blog KU-ABC "ยางนา".. ดำริพระราชา สู่การพัฒนาป่าไม้ไทย
สมพร ไชยจรัส
ยางนา เป็นไม้ที่มีคุณค่าสำคัญยิ่งในทางเศรษฐกิจของประเทศไทยชนิดหนึ่ง
เพราะเป็นที่นิยมใช้สอยกันมากในการก่อสร้าง บ้านเรือนและในการทำไม้อัด
รวมทั้งส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศด้วย นอกจากนี้ยังให้น้ำมันยาง
ซึ่งใช้ในการทำไต้ ยาเรือ ทำน้ำมัน ทาบ้าน ตลอดจนใช้เป็นยารักษาโรค
แต่ปริมาณไม้ยางนาในปัจจุบันได้ลดน้อยลงมากเนื่องจากการทำไม้
และโดยที่ไม้ยางนาส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่ในที่ราบริมน้ำ
ซึ่งจะถูกบุกรุกแผ้วถาง กลายเป็นเรือกสวนและไร่นา
ทำให้เกิดความจำเป็นที่จะต้องทำการก่อสร้างสวนป่าไม้ยางนาขึ้นทดแทน
ในพื้นที่ที่เหมาะสม และหาวิธีการเพิ่มปริมาณไม้ยางนาในป่าธรรมชาติให้เพิ่มมากขึ้น
............................................................................................................................
ไม้ชนิดนี้มีชื่อพื้นเมืองแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น ได้แก่
ยางนา ยางขาว ยาง ยางแม่น้ำ ยางหยวก (ทั่วไป) ยางกุง (เลย) ยางควาย (หนองคาย)
ยางเนิน (จันทบุรี) ราลอย (สุรินทร์) ลอยด์(นครพนม) ทองหลัก (ละว้า)
ยางตัง (ชุมพร) จะเดียล (เขมร) เคาะ (เชียงใหม่) ขะยาง (นครราชสีมา)
กาดีล (ปราจีนบุรี) โดยยางนานี้ จัดอยู่ในวงศ์ Dipterocarpaceae สกุล Dipterocarpus
...........................................................................................................................
มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิม อยู่ในเกาะบอร์เนียว ไม้ยางนา ชอบขึ้นอยู่ในพื้นที่ที่มีความชุ่มชื้น
โดยเฉพาะในที่ราบริมน้ำทั่วไป การสืบพันธุ์ตามธรรมชาติ ปกติไม่ดีนัก
จึงทำให้พบแต่ไม้ยางนาที่มีขนาดใหญ่เป็นส่วนมาก กล้าไม้มีน้อย
............................................................................................................................
ในขณะที่ไม้สกุลยูคาลิปตัส เป็นไม้พื้นเมืองของออสเตรเลีย
ไม้สกุลไม้ยางก็เป็นไม้พื้นเมืองของเอเซียอาคเนย์ ตามหลักพฤกษภูมิศาสตร์
ไม้ยางนาจัดอยู่ทั้งในกลุ่มพรรณไม้เขตอินโดจีน (Indo-China-Element)
ซึ่งเป็นไม้ยางนาผลัดใบ และกลุ่มพรรณไม้เขตแหลมมลายู (Malesian Element)
อันเป็นไม้ยางนาที่ไม้ผลัดใบ มีเขตการกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติ
ตั้งแต่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของบังคลาเทศ หมู่เกาะอันดามันของอินเดีย
ลงมาจนถึงพม่า ไทย, ลาว, เวียดนาม, กัมพูชา และฟิลิปปินส์ เป็นไม้ที่มีขนาดสูงใหญ่
เรือนยอดสูงโดดเด่น เป็นเสมือนพญาไม้ ทั้งในป่าดิบแล้ง และ ป่าดิบชื้น
ของเอเซียอาคเนย์
............................................................................................................................
กล่าวโดยสรุปได้ว่า
ยางนา...เปรียบเสมือนพญาไม้แห่งป่าเอเซียอาคเนย์
............................................................................................................................ พรรณไม้วงศ์ไม้ยาง และลักษณะทั่วไปของไม้ยางนา พรรณไม้วงศ์ไม้ยาง ลักษณะทั่วไป พรรณไม้วงศ์ไม้ยาง (Dipterocarpaceae)
เป็นไม้ยืนต้นตั้งแต่ขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ บางชนิดสูงถึง 60 เมตร เปลือก
และเนื้อไม้มีน้ำมันซึ่งมีกลิ่นเฉพาะตัว เรือนยอดมีรูปลักษณะต่าง ๆ กัน
เช่น ทรงกระบอก ทรงกลม หรือ แผ่กว้าง เป็นต้น ตาและปลายยอดอ่อน
มักมีหูใบขนาดใหญ่คลุม ใบเดี่ยว ออกเวียนสลับ ก้านใบมักบวมพอง แผ่นใบ
และขอบใบเรียบ ยกเว้นในบางสกุล เช่น สกุลไม้ยาง
ซึ่งแผ่นใบมักจีบเป็นสันระหว่างเส้นแขนงใบและขอบใบเป็นคลื่นลักษณะของ
เส้นแขนงใบมีความแตกต่างกันไปในเเต่ละสกุล
เช่น สกุลไม้ยางมักมีเส้นแขนงใบตรงปลายเส้นจรดขอบใบ
บางสกุลปลายเส้นแขนงใบโค้งจรดกันก่อนถึงขอบใบ เช่น สกุลไม้เคี่ยม
บางสกุลมีเส้นใบแซมระหว่างเส้นแขนงใบ เช่น สกุลไม้เคี่ยม
และสกุลไม้ตะเคียนบางชนิด เป็นต้น เส้นใบย่อยส่วนใหญ่เป็นชนิดขั้นบันได้
แต่ในบางสกุล เช่น สกุลไม้พันจำ-สักน้ำ และสกุลไม้ตะเคียนบางชนิด
มีเส้นใบย่อยแบบเส้นร่างแห ระหว่างเส้นแขนงใบและเส้นกลางใบของไม้ในวงศ์นี้
............................................................................................................................
มักมีตุ่มใบ ดอก มักออกเป็นช่อแยกแขนง แต่ละดอกมีกลีบเลี้ยงและกลีบดอก
อย่างละ 5 กลีบกลีบเลี้ยงมีทั้งสองซ้อนกันและเรียงเคียงกัน
กลีบดอกเรียงซ้อนกันคล้ายกังหันลม เกสรเพศผู้ มีตั้งแต่ 5 อันขึ้นไป
เกสรเพศเสียมี 1 อัน รังไข่มี 3 ช่อง อยู่เหนือฐานดอก
ยกเว้นสกุลไม้กระบาก ผล เปลือกแข็ง แห้งไม่แตก และมักมีปีก
ซึ่งพัฒนามาจากกลีบรองดอก ซึ่งลักษณะของผลและปีกในแต่ละสกุล
และชนิดของไม้ในวงศ์นี้ มีลักษณะแตกต่างกัน
............................................................................................................................
การกระจายพันธุ์ พรรณไม้ไนวงศ์ไม้ยางมี ประมาณ 13 สกุล 470 ชนิด
กระจายพันธุ์ ในเขตร้อนทั่วทุกภูมิภาคของโลก
จากการสำรวจและวิจัยของนักวิชาการกรมป่าไม้พบว่า
ประเทศไทยมีพรรณไม้ในวงศ์นี้กระจายพันธุ์อยู่ในป่าชนิดต่าง ๆ
ในระดับความสูงตั้งแต่ระดับน้ำทะเล เฉลี่ยถึงระดับ 1,300 เมตร
ทั้งป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง ถึง 8 สกุล 65 ชนิด
คือ สกุลไม้กระบาก 3 ชนิด สกุลไม้ยาง 16 ชนิด สกุลไม้ตะเคียน 13 ชนิด
สกุลไม้ตะเคียนชันตาเเมว 1 ชนิด สกุลไม้เคี่ยม 1 ชนิด
สกุลไม้ไผ่เขียว 1 ชนิด สกุลไม้เต็ง-สยา 22 ชนิด และสกุลไม้พันจำ-สักน้ำ 8 ชนิด
............................................................................................................................
ประโยชน์ เนื่องจากพรรณไม้ในวงศ์นี้มีคุณสมบัติเฉพาะตัว
ที่เหมาะแก่การใช้ประโยชน์ต่าง ๆ หลายประการ
ทั้งประโยชน์โดยตรงจากเนื้อไม้ เช่น นำมาใช้ในการก่อสร้าง
และทำเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ น้ำมันจากลำต้น นำมาใช้จุดไฟให้แสงสว่าง
และใช้เดินเครื่องจักรในสมัยโบราณ และชันจากลำต้นใช้ยาเรือ เป็นต้น
นอกจากนี้ส่วนต่าง ๆ เช่น เปลือกต้น เนื้อไม้ ใบ ดอก ผล รวมทั้งชัน
และน้ำมันดังกล่าวแล้วข้างต้น ยังนำมาใช้ปรุงเป็นยาสมุนไพร
ประโยชน์ทางอ้อมซึ่งพรรณไม้นี้นอกจากจะให้ความสวยงามร่มรื่น
รักษาระบบนิเวศของป่า ดิน น้ำ และอากาศแล้วพรรณไม้ในวงศ์นี้
ยังเป็นส่วนหนึ่งในการผลิตสวนเห็ดป่าชนิดต่าง ๆ ที่ใช้บริโภคอีกด้วย
เช่น เห็ดเผาะ เห็ดไข่ และเห็ดระโงก เป็นต้น
............................................................................................................................
ลักษณะทั่วไปของไม้ยางนา ยางนา เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ไม่ผลัดใบ มีความสูง 30-40 เมตร
ความสูงถึงกิ่งสดกิ่งแรกประมาณ 20 เมตร ลำต้น เปลาตรง เปลือกเรียบหนา
สีเทาปนขาว โคนต้นมักเป็นพูพอน เรือนยอดเป็นพุ่มกลมหนา
เนื้อไม้สีน้ำตาลแดง ใบ เป็นรูปไข่แกมรูปหอก ขนาด 8-15 x 20-35 เซนติเมตร
เนื้อใบหนา ปลายใบสอบเรียว โคนใบเรียบ เส้นแขนงใบมี 14-17 คู่ ก้านยาว 4 เซนติเมตร
กาบหุ้มยอดมีขนยาว ๆ สีน้ำตาล ดอก เป็นสีชมพู ออกเป็นช่อสั้น ๆ ตามง่าม
ใบตอนปลาย ๆ กิ่ง กลีบรองกลีบดอกตอนโคนเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย
และมีครีบตามยาว 5 ครีบ ปลายแยกเป็น 5 แฉก ยาว 2 แฉก สั้น 3 แฉก
มีขน สั้น ๆ สีน้ำตาลปกคลุมทั่วไป กลีบดอกมี 5 กลีบ โคนกลีบประสานติดกัน
ปลายกลีบบิดเวียนตามกันแบบกังหัน เกสรตัวผู้มี 29 อัน รังไข่มี 3 ช่อง
ไข่อ่อนช่องละ 2 อัน ผล มีลักษณะกลม มีครีบตามยาวตลอด 5 ครีบ
ปีกยาว 2 ปีก ขนาด 2.5-3 x 10-12 เซนติเมตร ปีกสั้น 3 ปีก เป็นรูปหนู
............................................................................................................................
เนื้อไม้ ใช้ในการก่อสร้างทั่วไป 1ช่น พื้น ฝา รอด ตง และหีบใส่ของ เป็นต้น
น้ำมัน ใช้ทาไม้ ยาแนวเรือ ยาเครื่องจักสาร ทำไต้
และใช้เติมเครื่องยนต์แทนน้ำมันขี้โล้ ทำน้ำมันใส่แผลแก้โรคเรื้อน และโรคหนองใน
............................................................................................................................
การกระจายพันธุ์และการเจริญเติบโตของต้นยางนาในป่าธรรมชาติการกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติ ของไม้ยางนา ยางนาเป็นพันธุ์ไม้ที่ชอบขึ้นเป็นกลุ่มตามที่ราบชายลำธารในป่าดิบทั่วไปที่สูง
จากระดับน้ำทะเลป่านกลางเฉลี่ย 200-600 เมตรมีลักษณะการกระจายพันธุ์อย่างกว้างขวาง
ตั้งแต่ บังคลาเทศ ตอนใต้ของพม่า ไทย ลาว กัมพูชาและเวียดนาม
สำหรับการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยนั้นไม้ยางนาสามารถขึ้นอยู่ทุกภาคของประเทศ
ได้แก่ ภาคเหนือมีในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน และกระจัดกระจายทั่วไป
ในป่าสองข้างถนนสายลำพูน – ตาก – กำแพงเพชร และจาก กำแพงเพชร - นครสวรรค์
จะพบเห็นยางนาขึ้นกระจัดกระจายอยู่ทั้งสองฝั่งถนน และมีมากในจังหวัดนครสวรรค์
และอุทัยธานี ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือพบทั่วไปในจังหวัดเลย ขอนแก่น
และนครราชสีมา ในภาคกลาง ขึ้นอยู่ทั่วไปแถบจังหวัดสระบุรี และกาญจนบุรี
ในภาคตะวันออกสามารถขึ้นอยู่ได้ในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ชลบุรี จันทบุรี และตราด
ในภาคใต้ พบที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และตรัง
............................................................................................................................
ไม้ยางนา (Dipterocarpus alatus Boxb.)
เป็นไม้ประเภท riparian Species อยู่ในบริเวณที่ลุ่ม
และไม่ปรากฏพบในภูมิประเทศที่สูงกว่า 500 ม. ไม้ยางนาขึ้นอยู่ทุกภาคของประเทศ
เช่น ภาคเหนือ มีใน เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน และกระจัดกระจายทั่วไป
ในป่าสองข้างถนนสายลำพูน – ตาก – กำแพงเพชร จากกำแพงเพชร – นครสวรรค์
ป่าไม้ยางนากระจัดกระจายสองฟากถนน ปัจจุบันการจัดสรรที่ดิน
ทำให้บริเวณป่าไม้ยางนาลดน้อยลง ไม้ยางนามีมากในป่าจังหวัด นครสวรรค์
และอุทัยธานี ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีไม้ยางนาทั่วไปในจังหวัดเลย ตำบลสีฐาน
ป่าดงลาน ชุมแพ ขอนแก่น นครราชสีมา ในภาคกลาง
ขึ้นทั่วไปในเขตใกล้เคียงพระนคร สระบุรี ภาคตะวันออกเฉียงใต้ มีแถวทุ่งโพ
อรัญประเทศ ศรีราชา หนองขอม ชลบุรี จนถึงจังหวัดตราด เกาะช้าง คลองสลากเพชร
สลากโคก ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ ขึ้นในกาญจนบุรี และขึ้นกระจัดกระจายไป
จนถึงประจวบคีรีขันธ์ บางสะพาน บ้านทุ่งมหา โดยเฉพาะ ป่าห้วยยาง
..........................................................................................................................
ในภาคใต้ พบที่ป่าสุราษฎร์ธานี ท่าหอม นครศรีธรรมราช ตรัง ห้วยยอด
เขากะบอก นอกจากไทยแล้ว มีไม้ยางนาทั่วไป ในลาว เขมร และมลายู ไม้ยางนรา
ที่พบในบริเวณภาคใต้ จะมีใบ cuneate-based และaccrescent ridges
บน Calys tubes มีลักษณะตรง และสั้นกว่าที่พบในที่อื่น ๆ
ไม้ยางนาเป็นไม้มีเรือนยอดเป็นพุ่ม สูงประมาณ 30 – 40 ม.
และมีลำต้นเกลี้ยง ยาวประมาณ 20 ม. ส่วนเส้นรอบวง โตตั้งแต่ 200ซม. ขึ้นไป
ลำต้นเป็นสีเทาขาว และจะมีเกล็ดบ้างเล็กน้อย กิ่งเล็ก ๆ และ stipules
จะมีขนสีเหลือง ลักษณะใบ ovate, elliptic ovate elliptic oblong
ใบมีความยาว 15 – 25 ซม. กว้าง 6 – 15 ซม. จะมีเส้นเยื่อใน 14 – 16 คู่
มีขนสั้น ๆ สะเหลืองใต้ใบ pelioles ยาวประมาณ 3 – 4.5 ซม.
และมีขนสีเหลือง, ดอกจะมีสีชมพูเกือบขาว Calyx มี 5 ridges
ผลแบบ globose มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3.5 ซม. และมี accrocent ridges 5 แฉก
มีปีกแบบ oblong obtuse ยาว 10 – 17 ซม. กว้างราว 1.5 – 3 ซม.
ดอกจะบานราวเดือนธันวาคม – เมษายน
...........................................................................................................................
ไม้ยางนาอยู่ในตระกูล Dipterocarpaceae genus Dipterocarpus
มีถิ่นดั้งเดิมในบอเนียว ไม้ยางนาชอบขึ้นในถิ่นทั่วไปที่ชุ่มชื้น
โดยเฉพาะในที่ราบริมน้ำทั่วไป การสืบพันธุ์ ปกติไม่ดีนัก
จึงพบแต่ต้นบางขนาดใหญ่เป็นส่วนมาก กล้าไม้มีน้อย
การกระจายพันธุ์ของไม้ยางนานั้น ปรากฏว่าได้มีการค้นคว้าไว้บ้างแล้ว
............................................................................................................................
ตามบันทึกของนายเต็ม สมิตินันท์ ผู้เชี่ยวชาญพฤกษศาสตร์ กรมป่าไม้
ดอกยางนาเป็น entomophyllus ในแม่การสืบพันธุ์แล้ว
จะไม่สามารถทำ self pollinate ได้ ไม้ยางนามีผลดี
แต่เชื่อว่าผลนี้ ไม้สามารถผลิตเมล็ดได้ดีเสมอไป
เชื่อว่าพวกผึ้งช่วยในการ pollination ของไม้ยาง ข้อสนับสนุนในเรื่องนี้ก็คือ
เราจะพบว่ารังผึ้งขนาดใหญ่อยู่บนต้นไม้ยางนาเสมอ
การสืบพันธุ์ของไม้ยางนานั้น เมื่อเมล็ดหล่นก็จะงอกทันที
และไม้สามารถปลิวไปไกล ๆ ได้ จะเห็นลูกไม้ขึ้นเป็นกลุ่ม ๆ ใต้แม่ไม้
แม้ไม้จะช่วยให้ร่มได้ด้วย ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ดี
บริเวณกลุ่มลูกไม้นี้ มักจะถูกกลบด้วยวัชพืชหรือได้รับแสงน้อย
............................................................................................................................
ข้อเสนอแนะ
............................................................................................................................ - ถ้าจะปลูกต้นยางนาในที่ที่ทราบความชื้นของบรรยากาศแล้ว จะปลูกเวลาใดจึงจะเจริญเติบโตได้ดีที่สุด และขนาดของต้นยางควรจะเป็นต้นที่โตเท่าใด ถ้ามีการเพาะกล้ายางไปปลูก ควรจะลงมือปลูกในเดือนใดดี จากกราฟของการเจริญเติบโตก็พอตั้งสมมติฐานได้ว่าปลูกในเดือนกรกฎาคมจะเจริญเติบโตดีที่สุด เพราะในระยะนี้เป็นระยะที่จะไม่มีการแตกใบอ่อนอีกต่อไป ต้นยางจะปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติเมื่อเริ่มเข้าฤดูฝน เมื่อหมดฝนต้นยางก็จะตั้งตัวต่อสู้กับธรรมชาติหรือฤดูกาลได้ดี
- ในการปลูกไม้ใหญ่เพื่อให้มีการเจริญเติบโตได้ดีต่อไปข้างหน้า ปัญหาเรื่องปุ๋ยก็น่าจะมีทางนำมาพิจารณาดูบ้าง เพราะในการสร้างป่าไม้นั้น การที่ต้นไม้เจริญเติบโตได้รวดเร็วก็จะต้องหันมาคำนึงถึงเรื่องของปุ๋ย นอกเหนือไปจากนี้หากมีการใส่ปุ๋ย การใส่ระยะใดจึงจะเหมาะ อาจพิจารณาได้จากสภาพการเจริญเติบโต การใช้ปุ๋ยเร่งในระยะพักตัวจะไม่มีประโยชน์ แต่ขณะที่เริ่มมีการเจริญ ถ้าใส่ปุ๋ยจะทำให้เพิ่มอัตราการเติบโตได้มาก
- ในการผสมพันธุ์ อาจต้องทราบช่วงระยะเวลาของการออกดอก การร่วงของดอกดูจากกราฟอาจจะช่วยในการตระเตรียมงานได้ ในการที่จะปลูกและทำนุบำรุงป่าอาจมีการดำเนินการถึงขั้นผสมพันธุ์ เพื่อให้ได้ไม้ยางพันธุ์ที่โตเร็วที่สุดเป็นพันธุ์ปลูก หรือจะมุ่งพันธุ์ที่ให้น้ำมันยางมากที่สุดก็อาจจะศึกษาสภาพการออกดอกจากกราฟได้
- จากข้อ 3 เรื่องของน้ำมันยางยังเป็นเรื่องที่น่าสนใจค้นคว้าอีกมาก สภาพการเจริญเติบโตอาจจะอธิบายได้ว่า การที่จะเอาน้ำมันยางให้ได้มากที่สุด ถ้าทราบสภาพการเปลี่ยนแปลงและการเจริญเติบโตในรอบปี เราอาจจะใช้ความรู้นี้ในด้านการสกัดน้ำมันยางบ้างก็ได้
- ในการศึกษาสภาพการออกดอกของต้นยางนามีความสัมพันธ์กับผึ้งป่าในเมืองไทยอย่างไร ผึ้งป่ากับต้นยางอาจจะมีความสัมพันธ์กันอยู่ไม่น้อย เพราะตามปกติผึ้งจะเลือกทำรังในบริเวณที่มีเกสรดอกไม้บานพร้อมกันมากๆ จึงจะทำงานได้ดีขยายรังได้ ถ้ามีต้นยางมากๆ การบานของดอกก็จะมีมาก ซึ่งจะพอเพียงที่ผึ้งขยายพันธุ์ได้ สำหรับผึ้งโพรงที่ชาวยุโรปนิยมเลี้ยงกันนั้น เขาจะเลี้ยงด้วยยูคาลิปตัสและอัลฟัลฟา ซึ่งปลูกไว้มากมายเต็มท้องทุ่งสุดลูกตา ในเมืองไทยเราผึ้งป่าก็อาศัยดอกไม้ของตระกูลไม้ยางหรือไม้ป่าอื่นที่มีดอกดกเป็นอาหารเป็นจำนวนมาก ความสัมพันธ์เหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
............................................................................................................................
4. การเพาะเมล็ดไม้ยางนา การเพาะเมล็ดไม้ยางนาเพื่อการวิจัยในห้องเพาะ เมล็ดพบว่าเมื่อทำการเพาะเมล็ด