Group Blog
 
All blogs
 

lOve-lOve ตอนที่ 26

หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตและจ่ายค่าแรงงวดสุดท้ายให้คนงานในไร่เรียบร้อยแล้ว วินระวีและลิลลี่ก็เตรียมตัวกลับกรุงเทพเพื่อสะสางปัญหาที่ชายหนุ่มก่อขึ้น เขาไม่รู้ว่าพี่ชายจะรู้สึกหรือมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อรู้ว่าลิลลี่เปลี่ยนไปแล้ว

"ฝากดูแลปลาทองสองตัวนี้ด้วยนะจ๊ะ" ลิลลี่บอกป้าแต้วและจันทร์แรมเมื่อทั้งสี่มาชุมนุมกันที่ศาลากลางระเบียงบ้าน ก่อนที่หนุ่มสาวจะออกเดินทางไปขึ้นเครื่องที่สนามบิน

"ไม่ต้องห่วงนะคะ แรมจะดูแลให้อย่างดีเลยค่ะ ว่าแต่คุณลี่จะไปนานไหมคะ"

"ยังไม่รู้เลยจ่ะ"

"เดินทางปลอดภัยนะคะคุณลี่ คุณวิน ป้าเป็นห่วง"

"เสร็จธุระแล้วจะรีบกลับครับ แต่ไม่แน่น้า ป้ากับจันทร์แรมอาจได้ไปเที่ยวกรุงเทพเร็วๆ นี้ก็ได้" วินระวีิยิ้มแล้วส่งสายตาให้ลิลลี่

"จริงเหรอคะคุณวิน เกิดมาแรมยังไม่เคยเข้ากรุงเทพเลยค่ะ"

"งั้นก็แต่งตัวสวยๆ รอได้เลย ถ้ามีข่าวดีแล้วจะโทรมาบอก"

"ข่าวดีอะไรคะคุณวิน" ป้าแต้วถามงงๆ

"โธ่ป้า! ก็ข่าวดีที่คุณวินกับคุณลี่จะแต่งงานกันน่ะสิ" จันทร์แรมโผลงออกมาด้วยความอวดรู้

"จริงเหรอคะ!!" ป้าแต้วยิ้มจนแก้มปริมองหนุ่มสาวทั้งสอง

"ต้องถามคุณลี่ของป้าแล้วล่ะ ว่าจะยอมแต่งกับผมไหม" วินระวีโบ้ยให้อีกฝ่ายเป็นคนตอบ

"ไปกันเถอะค่ะ มัวแต่โม้เดี๋ยวก็ตกเครื่องพอดี" ลิลลี่ยิ้มแก้มเรื่อเมื่อทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอ

"งั้นเดี๋ยวผมโทรหาเวก่อน" วินระวีลุกเลี่ยงออกไป ขณะที่ทั้งสามสาวยังกิ้บกิ้วกันต่อ



"ว่าไงวิน จะกลับกรุงเทพแล้วใช่ไหม" เสียงเวรุตเอ่ยทักขึ้น ราวกับรู้ใจกัน

"ใช่ กำลังจะไปขึ้นเครื่อง ผมยังไม่ได้บอกพ่อแม่เรื่องการเดินทาง ผมอยากพบพี่ก่อน"

"งั้นฉันจะไปรับที่สนามบินเอง"

"เครื่องลงประมาณบ่ายสอง"

"โอเค"

หลังจากวางสายแล้ว เวรุตจึงรีบต่อโทรศัพท์หาโรสซึ่งกำลังดูงานอยู่ที่หัวหินทันที

"ค่ะเว"

"ผมอยากพบโรสที่บ้านเย็นนี้"

"แต่โรสเพิ่งมาถึงนะคะ"

"ผมมีอะไรจะเซอร์ไพรส์ เรื่องนี้สำคัญมาก"

"เรื่องอะไรคะ บอกตอนนี้ได้ไหม"

"ไม่ได้ โรสต้องมารับรู้ด้วยตัวเอง"

"แต่ว่า..."

"ไม่มีแต่ เจอกันเย็นนี้นะที่รัก" เวรุตว่าแล้ววางสายไปเลย

"แปลกจัง" โรสรำพึงกับตัวเอง เพราะไม่เคยเห็นเวรุตตื่นเต้นอะไรขนาดนี้ คงเป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์จริงๆ หญิงสาวยิ้มกับโทรศัพท์แล้วหันกลับไปสนใจงานต่อ





เวรุตขับรถตรงไปสนามบินด้วยอารมณ์ดี เป็นครั้งแรกที่รู้สึกดีใจที่จะได้พบหน้าน้องชาย ทั้งที่เคยคิดว่าวินระวีเป็นตัวเจ้าปัญหามาตลอด ขณะที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ชายหนุ่มเหลือบดูหน้าปัดแว้บหนึ่ง ก่อนจะยิ้มแล้วกดรับ

"ฉันเกือบถึงแล้ว" เวรุตพูดออกไปทันที โดยอีกฝ่ายไม่ทันเอ่ยทัก แต่แล้วสีหน้าเขาต้องมีอันเปลี่ยนไปอัตโนมัติ เมื่อรู้ว่าคนที่ปลายสายไม่ใช่น้องชาย

"ครับ ผมเป็นพี่ชาย" เขาตอบด้วยหัวใจเต้นระทึกขึ้น เมื่อรับฟังเสียงชายแปลกหน้า

"ที่ไหนนะครับ" ชายหนุ่มถามย้ำ

"ผมจะไปเดี๋ยวนี้" เวรุตแทบจะขว้างโทรศัพท์ลงบนเบาะด้านข้าง แล้วเร่งสปีดรถขึ้นอย่างฉับพลัน แต่แม้ความเร็วรถจะเพิ่มมากขึ้นเท่าไร ก็ยังไม่ได้ใจที่ร้อนรนอยู่ในขณะนี้




"ฮัลโหล เว โรสโทรหาคุณตั้งหลายครั้ง" เสียงจากปลายสายดังขึ้นช่วงหัวค่ำ หลังจากชายหนุ่มวิ่งวุ่นอยู่ในโรงพยาบาลสองสามชั่วโมงตั้งแต่มาถึง

"โทษทีโรส ผมลืมโทรศัพท์ไว้ในรถน่ะ" เวรุตตอบด้วยเสียงอ่อนเพลีย

"คุณอยู่ที่ไหนคะ เป็นอะไรหรือเปล่า"

"ผมเผอิญติดงานด่วนที่ต่างจังหวังน่ะ คงต้องอยู่อีกซักอาทิตย์"

"นี่เหรอคะบิ๊กเซอร์ไพรส์ หลอกให้โรสขับรถมาจากหัวหินแล้วคุณก็หายตัวไปซะงั้น"

"ผมขอโทษจริงๆ"

"ล้อเล่นค่ะ พักผ่อนบ้างนะคะเว เสียงคุณดูเหนื่อยจัง"

"พรุ่งนี้โรสจะกลับไปหัวหินอีกไหม"

"คงต้องไปค่ะ"

"ขับรถระวังนะ ผมเป็นห่วง"

"ค่ะ แล้วพบกันตอนคุณกลับมานะคะ โรสยังรอบิ้กเซอร์ไพรส์อยู่ค่ะ" หญิงสาวว่าล้อแล้ววางสายไป




เวรุตเฝ้าดูอาการวินระวีและลิลลี่มาสองสามวันนับจากที่ทั้งสองประสบอุบัติเหตุรถตกเขาระหว่างทางไปสนามบิน หมอบอกว่าทั้งคู่ปลอดภัยดี ไม่มีส่วนใดของร่างกายแตกหัก จึงทำให้ชายหนุ่มเบาใจไปได้เปลาะหนึ่ง คิดว่ารอให้ทั้งสองฟื้นแล้ว จึงจะพากลับไปรักษาตัวต่อที่กรุงเทพพร้อมกับแจ้งให้ผู้ใหญ่ทราบ

"วินเป็นไงบ้าง" เวรุตรีบลุกไปที่เตียงเมื่อเห็นน้องชายเริ่มขยับตัว

"เจ็บระบมไปหมดทั้งตัวเลย" วินระวีกรอกตามองไปรอบห้องมืดสนิท

"เจ็บแค่นี้ก็ดีแล้ว เห็นสภาพรถแล้วฉันยังกลัวแกจะไม่รอด" เวรุตพูดด้วยความโล่งอก

"ลี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม" วินระวีรีบหันมองพี่ชายในความมืดสลัว

"ยังสลบอยู่เลย"

"เปิดไฟให้หน่อยได้ไหม ผมอยากไปเยี่ยมลี่"

เพียงเท่านั้นหัวใจของเวรุตก็หล่นร่วงไป เขาอึ้งไปพักใหญ่เมื่อรู้ว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับน้องชาย ครั้นลองใช้ฝ่ามือปัดผ่านหน้าไปมา จึงทำให้แน่ใจเพราะอีกฝ่ายไม่มีท่าทีรับรู้

"นอนพักก่อนดีกว่า เดี๋ยวให้หมอมาตรวจแล้วค่อยไป"

"งั้นพี่ไปเรียกหมอมาเลย ผมอยากไปดูลี่"



วินระวีนั่งกุมมือลิลลี่ไว้ตลอด แม้จะยังรับชะตากรรมตนเองแทบไม่ได้ อนาคตที่มืดมัวเมื่อต้องสูญเสียไร่ไปกลับดูมืดมิดขึ้นไปอีก เขาจะอยู่ได้อย่างไรในสภาพพิการอย่างนี้ แล้วหญิงสาวที่เขารักจนหมดใจนี่ล่ะจะทำใจได้แค่ไหน เวรุตมองน้องชายแล้วกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ รู้สึกผิดจนไม่อยากให้อภัยตนเอง เมื่อรู้ตัวว่ามีส่วนทำให้เรื่องทุกอย่างเป็นเช่นนี้

"ลี่รู้สึกตัวแล้วเว" วินระวีร้องเรียกเมื่อรู้สึกว่ามือที่เกาะกุมอยู่มีการเคลื่อนไหว

"จริงด้วย" เวรุตว่าแล้วรีบกดเรียกพยาบาลเข้ามาดูอาการหญิงสาว

"ลี่ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม" วินระวีลูบคลำใบหน้าและศีรษะหญิงสาวเบามือ

ลิลลี่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองไปรอบห้อง แล้วขยับหลบสัมผัสของอีกฝ่าย

"พวกคุณเป็นใคร" หญิงสาวถามด้วยสีหน้างุนงง มองชายหนุ่มทั้งสองราวคนแปลกหน้า

"ลี่จำเราสองคนไม่ได้เหรอ" เวรุตถามอย่างร้อนรน

"จำไม่ได้" ลิลลี่ตอบด้วยความรู้สึกว่างเปล่า ราวไม่มีความทรงจำใดๆ เหลืออยู่

เพียงเท่านั้น รอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าวินระวีก็เหือดหายไปทันที เมื่อรู้ว่าเคราะห์กรรมที่ประสบอยู่นี้อาจยังไม่มากพอ...




หลังจากหมอและพยาบาลเข้ามาตรวจแล้ว ผลสรุปก็เป็นอย่างที่เขานึกกลัว ลิลลี่จำอะไรไม่ได้ซักอย่าง แต่นี่อาจจะดีแล้วสำหรับเธอ วินระวีคิดด้วยหัวใจที่หดหู่และสิ้นหวังที่สุดในชีวิต

"กลับไปรักษาตัวที่กรุงเทพดีกว่า เรายังมีหวังนะ" เวรุตบอกน้องชายขณะที่อยู่ด้วยกันลำพังอีกครั้ง วินระวีนั่งนิ่งอยู่นาน กว่าจะพูดอะไรออกมา

"พี่พาลี่กลับไปเถอะ ผมจะอยู่ที่นี่"

"หมายความว่าไง"

"ลี่ไม่เคยลืมพี่ตลอดเวลาที่อยู่ที่ไร่ พี่ชนะแล้ว ผมจะคืนให้พี่ทั้งที่ดินแล้วก็ลี่ด้วย"

"แกกับลี่ไม่ได้รักกันหรอกเหรอ?"

"ไม่ ผมตั้งใจจะพาลี่มาคืนพี่ แต่เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน พี่คงไม่คิดจะทิ้งลี่เพราะเธอความจำเสื่อมหรอกใช่ไหม"

"ฉัน..."

"อย่าลืมว่าเรื่องทั้งหมดเราสองคนเป็นต้นเหตุ ลี่ไม่มีส่วนรู้เห็นด้วยเลย ตอนนี้มันจบแล้ว ผมไม่คิดจะแย่งที่ผืนนั้นกับพี่อีก"

"จะยังไงก็ชั่ง แกต้องกลับไปรักษาตัวที่กรุงเทพ ถ้าหายแล้วอยากจะกลับมาอยู่นี่ก็เชิญ อีกอย่างฉันไม่คิดจะขายที่แปลงนั้นแล้ว"

"ถึงจะเก็บไว้ ผมก็คงทำอะไรไม่ได้แล้วตอนนี้"

"ก็อย่างที่แกว่า เราไม่ได้เดือดร้อนอะไรนี่ ทำไมจะเก็บที่แปลงนั้นไว้ไม่ได้"

"พี่น่าจะพูดแบบนี้ตั้งแต่แรก..."

"ฉัน..ขอโทษ..." เวรุตกอดน้องชาย

"ไม่ใช่ความผิดของพี่คนเดียวหรอก"

วินระวีจำต้องทำตามที่เวรุตเสนอ แม้จะรู้ว่าตนเองต้องเจ็บปวดทรมานเพียงใด เมื่อต้องอยู่ใกล้คนรักที่เป็นเสมือนคนแปลกหน้า ดังนั้นการที่เขามองไม่เห็นอาจเป็นโชคดีแล้วก็ได้




















 

Create Date : 07 ธันวาคม 2554    
Last Update : 8 ธันวาคม 2554 0:34:53 น.
Counter : 295 Pageviews.  

Love-Love ตอนที่ 25

"ว่าไงคะคุณวันเพ็ญ เราก็คบหากันมานาน คุณคงไม่ใจร้ายยกลูกสาวให้ทางโน้นหมดนะคะ" คุณแสงรวีพูดทีเล่นทีจริงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หากแต่การมาเยือนถึงเรือนชานในวันนี้ ทำให้อีกฝ่ายรู้แน่ว่าคำพูดนั้นจริงจัง

"เรื่องอย่างนี้ก็ต้องแล้วแต่เด็กๆ เขาล่ะค่ะ ดิฉันคงไปบังคับลูกไม่ได้" คุณวันเพ็ญออกตัวด้วยความรู้สึกลำบากใจ เพราะสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ทำให้พูดได้ไม่เต็มปากนัก

"แค่คุณวันเพ็ญยอมเปิดโอกาสให้หนูโรสได้คบกับตาเทวินทร์ก็พอค่ะ ลูกชายดิฉันไปงานแต่งแล้วกลับมาบ่นเสียดายหนูลี่ใหญ่เลยค่ะ"

"แต่ยัยโรส..."

"ยังอยู่เมืองนอกใช่ไหมคะ?"

"เออ.. ค่ะ"

"ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันแค่มาทาบทามไว้ก่อน ว่าแต่หนูโรสจะกลับมาเมื่อไหร่คะเนี่ย"

"คงอีกพักใหญ่น่ะค่ะ แกคงกำลังเที่ยวเพลิน"

"แหมก็เรียนหนักมาหลายปีนี่คะ ก็ต้องให้แกได้พักสมองบ้าง"

"สวัสดีค่ะ คุณวันเพ็ญ อ้าวคุณแสงรวีอยู่นี่ด้วยเหรอค่ะ" เสียงเอ่ยทักทายดังมาจากทางประตูห้องรับแขก ทั้งสองจึงหันไปมองพร้อมๆ กัน พลางคิดว่าเป็นวันอะไรกันน่ะ ถึงได้มาเจอกันโดยมิได้นัดหมายเช่นนี้

"สวัสดีค่ะคุณรัศมี เชิญนั่งก่อนค่ะ" คุณวันเพ็ญว่า

"ดิฉันมาปรึกษาคุณวันเพ็ญค่ะ ว่าอยากจะให้หนูโรสได้คบหาดูใจกับเทวินทร์ลูกชายดิฉันน่ะค่ะ" คุณแสงรวีรีบออกตัว เพื่อให้ผู้มาใหม่ได้รับรู้ความตั้งใจไปเต็มๆ

คุณรัศมีรีบหันไปสบตากับคุณวันเพ็ญ เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าหญิงสาวทั้งสองอยู่ที่ไหน หากแต่ความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนทำให้เธอไม่กล้าพูดอะไรไป ส่วนคุณวันเพ็ญนั้นไม่ขัดข้องเลยซักนิด ไม่ว่าจะเป็นลูกชายของฝ่ายใด ขอเพียงลิลลี่ยอมกลับบ้านและทำทุกอย่างให้ชัดเจน

"ไม่อยากเชื่อเลยนะคะ ทำไมเราถึงได้ใจตรงกันขนาดนี้ ดิฉันก็กำลังจะมาคุยเรื่องหนูโรสกับตาวินระวีพอดีเลยค่ะ" คุณรัศมีคิดแผนกีดกันขึ้นมาได้กะทันหัน

"แต่ดิฉันมาถึงก่อนนะคะ" คุณแสงรวีรีบออกตัว

"ดิฉันเคยคุยเรื่องนี้กับคุณวันเพ็ญไว้ตั้งแต่ก่อนงานแต่งของตาเวกับหนูลี่ซะอีกค่ะ" คุณรัศมีว่า

"เอาเถอะค่ะ รอให้ยัยโรสกลับมาก่อนดีไหมคะ เด็กๆ จะได้มีโอกาสศึกษากันเอง ดิฉันเชื่อเรื่องพรหมลิขิตนะคะ ถ้าคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกัน" คุณวันเพ็ญรีบไกล่เกลี่ยก่อนจะบานปลาย

"ดิฉันเห็นด้วยค่ะ" คุณรัศมียิ้มรับ หากแต่ยังไม่รู้ว่าพรหมลิขิตจะเล่นตลกกับลูกๆ เธอหรือไม่ จึงได้แต่ภาวนาให้เรื่องราววุ่นวายคลี่คลายไปในทางที่ดี

"อย่างนั้นก็ได้ค่ะ แต่ถ้าหนูโรสกลับมา คุณต้องรีบบอกดิฉันนะคะ" คุณแสงรวีจำต้องยอมรับ แม้จะคิดว่าตนเสียเปรียบเห็นๆ

"ค่ะ ไปทานของว่างกันดีกว่านะคะ" คุณวันเพ็ญรับคำ แล้วเอ่ยชวนทั้งสองไปที่โต๊ะอาหาร เพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น






"แม่ให้เวลาแกหนึ่งเดือน จัดการเคลียร์เรื่องแม่ดารานั่นให้จบ" คุณแสงรวียื่นคำขาดกับลูกชาย ขณะทั้งสองนั่งสนทนากันอยู่ในห้องรับแขกภายในบ้าน

"ทำไมผมต้องทำอย่างนั้นด้วย" เทวินทร์ถามพลางทิ้งตัวลงนอนบนโซฟายาว

"แม่ทาบทามลูกสาวคุณวันเพ็ญไว้แล้ว อีกเดือนก็คงกลับมาจากอเมริกา"

"ใครครับ ลูกสาวคุณวันเพ็ญ"

"ก็พี่สาวของหนูลิลลี่ ที่เพิ่งแต่งงานกับเวรุตเพื่อนสมัยเรียนของแกน่ะ จำได้ไหม"

"อ้อ น้องสาวก็สวยดีนะครับ แต่พี่สาวอาจจะขี้เหร่ก็ได้" เทวินทร์ว่าขำๆ

"จะขี้เหร่ได้ยังไง หนูโรสกับหนูลี่เขาเป็นฝาแฝดกัน หน้าตาก็พิมพ์เดียวกันนั่นแหละ"

"หนูโรสเหรอ...อย่างนี้นี่เอง..." เทวินทร์รำพึงราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้

"งั้นถ้าคนที่แต่งงานกับเว ไม่ใช่หนูลี่แต่เป็นหนูโรสล่ะครับ"

"พูดอะไรบ้าๆ มันจะเป็นไปได้ยังไง"

"ผมก็แค่ถามเล่นๆ" เทวินทร์ยิ้มเจ้าเล่ห์

"ตกลงเรื่องแม่พัดชา แกจะทำตามที่แม่ขอไหม"

"ถ้าผมตอบว่าไม่ล่ะ"

"ฉันจะตัดแม่ตัดลูก สมบัติซักชิ้นฉันก็จะไม่ยกให้"

"แล้วถ้า... ผู้หญิงที่คุณแม่หาให้มีสามีแล้วล่ะ"

"หึ ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันจะเลิกบังคับ แล้วตามใจแกทุกอย่าง" คุณแสงรวีถอนหายใจ เริ่มหงุดหงิดความไร้สาระของลูกชาย

"งั้นก็ตกลงครับ เกมนี้เล่นกันแฟร์ๆ ห้ามคืนคำนะครับ"

"แม่จะให้เลขาร่างสัญญามาให้แกเซ็นเลยดีไหม"

"คุณแม่นี่รอบคอบดีจัง เสร็จเมื่อไหร่ส่งมาได้เลยครับ" เทวินทร์นอนยิ้มด้วยอารมณ์ดี จนคุณแสงรวีรู้สึกขัดตา ต้องเป็นฝ่ายลุกออกจากห้องรับแขกไป







"สวัสดีครับ คุณ 'โรส'" เทวินทร์เอ่ยเน้นชื่อชัดเจน ขณะยืนต่อหน้าหญิงสาวภายในห้องทำงานของเธอ

"สวัสดีค่ะ" โรสมองคนตรงหน้าด้วยท่าทีประหลาดใจ

"..เฮ้อ.. ค่อยยังชั่ว ผมนึกว่าจำชื่อคุณผิดซะแล้ว" เทวินทร์ขยับลงนั่งด้วยท่าทางสบาย

"เวมีงานข้างนอกค่ะ อาจจะกลับมาเย็นๆ"

"ก็ดีครับ เพราะผมมีธุระกับคุณ"

"ธุระกับฉัน? เรื่องอะไรคะ"

"ให้เกียรติทานมื้อเที่ยงกับผมนะครับ ผมไม่ชอบบรรยากาศเครียดๆ"

"ถ้าคุณไม่บอกว่าเป็นเรื่องอะไร ฉันเห็นจะต้องปฏิเสธค่ะ"

"เรื่องระหว่างเรา..."

"คุณล้อเล่นใช่ไหม ฉันไม่คิดว่าเรามีอะไรเกี่ยวข้องกันซักนิด" โรสยิ้มขำราวกับกำลังฟังเรื่องไร้สาระ

"ถ้าเปลี่ยนเป็นเรื่องของคุณ เวรุต กับลิลลี่ล่ะ จะน่าสนใจขึ้นไหม?" เทวินทร์ยิ้มมองด้วยสายตาจริงจัง

"ฉันไม่รู้ว่าคุณมีจุดประสงค์อะไร แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ"

"ถ้าไม่เกี่ยว ผมก็คงไม่มาที่นี่ เอาเป็นว่าผมไม่ได้ประสงค์ร้ายกับคุณ แค่ออกไปทานข้าวกันซักมื้อ คงไม่ทำให้คุณเสียเวลามากหรอกจริงไหม" ชายหนุ่มพูดด้วยท่าทีเปิดเผย และแววตาจริงใจ

"ก็ได้ค่ะ ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าคุณจะพูดอะไร" โรสลุกยืนคว้ากระเป๋าถือ แล้วเดินนำไปที่ประตู

"ต้องอย่างนี้สิ" เทวินทร์ยิ้มกว้างแล้วลุกตามไป



"จะเริ่มพูดเรื่องของคุณได้หรือยังคะ" โรสถามหลังจากอาหารเสริฟขึ้นโต๊ะเรียบร้อยแล้ว

"ทานไป ฟังไปก็แล้วกันนะ" เทวินทร์ตักอาหารให้หญิงสาวตามมารยาท แล้วเข้าเรื่องทันที

"แม่ผมกับแม่คุณตกลงกันว่าจะให้เราทั้งคู่คบหาดูใจกัน หลังจากที่คุณกลับมาจากอเมริกาแล้ว"

"ว่าไงนะ!" โรสเกือบสำลักอาหารที่ทานเข้าไป

"ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นหรอกน่า แม่ผมยังไม่รู้หรอกว่าคุณอยู่นี่แล้ว" เทวินทร์ยื่นทิชชูให้แล้วยิ้มขัน

"คุณก็ปฏิเสธไปสิ ไม่เห็นจะมีอะไรยุ่งยาก" โรสออกความเห็น

"ถ้าผมทำอย่างนั้น ผมต้องถูกตัดออกจากกองมรดก"

"งั้นฉันจะเป็นฝ่ายปฏิเสธเอง"

"แม่ผมก็ต้องหาผู้หญิงอื่นมาอีก นอกเสียจากว่า ผมจะพิสูจน์ให้ท่านเห็นว่าคุณกับเวเป็นสามีภรรยากันจริงๆ"

"นี่จะบ้าเหรอ คุณไม่มีสิทธิ์เอาเรื่องของฉันไปป่าวประกาศแบบนั้นนะ"

"ผมถึงต้องมาพบคุณในวันนี้ไงล่ะ คุณตั้งใจจะปิดเรื่องนี้ไปอีกนานแค่ไหน"

"เวบอกว่าจะเคลียร์เรื่องนี้ให้เร็วที่สุด"

"ก็ดี ผมมีเวลาจนกว่าคุณจะกลับมาจากอเมริกา ว่าแต่บอกได้ไหมว่าทำไมคุณถึงมาอยู่กับเว แล้วน้องสาวคุณไปไหน"

"ฉันขอไม่เล่านะคะ แต่รับปากว่าจะเคลียร์ปัญหาทั้งหมดเอง และหวังว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ก่อนเวลาอันควร"

"ผมรับปาก เพราะถ้าคุณแก้ปัญหานี้ไม่ได้ คุณก็คงต้องอยู่เมืองนอกไปเรื่อยๆ จริงไหม" เทวินทร์ว่าล้ออย่างรู้ทัน

"ก็ทำนองนั้นค่ะ" โรสยิ้มรับ


"ตอนนี้เรื่องคุณกับพัดชาก็เป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์เลยนี่ คิดจะแต่งกันเมื่อไหร่คะ"

"คงต้องรอปัญหาระหว่างคุณกับผมเรียบร้อยเสียก่อน"

"หวังว่าคุณคงไม่ต้องรอนานจนเกินไป"

"........."

"........."

ทั้งสองพูดคุยกันด้วยบรรยากาศสบายขึ้น และเริ่มชื่นชอบอัธยาศัยของอีกฝ่าย เมื่อมื้ออาหารสิ้นสุดลง เทวินทร์จึงพาหญิงสาวกลับส่งยังที่ที่เขารับเธอมา






โรสตัดสินใจไปหาคุณวันเพ็ญที่บ้านหลังจากกลับมาถึงออฟฟิสได้ไม่นาน เพราะอยากไขข้อข้องใจเรื่องที่เธอคุยกับเทวินทร์

"ลมอะไรหอบลูกแม่มาได้ล่ะวันนี้" คุณวันเพ็ญเอ่ยทัก ประหลาดใจที่จู่ๆ โรสก็โผล่มา

"สบายดีไหมคะแม่" โรสวางของฝากลงบนโต๊ะ แล้วเข้าสวมกอดคุณวันเพ็ญ

"สบายกายจ่ะ แต่ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่" ทั้งสองสบตากันต่างก็รู้ถึงสาเหตุ

"เห็นยัยลี่บอกว่าจะกลับมาแล้วนี่คะ"

"แม่ก็หวังว่าน้องเราจะเลิกดื้อเสียที"

"เออ แม่คะ ได้ข่าวว่าแม่ไปรับปากจะให้โรสคบหากับเทวินทร์เหรอคะ"

"โรสรู้จักลูกชายคุณแสงรวีด้วยเหรอลูก"

"เขาเป็นเพื่อนเวค่ะ"

"คุณแสงรวีมาทาบทามไว้ แม่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง อีกอย่างแม่ก็ไม่อยากปิดโอกาสที่ลูกจะได้พบคนดีๆ เทวินทร์อาจจะดูเจ้าชู้ไปซักหน่อย แต่โดยรวมแล้วนิสัยใจคอเขาก็ดีนะลูก"

"โรสว่าเขาเหมาะจะเป็นเพื่อนมากกว่าเป็นอย่างอื่นค่ะ"

"โรสชอบใครบ้างหรือยังล่ะลูก"

คำถามนี้ ทำเอาหญิงสาวอึ้งไม่ชั่วครู่ไม่รู้จะตอบอย่างไร

"แล้วแบบเวล่ะ ลูกคิดว่าเป็นยังไง" คุณวันเพ็ญถามนำ

"หมายความว่าไงคะแม่?" หญิงสาวใจเต้นรัว คิดว่ามารดาอาจระแคะระคายเรื่องที่เธอกับเวรุต...

"ก็วันนั้นคุณรัศมีเขามาที่บ้านเราเหมือนกัน บอกว่าจะมาพูดเรื่องของลูกกับน้องชายเว พี่น้องหน้าตาเหมือนกัน นิสัยใจคอคงไม่ต่างกันมาก" คุณวันเพ็ญอธิบาย

"แล้วแม่ตอบไปว่าไงคะ"

"แม่ก็แบ่งรับทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ เรื่องอย่างนี้ก็ต้องให้หนูตัดสินใจเอง รอแค่ยัยลี่กับมาเคลียร์ปัญหายุ่งๆ ซะ โรสก็จะได้เป็นอิสระเสียทีนะลูก"

"ค่ะ..." โรสรับคำ แล้วหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าถือขึ้นรับ เพราะมีเสียงเรียกเข้ามาพอดี

คุณวันเพ็ญลุกไปจัดการให้เด็กนำขนมที่ลูกสาวซื้อมาไปจัดใส่จาน แล้วจึงกลับมาที่ห้องรับแขกอีกครั้ง

"ใครโทรมาล่ะลูก"

"เวค่ะ บอกว่าจะมารับเย็นนี้ เขาจะมาเยี่ยมพ่อกับแม่ด้วยค่ะ เพราะไม่ได้มานานแล้ว"

"เป็นคนดีจริงๆ เลยพ่อคุณ ไม่รู้ยัยลี่คิดอะไรอยู่นะ ทิ้งคนดีๆ แบบนี้ไปได้ยังไง" คุณวันเพ็ญเปรยขึ้น

"เดี๋ยวลี่กลับมาก็รู้เองแหละค่ะแม่ ทานขนมกันดีกว่า"

โรสคิดว่าจะไม่พูดเรื่องของเธอกับเวรุตจนกว่าปัญหาระหว่างเขาและลิลลี่จะชัดเจนลงไป มิฉะนั้นคนที่ต้องเจ็บปวดและเป็นกังวลกับเรื่องนี้มากที่สุดคงเป็นพ่อแม่ของเธอ





"เห็นเลขาผมบอกว่าโรสออกไปทานข้าวกับเทวินทร์" เวรุตเอ่ยขึ้นเมื่อทั้งสองอยู่กันเพียงลำพังในรถ ระหว่างทางมุ่งหน้ากลับบ้าน

"ค่ะ พอดีเขามาแล้วไม่พบคุณ"

"โรสแอบนินทาผมกับหมอนั่นหรือเปล่า"

"เยอะเลยล่ะ เขาเป็นคนคุยสนุกเหมือนกันนะคะ"

"งั้นคราวหน้า ผมไม่อนุญาติให้ไปกันสองต่อสอง โดยไม่มีผมไปด้วย"

"เสียใจค่ะ ตอนนี้โรสยังโสดอยู่นะคะ ผู้ใหญ่ตกลงกันเรียบร้อยแล้วค่ะว่าถ้าโรสกลับจากเมืองนอกเมื่อไหร่ จะให้เดทกับหนุ่มสองคน"

"ถ้าโรสกลับมาจากเมืองนอก แล้วควงสามีกลับมาด้วย เจ้าสองหนุ่มนั่นคงร้องไห้โฮเลยทีเดียว"

"ว่าแต่หนุ่มโชคร้ายสองคนนั้นเป็นใคร"

"คนหนึ่งรู้สึกจะชื่อเทวินทร์ ส่วนอีกคนก็วินระวี"

"เฮ้อ..ค่อยยังชั่ว"

"ทำไมคะ"

"เจ้าสองคนนั้น ไม่มีวันแย่งโรสไปจากผมได้น่ะสิ"

"มั่นใจเหลือเกินนะคะ"

"ไม่เชื่อก็คอยดู เรื่องเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด กับศึกสายเลือดน่ะตัดทิ้งไปได้เลย"

"ไหนว่าไม่ชอบดูละครไงคะ"

"ตอนเด็กๆ พี่เลี้ยงบังคับน่ะ"

"สองคนนั้นเป็นไงคะ คุณน่าจะรู้ดีที่สุด"

"รวมๆ แล้วเทวินทร์น่าจะได้ไปซักแปดสิบคะแนน ส่วนวินระวีให้แปดสิบห้าเพราะหน้าตาหล่อกว่า"

"หึๆ แล้วคุณให้คะแนนตัวเองเท่าไหร่"

"อืม..โรสคิดว่าผมน่าจะได้ซักเท่าไหร่"

"ยังตอบไม่ได้ค่ะ แต่เตรียมข้อสอบไว้แล้ว"

"ถ้าสอบผ่านแล้ว บอกคะแนนผมด้วยละกัน แต่บอกไว้ก่อนว่าสมัยเรียนผมไม่เคยได้ต่ำกว่าเก้าสิบห้า"

"จริงอ่ะ โรสจะคอยดู"

"......."

"......."



















 

Create Date : 30 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 5 ธันวาคม 2554 21:29:36 น.
Counter : 731 Pageviews.  

lOve-lOve ตอนที่ 24

และแล้วเวรุตก็ได้รู้ความลับของโรส เมื่อแอบตามไปถึงสถาบันสอนทำอาหารแนวหน้าของประเทศ ชายหนุ่มแอบยิ้มขำ เมื่อนึกถึงอาหารรสชาติแย่ๆ ที่ต้องฝืนทานอยู่ทุกเย็นในช่วงสามสี่วันที่ผ่านมา รวมทั้งมื้อที่อยู่ตรงหน้านี้ด้วย

"เป็นไงคะ" โรสกลั้นใจรอคำตอบกับอาหารที่ชายหนุ่มเพิ่งตักเข้าปาก

"ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงไม่ทนกินอาหารพวกนี้ โดยเฉพาะที่มาของมัน ถือว่าเป็นการลงทุนที่ล้มเหลวป่นปี้ในเชิงธุรกิจ เมื่อเทียบกับเวลาและต้นทุนที่ใช้ไป"

"คุณจะเลิกทานก็ได้นะคะ โรสไม่ได้บังคับ"

"ฟังให้จบก่อนสิที่รัก แล้วค่อยโกรธ" เวรุตยิ้มสบตาแล้วเอื้อมมากุมมือหญิงสาว

"โรสจะให้เวลาคุณอีกสองนาที" หญิงสาวนั่งขบริมฝีปากเก็บอารมณ์

"ผมจะบอกว่า ต้นทุนที่ใช้ไปน่ะมันคิดเป็นตัวเลขได้ แต่ความรักที่โรสแอบใส่ลงไปในอาหารน่ะ ผมไม่รู้จะประเมินยังไง กินแล้วรู้สึกอิ่มใจมากกว่าอิ่มท้องเสียอีก"

"งั้นทานให้หมดนะคะ หัวใจคุณจะได้พองเป็นบอลลูน" โรสยิ้มแก้มปริ อย่างน้อยเขาก็ยังเห็นความตั้งใจของเธอ แม้จะยอมรับตรงๆ ว่ามันไม่อร่อย

"ผมเป็นพวกเสียดายของดี ไม่กล้ากินหมดซะด้วยสิ" ชายหนุ่มว่าล้อ

"เชอะ! พูดไปพูดมาสรุปก็คือไม่อร่อยใช่ไหมคะ" หญิงสาวแกล้งงอน

"โรสไม่ต้องมีดีทุกอย่าง ผมก็รักจะแย่อยู่แล้ว"

"ทีเมื่อก่อนไม่เห็นพูดอย่างนี้นี่คะ คุณเองนั่นแหละบอกให้โรสไปเรียนทำอาหาร"

"ผมเคยพูดอย่างนั้นด้วยเหรอ"

"ใช่ คุณบอกว่าถ้าพยายามแล้ว ก็ต้องทำได้"

"ผมคงต้องเปลี่ยนความคิดแล้วล่ะ" เวรุตว่าแล้วหัวเราะ

"คุณพูดเองนะคะ ต่อไปห้ามติโรสเรื่องทำอาหารอีก ไม่งั้นจะทำให้ทานไม่ลงเลยคอยดู"

"เฮ้อ..ขนาดทำสุดฝีมือแล้วก็ยัง..." ชายหนุ่มแกล้งถอนหายใจ จึงโดนหยิกแขนเข้าให้

"พรุ่งนี้วันเสาร์ ไปหัวหินกันไหมคะเว จะได้ไปดูบ้านที่คุณจะให้รีโนเวทด้วย"

"พร้อมจะเริ่มงานแล้วเหรอครับคุณผู้หญิง"

"ก็ว่างแล้วนี่คะ"

"ดีเหมือนกัน จะได้ถือโอกาสไปพักผ่อนด้วย"

"ชวนพ่อแม่เราไปด้วยดีไหมคะ"

"ถ้าให้ตอบตรงๆ ก็อย่าดีกว่า มีใครเขาพาพ่อแม่ไปฮันนีมูนด้วยกันล่ะ"

"มีลูกชายดีอย่างนี้นี่เอง โรสขอมีลูกสาวดีกว่า"

"เพิ่งสองวัน ท้องแล้วเหรอเนี่ย"

"บ้า!"





เวรุตนั่งมองโทรศัพท์บนโต๊ะภายในห้องทำงานชั้นล่าง นึกชั่งใจอยู่นานกว่าจะคว้าหยิบมันขึ้นมาแล้วกดหาน้องชาย เมื่อเรื่องทุกอย่างกลับกลายเป็นเช่นนี้แล้ว คงต้องจัดการเคลียร์ปัญหาหัวใจกันให้เสร็จสิ้นก่อนจะบอกกล่าวเล่าเรื่องให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายได้รับทราบ ตัวเขาเองค่อนข้างแน่ใจว่าวินระวีจะต้องยินดีในสิ่งที่เขาจะพูด เพราะไม่เพียงเขาจะเปิดโอกาสเรื่องลิลลี่ แต่จะยกที่ดินแปลงนั้นให้เป็นของขวัญด้วย หากทั้งสองลงเอยกันได้

เสียงโทรศัพท์ดังสวนขึ้นมาก่อนที่ชายหนุ่มจะต่อสายหาอีกฝ่าย ราวกับรู้ใจกัน หากเป็นเช่นนั้นนี่คงเป็นครั้งแรก เวรุตยิ้มขันก่อนกดรับ

"ว่าไงวิน เกิดคิดถึงพี่ชายแกขึ้นมาล่ะสิ" เวรุตว่าแซว

"โทรศัพท์ผมไม่ทันดัง พี่ก็รับสายแล้ว คงคิดถึงผมมากล่ะสิท่า" วินระวีแซวกลับทันที

"เข้าเรื่องเลยดีกว่า ถ้าฉันต่อปากกับแก อีกเดี๋ยวก็ถึงเช้ากันพอดี"

"ผมมีเรื่องจะตกลงกับพี่ เดือนหน้าผมจะพาลี่กลับกรุงเทพ"

"ลี่สบายดีใช่ไหม"

"อืม แต่ตอนนี้เริ่มคิดถึงคนทางโน้นมากแล้ว ผมก็เลยจะพากลับไป"

"แกคงไม่ได้หมายความว่า แกยอมแพ้..."

"ผมยังไม่อยากพูดอะไรตอนนี้ เอาเป็นว่าเดือนหน้าผมจะไปพบพี่ ทุกอย่างจะได้จบเสียที"

"ดีเหมือนกัน" เวรุตคิดว่าหากทุกฝ่ายได้มาอยู่รวมกัน เขาจะได้ถือโอกาสนี้บอกความจริงกับโรสด้วย จึงตัดสินใจยังไม่พูดอะไรไปในตอนนี้



"ใครโทรมาคะเว" โรสอาบน้ำเสร็จจึงตามลงมาที่ห้องทำงานและเห็นชายหนุ่มเพิ่งวางสายไป

"วินน่ะ" เวรุตวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะแล้วยื่นมือให้หญิงสาว

"โรสยังไม่เคยเห็นน้องชายคุณเลย ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนคะ" โรสส่งมือให้แล้วขยับขึ้นไปนั่งบนตักชายหนุ่ม

"อยากเห็นก็ไม่ยากอะไรนี่" เวรุตว่าแล้วยิ้มกว้าง

"ยังไงคะ" หญิงสาวมองเลิกคิ้วถาม

"ก็มองหน้าผมสิที่รัก ผมกับวินก็พิมพ์เดียวกันเหมือนโรสกับลี่นั่นแหละ"

"คุณบอกเองนี่คะว่าถึงจะหน้าเหมือนกัน แต่ก็เป็นคนละคนกัน" โรสดึงจมูกชายหนุ่มส่ายไปมา

"อยู่ที่เพชรบูรณ์"

"น่าเที่ยวเหมือนกันนะ คุณไม่หาโอกาสไปเยี่ยมน้องชายบ้างล่ะคะ"

"ไม่ต้องหรอก เดือนหน้าวินจะมาที่นี่แล้ว"

"อืม.. โรสจะทำอาหารอะไรเลี้ยงต้อนรับดีน้า.."

"อย่าเลยนะ หมอนั่นได้กินแต่อาหารขั้นเทพทุกวัน ขืนมาเจอฝีมือโรสคงรับไม่ได้" เวรุตว่าล้อ

"อย่าดูถูกนะคะ โรสเห็นคุณทานไปตั้งเยอะ" หญิงสาวมองค้อน

"นั่นสิ อาหารก็กินไปแล้ว เหลือแต่คนทำนี่แหละ" ชายหนุ่มว่าแล้วก็อุ้มคนบนตักลุกขึ้นยืน ออกเดินไปที่ประตู

"ไม่ทำงานแล้วเหรอคะ"

"ขึ้นไปเก็บเสื้อผ้ากันดีกว่า พรุ่งนี้จะไปหัวหินแล้วไม่ใช่เหรอ"

"เก็บตอนเช้าก็ทันค่ะ"

"โรสพูดเองนะ"

"......"

"......"








เทวินทร์และพัดชาหลบมาพักผ่อนด้วยกันที่ชายทะเลหัวหิน ทั้งสองนอนชมจันทร์และแสงดาวบนเปลที่ผูกติดกับต้นไม้ริมชายหาดส่วนตัวของรีสอร์ทชื่อดัง

"พรุ่งนี้พีชมีถ่ายละครตอนเช้านะคะ" หญิงสาวบอกกล่าวทั้งที่ไม่อยากทิ้งช่วงเวลาดีๆ เช่นนี้ไปเร็วนัก

"ยังหัวค่ำอยู่เลย พรุ่งนี้ออกแต่เช้ามืดก็คงทัน" เทวินทร์ว่าพลางกระชับอ้อมแขนเข้า

"พีชห่วงว่าคุณจะขับรถไม่ไหวต่างหาก" พัดชาลูบไล้ปลายนิ้วไปบนอกแข็งแรง

"พีชเบื่องานที่ทำอยู่นี่หรือยัง"

"ทำไงได้ล่ะคะ พีชต้องหาเลี้ยงตัวเองนะคะ ไม่ได้มีพ่อแม่รวยอย่างคุณ"

"ถ้าผมไม่ได้ร่ำรวยอะไร พีชจะยังรักผมไหม" เทวินทร์ก้มมองคนในอ้อมแขนเพื่อรอคำตอบ

"ถึงจะรู้ว่าคุณรวย แต่พีชก็ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากคุณนี่คะ ชีวิตพีชตอนนี้พรั่งพร้อมหมดแล้ว ขาดก็แต่..."

"อะไร?"

"ความจริงใจ"

"ผมไม่รู้ว่าพีชจะคิดยังไง" เทวินทร์ว่าพลางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบแหวนเพชรเม็ดโตเปล่งประกายงามจับตาออกมา

"ผมอาจจะเจ้าชู้ แต่ผมไม่เคยให้อะไรใครพร่ำเพรื่อ" เขาบรรจงสวมแหวนวงนั้นลงบนนิ้วเรียวยาว

"แต่งงานกับผมนะพีช" เขากุมมือบางขึ้นจูบกลางฝ่ามือ

"แล้วคุณแม่คุณ...จะว่ายังไงคะ?"

"ผมคิดว่าจัดการได้ ไม่ต้องห่วงนะ"

"คุณจะกล้าขัดใจท่านเหรอคะ"

"อย่างมากก็แค่ถูกตัดออกจากกองมรดก ถึงตอนนั้นพีชจะรับเลี้ยงผมไหมล่ะ?"

"ถ้าคุณเลิกดื่ม เลิกเที่ยว เลิกเจ้าชู้ อยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือนก็พอไหวค่ะ

"พีชไหว ผมคงไม่ไหวด้วยล่ะ ให้อยู่อย่างนั้น ผมไปบวชดีกว่า"

"นี่ ยังไม่ทันไรเลย"

"ไหนพีชบอกว่าต้องการความจริงใจ นี่ผมจริงใจที่สุดแล้วนะ" เทวินทร์ว่าพลางหัวเราะ แต่อีกฝ่ายกลับหน้าบึ้ง

"ไม่เอาน่า ก็แค่เรื่องสมมุติ มันไม่มีทางเป็นจริงไปได้หรอก พีชก็รู้ว่าผมเป็นลูกคนเดียว ยังไงคุณแม่คงไม่ยอมตัดหางปล่อยวัดง่ายๆ หรอกน่า"

เทวินทร์ตั้งท่าจะขยับขึ้น หากแต่กลับทำให้เปลเสียศูนย์ พัดชาร้องกรี๊ดตกใจ ก่อนที่ชายหนุ่มจะพลิกตัวลงบนพื้น ตามมาด้วยร่างบางร่วงลงบนอก

"เล่นอะไรของคุณน่ะ" พัดชาทุบเข้าให้ที่อกกว้างทั้งโกรธทั้งตกใจ

"มันเป็นอุบัติเหตุแบบเจตนาต่างหาก" เทวินทร์พลิกตัวขยับขึ้น ไม่ให้หญิงสาวมีโอกาสทำร้ายเขาได้อีก

"ปล่อยนะ ตัวเลอะทรายหมดแล้ว"

"ทรายนี่นุ่มเย็นดีนะ" ชายหนุ่มว่าพลางกดข้อมือหญิงสาวไว้ข้างศีรษะให้สัมผัสกับเม็ดทรายขาวละเอียด

"แต่งงานกับผมนะ" เทวินทร์เลื่อนใบหน้าลงซุกไซ้ที่ข้างแก้มแล้วกระซิบถามย้ำ

"ค่ะ"

ชายหนุ่มยันร่างขึ้นยิ้มสบตา แล้วโน้มลงจูบที่ริมฝีปากอีกครั้ง ท่ามกลางแสงจันทร์ ดวงดาว และคลื่นทะเล ที่ต่างร่วมกันเป็นพยานในข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย





"เทวินทร์" เสียงเอ่ยทักดังขึ้นที่ห้องรับแขกขณะที่ชายหนุ่มกำลังเดินผิวปากกลับเข้าบ้านอย่างมีความสุข หลังจากที่แวะไปส่งพัดชาที่กองละคร

"คุณแม่ ไม่ได้พบกันซะนานเลยนะครับ" เทวินทร์ว่าล้อแล้วตรงเข้าหอมแก้มคุณแสงรวี

"ใช่สิ ฉันโทรไปแกก็ไม่รับสาย แกอาจจะคิดว่าแม่ของแกไม่อยู่บนโลกนี้แล้วก็ได้" หญิงหม้ายสูงวัยหากแต่ยังสวยสะพรั่งมองค้อนลูกชายจนหน้าคว่ำ

"ผมติดธุระยุ่งอยู่นี่ครับ ใครจะกล้าคิดอย่างนั้นล่ะครับ" ชายหนุ่มว่าอ้อน

"แล้วนี่หายไปไหนมาตั้งสองสามวัน ความจริงฉันก็ไม่น่าจะถามหรอกนะ"

"ผมก็ไปพักผ่อนบ้างสิครับ"

"ไปกับใคร?"

"พีช"

"นี่แกยังไม่เลิกคบกับแม่นั่นอีกเหรอ"

"โธ่ คุณแม่ครับ พีชเสียหายตรงไหน ทำไมต้องอยากให้เราเลิกคบกันด้วย"

"แม่ไม่ว่านะ ถ้าแกจะคว้าแม่ดารา นักร้อง คนไหนมาควงเล่นๆ แต่ถ้าคิดจะจริงจัง แกไม่คิดเหรอว่าควรจะหาคนที่คู่ควรกว่านั้น"

"แล้วนางฟ้าที่ไหนล่ะครับ ที่แม่คิดว่าจะคู่ควรกับเทวดาอย่างผม" เทวินทร์ว่าขำๆ

"ฉันปล่อยแกสำราญมานานแล้ว ถึงคราวที่ฉันต้องเอาจริงเสียที ฉันหาให้แกได้แน่ รับรองว่าเหมาะสมกว่าที่แกหาเองเป็นร้อยเป็นพันเท่า"

"ขนาดนั้นเชียว ตามสบายนะครับ คุณแม่หามา ผมก็มีหน้าที่ทดสอบว่าเข้ากันได้ไหม"

"นี่แกอย่าแม้แต่จะคิดนะ ถ้าเสียมาถึงฉันล่ะก็ แม่จะตัดออกจากกองมรดกถวายวัดให้หมดเลยคอยดู"

"แหม ผมหมายถึงนิสัยใจคอน่ะ คุณแม่ก็ชอบมองลูกในแง่ร้าย" เทวินทร์ว่าพลางหัวเราะร่วน

"อ้อ ฉันได้ยินว่าแกเข้าไปเอาแหวนที่ร้าน วงนั้นราคามันไม่ใช่น้อยๆ นะ ถ้าขืนแกทำอย่างนี้กับผู้หญิงของแกทุกคน แม่ต้องหมดตัวเพราะแกแน่ๆ"

"วงนั้นผมซื้อมานะครับ ไม่ได้ไปหยิบมาเฉยๆ"

"แล้วเงินที่แกควักจ่ายน่ะมันมาจากไหน"

"เงินผมก็ต้องเป็นของผมสิ ส่วนเงินคุณแม่น่ะยังไงก็ต้องเป็นของผมอยู่ดี ขอตัวขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะครับ" เทวินทร์ว่าแล้วรีบวิ่งหนีไปทันที

"ไอ้ลูกคนนี้นี่" คุณแสงรวีรู้สึกขัดใจ และคิดว่าคราวนี้เธอคงต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับเทวินทร์เสียที






โรสและเวรุตเข้าไปดูบ้านริมทะเลทั้งห้าหลังเพื่อเก็บรายละเอียดในการออกแบบปรับปรุงให้สวยงามสำหรับลูกค้าใหม่ที่จะเข้ามาจับจองเป็นเจ้าของ และกว่าจะเสร็จงานก็จวนจะพลบค่ำพอดี

"ถึงนี่จะไม่ใช่โปรเจ็คใหญ่ แต่คงเป็นโอกาสที่โรสจะได้อวดฝีมือ ถ้าทำได้ดีผมจะมีรางวัลให้" เวรุตว่าขณะที่ทั้งสองนั่งอยู่ในร้านอาหารท่ามกลางลมทะเลและท้องฟ้าสีน้ำเงินสดใส เริ่มมีดวงดาวปรากฏให้เห็นประปลาย

"บอกของรางวัลล่อใจก่อนได้ไหมคะ" โรสยิ้มกว้างด้วยความอยากรู้อยากเห็น

"ผมยังคิดไม่ออก โรสมีอะไรอยู่ในใจบ้างหรือยัง"

"โรสคิดออกตั้งแต่มาถึงที่นี่แล้วค่ะ"

"จริงอ่ะ?"

"ก็ที่ไปดูมาวันนี้ไงคะ โรสอยากเก็บไว้เองซักหลังค่ะ"

"ผมกลัวว่า..."

"คุณไม่เห็นด้วยใช่ไหมคะ" โรสเริ่มทำหน้างอ

"ผมกลัวว่าเราต้องเก็บไว้เองทั้งห้าหลังต่างหาก" เวรุตว่าล้อแล้วหัวเราะ

"อย่ามาดูถูกกันนะคะ เป็นอันตกลงใช่ไหม"

"ก็ดีเหมือนกัน ว่างๆ จะได้พาพ่อแม่มาพักผ่อนด้วย เผื่อโรสจะอยากมีลูกชายกับเขาบ้าง"

"บ้า" โรสยิ้มเขิน แล้วคว้าเมนูขึ้นมาดู

"ทานอะไรดีคะเว?"

"อะไรก็ได้ แต่ผมไม่ทานอาหารทะเล"

"ทำไมล่ะคะ"

"โรสคงไม่อยากเห็นผมปากเจ่อหรอกใช่ไหม"

"อยากสิคะ ภาพหายากนะนั่น" โรสยิ้มขำ

"ล้อเล่นค่ะ เพิ่งรู้นะคะเนี่ยว่าคุณแพ้อาหารทะเล งั้นทานอย่างอื่นกันดีกว่า"

"ถ้าโรสชอบก็สั่งได้นะ ผมกินอย่างอื่นได้"

"ได้ค่ะ"

เวรุตส่งสัญญาณให้พนักงานเข้ามารับออเดอร์ และเปิดโอกาสให้หญิงสาวสั่งอาหารก่อน

"ขอปลาช่อนอบเกลือ สะเดาหวาน ซี่โครงหมูทอด ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ ผัดคะน้าน้ำมันหอยค่ะ"

"จะสั่งอะไรเพิ่มไหมคะเว" โรสหันมายิ้มถาม

"ไข่เจียวหมูสับ ข้าวสองจาน แล้วก็เบียร์สดเยือกนึงครับ"

"คุณสั่งอาหารหายากจังเลยค่ะ"

"ผมนึกว่าโรสชอบทานอาหารทะเลซะอีก"

"ชอบค่ะ แต่ไม่ชอบทานคนเดียว"



หลังมื้ออาหาร ทั้งสองเดินเกาะเกี่ยวกุมมือกันเรียบชายหาดกลับมาถึงที่พัก

"นั่งรับลมกันก่อนนะ" เวรุตเดินตรงไปที่เปลผูกติดกับต้นไม้ แล้วยื่นมือให้หญิงสาวลงนั่งอิงแอบ

โรสขยับมือขึ้นแนบกลางอกกว้าง รู้สึกเป็นสุขดื่มด่ำไปกับบรรยากาศรอบตัว ทั้งที่ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่เธอก็ไว้ใจเวรุตว่าเขาจะจัดการทุกอย่างได้ตามสัญญา

"ทำไมโรสไม่สวมแหวนที่ผมให้" เวรุตกุมนิ้วเรียวยาวขึ้นมอง

"นั่นแหวนของลี่ต่างหาก โรสกลัวทำหาย ก็เลยถอดเก็บไว้ค่ะ"

"งั้นเลือกเอาใหม่ซักวงนะ โรสชอบเพชรเม็ดไหนที่สุด" เวรุตชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้ามืดสนิทเต็มไปด้วยดวงดาวส่องประกายสุกสว่าง

"เม็ดนั้นค่ะ" โรสชี้ไปที่ดาวดวงที่เปล่งแสงระยิบระยับตรงขอบฟ้า

"เข้าใจเลือกนะ เม็ดนั้นน่ะแพงที่สุดบนท้องฟ้าเลยรู้ไหม" เวรุตทำท่าสวมแหวนแล้วขยับนิ้วหญิงสาวไปเรื่อยๆ จนแหวนดวงดาวนั้นเลื่อนไปอยู่ตรงโคนนิ้วนางพอดี

"สวยจังเลยค่ะ" โรสมองตามแล้วยิ้มกว้าง

"แหวนวงนี้จะเป็นของโรสตลอดไป" เวรุตขยับนิ้วเรียวเข้าจูบแผ่วเบา

"ขอบคุณค่ะเว" โรสยิ้มสบตา และได้รับจุมพิตอ่อนโยนจากชายหนุ่มแทนคำตอบ...
























 

Create Date : 13 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2554 15:09:59 น.
Counter : 485 Pageviews.  

loVe-loVe ตอนที่ 23

"ลี่ไม่อยากไปเลยค่ะ" หญิงสาวทำแก้มป่อง เมื่อถูกขอให้ไปร่วมเชียร์ ชบา ราตรี และบุษบา ขึ้นประกวดร้องเพลงในงานกาชาดประจำจังหวัง

"ไม่เอาน่า สร้างมิตรดีกว่าสร้างศัตรูนะ อีกอย่างเราก็ไม่ได้ไปอยู่ที่เวทีตลอดเวลาซักหน่อย เขามีงานออกร้านให้เดินชมอีกตั้งเยอะแยะ" วินระวีหว่านล้อม

"ก็ได้ค่ะ" ลิลลี่ยอมตามในที่สุด

"น่ารักที่สุดเลย" ชายหนุ่มโน้มลงหอมแก้ม

"พาป้าแต้วกับจันทร์แรมไปด้วยนะคะวิน" ลิลลี่ต่อรอง

"ว้า! นึกว่าจะได้ไปสวีทกับลี่สองต่อสอง" วินระวีแกล้งทำหน้าเซ็ง

"ใครอยากสวีทด้วยคะ?? ลี่ไปชวนสองคนนั้นดีกว่า" หญิงสาวยิ้มยักคิ้วให้ก่อนจะเดินผละไปที่ครัว


ลิลลี่หายไปพักใหญ่ แล้วก็ต้องเดินคอตกกลับมา เมื่อทั้งสองหาข้ออ้างสารพัดที่จะปฏิเสธเธอ เพราะได้รับเงินสินบนและวันพักผ่อนเพิ่มจากใครบางคนไว้ก่อนแล้ว

"ป้าแต้วกับแรมอยากไปกับเรามากเลยใช่ไหม" วินระวียิ้มกริ่มยืนกอดอกพิงเสาเรือน เมื่อเห็นหญิงสาวปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

"ใครว่าล่ะคะ ไม่รู้เกิดจะมีธุระอะไรกันนักหนาเอาตอนนี้" ลิลลี่ว่าหน้างอ

"อย่าเอาแต่ใจตัวเองนักสิที่รัก สองคนนั้นภาระเยอะจะตายไป"

"ใช่สิ ใครจะว่างจัดอย่างลี่ล่ะคะ"

"ว่างได้สำหรับผมคนเดียวนะ" วินระวีว่าล้อแล้วรั้งร่างหญิงสาวเข้ามากอด

"อย่าเอาแต่ใจตัวเองนักสิคะที่รัก" ลิลลี่ขยับออก แล้วล้อกลับ

"ครับผม" ชายหนุ่มรับคำแล้วตั้งท่าจะโน้มลงจูบ

"เดี๋ยวป้าแต้วกับจันทร์แรมมาเห็นเข้าค่ะ" หญิงสาวทักท้วง

"ช่างป้าแต้วกับจันทร์แรมปะไร" วินระวียิ้มกว้างจูบริมฝีปากบางแผ่วเบา แล้วรวบกอดหญิงสาวไว้แนบชิด ท่ามกลางบรรยากาศเย็นสบายในยามสาย และกลิ่นหอมรวยรินของดอกปีบที่ร่วงอยู่เต็มพื้น



หนุ่มสาวมาถึงงานออกร้านกาชาดซึ่งจัดขึ้นที่บริเวณศาลากลางจังหวัดในตอนพลบค่ำ หลังจากต้องขับรถออกมาจากไร่ราวสองสามชั่วโมง เพราะทางลงเขาที่ค่อนข้างคดเคี้ยว

"เก่งจังเลยค่ะวิน!!" ลิลลี่ตื่นเต้นดีใจเมื่อชายหนุ่มปาลูกโป่งได้หมีพูห์ตัวใหญ่ หลังจากเล่นไปหลายเกมส์

"ใช่สิ ถ้าไม่ได้ตุ๊กตา สงสัยผมคงต้องยืนปาอยู่นี่ทั้งคืน" วินระวีว่าล้อโอบรอบเอวหญิงสาวพาเดินออกจากซุ้มปาลูกโป่ง

"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ อย่างมากก็แค่อดไปเชียร์แฟนคลับคุณก็เท่านั้นเอง" ลิลลี่ย่นจมูกใส่

ทั้งสองเดินชมร้านรวงต่างๆ ไปเรื่อยๆ ก่อนถึงเวลาประกวด เนื่องจากเป็นวันแรกของการจัดงาน ผู้คนจึงค่อนข้างหนาตา เสียงโทรโข่ง เสียงไมค์เรียกลูกค้า เสียงประชาสัมพันธ์ดังสับสนอลม่านไปทุกที่ที่ทั้งสองเดินผ่าน แต่ก็ทำให้รู้สึกสนุกครื้นเครงไปอีกแบบ

"ลี่อยากตักปลาอ่ะ" หญิงสาวรีบเดินตรงเข้าไปที่อ่างพลาสติกขนาดใหญ่ตั้งยกพื้น ภายในเต็มไปด้วยปลาหางนกยูง ปลาสอด และปลาทอง

"คนละไม้พอนะ" วินระวีพูดเบรคไว้ก่อนเพราะรู้ว่าถ้าติดลมแล้วล่ะก็ ลิลลี่จะไม่ยอมขยับไปไหน

"เจ้าค่ะ ให้คุณตักก่อน" ลิลลี่ยื่นที่ตักกระดาษให้ชายหนุ่ม เขาพยายามตักปลาหางนกยูงกับปลาสอดที่อยู่บนผิวน้ำ แต่พวกมันกลับว่ายหลบหลีกไวจนเขาต้องเปลี่ยนใจไปตักปลาทองที่ก้นอ่างแทน และก็ได้ผล เพราะมันเคลื่อนไหวช้า พอต้อนถึงผิวน้ำได้ ก็หมดพิษสง แต่ตักได้เพียงตัวเดียวกระดาษก็ขาดซะแล้ว

"ตาลี่แล้ว" ชายหนุ่มยื่นถังน้ำเล็กให้ พร้อมกับรับตุ๊กตามาถือไว้เอง

หญิงสาวเริ่มไล่ต้อนปลาทอง แต่ยิ่งไล่เร็วเท่าไหร่มันก็ยิ่งว่ายหนีเร็วเท่านั้น

"ค่อยๆ ต้อนสิลี่" วินระวีว่าพลางช่วยลุ้น

"ได้แล้ว!" ลิลลี่กลั้นหายใจจนปลากระโดดลงถังน้ำในมือแล้วจึงร้องออกมาด้วยความยินดี ก่อนจะยื่นให้เจ้าของร้านเอาปลาใส่ถุง

"กระดาษยังไม่ขาดเลยนี่ลี่"

"สองตัวก็พอค่ะ ลี่จะหาอ่างเล็กๆ ใส่"

แล้วเจ้าปลาทองน้อยสองตัวก็ได้บ้านใหม่ ไปพร้อมกับหนุ่มสาวที่กำลังเดินชมงานต่อด้วยความเพลิดเพลิน จนกระทั่งใกล้เวลาที่ต้องไปดูการประกวดทั้งสองจึงตรงไปยังเวที โดยมีการจับจองที่นั่งไว้ให้แล้ว จากกลุ่มท่านนายอำเภอ กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นบรรดาพ่อแม่ญาติพี่น้องของสาวๆ ทั้งสาม

วินระวีพาลิลลี่ไปทำความรู้จักกับทุกคนก่อนจะนั่งชมการแสดงไปด้วยกัน

โฆษกออกมาประกาศกฏกติกาการตัดสิน ซึ่งจะแบ่งออกเป็นคะแนนจากคณะกรรมการ และจำนวนลูกโป่งที่นักร้องจะได้รับจากผู้ชม

"คุณเตรียมลูกโป่งไว้หรือยังคะ" ลิลลี่กระซิบถาม

"ก็นิดหน่อยอ่ะ เพราะญาติๆ เขาคงเตรียมไว้เยอะแล้ว" วินระวีกระซิบตอบ

"ได้ไงคะ โทรไปสั่งเพิ่มได้ไหมคะวิน"

"ตามใจ ลี่จะสั่งเองไหม" ชายหนุ่มยิ้มถามประหลาดใจ

"ต่อโทรศัพท์มาสิคะ" ลิลลี่ยิ้มหวาน พลางใช้มือป้องปากสั่งลูกโป่งสวรรค์ตามจำนวนที่ต้องการ

"รับรองว่าแฟนคลับคุณไม่แพ้ใครแน่ค่ะ" หญิงสาวว่าพลางยื่นโทรศัพท์คืนให้

"ว่าที่ภรรยาผมนี่ใจกว้างจริงๆ" ชายหนุ่มแอบกระซิบที่ข้างหู

"บ้า" ลิลลี่มองค้อนแล้วยิ้มเขิน










"มาถึงทีมต่อไปเลยนะครับ สาวบ้านไร่ จะมาในเพลง นิสัยบ่ดีคร้าบ" โฆษกแนะนำ ก่อนที่ดนตรีครึกครื้นจะดังขึ้น ผู้ชมต่างพากันลุกขึ้นเต้นร่วมสนุกไปด้วย โดยเฉพาะบรรดาญาติๆ ของทั้งสามสาว

"ไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้ว" วินระวียื่นมือให้ลิลลี่

"จะดีเหรอคะ" หญิงสาวยิ้มขำ

"ไม่มีใครรู้จักเราหรอกน่า" ชายหนุ่มดึงตุ๊กตาออกจากมือ แล้ววางไว้บนเก้าอี้ ก่อนที่ทั้งสองจะร่วมเต้นกันอย่างสนุกสนาน

"สงสัยแฟนคลับคุณจะเริ่มประท้วงแล้วนะคะ" ลิลลี่ว่าล้อเมื่อฟังเนื้อเพลง พร้อมกับสายตามองค้อนที่ส่งมาให้จากบนเวที

"นั่นน่ะสิ ตอนซ้อมรู้สึกจะไม่ใช่เพลงนี้" วินระวีว่าขำๆ

แล้วจู่ๆ สายตาแทบทุกคู่ต่างหันไปสนใจลูกโป่งช่อใหญ่ยักษ์ ที่กำลังลำเรียงเข้ามาในบริเวณงาน

"ญาติใครนะ ลงทุนหนักจริงๆ" วินระวีว่า

"ก็คุณนั่นแหละ จะใครซะอีก" ลิลลี่บอกแล้วกลั้นหัวเราะ

"นี่ลี่จัดหนักขนาดนี้เลยเหรอ" ชายหนุ่มหันมองตาค้าง

"อย่างกกับแฟนคลับสิคะวิน" หญิงสาวยิ้มหวาน

"ก็ได้ แต่ลี่ต้องเป็นคนเอาไปให้เองนะ" วินระวีแกล้งคืนบ้าง

"ได้ค่ะ เรื่องแค่นี้เอง" ลิลลี่ยักคิ้วให้ พร้อมรับมอบลูกโป่งช่อใหญ่หนักอึ้ง หลังจากที่ชายหนุ่มควักกระเป๋าจ่ายสตางค์ไปเรียบร้อยแล้ว


"แหมคุณวิน ลงทุนหนักจริงๆ ยัยหนูผมคงดีใจแย่" กำนันจักรพ่อชบาออกปาก

"ลี่เป็นคนสั่งมาครับ คงอยากให้เพื่อนชนะ" วินระวียกความดีให้หญิงสาวไป

"ขอบคุณนะหนู มีน้ำใจจริงๆ" กำนันหันมาเอ่ยกับหญิงสาวด้วยความจริงใจ ลิลลี่ยิ้มรับ จากที่คิดว่าจะแกล้งปล่อยลูกโป่งช่อนี้ให้หลุดลอยไป เพื่อให้สามสาวนั้นเสียดายและขายหน้าเล่น ก็พลันเปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหัน


"คุณเอาไปให้เองดีกว่าคะ" ลิลลี่ยื่นช่อลูกโป่งให้

"อ้าว ทำไมล่ะ" วินระวีเลิกคิ้วถาม

"สามคนนั้นคงจะดีใจ ถ้าคุณเป็นคนให้" ลิลลี่ว่า

"งั้นไปด้วยกันดีกว่า" วินระวียิ้มสบตา

"ก็ได้ค่ะ" แล้วทั้งคู่ก็ออกไปที่หน้าเวที่ด้วยกัน พร้อมกับบรรดาญาติและเพื่อนๆ เมื่อเพลงจบลง


"ต๊าย! พี่วินน่ารักที่สุดเลยค่ะ" ราตรีกับบุษบารีบแย่งรับช่อลูกโป่งจากมือชายหนุ่ม

"ตัวนี้ให้ชบาใช่ไหมคะ" ชบาก้มลงมาดึงหัวตุ๊กตาหมีพูห์ที่ลิลลี่อุ้มอยู่

"ไม่ใช่นะชบา" วินระวีว่า หากแต่ไม่มีใครฟังเสียงใครแล้วตอนนี้

"ให้ฉันต่างหาก" ราตรีกับบุษบารีบเอื้อมมือมาดึงบ้าง

ลิลลี่ยื้อยุดฉุดกระชากอยู่เพียงชั่วครู่จึงยอมปล่อยมือ ให้สามสาวนั้นไปแย่งกันต่อ

"ลี่อยากกลับบ้านแล้วค่ะ" หญิงสาวหันมาบอก เมื่อกลับถึงที่นั่ง

"ดีเหมือนกัน กว่าจะถึงบ้านคงเที่ยงคืนพอดี" วินระวียกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู แล้วพาลิลลี่ไปลาพ่อแม่ของสาวๆ ทั้งสาม



"ผมซื้อตุ๊กตาตัวใหม่ให้ดีไหม" ชายหนุ่มถาม เมื่อทั้งสองนั่งอยู่ในรถด้วยกัน

"มันทดแทนกันไม่ได้หรอกค่ะวิน ถึงจะเป็นหมีพูห์เหมือนกัน แต่มันก็เป็นคนละตัวกันอยู่ดี" ลิลลี่ว่าพลางชูถุงปลาทองขึ้นดูว่ามันยังปลอดภัยดีอยู่ไหม

"พูดอย่างนี้ แล้วทำไมลี่ยอมให้เขาแย่งไปได้ง่ายๆ ล่ะ" วินระวีถามสงสัย

"สามคนนั้นอาจอยากได้อะไรเป็นสิ่งทดแทน แต่ลี่มีตัวเป็นๆ อยู่แล้วนี่คะจะหวงไปทำไมกับตุ๊กตา"

"ลี่ของผมทั้งสวยทั้งฉลาด" วินระวีหันยิ้มสบตา เอื้อมไปกุมมือหญิงสาวขึ้นมาจูบ

"อย่ามาขี้ตู่ค่ะ" หญิงสาวดึงมือกลับแล้วยิ้มเขิน



หลังจากขับมาได้เพียงครึ่งทาง ทั้งสองก็จำต้องจอดรถลงข้างทาง เพราะฝนตกกระหน่ำลงมาหนักจนแทบมองไม่เห็นทางข้างหน้า และเกินวิสัยที่จะขับต่อ วินระวีเลื่อนเบาะถอยหลังไปจนสุด เพื่อขยับนั่งให้สบายตัวขึ้น

บรรยากาศเช่นนี้ในรถคันเดิมย้ำเตือนให้นึกถึงวันที่ทั้งสองพบกันครั้งแรก และทำให้ลิลลี่อดยิ้มขำไม่ได้

"คิดอะไรอยู่เหรอ?" วินระวีหันมองคนข้างๆ

"เปล่าค่ะ" ลิลลี่ปฏิเสธแต่ยังไม่ยอมหุบยิ้ม

"เวเคยจูบลี่บ้างไหม?" จู่ๆ ชายหนุ่มก็ถามคำถามคุ้นหูนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่

"คุณไม่มีอะไรจะถามแล้วหรือไง?" ลิลลี่หันมาทำเสียงดุแล้วหัวเราะ

"งั้นผมถามใหม่ก็ได้" วินระวียิ้มกว้าง ขณะที่อีกฝ่ายมองสบตารอว่าเขาจะถามอะไร

"ให้ผมจูบลี่ตอนนี้เลยได้ไหม?"

"ไม่ได้ค่ะ"

"ว้า! ถามนั่นก็ไม่ได้ ถามนี่ก็ไม่ได้อีก จะมีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกไหมนะ ฝนก็ตก ไปไหนก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้" ชายหนุ่มบ่นชุดใหญ่ ใช้ฝ่ามือซ้อนเข้าที่ท้ายทอยแล้วนั่งหลับตาประท้วงหญิงสาว

ลิลลี่นั่งมองคนข้างๆ นิ่งอยู่พักใหญ่ ราวกับกำลังเล่นสงครามประสาทกันอยู่ และดูเหมือนฝ่ายหลับตาจะได้เปรียบในเกมนี้ เพราะดูไม่กระวนกระวายใจเหมือนคนที่นั่งลืมตาอยู่นี้

"ก็ได้" ลิลลี่ยอมแพ้ในที่สุด

"ผมเปลี่ยนใจแล้ว" วินระวียิ้มหลับตา หลังจากแอบมองหญิงสาวแว๊บหนึ่ง

"จะมากเกินไปแล้วนะคะวิน" ลิลลี่หันมองเขาหน้างอ ตั้งท่าจะปีนไปนั่งที่เบาะหลัง หากแต่ชายหนุ่มตวัดแขนไปรอบเอว รั้งร่างบอบบางลงมานั่งบนตัก แล้วกอดกระชับไว้แน่นหนา

"ที่เปลี่ยนใจน่ะ อยากให้ลี่จูบผมต่างหาก" ชายหนุ่มเอ่ยในระยะที่ใบหน้าห่างกันเพียงนิ้วเดียว

"เสียใจค่ะ"

"ทำไมลี่ชอบขัดใจผมนักนะ" วินระวีว่าแล้วก็นั่งหลับตาอีกครั้ง

ลิลลี่มองหน้าเขา แล้วเลื่อนสายตาไปที่ริมฝีปาก โน้มใบหน้าเข้าใกล้แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ ขยับตัวซบหน้าลงบนอกกว้าง หลับตานิ่ง รู้สึกเป็นสุขในอ้อมกอดแข็งแรง และอบอุ่นแม้ในยามสายฝนโอบล้อมไว้เช่นนี้

"ผมยอมแพ้" วินระวีกระซิบ แล้วขยับเข้าหาริมฝีปากบางสวยอย่างอ่อนโยน และนั่นทำให้หญิงสาวรู้ว่าไม่มีใครชนะในเกมรักนี้ เพราะเธอก็จูบตอบเขาทันทีที่ริมฝีปากทั้งสองสัมผัสกัน







ทั้งสองยิ้มสบตากัน เมื่อจุมพิตแสนหวานสิ้นสุดลง สายตามั่นคงของชายหนุ่มบอกให้รู้ว่าเขาไม่มีวันทอดทิ้งเธอ และอ้อมแขนอบอุ่นกอดกระชับจนใจสองดวงได้อยู่แนบชิดกัน สื่อความหมายว่าเขาจะปกป้องเธอตลอดไป

ปราศจากคำพูดใดๆ หัวใจของคนทั้งสองกำลังบอกรักกันเงียบๆ ไม่ใยดีกับเสียงฟ้าฝนที่กำลังตกกระหน่ำ เป็นภาษาที่ไม่มีคำนิยามหรือคำจำกัดความใดๆ จะสามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดหรือตัวอักษรได้ เพราะสัมผัสที่ส่งผ่านจากใจนี้รับรู้ได้ด้วยใจเพียงเท่านั้น

"สัญญานะคะวิน ว่าคุณจะไม่ทิ้งลี่"

"ลี่ก็รู้ว่าผมไม่มีวันทำอย่างนั้น นอกเสียจากว่า..."

"อะไรคะ"

"ลี่จะทิ้งผมก่อน"

"ลี่ไม่มีวันทิ้งคุณค่ะ ลี่สัญญา"

ทั้งสองเกี่ยวก้อยกันเหมือนเด็กๆ

"แล้ว..ถ้ามีใครทำผิดสัญญาล่ะ จะให้ทำโทษยังไง" วินระวีถามขึ้นมาเล่นๆ

"อืม.. ทำโทษยังไงก็ได้ จนอีกฝ่ายพอใจดีไหม" ลิลลี่ออกความเห็น

"งั้นลี่ทำผิดสัญญาตอนนี้เลยได้ไหม??"

"หมายความว่าไงคะ??"

"ผมอยากทำอะไรก็ได้ จนพอใจ"

"คนบ้า! คิดจะทำอะไรลี่" ลิลลี่ทุบอกชายหนุ่ม

"ยังไม่ทันไรเลย ทำร้ายร่างกายผมซะแล้ว" วินระวีจี้เอวหญิงสาว

"หยุดนะ!" ลิลลี่หัวเราะดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขน

"นี่แค่ตัวอย่างนะ ลี่จะได้ไม่กล้าทิ้งผมไปไหน" วินระวีว่าแล้วกอดหญิงสาวไว้แนบอกอีกครั้ง

"กลับกันเถอะค่ะ ฝนซาแล้ว" ลิลลี่ขยับตัวออก

"ดีเหมือนกัน ชักจะคิดถึงที่นอนนุ่มๆ แล้วสิ" วินระวีจุ๊บริมฝีปากหญิงสาว

"ลี่ก็ง่วงแล้วค่ะ" ลิลลี่ยิ้มรับ แล้วขยับกลับไปนั่งที่เดิม เพื่อให้ชายหนุ่มออกรถต่อไปยังจุดหมาย





ทั้งสองนั่งคุยกันมาตลอดทางจนถึงบ้านราวตีหนึ่งกว่า หลังจากนำปลาทองสองตัวไปปล่อยไว้ในอ่าง อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว อาการง่วงหาวกลับหายไปเป็นปลิดทิ้ง

"พักนี้ทำไมไม่ค่อยได้ยินเสียงเพลงเลยนะคะ" ลิลลี่เอ่ยทักขณะซุกตัวอยู่ในผ้าห่มและอ้อมแขนอบอุ่น

"ลี่อาจจะชินแล้วก็ได้มั้ง ถึงจะมีเพลงกล่อมหรือไม่มีก็หลับเป็นตายเท่ากัน" วินระวีว่าล้อ

"หรือว่าคุณหลวงจะไปเกิดแล้วคะ" ลิลลี่กระซิบถามราวกับกลัวว่าผีที่พูดถึงจะได้ยิน

"ถ้าเจอแล้วจะถามให้นะ" ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ

การสนทนาเงียบไปซักพัก แล้วหญิงสาวก็มีคำถามใหม่ขึ้นมาอีก

"เมื่อไหร่คุณจะพาลี่กลับบ้านอ่ะ ป่านนี้พ่อแม่กับพี่โรสคงเป็นห่วงแย่แล้วนะคะ"

"คงต้องเป็นเดือนหน้า รอให้เก็บเกี่ยวผลผลิตในไร่เสร็จเสียก่อน เพราะผมต้องจ่ายเงินก้อนโตให้คนงาน ถ้าจะให้พวกเขาหางานใหม่"

"คุณคุยกับเวบ้างหรือยังคะ"

"ผมไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ตอนที่เริ่มทะเลาะกันเรื่องที่ดิน ผมคิดเสมอว่าเวเป็นฝ่ายผิด แต่มาตอนนี้ชักไม่แน่ใจซะแล้ว เพราะถ้าเวยังรักลี่อยู่ล่ะก็..."

"ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณจะยอมคืนลี่ให้เวเหรอคะ" ลิลลี่ขยับออกสบตาชายหนุ่ม

"ลี่ต่างหาก ที่ต้องเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้ ไม่ใช่ผมหรือเว"

"แล้ว..ถ้าลี่เลือกเวล่ะคะ?" ลิลลี่แกล้งถามทั้งที่รู้แน่แก่ใจว่าเธอไม่มีทางเปลี่ยนใจไปจากคนตรงหน้า

"ถ้าลี่คิดอย่างนั้น คงไปจากที่นี่นานแล้วจริงไหม" วินระวีขยับขึ้นสบดวงตากลมสวย

"คุณนั่นแหละที่ไม่ยอมปล่อยให้ลี่ไป" ลิลลี่มองตอบราวถูกสะกดด้วยแววตาสื่อรักอบอุ่น

"ที่ถูกขังอยู่น่ะ หัวใจลี่ต่างหาก" ชายหนุ่มว่าแล้วโน้มลงจูบหญิงสาวอ่อนโยน ก่อนจะขยับออกแล้วกอดร่างบางแนบชิดอีกครั้ง

"คุณคงไม่ได้เป็นเกย์ใช่ไหมคะ" ลิลลี่ยิ้มถามแนบอกแข็งแรง

"อย่าเพิ่งรู้ตอนนี้เลยนะ รอให้เราแต่งงานกันก่อนดีไหม"

"ใครจะแต่งด้วยคะ"

"ไม่แต่งก็ดีเหมือนกัน ผมไม่ชอบงานเลี้ยงวุ่นวายอยู่แล้ว"

"เรื่องอะไรล่ะ คุณเป็นคนทำให้ลี่อดสวมชุดเจ้าสาว คุณต้องรับผิดชอบค่ะ"

"งั้นผมจะซื้อชุดเจ้าสาวให้ใส่เล่นที่บ้านเป็นไง"

"หึๆ บ้า.."

"........"

"........"



























 

Create Date : 04 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2554 23:41:30 น.
Counter : 574 Pageviews.  

lovE-lovE ตอนที่ 22

เวรุตกลับมาถึงบ้านเงียบสงัด มีเพียงอาหารเย็นชืดที่ไม่พร่องไปแม้แต่น้อยจัดวางไว้บนโต๊ะ แสดงว่าโรสคงรอเขาอยู่และยังไม่ได้ทานอะไรเลย ชายหนุ่มเดินขึ้นชั้นบน แล้วเปิดประตูห้องนอนออก คิดว่าหญิงสาวอาจจะกำลังหลับ แต่แล้วก็ต้องผิดหวัง เมื่อพบเพียงห้องว่างเปล่า เขาเดินสำรวจจนทั่วก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่ตามหา

"ไปไหนน่ะ ดึกป่านนี้แล้ว" เวรุตรำพึง ลองโทรเข้ามือถือหญิงสาวอีกครั้ง หากแต่ไร้การตอบรับ

ชายหนุ่มตัดสินใจจะเคลียร์เรื่องทั้งหมดในวันพรุ่งนี้ แต่พออาบน้ำแล้วก็กลับข่มตาให้หลับไม่ได้ จึงตัดสินใจขับรถดิ่งไปที่บ้านหญิงสาวทั้งชุดนอน

เขาจอดรถลงตรงหน้าประตู ไม่อยากให้คนในบ้านแตกตื่นในยามวิกาลเช่นนี้

"คุณเว มาซะดึกเลยนะครับ" ยามที่เฝ้าหน้าประตูบ้านเอ่ยทัก

"คุณโรสกลับมาที่นี่หรือเปล่า"

"ไม่เห็นนี่ครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ"

"ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องบอกคุณพ่อคุณแม่นะ เดี๋ยวจะเป็นห่วง"

"ครับ"

เวรุตกลับขึ้นรถ พยายามคิดว่าโรสจะไปอยู่ที่ไหนได้อีก หญิงสาวไม่เห็นเคยพูดถึงเพื่อนๆ แต่คงจะมีบ้างล่ะ ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วออกรถไป

ระหว่างทางกลับบ้าน ขณะที่กำลังแล่นผ่านสะพานข้ามแม่น้ำ จู่ๆ เขาก็นึกถึงที่ทำงานขึ้นมา ชายหนุ่มจอดรถ แล้วมองขึ้นไปบนยอดตึกอาคารสำนักงานของตน พลันเห็นแสงไฟลอดมาจากบานกระจกห้องที่หญิงสาวแต่งเป็นที่พัก ชายหนุ่มยิ้มกว้างแล้วรีบตรงไปยังจุดหมายทันที



โรสนั่งกอดเข่ามองวิวกรุงเทพและแม่น้ำเจ้าพระยายามราตรีด้วยจิตใจหดหู่ รู้สึกราวถูกหักหลัง เขาคงไม่ได้รักเธอมากมายอะไร หาไม่คงไม่ทำเช่นนี้ ขณะที่กำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง พลันได้ยินเสียงประตูเปิดออก หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย เพราะนึกขึ้นได้ว่าลืมล็อคไว้

"โรส! ผมตามหาเสียแทบแย่" เวรุตก้าวเข้ามาในห้อง

"คุณมีธุระอะไรกับฉัน" หญิงสาวหันมองแล้วเมินหน้ากลับที่เดิม

"โกรธเหรอ ที่ผมไม่กลับไปทานข้าวเย็นด้วย" ชายหนุ่มเดินมานั่งลงตรงหน้า

"ฉันไม่มีสิทธิ์จะโกรธหรอก ก็แค่นัดทานข้าวจะไปสำคัญเท่านัดอย่างอื่นได้ยังไง"

"ไม่เอาน่า ผมก็แค่ออกไปทานข้าวกับ..."

"พัดชา!" โรสต่อให้เสร็จสรรพ

"แต่.."

"แต่นั่นยังไม่หนำใจใช่ไหมคะ ถึงต้องต่อด้วยอย่างอื่นอีก"

"ผมก็ไม่อยากนักหรอกนะ"

"คุณพูดแบบนี้ออกมาได้อย่างไง??"

"ก็มันจริงนี่น่า ถ้าเลือกได้ผมคงกลับบ้านตั้งแต่สามทุ่มแล้ว"

"แม่นั่นคงจับคุณมัดไว้ล่ะสิท่า"

"ไม่เอาน่า ไปกันใหญ่แล้ว ไปนอนกันเถอะ ผมง่วงจะแย่อยู่แล้ว" เวรุตโอบไหล่หญิงสาว

"ไปให้พ้นนะ!!" โรสผลักชายหนุ่มอย่างแรงจนหงายหลัง

"นี่โรสโกรธอะไรผมนักหนา" เวรุตเริ่มหัวเสีย เพราะทั้งเพลียทั้งง่วง

"คุณจะถามทำไม ในเมื่อคุณน่าจะรู้ตัวดีที่สุด" หญิงสาวโต้กลับเสียงดุเดือด

"เรื่องไม่เป็นเรื่องต้องโกรธขนาดนี้ด้วยเหรอ ผมไม่อยากคิดเลยว่าถ้าเราเป็นผัวเมียกันจริงๆ คุณจะอาการหนักขนาดไหน"

"เรื่องไม่เป็นเรื่องเหรอ?? แล้วแค่ไหนล่ะถึงจะเรียกว่าเป็นเรื่องสำหรับคุณ"

"อยากรู้นักใช่ไหม!"

เวรุตสลัดความอ่อนเพลียออกไปจนหมดสิ้น เขาอุ้มร่างหญิงสาวขึ้นแล้วแกล้งโยนเธอลงบนที่นอน ตามด้วยร่างใหญ่ที่ทาบทับลงมา เขาจูบซุกไซ้ซอกคอเธอรุนแรง ด้วยอารมณ์พาลที่เธอจุดประกายขึ้น

"ปล่อยฉันนะ! น่ารังเกียจขยักขยะแขยงที่สุดเลย" โรสร้องอย่างเหลือทน เพราะภาพที่คิดว่าเขาไปทำอะไรมาก่อนหน้านี้ ยังคงแจ่มชัด

"เมื่อก่อนไม่เคยเห็นพูดแบบนี้" ชายหนุ่มขยับขึ้นสบตา แล้วว่าเหน็บ

"เพราะเมื่อก่อนฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นคนสกปรก มักง่ายอย่างนี้ไงล่ะ" โรสจ้องตาอีกฝ่ายไม่ลดละ

"เธอยั่วยุฉันเองนะ อย่าได้คิดเสียใจกับคำพูดของตัวเองก็แล้วกัน" เวรุตมอง
หญิงสาวด้วยสายตาลุกวาว ฉีกชุดนอนเธอจนขาด กดข้อมือเล็กไว้กับที่นอน แล้วซุกไซ้รุนแรงไร้สิ้นซึ่งอารมณ์รัก โรสนอนน้ำตาร่วงเพราะไม่รู้ว่าตนกำลังจะประสบกับอะไร รู้สึกราวเธอไม่รู้จักคนตรงหน้านี้เลยแม้แต่น้อย

ชายหนุ่มเริ่มอารมณ์สงบลง เมื่อรับรู้ว่าแรงต้านทานนั้นหมดไปแล้ว เขาขยับขึ้นสบแววตาเจ็บปวดของอีกฝ่าย แล้วทำให้รู้สึกผิดที่ทำรุนแรงลงไป

"นอนเถอะ" เวรุตขยับคอเสื้อหญิงสาวเข้าหากัน ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้ แล้วกอดร่างบางที่เริ่มร้องไห้จนสั่นสะท้านเข้ามาแนบอก

"ขอโทษนะโรส" ชายหนุ่มสำนึกผิด หากแต่หญิงสาวกลับไม่ซึ้งในคำพูดของเขา

"ขอโทษที่คุณไร้น้ำยาน่ะเหรอ!" โรสว่าแดกดันด้วยความสะใจ

"โรส!!" เวรุตขยับขึ้นจูบริมฝีปากร้าย ที่ชอบยั่วยุให้เขาโกรธได้ระลอกแล้วระลอกเล่า คิดว่าถ้าเขาไม่หยุดเธอ คงต้องสู้กันไปถึงเช้า

"ฉันจะจูบเธออีก ถ้ายังไม่เลิกพูดจาไม่ดี" ชายหนุ่มขยับออกคาดโทษ

"ใช่สิ มันก็แค่การทำโทษ มันจะมีความหมายอะไรอีกล่ะสำหรับคุณ"

"ก็เป็นการลงโทษสำหรับคนรักกันไม่ใช่เหรอ" ชายหนุ่มยิ้มด้วยแววตา

"คุณพูดว่ารัก ทั้งที่เพิ่งไปนอนกับผู้หญิงอื่นมาได้ยังไง?"

"ผมน่ะเหรอ!!??"

"จะปฏิเสธล่ะสิ!"

"ผมไม่ได้ทำแล้วจะให้รับได้ไงล่ะครับ"

"คุณจะบอกว่าแม่นั่นหน้าด้านละเมอไปเองหรือไงล่ะ?"

"อย่าพูดแรงนักสิที่รัก ผมแค่พาเทวินทร์กับพัดชาไปทานข้าว เต้นรำ แล้วไปส่งที่คอนโด ก็เท่านั้น"

"แล้วที่แม่นั่นพูด..." โรสเริ่มทบทวนสิ่งที่พัดชาพยายามจะยั่วยุตน ก่อนจะนึกโกรธตัวเองที่ถูกหลอกปั่นหัวได้ง่ายๆ

"ฝากไว้ก่อนเถอะ หึ!!" หญิงสาวรำพึงกับตัวเอง

"งานนี้ผมเป็นผู้เสียหายนะ จะชดเชยให้ยังไง" เวรุตยิ้มสบตา

"โรสง่วงแล้วค่ะ พรุ่งนี้ค่อยคุยกันใหม่นะคะ" หญิงสาวแกล้งปิดปากหาว

"โรสทำผมตาสว่างแล้วอ่ะ" เวรุตอ้อน

"กู๊ดไนท์นะคะ" โรสขยับเข้าจุ๊บที่ริมฝีปาก หากแต่ชายหนุ่มกลับขยับขึ้น กดริมฝีปากจูบ ล้ำลึกเรียกร้อง และได้รับการตอบสนองแตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

"เวคะ.." โรสเรียกราวจะทักท้วง เมื่อชายหนุ่มเริ่มซุกไซ้อ่อนโยนไปที่ลำคอ

"เวคะ..อะไร?" เวรุตขยับขึ้นสบตา

"โรสรักคุณ"

ชายหนุ่มยิ้มให้กับคำตอบประดุจใบเบิกทางให้เขาทำในสิ่งที่ใจปราถนา โดยไม่มีสิ่งใดมาฉุดรั้งได้อีก เพราะหญิงในอ้อมแขนคือภรรยาของเขา และนับจากคืนนี้ไป ความจริงข้อนี้คงไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงเป็นอื่นไปได้

"ผมรักโรส และจะรักตลอดไป" เวรุตกระซิบแนบใบหูดังคำสัญญา พลางขบติ่งหูนุ่มนิ่มแผ่วเบา แทรกฝ่ามือเข้าไปตามรอยแยกของชุดนอน เพื่อสัมผัสเรือนร่างงดงามละมุนละไม

อารมณ์รักของทั้งสองเริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อยจากสัมผัสอบอุ่นของกันและกัน ทำให้ราตรีดูยาวนานกว่าที่เคย ความสุขแทรกซึมเข้าสู่ห้วงเวลาแต่ละวินาทีที่ใช้ร่วมกัน จนอยากประวิงเวลาให้หยุดอยู่ตรงนี้ตลอดไป

ทว่าเมื่อคลื่นรักก่อตัวขึ้นถึงขีดสุด กลับนำความเจ็บปวดและความสุขถาโถมมาพร้อมกัน ชายหนุ่มกอดปลอบประโลมเมื่อทิ้งร่างลงนอนแนบข้าง ก่อนที่ทั้งสองจะหลับไปในเวลาไล่เลี่ยกันด้วยความอ่อนเพลียหากแต่อบอุ่นใจเกินบรรยาย









เวรุตลืมตาขึ้นในตอนเช้า แดดอ่อนๆ ทอแสงฝ่าม่านบางเบาเข้ามาภายในห้องพัก ชายหนุ่มมองไปรอบๆ ความทรงจำในค่ำคืนที่ผ่านมายังคงอบอวลในความรู้สึก รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าและแววตา เมื่อสายตาเคลื่อนมาหยุดอยู่ที่ใบหน้างดงามแม้ในยามหลับใหล

เขาอาจเคยครอบครองสมบัติล้ำค่ามามากมาย แต่กลับไม่เคยรู้สึกอิ่มเอมใจเท่าครั้งนี้มาก่อน พลางนึกว่าจะตอบแทนวินระวีอย่างไรดี นี่คงเป็นเรื่องที่เข้าท่าที่สุดเท่าที่น้องชายตัวแสบเคยทำมา

เป็นจังหวะเดียวกับที่โรสลืมตาขึ้นพอดี และนึกสงสัยในรอยยิ้มนั้น ดวงตากลมโตมองตอบอีกฝ่ายโดยปราศจากคำพูด แต่กลับสื่อความหมายได้อย่างลึกซึ้ง

"มองอะไรคะ?" หญิงสาวเอ่ยถาม เมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่จ้องอยู่อย่างนั้น

"ถ้าเรามีลูก ตาคงสวยเหมือนโรส" เวรุตพูดสิ่งที่ใจคิดออกมาตรงๆ

"ใครบอกคะ ว่าจะมีลูกกับคุณ" โรสยิ้มเขินใบหน้าเรื่อ

"ผมลืมไป เรื่องแบบนี้เขาไม่ใช้วิธีพูดกันหรอก จริงไหม?"

"บ้า" หญิงสาวทุบอกคนตรงหน้า แล้วถูกเขายึดข้อมือไว้

"ต่อไป โรสคงพูดไม่ได้แล้วใช่ไหมว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วห้ามโรสเชื่อคนอื่นมากกว่าผมด้วย"

"ยังไม่ทันไรเลย คุณออกคำสั่งแล้วเหรอคะเนี่ย"

"ก็ตอนนี้ผมมีสิทธิ์เต็มร้อยแล้วไม่ใช่เหรอ?"

"ยังค่ะ ถึงจะมีงานแต่งแล้ว แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าภรรยาคุณคือ โรส ราดา ไม่ใช่ ลี่ ลดา แล้วเราก็ยังไม่ได้จดทะเบียนกันด้วย เข้าใจไหมคะ"

"เอาเป็นว่า ผมจะจัดการเคลียร์ทุกอย่างให้เร็วที่สุด พอใจหรือยังครับผม"

"แล้วเรื่องแม่นางเอกนั่นล่ะคะ??"

"ผมคงถูกสาปให้ชอบผู้หญิงหน้าตาสวยแบบนี้ไม่ใช่แบบนั้น" ชายหนุ่มว่าแบบขำๆ

"โรสกับลี่ก็หน้าตาเหมือนกัน คุณจะรักทั้งสองคนไหมล่ะคะ?"

"โรสคิดว่าจะรักผู้ชายที่หน้าตาเหมือนผม แต่ไม่ใช่ผมได้ไหมล่ะ?"

หญิงสาวยิ้มส่ายหน้าเมื่อเจอคำถามนี้เข้าไป ทั้งสองมองสบตากัน เมื่อความรักก้าวมาถึงจุดที่คิดว่าจะไม่มีฝ่ายใดถอยหลังกลับ ความผูกพันลึกซึ้งทางกายได้กลายเป็นพันธะคล้องใจทั้งสองไว้ด้วยกัน

เวรุตขยับขึ้นซุกไซ้ไปที่ซอกคอ อยากสัมผัสความรู้สึกอบอุ่นละมุนละไมดั่งค่ำคืนที่ผ่านมาอีกครั้งในทุกๆ เช้าที่ตื่นลืมตานับจากนี้

โรสโอบแขนไปรอบคอชายหนุ่ม รับรู้ได้ถึงความรักที่กำลังซึมผ่านเข้าสู่ร่างกายและจิตใจ ราวอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้เบ่งบานรับแสงอรุณแรกแห่งวัน ความรู้สึกภายในเริ่มไหวเอนไปตามกระแสอ่อนโยน ปลุกเร้าให้ตอบรับความสุขที่โอบล้อมอยู่รอบตัว...














พัดชามองดูรอบห้องว่างเปล่า รู้สึกโกรธตัวเองที่ปล่อยให้เหตุการณ์จบลงเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าที่พบเทวินทร์ เขาคงเห็นเธอเป็นเพียงที่ระบายอารมณ์หรืออะไรซักอย่าง พอเสร็จธุระก็หายตัวไปก่อนเธอตื่นทุกครั้ง

ใช่สิ เธอเองก็แค่เด็กกำพร้าปากกัดตีนถีบกว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ คนอย่างเขามีหรือจะคิดจริงจังด้วย

"ไปซะได้ก็ดี" หญิงสาวย้ำเตือนตนเอง ก่อนจะเดินเข้าห้องอาบน้ำไปด้วยความรู้สึกวิงเวียนจากอาการเมาค้าง

พัดชาเดินผ่านประตูกระจกในส่วนอาบน้ำเข้าไป โดยไม่ได้สังเกตว่ามีใครยืนอยู่อีกมุมภายในห้องนั้น

หญิงสาวเปิดฝักบัว แล้วเข้าไปยืนอยู่ใต้สายน้ำให้ชำระความรู้สึกเจ็บปวดทางกายและใจออกไปในคราวเดียวกัน น้ำตาเริ่มหลั่งไหลปนออกไปกับสายน้ำเพื่อปิดซ่อนความอ่อนแอของตนเอง และเริ่มรู้สึกตัวอีกครั้ง เมื่ออ้อมแขนของชายหนุ่มโอบกอดมาจากด้านหลัง

"ไปให้พ้นนะ! หมดธุระของคุณแล้วนี่" พัดชาหันกลับมาผลักอกคนตรงหน้า แต่เขากลับดันร่างเธอจนชิดผนัง พ้นรัศมีกระแสน้ำซึ่งยังไหลรินกระทบแผ่นหลังแข็งแรง

"พีชร้องไห้เหรอ?" เทวินทร์ถามประหลาดใจ แนบฝ่ามือเข้าประคองใบหน้าขาวซีด

"ฉันเปล่า" หญิงสาวปฏิเสธเสียงแข็ง พยายามจะดึงข้อมือทั้งสองข้างของเขาออก

เทวินทร์โน้มเข้าหาริมฝีปากเยือกเย็น จูบอ่อนโยนจนหญิงสาวเริ่มคล้อยตาม

"คุณจะทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ชีวิตฉันไม่มีใครแล้วคุณก็รู้" พัดชาเหน็ดเหนื่อยเกินกว่าจะต่อสู้กับศัตรูที่เธอรู้ว่าไม่มีทางชนะ

"เราเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม?" เทวินทร์รั้งร่างหญิงสาวเข้ามากอด

"ฉันให้โอกาสคุณมามากแล้วนะคะเทวินทร์ ถึงคราวที่คุณต้องให้ฉันบ้าง"

"ผมขอโอกาสเป็นครั้งสุดท้าย ได้ไหมพีช?" ชายหนุ่มขยับออกมองสบตา

"เพื่ออะไรคะ?" พัดชาถามด้วยแววตาลังเล

"ผมอยากแน่ใจว่าเราจะอยู่ด้วยกันได้ ผมสัญญาว่าจะปรับปรุงตัว แล้วก็เลิกเจ้าชู้ด้วย ตกลงไหม?"

หญิงสาวยังคงมองหน้าเขานิ่ง ไร้คำตอบรับหรือปฏิเสธ หากแต่อีกฝ่ายรู้ดีทีเดียวว่าจะทำให้เธอตอบรับได้อย่างไร เทวินทร์ยิ้มหว่านเสน่ห์รั้งหญิงสาวเข้ามาจูบ ให้ร่างทั้งสองได้แนบชิดกันอีกครั้ง ภายใต้สายน้ำฉ่ำเย็น

























 

Create Date : 30 ตุลาคม 2554    
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2554 23:52:49 น.
Counter : 476 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  

Kim-Ha
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




จิ้นกระจาย ^^


Smileymissmynovel@gmail.com






Friends' blogs
[Add Kim-Ha's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.