าเรื่องเขาให้ลี่ฟัง"

"ค่ะ"

"ผมกลับไปทำงานต่อละนะ" เวรุตว่าก่อนจะย่องออกจากบ้านไป



"เสร็จแล้วใช่ไหมเว" วินระวีถามหัวเสียเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ พร้อมๆ กับเสียงสตาร์ทเครื่องยนต์

"เวกลับไปทำงานแล้วล่ะค่ะ" ลิลลี่ว่าพลางวางน้ำเย็นไว้ตรงหน้าชายหนุ่ม

"ว่าไงนะ จะมาทิ้งผมไว้ที่นี่ได้ยังไง" วินระวีลุกขึ้นหันรีหันขวาง ก้าวเท้าเร็วๆ จะตามออกไป หากแต่เขาเองก็ไม่คุ้นกับบ้านหลังนี้ ไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยซ้ำ

"อย่าไปทางนั้นค่ะ!" ลิลลี่ร้องเตือน แต่ไม่ทันเสียแล้ว ชายหนุ่มก้าวหล่นตูมลงใปในสระน้ำ ลิลลี่ยกมือขึ้นปิดปากกลั้นหัวเราะด้วยความสงสาร

"ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะวิน" ลิลลี่ถามปนเสียงหัวเราะ ขณะช่วยคว้าจับตัวชายหนุ่มไว้ เสียงใสๆ นั้นทำให้เขานึกอยากแกล้งเธอขึ้นมาบ้าง

"ถ้าอยากรู้ก็ต้องลองดูเองนะ" วินระวีดึงมือหญิงสาวจนร่วงลงมาในสระ ลิลลี่แกล้งเอาคืนโดยการแอบดำน้ำหนีไปยืนเงียบๆ อีกฝั่ง ขณะที่วินระวีเริ่มรู้สึกไม่ดี ที่หญิงสาวหายไปเลย

"ลี่!" ชายหนุ่มร้องเรียก แต่ไร้เสียงตอบรับ

"ลี่!" เขาดำน้ำลงไปควานหาในความมืดมิด ดำผุดดำว่ายอยู่หลายครั้ง ด้วยท่าทางร้อนรนจนอีกฝ่ายเริ่มยืนเฉยไม่ไหว รู้สึกผิดอย่างแรงที่แกล้งเขาแบบนั้น

"ฉันอยู่นี่" ลิลลี่ว่ายเข้าไปหาแล้วร้องบอก

"ไม่เป็นไรใช่ไหม!" วินระวีดึงหญิงสาวเข้ามากอดแนบแน่น รู้ว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับเธออีก เขาคงทนไม่ได้ ลิลลี่ตกใจไม่น้อยกับการแสดงออกของชายหนุ่ม และเหมือนเขาจะรู้ตัว

"ถ้าคุณเป็นอะไรไป เวต้องไม่ยกโทษให้ผมแน่" วินระวีว่าพร้อมกับคลายอ้อมแขนออก แล้วตะเกียดตะกายขึ้นจากขอบสระ ปล่อยให้ลิลลี่ยืนงงอยู่อย่างนั้น



"ฉันขอโทษนะคะที่แกล้งคุณแบบนั้น คุณคงตกใจแย่" ลิลลี่ขึ้นจากน้ำแล้วมายืนต่อหน้าชายหนุ่ม ที่ยังนั่งไร้เรี่ยวแรงอยู่ตรงขอบสระ

"ผมผิดเองแหละที่แกล้งคุณก่อน"

"เป็นเพราะฉันต่างหากที่กลั้นหัวเราะไม่อยู่"

"ถ้าจะสาวความกันจริงๆ คงเป็นความผิดของเวที่เอาผมมาปล่อยไว้ที่นี่" วินระวีว่าด้วยรอยยิ้ม

"ผมอยากเปลี่ยนเสื้อผ้า"

"ก็ลุกสิคะ เดี๋ยวฉันหิ้วกระเป๋าให้" ลิลลี่เดินไปคว้ากระเป๋าที่โซฟา ขณะที่ชายหนุ่มเดินเงอะๆ งะๆ ไม่รู้จะไปทางไหน

"ทางนี้ค่ะ" ลิลลี่เดินกลับไปจูงมือเขา สัมผัสจากฝ่ามือให้ความรู้สึกอบอุ่นได้อย่างประหลาด วินระวีรู้ดีว่าเพราะเหตุใด ส่วนหญิงสาวได้แต่เก็บงำไว้ในใจ

"ห้องคุณอยู่ทางขวาสุดนะคะ" ลิลลี่ปล่อยมือชายหนุ่มแล้วรีบเดินไปเปิดประตู เมื่อทั้งสองขึ้นมาถึงชั้นบน

"ลี่อยู่ไหน" วินระวีคลำผนังด้วยมือข้างหนึ่ง เดินเลาะไปเรื่อยๆ

"อยู่นี่ค่ะ เดินตรงมาเลย" ลิลลี่ส่งเสียงนำทางอยู่หน้าประตู จนอีกฝ่ายเดินมาถึง

"ห้องคุณน่าอยู่เหมือนกันนะ หน้าต่างรอบเลย" ลิลลี่ว่าพลางรื้อหาเสื้อผ้าในกระเป๋าออกมา

"มันก็มืดอยู่ดี"

"่ใช่ใจมองสิคะวิน นี่ค่ะเสื้อผ้า เปลี่ยนเสร็จแล้วฉันจะหาอะไรให้คุณทาน" ลิลลี่ว่าแล้วออกจากห้องไป

วินระวีทิ้งตัวลงบนที่นอนพลางคิดว่าหญิงสาวก็ยังน่ารักไม่เปลี่ยน แต่ยังไงเขาและเธอก็คงไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิม





เวรุตกลับมาถึงออฟฟิสจวนเที่ยง คิดว่าจะชวนโรสออกไปทานกลางวันด้วยกัน แต่พอเปิดประตูห้องทำงานเข้าไป ปรากฏว่าเทวินทร์นั่งคุยกับหญิงสาวอยู่ก่อนแล้ว

"ฉันไม่ยักรู้ว่าแกมีธุระที่นี่ด้วย" เวรุตว่าเหน็บ

"ก็แค่จะมาชวนโรสออกไปทานข้าว" เทวินทร์หันมองแล้วบอกเสียงเรียบเฉย

"แกจะไม่ล้ำเส้นไปหน่อยเหรอ?" เวรุตเริ่มแสดงความไม่พอใจออกทางน้ำเสียง

"แม่ของฉันกับโรสไฟเขียวให้เราสองคนเดทกันแล้วนี่ แกมีปัญหาอะไรหรือเปล่า" เทวินทร์ถามกลับด้วยท่าทางยั่วโมโห

"ไปกันเถอะค่ะ ฉันหิวแล้ว" หญิงสาวลุกขึ้นยืนเพื่อยุติการสนทนาของทั้งสองฝ่าย ทั้งที่เธอเพิ่งปฏิเสธเทวินทร์ไปยกๆ ก่อนที่เวรุตจะมาถึง

"ขอบใจนะ" เทวินทร์ตบไหล่เพื่อน แล้วเดินยิ้มตามโรสออกไป

เวรุตมองตามทั้งสองด้วยอารมณ์ขุ่น ไม่คิดว่าโรสจะเล่นไม้นี้กับเขา



"ไหนคุณบอกว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด แล้วทำไมกลายเป็นอย่างนี้ไปได้" เทวินทร์ทวงถามสิ่งที่เคยพูดคุยกับโรส ขณะทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกันในร้านอาหาร

"ลี่กลับมาแล้ว แล้วเวก็เลือกลี่" โรสบอกกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้า

"ผมนึกว่าคุณกับเวรักกันเสียอีก"

"คนรักกันคงไม่ทำกันแบบนี้หรอก จริงไหม"

"แล้วคุณจะทำยังไงต่อไป"

"ฉันมีงานต้องสะสาง ช่วงนี้เราก็แกล้งเดทกันไปก่อน งานเสร็จเมื่อไหร่ ฉันจะเป็นฝ่ายบอกเลิกคุณเอง ฉันจะไปจากที่นี่"

"คุณไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้มั้ง"

"ฉันไม่ได้ทำเพื่อใคร ฉันทำเพื่อตัวเอง"

"จะให้ผมช่วยอะไรก็บอกได้นะ ผมยินดี"

"อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครนะคะ ฉันอยากให้มันจบ เหมือนว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น"

"ผมรับปาก"

"ขอบคุณค่ะ"

เทวินทร์มองว่าเรื่องนี้คงไม่จบง่ายอย่างที่หญิงสาวคาดการณ์ เพราะดูจากปฏิกิริยาเวรุตแล้ว คงไม่มีวันปล่อยเธอไปง่ายๆ เขารู้นิสัยเพื่อนคนนี้ดี และเมื่อย้อนดูปัญหาตัวเขาเองกับพัดชา ก็ทำให้ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจ ไม่คิดว่าอะไรๆ ที่กำลังจะไปได้สวย กลับต้องมีเหตุให้สะดุดอีกจนได้
























 

Create Date : 11 ธันวาคม 2554    
Last Update : 13 ธันวาคม 2554 21:53:22 น.
Counter : 281 Pageviews.  

loVe-loVe ตอนที่ 27

วินระวีและลิลลี่ถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่กรุงเทพ ท่ามกลางความตื่นตระหนกของครอบครัวทั้งสองฝ่าย ชายหนุ่มขอร้องให้เวรุตและพ่อแม่ปิดเรื่องที่ตนลักพาหญิงสาวไปเป็นความลับ เพราะนี่เป็นโอกาสแล้วที่จะทำให้ทุกอย่างย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น โดยหารู้ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเวรุตและโรสนั้นก้าวมาไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับเสียแล้ว

หากแต่สถานการณ์กดดันในตอนนี้ ทำให้เวรุตไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบที่มีต่อลิลลี่ได้ ทั้งเขายังเคยรับปากไว้กับพ่อแม่ของหญิงสาวว่าจะรอเธอกลับมา เขาจึงอยู่ในสภาวะน้ำท่วมปาก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ได้แต่หวังว่าซักวันลิลลี่จะฟื้นความทรงจำ และวินระวีจะมีโอกาสมองเห็นอีกครั้ง เขาเชื่อว่าทั้งสองมีใจให้กัน ห่วงแต่ปัญหาเฉพาะหน้านี้ โรสคงไม่มีวันเข้าใจสภาพของเขาในขณะนี้


"ลี่เป็นไงบ้างคะแม่" โรสรีบรุดจากหัวหินกลับกรุงเทพทันทีที่รู้ข่าวว่าลิลลี่ประสบอุบัติเหตุและกำลังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล

"เพิ่งหลับไปน่ะ น้องจำใครไม่ได้เลยแม้แต่พ่อกับแม่" คุณวันเพ็ญมองลูกสาวน้ำตาซึม

"เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมยัยลี่เป็นแบบนี้" โรสยังคงซักต่อ

"ได้ข่าวว่าเป็นอุบัติเหตุรถยนต์ แม่ก็ไม่รู้อะไรมาก โชคดีที่น้องโทรติดต่อเวก่อนเกิดเหตุ เขาเป็นคนไปรับตัวยัยลี่กลับมา"

"แล้วเวล่ะคะ"

"กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจ่ะ เมื่อคืนก็อยู่เฝ้าทั้งคืน เดี๋ยวคงมา"

"เหรอคะ"

"ช่างเป็นคนดีจริงๆ พ่อคุณ แสดงว่าเขายังรักยัยลี่อยู่ ต่อไปโรสก็ไม่ต้องลำบากแล้วนะลูก น้องกลับมาแล้ว โรสจะได้กลับมาอยู่บ้านเราเสียที"

"ค่ะแม่" หญิงสาวรับคำเสียงเบา เป็นจังหวะเดียวกับที่เวรุตก้าวเข้ามาในห้องพอดี

"อ้าว มาแล้วเหรอลูก" คุณวันเพ็ญหันไปเอ่ยทัก

"ครับ" เวรุตวางกระเช้าผลไม้ลง เหลือบมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างเตียงอีกฝั่ง โรสสบตาเขาแล้วเมินไปมองหน้าน้องสาวที่กำลังหลับสนิท

"เออ คุณแม่กลับไปพักผ่อนก่อนดีไหมครับ เดี๋ยวทางนี้ผมกับโรสจะดูแลต่อเอง"

"ดีเหมือนกัน เห็นพ่อเขาบ่นว่าไม่สบาย แม่จะกลับไปดูเสียหน่อย"

"พ่อเป็นอะไรมากไหมคะแม่" โรสถามด้วยความเป็นห่วง

"ก็โรคคนแก่นั่นแหละลูก ไม่เป็นอะไรมากหรอก"

"โรสจะไปส่งนะคะ"

"ไม่ต้องหรอกลูก นั่งคุยเป็นเพื่อนเวดีกว่า อีกหน่อยก็ไม่ได้เจอกันแล้ว" คุณวันเพ็ญว่าพลางเดินไปที่ประตู โดยมีเวรุตเดินไปส่ง

ชายหนุ่มย้อนกลับมานั่งลงอีกฝั่งซึ่งมีเตียงคนไข้กั้นกลาง ทั้งสองสบตากันนิ่งนานปราศจากคำพูดใดๆ และนั่นทำให้โรสเริ่มรู้คำตอบ ว่าเธอคงเป็นได้เพียงส่วนเกินในเกมนี้ จะโทษใครได้ในเมื่อเธอถล้ำตัวทำเกินหน้าที่เอง

"นี่ใช่ไหมบิ้กเซอร์ไพรส์ เยี่ยมจริงๆ ฉันพูดไม่ออกเลยทีเดียว" โรสเอ่ยเสียงราบเรียบ

"โรส..ผม" เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มจนคำพูด ถูกพันธนาการด้วยเงื่อนไขจนไม่สามารถขยับเอ่ยอะไรออกไปได้ เขาคงดูทุเรศสิ้นดีหากจะบอกว่าใจเขามีเพียงเธอเท่านั้น โรสคงไม่มีวันเชื่อเพราะการกระทำที่เห็นมันสวนทางกันโดยสิ้นเชิง

"ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว คุณก็รู้ว่าฉันไม่มีวันตีโพยตีพายเรื่องระหว่างเรา ดูแลลี่ให้ดีก็พอ ฉันจะถือซะว่าคุณไม่เคยก้าวเข้ามาในชีวิต"

"ผมขอโทษ..."

คำขอโทษนั้นแม้จะฟังดูจริงใจ แต่กลับทำให้หญิงสาวเจ็บเป็นเท่าทวี มันคงเป็นความรู้สึกผิดชอบครั้งสุดท้ายก่อนจะกำจัดเธอออกไปจากชีวิตเขา เพราะสำหรับเขา เธอคงมีค่าแค่คำพูดเพียงคำเดียว

"ฉันจะออกไปรอข้างนอก ถ้าลี่ตื่นแล้วช่วยโทรเรียกด้วยนะคะ" โรสลุกขึ้นเดินอ้อมปลายเตียง คิดว่าหากอยู่ต่อไปคงกลั้นน้ำตาโง่เง่าไว้ไม่ไหว

"โรส ขอเวลาผมบ้างได้ไหม" เวรุตคว้าข้อมือหญิงสาว มองด้วยสายตาวิงวอน

"ฉันไม่เหลืออะไรจะให้แล้วค่ะเว คุณได้ไปหมดแล้ว"

"ผมไม่มีทางเลือก...ซักวันโรสจะเข้าใจ"

"คุณเลือกถูกแล้วค่ะ คุณเคยพูดไม่ใช่เหรอว่าเมื่อลี่กลับมาฉันก็ต้องไป ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่คุณวางไว้แล้วนี่"

"ผมไม่มีวันปล่อยโรสไป" เวรุตดึงหญิงสาวเข้ามากอด พูดด้วยน้ำเสียงมั่นคง

"ปล่อยนะ! เดี๋ยวยัยลี่ตื่นมาเห็นเข้า" โรสดุเสียงต่ำ หันมองคนที่กำลังหลับ

"งั้นเย็นนี้เรากลับไปคุยกันที่บ้าน" เวรุตกอดหญิงสาวหนักหน่วงอีกครั้ง ราวกับต้องการกำลังใจต่อสู้กับปัญหาวุ่นๆ นี้

โรสผลักชายหนุ่มออกอย่างแรง แล้วผลุนผลันออกจากห้องไปทันที ไม่อยากเชื่อว่าเขาคิดจะมีทั้งเธอและลี่ในเวลาเดียวกัน สำหรับเขาคงเป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจ แต่เธอไม่มีวันยอมให้เป็นเช่นนั้นเด็ดขาด




โรสเก็บของออกจากบ้าน ตั้งใจหลบหน้าเวรุตนับจากวันนั้น ส่วนชายหนุ่มก็ต้องวิ่งวุ่นสองโรงพยาบาลเพื่อดูอาการวินระวีและลิลลี่ ทำให้แทบจะไม่ได้เข้าออฟฟิสและต้องเปลี่ยนมาสั่งงานทางโทรศัพท์แทน


อาการลิลลี่ดีขึ้นเป็นลำดับและหมออนุญาติให้กลับบ้านได้ในวันพรุ่งนี้ หากแต่หญิงสาวยังไม่รู้สึกคุ้นกับใครเลยนอกจากพี่สาวที่หน้าตาเหมือนเธอราวกับแกะ และดูเหมือนโรสจะรู้ใจเธอไปเสียหมด ลิลลี่จึงบ่ายเบี่ยงไม่ยอมไปอยู่กับเวรุตหากว่าโรสไม่ตามไปด้วย และนั่นทำให้ชายหนุ่มยิ่งกว่ายินดีจะให้เป็นเช่นนั้น เพียงแต่เขาจะออกตัวแรงไม่ได้

"ไปอยู่เป็นเพื่อนน้องซักพักนะลูก" คุณวันเพ็ญช่วยเกลี้ยกล่อม เพราะหากลิลลี่ย้ายกลับบ้านก็จะเป็นขึ้ปากชาวบ้านเสียเปล่าๆ

"ถ้าพี่โรสไม่ไป ลี่ก็ไม่ไป" ลิลลี่ยืนกราน

"ลี่โตแล้วนะ แต่งงานแล้วก็ต้องไปอยู่กับสามีสิ จะให้พี่ไปอยู่เป็นก้างทำไม" โรสดุน้องกระแทกใครบางคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย

"ถ้าโรสไม่ไป ผมย้ายไปอยู่ที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ดีไหมครับ" เวรุตออกความเห็นกดดันอีกฝ่ายไปในตัว

"ถ้าทำอย่างนั้นเวก็ลำบากแย่สิ บ้านเราห่างจากที่ทำงานตั้งเยอะ" คุณกิตติว่า

"ไม่เป็นไรหรอกครับคุณพ่อ ถ้าทุกคนสบายใจ ผมก็ยินดี" เวรุตปลายตามองโรสแล้วว่า ทำให้เธอกลายเป็นนางมารร้าย ส่วนตัวเขาก็ได้เป็นเทพบุตร

"เอาล่ะๆ สรุปว่าโรสไปอยู่กับน้องก็แล้วกัน" คุณกิตติตัดปัญหา จะได้ไม่ต้องลำบากกันหลายคน

"แต่พ่อคะ!" โรสตั้งท่าจะประท้วง

"นี่คือคำสั่ง" คุณกิตติว่าเสียงเข้ม ซึ่งนานทีจะใช้วิธีนี้ซักครั้ง ทำให้โรสต้องเงียบไป

เวรุตแอบยิ้มพอใจ เพราะหากมีโรสอยู่ใกล้ๆ เขาคงไม่ต้องรู้สึกแย่จนเกินไปนัก ส่วนอีกฝ่ายกลับต้องฝืนใจอย่างหนัก ไม่รู้ว่าจะทนอยู่ในบ้านเดียวกับชายหนุ่มและน้องสาวได้อย่างไร...




ลิลลี่มองบ้านซึ่งครั้งหนึ่งเกือบจะกลายเป็นเรือนหอของเธอและเวรุตด้วยความรู้สึกว่างเปล่า ไม่รู้สึกคุ้นตาเลยซักนิด ต่างกับความรู้สึกของโรส ที่คุ้นเคยจนไม่อยากจะกลับมาเหยียบที่นี่อีก เพราะรู้ว่ามันไม่ใช่ที่สำหรับเธออีกต่อไป

เวรุตพาลิลลี่ขึ้นไปบนห้องพัก ในขณะที่โรสขอตัวไปเดินเล่นในสวน รู้สึกตัวราวเป็นส่วนเกินมากขึ้นทุกที

"ห้องน่าอยู่ดีนะคะ" ลิลลี่เดินชมไปรอบๆ ห้องนอนกว้างขวาง จนไปหยุดยืนอยู่ที่ระเบียง เห็นโรสกำลังนั่งอยู่บนสนามหญ้า

"พี่โรส!" ลิลลี่โบกไม้โบกมือเรียก หญิงสาวหันไปตามเสียงตรงระเบียงห้องที่เธอเคยพักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หากแต่น้ำตากลับเอ่อขึ้นมาจนเต็ม จึงต้องรีบหันหน้ากลับเพื่อปิดซ่อนมันไว้

เวรุตเดินตามออกมาที่ระเบียง เห็นโรสกำลังเดินเลี่ยงไปทางอื่น

"เวคะ คือลี่..." ลิลลี่มองไปที่เตียงนอน แล้วเริ่มอ่ำอึ้ง

"ผมเข้าใจ ตอนนี้ลี่อาจจะรู้สึกว่าผมเป็นคนอื่น เอาเป็นว่าผมจะไปนอนห้องข้างๆ จนกว่าลี่จะสบายใจ ดีไหม" เวรุตรีบเสนอ

"ขอบคุณค่ะ คุณไม่โกรธลี่นะคะ" ลิลลี่คิดว่าเขาช่างเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ ต่อไปเธอคงรักเขาได้ไม่ยาก แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้

"ผมจะโกรธลี่ได้ยังไง พักผ่อนให้สบายนะ ผมยังมีงานค้างอยู่" เวรุตลูบศีรษะหญิงสาวราวเธอเป็นเด็ก ก่อนจะผละลงไปข้างล่าง




ชายหนุ่มเดินลงมาตามบันได เห็นโรสกำลังหิ้วกระเป๋าเดินสวนขึ้นมาพอดี

"ส่งกระเป๋ามา ผมช่วย" เวรุตยื่นมือรอรับกระเป๋า

"ไม่ ฉันไปเองได้" โรสเดินหลบคนตรงหน้าแล้วขึ้นบันไดไปต่อ

"ก็บอกแล้วไงว่าจะหิ้วให้" เวรุตหันหลังกลับแล้วแย่งกระเป๋าจากมือหญิงสาว โรสไม่ทันระวังจึงถลาลงมาพร้อมกระเป๋าที่ถืออยู่ในมือจนแทบตกบันได ดีที่อีกฝ่ายคว้าไว้ได้ทั้งคนและกระเป๋า

"ทำบ้าอะไรของคุณ จะฆ่าฉันหรือไง" โรสพยายามดันร่างตัวเองออกจากอ้อมแขน

"จะให้ผมอุ้มโรส หรือถือกระเป๋าดี คนก็ดิ้น กระเป๋าก็หนัก ผมชักจะไม่ไหวแล้วนะ" เวรุตว่าหน้าตาเฉย ไม่ใส่ใจอาการขุ่นเคืองของหญิงสาว

"ปล่อยฉันสิ!" โรสผลักอกเขาแรงๆ อีกครั้ง

"เชิญครับ" เวรุตปล่อยมือแล้วยิ้มกว้าง ให้โรสเดินนำขึ้นไปก่อน

โรสเดินขึ้นมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย หันมองห้องที่เธอเคยนอนแว้บหนึ่ง แล้วเดินผ่านห้องติดกันไปอีกห้องที่อยู่ตรงมุมพอดี คิดว่าเธอควรจะอยู่ให้ห่างที่สุด

"เข้าใจเลือกนะ ผมก็ชอบห้องนี้ หน้าต่างเยอะดี" เวรุตหิ้วกระเป๋าตามเข้าไป

"คุณออกไปได้แล้ว ฉันอยากอยู่คนเดียว" โรสออกปากไล่ทันที

"ผมอยู่ห้องติดกันนะ ถ้ามีแมลงสาบเข้ามาล่ะก็ เรียกได้เลย" เวรุตโน้มลงหอมแก้มหญิงสาว แล้วรีบออกจากห้องไป เพราะรู้ว่าโรสต้องแว้ดใส่เขาแน่นอนที่ทำเช่นนั้นกับเธอ

โรสทิ้งตัวลงบนที่นอน นึกสงสัยว่าทำไมเขาไม่อยู่ห้องเดียวกับลิลลี่ แล้วก็ได้คำตอบว่า เขาคงรอเวลาให้เธอไปจากที่นี่เสียก่อน ใช่สิ เขารอลี่มานานนับปีก็รอได้ รออีกหน่อยจะเป็นไรไป คิดแล้วก็พลันน้ำตาร่วงออกมาจากหางตาทั้งสองข้าง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะทำใจได้เสียที






























 

Create Date : 08 ธันวาคม 2554    
Last Update : 11 ธันวาคม 2554 7:26:59 น.
Counter : 382 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  

Kim-Ha
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




จิ้นกระจาย ^^


Smileymissmynovel@gmail.com






Friends' blogs
[Add Kim-Ha's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.