Part13ของเรื่องจริงยิ่งกว่าละคร(น้ำเน่า)
น้องสาวคนที่อยู่บ้านตากับฉันหลังจากเรียนจบก็มาทำงานในบริษัทเดียวกับฉันอีก ฉันคิดว่าน้องสาวฉันคงซึมซับและได้รับความกดดันจากคนบ้านตามาไม่น้อยเพราะเขาตัดสินใจเรียนต่อ เขาจึงต้องอยู่บ้านตาตามลำพังโดยไม่มีฉันเป็นเวลา2ปี จึงได้ย้ายออกมาอยู่กับแม่ ฉันสังเกตุเขาตลอดเวลาเพราะเห็นเขามีพฤติกรรมที่ไม่ต่างไปจากยายและลูกๆของเขาเลย ติดที่จะดูละครน้ำเน่าหลังข่าวเอามากๆ เรียกได้ว่าเพ้อเจ้อไปเลย ถามเขาได้เลยว่าช่วงไหน ช่องไหน เวลาอะไร มีละครเรื่องไหน ถึงตอนไหนแล้ว เขาสามารถอธิบายได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน เอาล่ะเกิดอะไรขึ้นเมื่อน้องสาวตัวแสบกับแม่ร่วมมือกัน แม่ฉันเขียนจดหมายใส่เศษกระดาษมาด่าฉันหยาบๆคาย พร้อมกับแช่งชักหักกระดูกฉันต่างๆ หาว่าฉันทิ้งลูกเพราะอยากมีสามีใหม่เลยเอาลูกไปทรมานทิ้งไว้ที่ต่างจังหวัดกับปู่กับย่า ตอนนั้นสามีเก่าของฉันได้ประสบอุบัติเหตุรถชน อาการสาหัส ขาหักทั้ง2ข้าง แขนหัก ไหปลาร้าแตก ต้องผ่าตัดอยู่ประมาณ2-3ครั้ง แต่ว่าตอนนี้ทุกอย่างปลอดภัยแล้ว เขาออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวอยู่ที่บ้าน ยังเดินไม่ได้ต้องคอยกายภาพบำบัด แต่แม่เขียนมาด่าฉันว่าเอาลูกไปทรมานเลี้ยงพ่อพิการ แขนขาด ขาขาด ตอนนั้นลูกของฉันเขาชอบไปขายนมเพราะว่าเขาจะได้ค่าจ้าง เขาอยากได้อะไรเขาก็จะซื้อของเขาเอง เขาบอกว่าเขาอยากมีรายได้พิเศษ ซึ่งฉันเห็นว่ามันก็ดีเขาจะได้รู้จักใช้เงินเป็น จะได้รู้คุณค่าของเงินว่าไม่ได้มาง่ายๆ ต้องเหนื่อยและลำบากถึงได้มา แต่ฉันก็ส่งเสียเงินรายได้ให้ลูกของฉันเป็นประจำทุกเดือนอยู่แล้ว ต่อให้ลูกฉันไม่ต้องไปขายนมก็สามารถอยู่ได้ ฉันรับผิดชอบในตัวของลูกฉันตลอดเวลาโดยที่ทางบ้านฉันไม่เคยรู้แต่ก็เอาฉันมาด่า ฉันบอกลูกว่าไม่ต้องไปขายนมอีกเพราะว่าแม่ของฉันและน้องสาวของฉันคิดว่าฉันเอาลูกไปทรมานแบบนั้น ถ้าลูกอยากได้อะไรให้บอกฉันมาฉันจะหาให้ ปู่และย่าของลูกฉันรู้เรื่องจดหมายนี้เข้าก็โกรธแม่และน้องของฉันมากหาว่าไปแช่งลูกชายของเขา ลูกของเขาไม่ได้พิการขาขาด แขนขาด แล้วอีกอย่างลูกฉันไปขายนมมันผิดตรงไหน ถ้าลูกของฉันอยากให้เงินพ่อเขาแล้วมันผิดตรงไหนถ้าลูกของฉันจะรู้จัก กตัญญู สามีเก่าของฉันเขาก็มีภรรยาใหม่ของเขาหาเลี้ยงอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องเอาเงินของลูก ทำไมบ้านฉันถึงป็นอย่างนี้ จดหมายนั่นถูกใส่ซองเอกสารที่ใช้เวียนภายในบริษัท อาจจะถึงคราวซวยชองฉันก็ได้ เมื่อเอกสารที่สำคัญเกิดหาไม่เจอฉันไม่แน่ใจว่าใส่ไปในซองเอกสารไหนกันแน่เพราะมีหลายๆซองส่งไปถึงหลายๆสาขา ฉันจึงให้พี่คนหนึ่งซึ่งอยู่ในอีกสาขาหนึ่งฉันถามเขาว่ามีเอกสารถึงฉันบ้างไหม พี่คนนี้ก็ตอบว่ามีอยู่หนึ่งซองที่ยังไม่ได้ส่งมา ฉันขอร้องให้เขาเปิดซองเอกสารนั่นเพื่อจะดูว่ามีเอกสารที่ต้องการอยู่ในซองนั้นหรือเปล่า ปรากฏว่าเอกสารที่หาไม่มี มีแต่เศษกระดาษจดหมายที่แม่เขียนมาด่าฉันอยู่ใบเดียวเลย พี่คนนี้ซึ่งเป็นญาติๆกับเจ้าของบริษัทของฉัน เขาพอรู้เรื่องของฉันอยู่บ้าง เขาเห็นจดหมายและก็ถึงกับอึ้งไปเลยว่าทำไม แม่ฉันทำแบบนี้ ทำแบบนี้ไม่ต่างจากเอาลูกของตัวเองไปประจานให้คนอื่นๆฟัง ซึ่งข้อมูลที่เขียนมาด่าก็ไม่มีมูลความจริง เขียนมาด่าฉันแบบนี้แม่ฉันเองต่างหากที่เป็นฝ่ายเสียหาย ใครๆก็มองว่าเป็นแม่ที่ทำไม่ดีกับลูก อย่างที่บอกทุกๆคนในบริษัทของฉัน เจ้านาย หัวหน้างาน และเพื่อนร่วมงานทุกคนรู้หมดว่าฉันรับผิดชอบลูกอย่างเต็มความสามารถ มีเพียงบ้านฉันเท่านั้นที่ไม่เคยรับรู้และยังเอามาด่าอีก มันน่าตลกมั๊ยล่ะทุกวันนี้คนที่อยู่รอบข้างฉันรู้หมดว่าบ้านฉันป็นคนยังไง ทั้งโกหก ขี้อิจฉา ขี้นินทา สุดๆเพราะแม้แต่ลูกตัวเองก็ยังไม่เว้น บ้านของฉันทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ตัวเลยว่าคนที่บริษัทรู้กันหมดแล้วว่าพวกเขาเป็นคนยังไง โดยเฉพาะน้องสาวของฉัน น้องสาวของฉันทำถึงว่าเอาฉันขึ้นไปด่าบนเฟสบุ๊ค และในเฟสบุ๊คนั่นก็มีเพื่อนๆร่วมงานในบริษัทเป็นเพื่อนเยอะแยะไปหมดรวมถึงพี่คนหนึ่งซึ่งเป็นผู้จัดการในอีกแผนก พี่คนนี้ก็ให้การช่วยเหลือฉันในการให้ข้อมูลฉันว่าน้องสาวของฉันด่าฉันว่าอะไรเพราะว่าน้องสาวของพี่เค้าก็เป็นเพื่อนในเฟสบุ๊คกับน้องสาวฉัน เขาส่งอีเมล์ที่น้องฉันเอาฉันมาด่าให้ฉัน เพื่อนของฉันก็เช่นกันให้ความร่วมมือกับฉันโดยส่งอีเมล์ข้อความที่ด่ามาให้ฉัน ฉันรวบรวมเอกสารทั้งหมด รวมทั้งจดหมายที่แม่เขียนมาด่า และการเปลี่ยนPasswordในอีเมล์ของฉันที่น้องสาวของฉันเป็นคนเปลี่ยนทำให้ฉันไม่สามารถเข้าไปเช็คงานในอีเมล์ของฉันได้(น้องสาวของฉันเขารู้Passwordอีเมล์ของฉัน) ฉันจึงปรึกษาสามีใหม่ของฉันว่าฉันจะฟ้องดำเนินคดี ฉันบอกกับสามีว่าถ้าฉันไม่ทำอะไรสักอย่างแม่กับน้องคงไม่หยุดทำลายฉัน นี่มันม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัวแล้วแต่มันเริ่มลุกลามมาถึงงานของฉัน ผู้จัดการก็จะเอางาน เจ้านายก็จะเอางานแต่ฉันไม่สามารถเข้าอีเมล์ตัวเองได้ ฉันจะทำยังไงต้องมานั่งสมัครอีเมล์ใหม่อีก ฉันบอกผู้จัดการของฉันผู้จัดการของฉันจึงตัดสินใจช่วยฉันโดยการโทรไปคุยกับสามีของน้องสาวฉันว่าให้หยุดการกระทำซะ มันเกินไปแล้วนี่มันเรื่องส่วนตัวทำไมถึงมาทำให้งานการฉันเสีย ไหนจะเรื่องที่แม่เขียนจดหมายมาด่าฉันอีกมันไม่สมควร เขาไม่อยากพูดกับน้องสาวฉันเองเพราะมันจะแรง พูดกันไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้นสามีภรรยากันก็ไปคุยกันซะว่าให้น้องฉันหยุด แต่น้องสาวของฉันก็ยังไม่หยุดก็ยังคงเอาฉันไปด่าบนเฟสบุ๊คอีก ผู้จัดการฉันก็โทรไปคุยอีกว่าทำไมไม่หยุด ไม่อย่างนั้นฉันจะดำเนินคดีกับน้องสาวฉันแล้ว สามีของน้องสาวฉันตอบว่า จะเอายังไงก็เอาเพราะเบื่อน้องของฉันเต็มที พูดก็ไม่ฟัง ห้ามก็ไม่หยุดเขาเองก็เบื่อไม่รู้จะเบื่อยังไงแล้ว จัดการไปเลยแล้วแต่ฉัน ฉันโชคดีอีกแล้ว สามีของฉันเข้าใจฉันทุกอย่างเขาสนับสนุน ช่วยเหลือและให้กำลังใจฉันเต็มที่ เขาทำทุกอย่างสู้อยู่ข้างๆกับฉันเขายอมเสียเงิน และเสียเวลางานไปกับฉันเพื่อจ้างทนายบความมาดำเนินคดี แต่ทนายความบอกว่าลูกไม่สามารถฟ้องร้องบิดา-มาดาได้ แต่สามารถดำเนินคดีเกี่ยวกับน้องสาวได้โดยเฉพาะเรื่องการเข้ามาเปลี่ยนPasswordอีเมล์ของฉันเพราะผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ ฉันจำไม่ได้ว่ามาตราอะไรเท่าไหร่ เราไปที่กระทรวง ไอซีที เพื่อขอให้ตำรวจเช็คข้อมูลต่างๆให้ หมดเวลาไปกับเรื่องนี้พอสมควร เสียเงินค่าทนายไปไม่ใช่น้อย รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ40,000บาท ฉันรู้ว่าการดำเนินคดีครั้งนี้อาจไม่ได้อะไรกลับมาแต่ขอให้แค่พวกเขาหยุดการกระทำ ให้ตำรวจเป็นคนไกล่เกลี่ยให้จะดีกว่า เพราะเราตกลงกันเองไม่ได้ เจอหน้ากันทีไรเป็นต้องด่ากันทุกครั้ง ตำรวจโทรไปนัดน้องสาวฉันเพื่อนัดวันให้น้องสาวฉันมาที่สถานีตำรวจ เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปในตอนหน้าฉันจะเล่าให้ฟังว่ากว่าจะมาสถานีตำรวจได้มันเกิดอะไรขึ้น รอติดตามกันนะคะ
Create Date : 20 พฤษภาคม 2555 | | |
Last Update : 20 พฤษภาคม 2555 19:05:17 น. |
Counter : 704 Pageviews. |
| |
|
|
|