Part4ของเรื่องจริงยิ่งกว่าละคร(น้ำเน่า)
พอฉันเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาฉันจำได้ว่าฉันสอบเข้าม1ได้เองจากนักเรียนจำนวนหลายๆพันคน ฉันภูมิใจมากเพราะฉันเป็นเด็กที่เรียนไม่ค่อยเก่งแต่ฉันก็ตั้งใจและพยายามกับมันอย่างที่สุดเพื่อที่จะสอบเข้าม.1ให้ได้เพื่อที่พ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องเสียเงินแพงๆหาโรงเรียนใหม่ให้ฉัน ถึงมันจะเป็นเพียงโรงเรียนวัดแต่ก็เป็นโรงเรียนวัดที่มีชื่อเสียงพอสมควรมันเป็นโอกาสสุดท้ายที่ฉันได้พิสูจน์ตัวเองว่าฉันก็สามารถทำได้และสามารถแข่งขันกับคนอื่นได้ ก่อนการเปิดเทอมจะมีการเรียนปรับพื้นฐานฉันตั้งใจเรียนเป็นอย่างมากเพราะฉันมีความภูมิใจอยู่แล้วว่าฉันสามารถทำได้และมาได้ถึงตรงนี้ด้วยความสามารถของตัวเอง ฉันจึงไม่เคยกลัวการเรียนเลยว่าจะยากหรือง่ายแต่ฉันกลับคิดบวกว่า นี่คือการเริ่มต้นของการเรียน ฉันเริ่มมาพร้อมๆกับนักเรียนคนอื่นๆจำนวนหลายร้อยหลายพันคน มีทั้งเก่งกว่า แย่กว่า และพอๆกัน มันจึงทำให้ฉันมีกำลังใจในการเรียน ในสิ่งที่ฉันกำลังพยายามต่อสู้กับเรื่องเรียน ฉันก็ต้องต่อสู้กับความกดดันภายในบ้านคุณตาหลายอย่าง ยายและน้าพยายามหาเรื่องที่จะทำให้ฉันเรียนไม่จบ ไม่ว่าจะเอาเรื่องฉันไม่ไปโรงเรียนบ้างเช่นถ้าเพื่อนโทรมาหาที่บ้านก็ไม่ให้รับสายแล้วก็หาว่าฉันไม่ไปโรงเรียนเพื่อนถึงได้โทรมาตาม เพื่อนผู้หญิงโทรมาก็หาว่าฉันให้เบอร์ผู้ชายให้โทรมาหา กลับบ้านเกินเวลาประมาณ10-15นาที ก็หาว่าฉันไปเที่ยวที่อื่น ไม่ไปโรงเรียน ฉันบอกตรงๆว่าเบื่อมากๆกับเรื่องพวกนี้ กลับมาถึงบ้านก็ยังไม่ได้ทำการบ้านเพราะต้องทำหน้าที่แม่บ้านทำความสะอาดบ้านให้หมดเรียบร้อย ล้างจานที่พวกลูกๆของยาย คุณตา และยายกินกินให้เสร็จ เอาข้าวให้สุนัขให้เรียบร้อย ทำทุกอย่างจนทุกคนขึ้นบ้านนอนพักผ่อนแล้วฉันกับน้องถึงจะขึ้นบ้านทำการบ้านได้ ฟังดูก็ไม่น่าจะมีอะไรก็ดูเหมือนๆเด็กทั่วๆไปที่ต้องดูแลช่วยเหลืองานบ้านแต่ที่ต่างกันคือต้องทนรับฟังคำเสียดสี ด่าทอ ดูถูก โดยที่ตัวฉันต้องได้แต่ทนฟังทำอะไรไม่ได้ ทนฟังให้พวกเค้าด่าว่าพ่อแม่ของฉันนี่คือสิ่งที่ฉันไม่ชอบที่สุด กว่าจะได้นอนในแต่ละวันก็เกือบ22.00น.ขึ้นอยู่กับว่าการบ้านมีมากหรือน้อยแต่สุดท้ายฉันต้องทำให้เสร็จให้ได้ สุดท้ายฉันตัดสินใจเอาเงินที่ได้ไปโรงเรียนในตอนนั้นฉันได้เงินไปวันละ20บ.ต้องซื้อข้าวกลางวันกินเองที่โรงเรียนแต่ฉันก็ตัดสินใจไม่กินข้าวเที่ยงของโรงเรียนแต่ฉันโชคดีที่อยู่โรงเรียนวัด เพื่อนฉันพวกผู้ชายทุกๆเช้าจะไปเป็นลูกศิษย์วัดกับอาจารย์ที่โรงเรียนเพราะฉะนั้นตอนสายทางวัดจะให้ข้าวกลับมากิน ฉันเลยกินข้าววัดแทนการซื้ออาหารกลางวันกิน ส่วนเงินที่เก็บไว้ฉันไว้ซื้ออาหารเย็นกับมากินที่บ้านเพื่อที่จะได้ไม่ต้องช่วยยายเพราะไม่อย่างนั้นฉันจะทำการบ้านไม่ทัน ถ้าต้องช่วยยายทุกวันแบบนี้ร่างกายฉันไม่ไหวแน่ เพราะตอนนั้นทั้งฉันและน้องสาวร่างกายไม่ต่างจากเด็กขาดสารอาหาร ตัวเล็กมากๆ น้ำหนักก็ต่ำกว่าเกณฑ์เยอะมากๆจนคุณครูต้องให้ฉันกับน้องไปดื่มน้ำเต้าหู้ที่ห้องพยาบาลของโรงเรียนทุกวันเพราะไม่อย่างนั้นร่างกายของฉันก็จะไม่พัฒนา เรียนหนังสือก็ไม่รู้เรื่อง ร่างกายก็จะเล็กๆแบบนี้ต่อไป ฉันโชคดีอีกแล้วที่ได้เจอเพื่อนและอาจารย์ที่ดี ที่เข้าใจฉันและช่วยเหลือฉันทุกอย่าง ฉันอดทนจนฉันจบชั้นมัธยมมาได้และจบมาได้ด้วยคะแนนที่ดีพอสมควรฉันเรียนได้เกรดเฉลี่ย3.38 จบมาได้ด้วยความภูมิใจเพราะเรียนแค่ในห้องเรียน ขอเรียนพิเศษก็ไม่ได้เรียนในขณะที่เพื่อนๆเค้าได้เรียนกัน ต้องเรียนด้วยตัวเอง พยายามด้วยตัวเองแต่สุดท้ายฉันก็ภูมิใจในตัวเองที่ฉันทำได้ ตลอดเวลาที่ฉันเรียนมัธยมฉันได้รับรางวัลมากมายในโรงเรียน ที่โรงเรียนมีกิจกรรมให้ทำเยอะฉันก็ไม่เคยพลาด เพราะของรางวัลบางอย่างฉันอยากได้แต่ฉันไม่มีเงินซื้อฉันถึงต้องใช้ความพยายามของตัวเองอย่างเดียวเพื่อให้ได้ของรางวัลชิ้นนั้นมา Partต่อไปฉันจะพูดถึงหลังชีวิตมัธยมเรื่องราวยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีกถึงในระดับที่ฉันหมดความอดทนกับคนบ้านนี้จนถึงขั้นมีปากเสียงกับทุกคนในบ้าน และก็เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของฉัน
Create Date : 15 พฤษภาคม 2555 |
Last Update : 15 พฤษภาคม 2555 12:37:21 น. |
|
3 comments
|
Counter : 821 Pageviews. |
 |
|