Group Blog
 
All blogs
 
loVe-loVe ตอนที่ 5

"เคาะประตูเรียกแล้วค่ะ เธอบอกว่าไม่หิว" ป้าแต้วยกถาดกลับมารายงานวินระวีที่โต๊ะอาหารแบบนั่งพื้น ซึ่งจัดไว้ที่พลับพลาเปิดโล่งกลางระเบียงบ้าน

"ป้าเก็บไว้ในตู้ก่อนนะ เผื่อคืนนี้จะเปลี่ยนใจ" ชายหนุ่มว่าแล้วทานอาหารต่อ

"พรุ่งนี้ป้าลาวันหนึ่งนะคะ จะไปงานบวชหลานชาย"

"งั้นบอกเด็กขึ้นมาทำความสะอาดก็พอ"

"ค่ะ"


ชายหนุ่มทานอาหารเสร็จแล้วกลับเข้าห้อง อาบน้ำจนรู้สึกสบายตัวแล้ว จึงมานั่งอ่านหนังสืออยู่บนที่นอน คิดว่าทุกอย่างคงผ่านไปด้วยดี เพราะดูลิลลี่ไม่มีฤทธิ์เดชอะไรมากมาย แต่แปลกที่เวรุตเงียบไปเลย ทั้งที่น่าจะพยายามติดต่อกลับบ้าง ชายหนุ่มคิดอย่างใจเย็นว่ายังเหลืออีกสองวัน เดี๋ยวก็คงมีวี่แวว

ลิลลี่ออกมาจากห้องน้ำด้วยอาการหนาวสะท้าน อากาศที่นี่แตกต่างจากที่กรุงเทพมาก หญิงสาวไล่ปิดหน้าต่างเหลือไว้หายใจหนึ่งบาน รื้อดูเสื้อผ้าก็ไม่มีตัวหนาๆ เลยซักตัว จึงต้องเลือกสวมทับไว้สองสามชั้น แล้วกระโดดขึ้นเตียง ภายในห้องมืดสลัว มีเพียงแสงสีนวลจากดวงไฟหลอดกลมเล็กที่หัวเตียงเพียงหลอดเดียว

"ติดไฟเยอะๆ หน่อยก็ไม่ได้ จะขี้งกอะไรนักหนา" หญิงสาวบ่นกับตัวเอง ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดถึงปลายจมูก

ท่ามกลางบรรยากาศเย็น มืด แถมเงียบอีกต่างหาก ทีวีก็ไม่มีดู นอนก็นอนไม่หลับ ห่วงว่าป่านนี้ทุกคนคงตามหาตัวเธอจ้าละหวั่น ไม่สิ เวรุตรู้ว่าเธออยู่ที่นี่ เขาคงกำลังจัดการเรื่องที่ดิน เพื่อมาพาเธอกลับไป อีกสองวันก็จะถึงวันแต่งงานแล้วนี่นา หญิงสาวปลอบใจตัวเอง ว่าเธอจะอยู่ที่นี่อีกแค่คืนหรือสองคืนเท่านั้น

พลันเสียงตุ๊กแกดังขึ้นสยบความเงียบ เสียงมันก้องกังวานเหมือนอยู่ที่ไหนซักแห่งภายในห้องนอน สมาธิหญิงสาวแตกกระเจิงจากเรื่องที่คิดอยู่ กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงเฉพาะหน้าทันที สายตาเหลือบไปรอบห้องไม้สีทะมึน เสียงนั้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแต่กลับดังก้องเขย่าประสาทมากขึ้นทุกที

แล้วสติลิลลี่ก็ขาดผึ่งลงทันที เมื่อดวงตาแวววาวของมันจับจ้องเธออยู่บนเสาเตียงด้านบนขวา หากเธอกล้าจับมันคงขายได้เป็นล้าน เพราะตัวมันใหญ่พอๆ กับลำแขนเธอทีเดียว

"กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!" หญิงสาวกรีดร้องเสียงดังกว่าตอนถูกจูบเสียอีก รีบตะกายลงจากเตียง ขาสะดุดผ้าห่มแทบหน้าทิ่ม เจ้าตุ๊กแกเหมือนจะรู้ว่ามันเป็นฝ่ายเหนือกว่า กระโดดจากเสาลงมาบนที่นอนแทนเจ้าของเดิมทันที

ลิลลี่หันมองเจ้าตัวที่กระชับพื้นที่ได้แล้ว สายตามันยังคงจับจ้องมาที่เธอ หญิงสาวจึงต้องยอมเสียสละ รีบถอดกลอนประตูมือไม้สั่น เหลียวมองตลอดกลัวมันจะอยากย้ายจากที่นอนมาอยู่บนตัวเธอ พอเปิดออกได้ ก็รนรานจนสะดุดธรณีย์ประตูอีก หญิงสาวพุ่งถลาออกจากห้องไปล้มกองอยู่ที่พื้น ใกล้ปลายเท้าใครบางคนในความมืดสลัว พอแหงนหน้าขึ้นได้ก็กรี้ดตกใจอีก

"เธอเป็นอะไร?" วินระวียืนกอดอกก้มมองหญิงสาว

"มี..มี.." ลิลลี่หอบเหนื่อยจากการกรีดร้องและตกใจสองสามครั้งติดๆ กัน

"มีผีใช่ไหม" วินระวีถามนำ

"ผีบ้าอะไรล่ะ ตุ๊กแกต่างหาก" ลิลลี่ตั้งสติได้ เจ็บระบมไปหมด ทั้งตกเตียงทั้งสะดุดประตู

"เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า" ชายหนุ่มยื่นมือให้ รู้สึกเวทนาระคนขบขัน

"ฉันไม่เป็นไร แต่คุณช่วยไปจับตุ๊กแกให้หน่อยได้ไหม" ลิลลี่ไม่รับความช่วยเหลือ ยันตัวลุกขึ้นเอง

"มันอยู่ไหนล่ะ"

"บนเตียง"

ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้อง โชคดีที่มันยังอยู่ที่เดิม เขาอ้อมไปด้านหลัง คว้าหางมันแล้วเหวี่ยงออกไปทางหน้าต่างราวกับมันเป็นแค่ตุ๊กแกยาง

"เรียบร้อยแล้วนะ มีอะไรให้รับใช้ก็เรียกละกัน ผมอยู่ห้องตรงข้าม" วินระวีเดินตรงไปที่ประตู ลิลลี่ยังยืนอึ้งอยู่ว่าเขาทำได้ยังไง ในขณะที่เธอกลัวมันแทบตาย

"ค่าตอบแทน" ชายหนุ่มย้อนกลับมาแล้วโน้มลงหอมแก้มหญิงสาวจากด้านหลัง

"คนบ้า! คนฉวยโอกาส!" ลิลลี่หันไปด่า แต่เขาเผ่นกลับห้องไปอย่างรวดเร็ว

หญิงสาวรีบเอาผ้าห่มปัดที่นอนด้วยความรู้สึกขยะแขยง ก่อนจะเดินไปล็อคประตู แล้วกลับมาทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง และกว่าจะข่มตาให้หลับได้ก็ปาเข้าไปครึ่งคืน

เสียงเพลงลอยลมมาในอากาศแว่วดังขึ้นเรื่อยๆ ฟังเงียบเหงาวังเวง ปลุกหญิงสาวให้รู้สึกตัวในกลางดึก พลันนึกถึงคำพูดของวินระวีเมื่อตอนหัวค่ำขึ้นมา





ลิลลี่ลืมตาขึ้น ไม่กล้าหันมองไปทางหน้าต่าง รีบเอามือปิดปากตัวเองไว้ กลั้นไม่ให้เสียงเล็ดรอดออกมา แล้วลุกเดินด้วยขาสั่นเทาไปที่ประตู ค่อยๆ ดึงกลอนออก มือก็สั่นไม่แพ้ขา พอประตูเปิดออกได้ก็วิ่งแบบไม่คิดชีวิตฝ่าระเบียงโล่งกลางบ้านไปที่ห้องฝั่งตรงข้ามทันที...




ร่างบอบบางนอนบิดขี้เกียจอยู่บนที่นอนหนานุ่มอบอุ่น มองไปรอบห้องสว่างโล่ พลางคิดทบทวนถึงเหตุการณ์เมื่อคืนว่าตนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

หญิงสาววิ่งมาเคาะประตูห้องโครมครามในกลางดึก แล้วแทรกตัวเข้าไปภายในทันทีที่ประตูเปิดออก

"วิ่งหนีผีมาล่ะสิ" วินระวีว่าด้วยอาการง่วงหาว ก่อนจะปิดประตูลง

"คุณรู้ว่าห้องนั้นมีผี ยังจะให้ฉันอยู่อีก คุณตั้งใจจะแกล้งฉันใช่ไหม" ลิลลี่ใส่เร็วรัวทั้งกลัวทั้งโกรธ เมื่อมองไปรอบห้องเขา แสงไฟสว่างสดใสกว่าห้องเธอตั้งเยอะ ภายในดูกว้างขวาง แถมมีทีวีจอยักษ์กับเครื่องเสียงชุดใหญ่อีกต่างหาก

"คุณไปนอนห้องโน้นเลย ฉันจะนอนห้องนี้เอง"

"ไม่ได้มีแต่ห้องนั้น ห้องนี้ก็มี" วินระวีนั่งหลับตาอยู่ที่ปลายเตียง

"ว่าไงนะ!!" ลิลลี่มองกวาดไปรอบห้อง

"ก็แค่มานั่งร้องเพลง เขาไม่ทำอะไรคุณหรอกน่า" ชายหนุ่มไต่ขึ้นเตียง ซุกตัวลงในผ้าห่มตั้งท่าจะนอนต่อ

"เดี๋ยวสิ! ลุกขึ้นมาก่อน คุณจะปล่อยฉันไว้อย่างนี้เหรอ?" ลิลลี่ดึงชายผ้าห่ม เขย่าร่างเขาไปมา

"ลี่! มันจะเช้าแล้วนะ มานี่มา" วินระวีเปิดผ้าห่มออก เชื้อเชิญให้หญิงสาวเข้าไปนอนด้วย

"นี่! จะให้ฉันนอนกับคุณน่ะเหรอ? ฉันไม่..." ลิลลี่ยังพูดไม่จบเสียงครวญเพลงก็ดังขึ้นอีก ต่างกันที่...




คราวนี้เป็นเสียงผู้ชาย มาแนวเพลงลูกกรุง ลิลลี่ไม่พูดอะไรต่อรีบแทรกตัวเข้าในผ้าห่ม เมื่อเริ่มเห็นชายสวมชุดไทยปรากฏตัวขึ้นตรงประตูกระจกเปิดออกสู่ระเบียง

"ผีเรือนนี้เป็นศิลปินกันหมดหรือไงนะ" หญิงสาวกระซิบหลับตาปี๋ซบหน้าลงกับอกอุ่น ได้ยินเสียงหัวใจเต้นเร็วรัว ไม่รู้ว่าเป็นเสียงหัวใจตัวเอง หรือชายหนุ่มที่วางท่าว่าไม่กลัวอยู่นี้

"คงงั้นมั้ง" วินระวียิ้มที่มุมปากโอบกอดหญิงสาว กดปลายจมูกลงบนเส้นผมหอมละมุม

ทั้งสองหลับไปท่ามกลางเสียงกล่อมของเพลงเนิบๆ และไออุ่นภายใต้ผ้าห่มผืนหนานุ่ม จนกระทั่งเช้า ชายหนุ่มจึงลุกออกไปดูงานในไร่และปล่อยให้หญิงขี้เซาหลับต่อไป



ลิลลี่เดินสำรวจไปทั่วบ้านเงียบกริบ ตอนกลางวันแบบนี้ดูไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่ ริมระเบียงมีต้นปีบขนาดใหญ่ ดอกสีขาวร่วงลงบนพื้นไม้ ส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณ

เช้านี้อากาศสดใสหนาวเย็นน้อยกว่าตอนกลางคืน แต่ก็ยังหนาวอยูดี หญิงสาวเดินกอดอกห่อไหล่หาห้องครัว เพราะยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เย็นวาน แล้วตอนนี้ท้องก็เริ่มประท้วงอย่างหนัก

"คุณลี่จะไปไหนคะ" หญิงสาววัยรุ่นตัวดำเมี่ยม ถือไม้กวาดเดินออกมาจากห้องที่เธอนอนอยู่ครึ่งคืน เอ่ยทัก

"ฉันจะหาของกินน่ะ" ลิลลี่ยิ้มประหลาดใจที่หญิงสาวรู้ชื่อเธอด้วย

"ไม่มีหรอกค่ะ วันนี้ป้าแต้วหยุด ไม่มีแม่ครัว"

"กาแฟก็ไม่มีเหรอจ๊ะ"

"มีค่ะ เดี๋ยวหนูไปเอามาให้ อย่าไปไหนนะคะ"

ลิลลี่ไปนั่งรอที่พลับพลากลางระเบียงบ้าน ไม่ถึงสามนาที หญิงสาวก็นำกาแฟมาเสริฟให้ แล้วนั่งเฝ้าเธออยู่อย่างนั้น

"เธอชื่ออะไร" ลิลลี่ถาม

"จันทร์แรมค่ะ"

"จะไปทำอะไรก็ไปเถอะจันทร์แรม ฉันนั่งคนเดียวได้"

"ไม่ได้ค่ะ ถ้าคุณหายไป คุณวินต้องไล่หนูออกแน่ หนูต้องเลี้ยงแม่กับน้องอีกสองคนค่ะ" หญิงสาวว่าหน้าซื่อ

"งั้นช่วยไปหยิบกระเป๋าถือในห้องที่เธอเพิ่งออกมาให้ฉันที" ลิลลี่อยากจะได้นาฬิกาในนั้น แต่ไม่อยากเข้าไปเองเพราะยังขยาดเรื่องเมื่อคืนไม่หาย

"ค่ะ" จันทร์แรมรีบลุกไปทันที

"เชอะ!! เรื่องอะไรต้องคิดหนี วันนี้พรุ่งนี้เวก็จะมารับอยู่แล้ว" หญิงสาวย่นจมูกพูดกับตัวเอง

ลิลลี่ควักธนบัตรแบงค์พันยื่นให้ จันทร์แรมรับไว้แล้วยิ้มจนแก้มปริ

"ไปทำงานของเธอเถอะ ฉันไม่ไปไหนหรอก มัวแต่นั่งเฝ้างานก็ไม่เสร็จกันพอดี" ลิลลี่ว่า

"แต่ว่า..." หญิงสาวลังเล

"ฉันไม่ทำเธอเดือดร้อนหรอกน่า"

"ค่ะ"


ลิลลี่ควานหานาฬิกาในกระเป๋าถือ เพราะนึกได้ว่าใส่ไว้ในนั้น

"อยู่นี่เอง" หญิงสาวมองดูนาฬิกาข้อมือ แล้วนึกถึงใบหน้าของผู้ให้ คิดว่าป่านนี้เขาคงวุ่นวายน่าดู

แล้วจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์เรียกเข้าดังมาจากในห้องนอนที่เธอเพิ่งออกมา ลิลลี่รีบวิ่งกลับเข้าไป คิดว่าวินระวีต้องลืมทิ้งไว้แน่

"เว" หญิงสาวเห็นชื่อที่หน้าจอ แล้วรีบกดรับ

"เว ช่วยลี่ด้วย น้องชายคุณจับลี่มา" หญิงสาวรีบรายงาน

"ลี่ไม่เป็นไรใช่ไหม"

"ค่ะ"

"แล้วตอนนี้วินอยู่ที่ไหน"

"เขาออกไปข้างนอกค่ะ ลืมโทรศัพท์ไว้"

"ฟังนะลี่ อยู่ที่นั่นไปก่อน ผมจะหาทางช่วยคุณเอง อย่าทำอะไรยั่วโมโหเจ้าวินเป็นอันขาด เพราะน้องผมนิสัยเหมือนเด็กไม่รู้จักโต"

"คุณจะมาเมื่อไร แล้วงานแต่งของเราล่ะคะ"

"นั่นน่ะสิ ถ้าไม่อยากแต่งก็บอกมา" วินระวีคว้าโทรศัพท์ออกจากมือหญิงสาว แล้วพูดต่อทันที

"นี่! เอามานี่นะ ฉันจะคุยกับเว" ลิลลี่เอื้อมมือแย่งโทรศัพท์ แต่อีกฝ่ายกลับเอี้ยวตัวหลบไปมา

"แกอย่าคิดว่าจะชนะฉันได้ ให้มันรู้เสียบ้างว่าเล่นอยู่กับใคร" เวรุตตอบกลับดุเดือด

"ผมก็ดูอยู่นี่ไงครับ ถ้าปล่อยไว้นาน อาจไม่ดูแต่ตาก็ได้" วินระวีทิ้งน้ำหนักทับร่างหญิงสาวลงบนเตียง ขณะที่มือยังถือโทรศัพท์อยู่ เสียงลิลลี่ร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ ดังเข้าไปจนปลายสายได้ยินชัดเจน

"วิน! แกจะทำอะไรก็ห่วงคุกห่วงตารางไว้บ้างนะ" เวรุตพยายามข่มเสียงเก็บอารมณ์ไม่ให้อีกฝ่ายยั่วยุเขาได้

"ผมรู้ว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ ว่าแต่พี่เถอะ รู้บ้างหรือเปล่า" ชายหนุ่มตอบยียวน ขณะที่ลิลลี่ทั้งหยิกทั้งข่วนเขาเป็นพัลวัน

"ฟังนะ ความจริงฉันก็ไม่ได้รักใคร่ใยดีลิลลี่ซักเท่าไหร่ ออกจะรำคาญเสียด้วยซ้ำ ที่คบมาถึงทุกวันนี้ก็เพราะเรื่องผลประโยชน์ทั้งนั้น ขอบใจแกมากนะที่ช่วยเอาออกจากชีวิตฉันเสียที" เวรุตเสี่ยงใช้ไม้ตายสุดท้าย พูดด้วยน้ำเสียงเรียบราวไม่ใส่ใจ

"พูดแบบนี้หมายความว่าไง" วินระวีเริ่มไม่พอใจที่พี่ชายพูดถึงหญิงสาวในลักษณะนี้

"แกคอยดูก็แล้วกัน ว่าไม่มีลี่แล้วฉันจะแต่งงานได้ไหม อย่าคิดเอามาขู่ฉัน คนอย่างฉันไม่มีวันจนมุมกับกลตื้นๆ แบบนี้" เวรุตวางสายไปทันที

"ว่าไง เวจะมารับฉันใช่ไหม" ลิลลี่หยุดทำร้ายชายหนุ่มแล้วถามเมื่อเห็นเขาวางสาย

วินระวีมองแววตาหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความหวังแล้วนึกเห็นใจ ไม่คิดว่าเธอจะโชคร้าย ไปรักคนที่ไม่มีหัวใจอย่างเวรุต แต่เขาจะพูดอะไรได้ รอให้ถึงพรุ่งนี้ ลิลลี่ก็คงรู้คำตอบได้เอง

"ไปทำอาหารกินกันดีกว่า เธอคงหิวแล้ว" วินระวีไม่ตอบแต่เปลี่ยนเรื่องซะงั้น ชายหนุ่มขยับลุกขึ้นยืน

"ว่าไงล่ะ เวจะมาใช่ไหม" ลิลลี่ถามซ้ำอีกครั้ง

"อืม"

"เมื่อไหร่"

"พรุ่งนี้"

ลิลลี่ยิ้มดีใจ คิดไว้แล้วว่าเขาจะต้องไม่ทิ้งเธอ

"ไปกันได้หรือยัง ผมหิวจะแย่อยู่แล้ว" ชายหนุ่มว่าแล้วเดินนำออกไปก่อน ลิลลี่จึงเดินตามไปด้วยอารมณ์ดี






















Create Date : 21 กรกฎาคม 2554
Last Update : 22 กรกฎาคม 2554 20:06:13 น. 12 comments
Counter : 338 Pageviews.

 
เขียนไปเขียนมา หนูลี่ชักจะคล้ายๆ หนูแพตเข้าไปทุกทีค่ะพี่ตังค์


โดย: Kim-Ha วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:21:26:02 น.  

 
ตอนแรกเป็นสาวหวานนนน เจอะตอดต้อหลุด แปลงร่างเป็นสาวล้นสะงั้น 555

น่ารักอ่ะ กร๊ากกกกกก


โดย: Pa_Stang IP: 202.91.18.171 วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:23:07:00 น.  

 
พี่ตังค์พูดว่า ตอดต้อ น้องนึกว่าแปลว่า ตอนต่อ ที่แท้ก็ตุ๊ดแก


โดย: Kim-Ha วันที่: 22 กรกฎาคม 2554 เวลา:17:03:03 น.  

 
อ้าว แถวๆ บ้านเรียกงั้นนะคะ เหอะ เหอะ ได้ยินเสียงทีไร บรื้อออ


โดย: Pa_Stang วันที่: 22 กรกฎาคม 2554 เวลา:19:51:42 น.  

 
จะจำไว้ค่ะ เวลาขึ้นเหนือจะได้ใช้ถูก


โดย: Kim-Ha วันที่: 22 กรกฎาคม 2554 เวลา:19:55:08 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่คิม ไม่ได้เข้ามา นานมากๆๆๆๆๆๆเลย ยังจำซินได้ป่าวคะ คิดถึง ทไวไลท์ เดอะดาวหก พอเข้ามา เห็นว่ากำลังปิดปรับปรุง เลยมาอ่าน เลิฟเลิฟ รอ อยากบอกพี่คิมว่า ยังติดตามทไวไลท์อยุ่เสมอนะคะ


โดย: wujingxin IP: 110.49.250.51 วันที่: 25 กรกฎาคม 2554 เวลา:0:22:45 น.  

 
สวัสดีจ้าน้องซิน พี่กำลังแก้ twilight อยู่ อยากแก้ทั้งหมด แต่ไม่รู้จะไหวหรือเปล่า (ตอนนี้กำลังติดอยู่ที่ตอนที่ 3) อาจต้องใช้เวลาอีกปี

ที่แก้แล้วจะปล่อยออกมาไว้ที่ TS6 (R1) ถ้ายังไม่ถูกใจอาจมี R2, R3 ตามมาค่ะ


โดย: Kim-Ha วันที่: 25 กรกฎาคม 2554 เวลา:7:38:53 น.  

 
รอได้เสมอค่ะพี่คิม นี่ก็ 1ปี แล้วที่ติดตามอ่าน ทไวไลท์มา อีกปีนึง สัมบายมาก ค่ะ จิ๊บๆๆๆๆๆ เพราะคำว่ารัก เท่านั้น อ๊วกเนอะ อิอิ


โดย: wujingxin IP: 223.206.192.193 วันที่: 25 กรกฎาคม 2554 เวลา:16:40:09 น.  

 
ตราบใดที่บล็อกแก๊งยังอยู่ ก็อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนนะจ๊ะน้องซิน แต่แหมติดหนึบขนาดนี้ ถ้าน้องกันเป็นลูกชาย จะยกให้เลยนะเนี่ย


โดย: Kim-Ha วันที่: 25 กรกฎาคม 2554 เวลา:21:05:15 น.  

 
เกรงใจพี่เปรมมี่อ่ะค่ะพี่คิม ซินขอแค่ อยู่ข้างๆๆๆๆๆ หัวใจของกันเท่านั้นก็พอค่ะ (สวมบทนางเอก )
แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ จะดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ


โดย: wujingxin IP: 49.228.238.141 วันที่: 26 กรกฎาคม 2554 เวลา:23:58:37 น.  

 
ว่าจะไม่เม้นท์ละน๊า พอมาเห็นเม้นท์ที่10 ของน้องซิน จึงอดใจไม่หวายยยย

น้องซินน่ารักอ่ะ...แต่ประโยคสุดท้าย เคือง!!!

ล้อเลงจร้า...แบ่งปัน"กัน"ไปเนอะ น้องซินอยู่ข้างๆ หัวใจน่ะดีแล้ว ส่วนพี่เปรมมี่จะเสียสละอยู่ในหัวใจของเสือกันเองจร้า...ฮิ้วววววว


ปลง เอ้ย! ปล. รออีก 10 ปี เราค่อยมาขอเป็นลูกสะใภ้พี่คิมจริงๆ ก็ได้ เพราะชาร์ลีจะน่ากิน เย้ย! จะหล่อน่ารักมั่กๆ เลยล่ะ ชิมิๆ พี่หญิงเจ้าขา เอิ๊กๆๆๆ




โดย: Wonderfulmoon วันที่: 25 สิงหาคม 2554 เวลา:14:07:25 น.  

 
ไว้งานคอนฯ ไปดูตัวเป็นๆ กันเลยละกันว่าพี่กันกับน้องชาร์ลี ใครจาาาาดำกว่ากัน

อีกสิบปีตอนเช้าๆ เดี๋ยวพี่ลงรูปลูกชายให้ดูใหม่ แล้วค่อยตัดสินใจก็ได้นะ


โดย: Kim-Ha วันที่: 26 สิงหาคม 2554 เวลา:18:32:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Kim-Ha
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




จิ้นกระจาย ^^


Smileymissmynovel@gmail.com






Friends' blogs
[Add Kim-Ha's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.