|
blog KU-ABC ส.ม.ก.จัดโครงการป้องกันกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าเฉลิมพระเกียรติ
blog KU-ABC" ส.ม.ก. จัดโครงการป้องกันกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าเฉลิมพระเกียรติ" เตือนใจ เจริญพงษ์
ขอนำกิจกรรมดีๆที่ชาว ส.ม.ก. และหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ กรมปศุสัตว์ และสัตวแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกันจัดโครงการป้องกันกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าเฉลิมพระเกียรติ ภายใต้โครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัย จากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธานศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เมื่อวันที่ 2 กรกฏาคม 2561
งานนี้ นายนิวัติ สุธีมีชัยกุล อุปนายกสมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้กล่าวรายงานต่อ ดร.จรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี ............................................................................................................................
ว่า สมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ส.ม.ก.) ร่วมกับ กรมปศุสัตว์ และ สัตวแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
............................................................................................................................
ได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่ทรงห่วงใยชีวิตทั้งคนและสัตว์ และมีพระประสงค์ให้โรคพิษสุนัขบ้าหมดไปจากประเทศไทย จึงได้จัดทำโครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัย จากโรคพิษสุนัขบ้า ............................................................................................................................
ตามพระปณิธานศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี ............................................................................................................................
ซึ่งประกอบไปด้วย - กิจกรรมการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแก่สัตว์เลี้ยง จำนวน ๑,๐๐๐ ตัว -การผ่าตัดทำหมันสุนัขและแมว จำนวน ๑๐๐ ตัว
การจัดงานครั้งนี้สำเร็จไปได้ด้วย ก็เพราะความสามัคคีร่วมแรง ร่วมใจกันและการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ขอขอบพระคุณ - นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี - กรมปศุสัตว์ - สัตวแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ - สำนักงานชลประทานที่ ๑๑ ที่อนุญาตให้ใช้สถานที่ และอำนวยความสะดวกในการจัดเตรียมงานทุกๆ ด้าน - เทศบาลเมืองนครปากเกร็ด ที่ให้การสนับสนุนเต๊นท์ รถเก็บขยะ รถสุขาเคลื่อนที่ -โรงเรียนชลประทานสงเคราะห์ ที่ให้การสนับสนุนนักเรียนมาร่วมในงาน ............................................................................................................................
รวมทั้งบริษัทผู้อุปการะคุณเรื่องอาหาร เครื่องดิ่ม ดังนี้ /บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) /บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) / บริษัท เวท อะกริเทค จำกัด /บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) / องค์การส่งเสริมโคนมแห่งประเทศไทย / บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) / โครงการเนื้อสัตว์ปลอดภัยใส่ใจผู้บริโภค (ปศุสัตว์ OK) ที่ให้การสนับสนุนอาหารและเครื่องดื่ม ...........................................................................................................................
และขอขอบคุณคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชมรม สมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ทุกภาค ทุกจังหวัดทั่วประเทศ เครือข่ายนิสิตเก่าเกษตรรุ่นต่างๆ สมาคมนิสิตเก่าคณะต่างๆ ในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่ได้เสียสละเวลามาร่วมงาน ............................................................................................................................ การจัดงานครั้งนี้ยังเป็นการเทิดพระเกียรติ และถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ในฐานะนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้มีคุณูปการต่อมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตลอดจนพสกนิกรชาวไทย ซึ่งยังนำความ ปลาบปลื้มใจมายังพวกเราชาวเกษตรศาสตร์อย่างหาที่สุดมิได้ ขอขอบคุณภาพจาก นิตยสารแพรว ............................................................................................................................ เตือนใจ เจริญพงษ์ กรรมการชมรมวิชาการนิสิตเก่า มก. ผู้ post เมื่อ 16 พฤศจิกายน 2562 มี ดร.ประมุข เพ็ญสุต KU 33 เป็นประธาน ( KU ALUMNI BRAIN CLUB ) KU-ABC “
Create Date : 16 พฤศจิกายน 2562 | | |
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2562 10:45:50 น. |
Counter : 1183 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
blog KU-ABC สืบสานพระปณิธานจรรยาบรรณวิชาชีพนักกฎหมายบิดาแห่งกฎหมายไทย
blog KU-ABC "สืบสานพระปณิธานจรรยาบรรณ วิชาชีพนักกฎหมายของบิดาแห่งกฎหมายไทย"
เตือนใจ เจริญพงษ์
.......เนื่องในโอกาสที่วันรพี 7 สิงหาของทุกปี ขอเชิญชวนประชาชนน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ....พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ หรือ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์.......พระบิดาแห่งกฎหมายไทย
ผู้ทรงวางรากฐานการศึกษาวิชานิติศาสตร์ ระบบกฎหมายและระเบียบการศาลยุติธรรม อันเป็นหลักของกระบวนการยุติธรรม..... มาจนทุกวันนี้ .... มีผลทำให้สังคมไทยร่มเย็นเป็นสุข..... ............................................................................................................................
ต่อไปนี้จะใช้สรรพนามที่ 3 แทนพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ ว่า เสด็จในกรมราชบุรี ....เมื่อครั้งเสด็จในกรมราชบุรีดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม ทรงจัดตั้งโรงเรียนสอนกฎหมายขึ้น เป็นกึ่งราชการ และทรงสอนเป็นประจำ ....โรงเรียนที่ว่านี้ต่อมาคือ เนติบัญฑยสภา นั้นเอง ............................................................................................................................
ทรงเป็นอาจารย์ที่รักการสอน และทรงอธิบายกฎหมายอย่างแจ่มแจ้ง ตำราที่ทรงใช้เป็นคู่มือในการสอน มี 2 เล่ม........... เป็นกฎหมายตราสามดวงที่หมอบรัดเลย์ จัดพิมพ์ไว้เป็นภาษาอังกฤษ ...........................................................................................................................
แนวทางการสอนทางอาญาทรงใช้ประมวลกฎหมายอาญาของอินเดีย ส่วนวิชาพิจารณาความ สัญญา และประทุษร้าย ส่วนแพ่งทรงใช้ตำรากฎหมายของอังกฤษ ............................................................................................................................
ทรงอธิบายว่า ”เราจะพุ้ยไปฝ่ายเดียวไม่เหลียวแลดูใครนั้น ไม่ได้ต้องเดินตามกฎหมายที่โลกนิยม ทรงรับสั่งกับผู้ที่สอบเป็นผู้พิพากษาได้ว่า ผู้ที่จะหาความเจริญรุ่งเรืองในวิชากฎหมาย ต้องได้ศึกษาและอบรมทางจิตใจความเจริญทางวิชาการและทางจิตใจต้องขึ้นมาเท่าๆกัน ............................................................................................................................
เสด็จในกรมราชบุรี ...... ทรงเป็นผู้ให้ความสำคัญกับหลักความเสมอภาค ทรงปรับปรุงกฎหมาย วิ.แพ่ง วิอาญา ลักษณะพยาน และพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ............................................................................................................................
นอกจากนี้ ยังเคย....ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ มีผลงานที่ควรยกย่อง ได้แก่ เรื่องการสนับให้สร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำป่าสัก และทรงตั้งโรงเรียนสัตวแพทย์ ในยุคสมัยนั้นด้วย ก็ 100 กว่าปีมาแล้ว ............................................................................................................................
ข้อคิดดีๆอีกมากมายที่เสด็จในกรมราชบุรี รับสั่งไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมารยาทที่ดีของนักกฎหมาย .....เรื่องของการศึกษา ......เรื่องของจิตใจสูง .............................................................................................................................
ซึ่งมีความหมายว่าผู้ที่สอบไล่เป็นนักกฎหมายได้แล้ว ต้องเรียนและมี 3 อย่าง นี้ คือ ......character (มารยาท) ........ Education(การศึกษา) .........Service(จิตใจ) ............................................................................................................................
............มาวันนี้ ......ทำให้นึกถึงหัวใจสำคัญ....ที่เสด็จในกรมราชบุรี ทรงสั่งสอนนักกฎหมายกฎหมายไว้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า เรื่องจิตสำนึก...ศีลธรรม...คุณธรรม..และ จรรยาบรรณ ในวิชาชีพของนักกฎหมายนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ในการสร้างบรรทัดฐาน .....ความถูกต้อง.....ความโปร่งใส..... และความเป็นธรรมให้ผู้คนในสังคมบ้านเราให้เป็นปรกติสุข ............................................................................................................................
แต่ยามนี้.....เรามักเห็น นักกฎหมาย....บางส่วน ที่อาจหลงลืม...บทบาทและ...จรรยาบรรณในวิชาชีพของตน ............................................................................................................................ ตามที่เสด็จในกรมราชบุรี ได้ทรงวางหลักการไว้ไปชั่วขณะ ........ ..... เลยทำให้.....เราๆ ท่านๆ สับสนบทบาทของนักกฎหมาย ว่า .....เอ....ทำใหมเป็นอย่างนั้น หรือ...อย่างนี้....ทำได้ด้วยหรือ แล้วจริงๆ .... อะไรถูก ....อะไรผิดกันแน่ ...ใช่หรือไม่ใช่ ............................................................................................................................
คำถาม.....เหล่านี้....มีเสมอมา ก็อยากจะบอก....ว่า ....ผู้คนสมัยนี้....เขาคิดเองได้ประชาชนส่วนใหญ่.... ต่างรู้สึกชื่นชน....และ....เห็นเป็นประจักษ์ว่า .......ก็ยังมี....นักกฎหมาย....อีกส่วนหนึ่ง.......ที่มีคุณงามความดี .......มีความรู้ความสามารถ มี ความเห็น และมุมมองในแง่กฎหมายที่ยังยึดหลักความถูกต้อง และเป็นหลักให้บ้านเมืองได้..... ......ปราศจากการติดยึดขั้วอำนาจ หรือกระแสของสังคมแต่ประการใด ก็ต้องช่วยกันไตร่ตรองกันให้ดี เพราะประชาชนเขามองอยู่..... ............................................................................................................................
........ได้แต่หวังว่า คง.........ถึงเวลาแล้วที่ ..... เนติบัณฑิตยสภา และ....สถาบันการศึกษาด้านกฎหมาย ต้องปรับเปลี่ยน...การจัดการเรียนการสอนให้นักศึกษารุ่นเยาว์ได้ซึมชับแบบอย่าง ของความดีงามและความถูกต้องอย่างยั่งยืนและถาวร อีกทั้ง...ให้มีจิตสำนึกและมีคุณสมบัติครบถ้วน. ............................................................................................................................ และขอฝากให้ทุกส่วนของสังคมช่วยกันเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเราเอง ดังแบบอย่างความดีงาม ...ความสำเร็จ และตระหนักถึงความล้มเหลว... หรือสิ่งไม่ดีไม่งามมาให้เยาวชนได้เรียนรู้กัน ซึ่งก็ต้องมีวิธีการสอน หรือโน้มน้าวให้เกิดการมีส่วนร่วม เพื่อให้เรียนอย่างมีความสุขด้วย โดยเฉพาะเรื่องของกฎหมายกับการพัฒนาประเทศ ...สมดั่งปณิธาน.ของ.... เสด็จในกรมราชบุรีพระบิดาแห่งกฎหมายไทยสืบไป ข้อเขียนข้างต้นได้เผยแพร่ลงในวารสารเนติบัณฑิตยสถาน และกรุงเทพธุรกิจรายวัน
............................................................................................................................ เตือนใจ เจริญพงษ์ กรรมการชมรมวิชาการนิสิตเก่า มก. ผู้ post เมื่อ 9 พฤศจิกายน 2562 มี ดร.ประมุข เพ็ญสุต KU 33 เป็นประธาน ( KU ALUMNI BRAIN CLUB ) KU-ABC “
Create Date : 09 พฤศจิกายน 2562 | | |
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2562 10:47:04 น. |
Counter : 1054 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
blog KU-ABC" รำลึกวันกู้ชาติไทย ๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๓๑๐ "
blog KU-ABC " รำลึกวันกู้ชาติไทย ๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๓๑๐ " ดร.ประมุข เพ็ญสุต " รำลึกวันกู้ชาติไทย ๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๓๑๐ " ชาวไทยยังจำวันนี้กันได้มากน้อยเท่าไร เมื่อ ๒๕๒ พระเจ้าตากได้กู้ชาติ ขับไล่พม่าออกจากกรุงศรีอยุธยา ราธานีของไทย นับเป็นวันที่สำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทย
ขอลำดับเหตุการณ์โดยยกข้อความจากพระราชพงศาวดาร กรุงธนบุรี ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) โดยมิได้แก้ไขคำสะกด แต่ขอเว้นวรรคตอน เพื่อความสะดวกในการอ่าน นับเป็นเวลาที่พม่าล้อมค่ายอยู่ถึง ๑ ปี ๒ เดือน ที่พม่ายกทัพตีกรุงศรีอยุธยา ดังนี้ ............................................................................................................................ ครั้นถึง พ.ศ. ๒๓๑๐ พระยาตากได้ออกไปตั้งทัพที่วัดพิชัยนอกกำแพงเมือง แล้วตีฝ่าพม่าออกไปเมื่อวันที่กรุงแตก ตรงกับวันอังคาร ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๕ ปีกุน ตรงกับวันที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๓๑๐ มุ่งสู่เมืองนครนายก ตามที่ พงศาวดารจารึกไว้ว่า ............................................................................................................................
..........(พระยาตาก)จึงชุมนุมพักพวกพลทหารไทยจีนประมาณ ๑,๐๐๐ เศษ สรรพด้วยเครื่องสาตราอาวุธต่าง ๆ แลประกอบด้วยทหารผู้ใหญ่นั้น พระเชียงเงิน หลวงพรหมเสนา หลวงพิชัยราชา หลวงราชเสนา ขุน อภัยภักดี หมื่นราชเสน่หา แล้วยกออกไปตั้งณวัดพิชัยอันเป็นที่ มงคลมหาสถาน ด้วยเดชพระบรมโพธิสมภาร เทพดาเจ้าอภิบาลรักษาพระพุทธศาสนาส้องสาธุการ บันดาลให้วรรษาการห่าฝนตกลงมาเป็นมหาพิชัยฤกษ์ จำเดิมแต่นั้นมาจึงให้ยกพลพยุหกองทัพออกจากวัดพิชัย ฝ่ากองทัพพะม่าออกมาเป็นเพลาย่ำฆ้องยามเสาร์ ได้รบกันกับพะม่า เป็นสามารถพะม่ามิอาจจะต่อต้านทานพระบารมีได้ ก็ถอยไปดำเนินด้วยพลทหารมาโดยสวัสดิภาพ ไปตามทางบ้านข้าวเม่า พอบรรลุถึงสำบัณฑิตเพลาเที่ยงคืน 2 ยามเศษ เพลิงเกิดในกรุงเทพฯ................... ............................................................................................................................ <พงศาวดารบรรยาย สภาพกรุงแตกเมื่อพม่าเข้าเมืองได้> ...............ฝ่ายพะม่าก็ยกมารบค่ายวัดชัยวัฒนาราม ๙ คืนก็แตกแล้ว ก็ยกมารบค่ายจีนคลองสวนพลู ๕ คืนจึงสำเร็จ ครั้นณวันอังคารเดือน๕ ขึ้น ๙ ค่ำ ปีกุรนพศก (จ.ศ. ๑๑๒๙ พ.ศ. ๒๓๑๐ ) เพลาบ่าย ๔ โมง พะม่ายิงปืนป้อมสูงวัดการ้อง วัดแม่นางปลื้ม ระดมเข้ามาในกรุง แล้วเอาเพลิงจุดเชื้อที่รากกำแพงครั้นเพลาค่ำกำแพงซุดลงหน่อยหนึ่ง พะม่าก็เข้ากรุงได้เข้าเผา พระราชวังและวัดพระศรีสรรเพ็ชญ์ แล้วกวาดเอากษัตริย์ขัตติยวงศ์ แลท้าวพระยาเสนาบดี อพยพครอบครัวทั้งปวงพาไป ............................................................................................................................
แต่พระเจ้า แผ่นดินนั้นหนีออกจากพระนครแต่พระองค์เดียว ได้ความลำบาก ก็ถึงซึ่งพิราลัยไปสู่ปรโลก ชนทั้งปวงจึงเอาศพมาฝังไว้..................... ............................................................................................................................
พระยาตากได้ยกไปตีเมืองจันทบุรีและใช้เป็นฐานที่ตั้ง เมื่อทราบข่าวความยากลำบากของชาวอยุธยา และกำลังทหารพม่ายังคงตั้งค่ายยึดครองอยู่โดยสุกี้พระนายกอง ตามบรรยายของพงศาวดาร ดังนี้ ............................................................................................................................ ...............ในเวลานั้นก็เสด็จกลับมาณเมืองจันทบูร ยับยั้งอยู่ต่อเรือรบได้ ๑๐๐ เศษ จุลศักราช ๑๑๒๙ ปีกุรนพศก ( พ.ศ. ๒๓๑๐ ) พระบรมหน่อพุทธางกูรเจ้าได้ทรงพระเศาวนาการกิติศัพท์ว่า กรุงเทพมหานครถึงแก่พินาสแล้ว สมณพราหมณาจาริย์ขัติวงศาเสนาพฤฒามาตย์ราษฎรได้ความทุกข์ลำบากนัก ทั้งบวรพุทธศาสนาก็เศร้าหมอง แต่เหตุพะม่าตั้งพระนายกองไว้รั้งเมือง.................. ............................................................................................................................ พระยาตากจึง ยกทัพไปตีทัพพม่าที่ค่ายโพสามต้น อยุธยาพระนายกองยอมแพ้เข้าสวามิภักดิ์ ตรงกับวันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๓๑๐ เป็นเวลาเจ็ดเดือนเต็มที่ทรงกอบกู้เอกราชและขับไล่พม่าออกไปจากกรุงศรีอยุธยา เป็นเวลาผ่านมา ๒๕๒ ปีมาแล้ว ............................................................................................................................ ...........ครั้นรุ่งขึ้นณวัน ฯ ๑๒ ค่ำ เพลาเช้า ๓ โมงเศษ ยกเข้าตีค่ายโพ สามต้นฟากตะวันออก พะม่าก็แตกหนีเข้าค่าย จึงตรัสสั่งให้ทำบันไดจะเข้าตีค่ายด้านตะวันตก ซึ่งพระนายกองตั้งอยู่นั้น แลกองพระยาพิพิธ พระยาพิชัย เป็นทัพหน้า เข้าตั้งค่ายประชิด ณ วัดกลางห่างค่ายประมาณ ๗ เส้นเศษ ............................................................................................................................
ด้วยพระเดชเดชานุภาพ ฝ่ายข้าศึกให้สยบสยองกลัวเป็นกำลัง ต่างคนต่างก็หนีออกจากค่ายพระนายกองสิ้น พระนายกองสะดุ้งตกใจ จึงคิดอ่านให้พระยาธิเบศรบริรักษ์ ผู้เป็นที่เจ้าพระยาศรีธรรมาธิราช ออกมาถวายบังคมสวามิภักดิ ยอมเป็นข้าใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เชิญเสด็จพระราชดำเนินเข้าไปณจวน จึงรับสั่งมิให้ทหารกระทำอันตรายเบียดเบียนแก่ไพร่ฟ้าประชากรทั้งปวง................... ............................................................................................................................
พระยาตากเห็นเมืองที่เคยรุ่งเรืองก็สลดใจ คิดจะกลับไปจันทบุรี แต่ชาวอยุธยาขอให้ท่านปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองแผ่นดิน จึงไปประทับที่กรุงธนบุรี และสถาปนาให้เป็นเมืองหลวงต่อมา ............................................................................................................................ .....ทอดพระเนตรเห็นอัฎฐิกเรวฬะคนทั้งปวงอันถึงพิบัติชีพตาย ด้วยทุพภิกขะ โจระ โรคะ สุมกองอยู่ดุจหนึ่งภูเขา แลเห็นประชาชนซึ่งลำบากอดอยากอาหาร มีรูปร่างดุจหนึ่งเปรตปีศาจ พึงเกลียด ทรงพระสังเวชประดุจมีพระทัยเหนื่อยหน่ายในราชสมบัติ จะเสด็จไปเมืองจันทบุรี ............................................................................................................................ จึงสมณพราหมณาจารย์ เสนาบดีประชาราษฎรชวนกัน กราบทูลอาราธนาวิงวอน สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวพระบรมหน่อพุทธางกูร ตรัสเห็นประโยชน์เป็นปัจจัยแก่พระปรมาภิเษกสมโพธิญาณนั้นก็รับอาราธนา จึงเสด็จยับยั้งอยู่ณพระตำหนักเมืองธนบุรี.................... ............................................................................................................................ .เตือนใจ เจริญพงษ์ กรรมการชมรมวิชาการนิสิตเก่า มก. ผู้ post เมื่อ 7 พฤศจิกายน 2562 มี ดร.ประมุข เพ็ญสุต KU 33 เป็นประธาน ( KU ALUMNI BRAIN CLUB ) KU-ABC “ ขอบคุณภาพจากยูทูป
Create Date : 07 พฤศจิกายน 2562 | | |
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2562 10:47:49 น. |
Counter : 281 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|
Location :
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ชมรมวิชาการนิสิตเก่า มก. ( KU ALUMNI BRAIN CLUB ) KU-ABC
เกิดจากการรวมตัวของเพื่อนๆ KU 33 ส่วนหนึ่ง มีองค์ประกอบดังนี้ ก. ดร.วิทูรย์ สิมะโชคดี เป็นที่ปรึกษา ข. นายเชิดศักดิ์ วงษ์กมลชุณห์ เป็นที่ปรึกษา 1. ดร.ประมุข เพ็ญสุต ประธาน 2. ศ.ดร.จริงแท้ ศิริพานิชย์ กรรมการ 3. นายชัยวุธ ชัยพันธ์ กรรมการ 4. พลตรีไชยสิทธิ์ ตันตยกุล กรรมการ 5. นางเตือนใจ เจริญพงษ์ กรรมการ 6. นางนงลักษณ์ ติรศรีวัฒน์ กรรมการ 7. อาจารย์นิตยา ทับทิมทัย กรรมการ 8. ดร. ปกรณ์ อุ่นประเสริฐ กรรมการ 9. อาจารย์ปัญญา เหล่าอนันต์ธนา กรรมการ 10. นางพัจนา ปัญจมรัศม กรรมการ 11. ดร.รัตนาภรณ์ ธรรมโกศล กรรมการ 12. นายสินชัย สวัสดิชัย กรรมการ 13. นางสุชีลา ธีรภรณ์ กรรมการ 14. นางสุพรรณี จันทโรจน์ กรรมการ 15. นายอดิศักดิ์ จงจิระศิริ กรรมการ 16. นางสาวอรทัย เอื้อตระกูล กรรมการ 17. รศ.ดร.อรพิน เกิดชูชื่น กรรมการ 18. นางอภิญญา รุจิธารณวงศ์ กรรมการ เพื่อขับเคลื่อนเจตนารมย์ในการรวบรวมสาระความรู้ /ผลงานวิชาการด้านต่างๆของนิสิตเก่ามาเผยแพร่และแบ่งปันแก่สาธารณชน เมื่อ 2 กันยายน 2562 โดยนางเตือนใจ เจริญพงษ์ กรรมการชมรมเป็นผู้นำเสนอ post ทาง bloggang ของพันทิป หวังอย่างยิ่งว่าเนื้อหาของ blog คงให้ประโยชน์แก่สังคมคะ
|
|
|
|
|
|
|
|