เวลาเป็นเงินเป็นทอง แต่เวลาที่ใช้อ่านหนังสือสามารถให้สิ่งที่มีค่ากว่าเงินทองแก่เราได้
Group Blog
 
All Blogs
 
ศึกชิงเจ้ายุทธจักรเวทมนตร์ 1 (ทดลองเขียน)

แนะนำบล็อค -- Group Blog นี้ถือกำเนิดขึ้นเพื่อ ไว้เป็นที่จดเล่น และทดลองเขียนอะไรก็ตามที่ผู้เขียนนึกออก เพื่อนำมาเขียนจริงจังในภายหลัง ดังนั้น จึงอาจไม่เป็นสาระนักนะคะ






นำเรื่อง และ คำเตือน : - -
1. นิยายเรื่องนี้ถือกำเนิดขึ้นจากความบ้าของผู้เขียน และไม่มีหลักประกันว่าจะจบเมื่อไหร่นะคะ

2. นิยายเรื่องนี้เป็นแฟนตาซี "อสาระ" จะหาสาระอันใดมิได้เลยจากนิยายเรื่องนี้

3. ชื่อตัวละครในเรื่องนี้ เป็นการยืมเสียงมาจากภาษาจีนเท่านั้น ดังนั้น จึงอาจไม่มีความหมายที่ตรงกับคำในภาษาจีนแต่อย่างใด เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นใน "จงกว๋อ" หรือประเทศจีน แต่เป็นโลกแฟนตาซีที่มีอารยธรรมจีนโบราณ เป็นฉากหลังเท่านั้น






บทที่ 1


พู่กันที่ตวัดวาดออกมาเป็นความโค้งไหวของกิ่งไผ่ต้องสายลมแผ่วพลิ้วต้องหยุดชะงักลงเมื่อเสียงกัมปนาทดังกึกก้องมาจากหอตะวันออกแห่งวังอสูร

ฉิงคงขมวดคิ้วแล้วรีบวางพู่กันลง
เกิดเรื่อง และเป็นเรื่องใหญ่แน่ หากเขายังชักช้าไม่รีบไปทักท้วงห้ามปราม

เด็กหนุ่มลุกขึ้นก่อนจะก้าวออกไปด้วยกิริยาเร่งร้อน ทิ้งภาพวาดที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ไว้เบื้องหลัง ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาผู้ซึ่งรักการวาดภาพยิ่งนักไม่เคยกระทำมาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ฉิงคงสาวเท้าเร็วขึ้น แต่ก็ยังอดเกรงไม่ได้ว่าจะช้าเกินไป เขากวาดสายตาไปทั่วบริเวณลานกว้างที่คั่นอยู่ระหว่างหอกลางและหอตะวันออก ไม่มีใคร...

เด็กหนุ่มจึงเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งทันที แต่เมื่อไปถึงกลางทาง

"เจ้าวังน้อย ! "

ร่างโปร่งแสง แต่ยังพอมองเห็นเค้าลางว่ามีรูปเป็นมนุษย์ในวัยชราโผล่ขึ้นมาจากพื้นศิลาเบื้องหน้า

"อย่าวิ่งสิขอรับ ถ้าหกล้มบาดเจ็บขึ้นมาจะทำอย่างไร"

หากเป็นคนอื่นคงแหกปากร้องลั่นไปแล้วที่เห็นปรากฏการณ์วิญญาณกลางวันแสก ๆ แต่ฉิงคงเพียงแต่ทำหน้ารำคาญ

"ถึงจะย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิแล้วแต่อากาศยังเย็นอยู่ ทำไมถึงใส่เสื้อผ้าบางแบบนี้ขอรับ"

ฉิงคงแน่ใจว่าหากให้บุคคลอื่นลงความเห็นเกี่ยวกับเครื่องแต่งกายของเขาในเวลานี้ สองคำที่ทุกคนจะใช้คงจะเป็น เกะกะรุ่มร่าม

"พ่อบ้าน ข้ากำลังรีบ"

"ถึงรีบก็ไม่ควรวิ่งขอรับ สุขภาพร่างกายของท่านไม่แข็งแรงเช่นนี้ แล้วหาก..."

เด็กหนุ่มไม่อยู่รอฟัง 'อดีตพ่อบ้าน' จนจบ เขาวาดมือในอากาศเปิดประตูมิติ แล้วก้าวผ่านเข้าไป





ฉิงคงมาถึงทันได้เห็นภาพอสูรแดงหิ้วศิษย์คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ของวังอสูรด้วยมือข้างหนึ่ง (ส่วนอีกข้างหอบเอาห่อผ้าขนาดใหญ่ซึ่งเขารู้ทันทีว่าเป็นของใคร) ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วหายลับไปทางทิศใต้ในพริบตา

อีกครั้งแล้วที่เขามาไม่ทัน

ไม่ใช่เพราะผีพ่อบ้าน แต่เพราะเขาเองที่ชักช้า และต้นเหตุสำคัญ...

เด็กหนุ่มหันไปเผชิญหน้ากับผู้เป็นต้นเหตุแท้จริงของเรื่อง

ชายชราผมขาว หนวดเคราขาวราวเมฆาบนนภา แววตากล้าด้วยแรงโทสะแต่ก็ลึกล้ำจนยากจะประมาณการผ่านมาแล้วซึ่งกาลเวลา มือยาวที่แม้จะปรากฏร่องรอยแห่งวัยแต่ยังคงความแข็งแรงยกขึ้นลูบเคราที่ยาวจนจรดอก แต่ก็ยังมิกล่าววาจาแม้เพียงคำ

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่คาดผ้าที่เขียนอักษรว่า "ตัดฟืน" สีหน้าเรียบสนิทไร้ความรู้สึกราวกับไม่ใช่สีหน้าของมนุษย์ ในมือถือขวานเล่มหนึ่ง วิ่งตรงเข้ามาหยุดอยู่ใกล้ ๆ คนทั้งสอง

"เจ้าไปสลักป้ายหินเป็นคำว่า 'ปิดกิจการ' แล้วเอาไปปักไว้ที่หน้าบันไดทางขึ้นเขา " ฉิงคงสั่งโดยที่มิได้หันมามอง

ชายผู้นั้นยังคงยืนนิ่ง ในสีหน้ายังคงไม่ปรากฏความรับรู้ใด ๆ

"ตัดฟืนได้ดี แต่ทำอย่างอื่นไม่เป็นเลย" ฉิงคงถอนหายใจ แล้วยกมือขึ้นชี้ไปที่ชายตัดฝืน ก่อนจะพลิกมือหงายขึ้น ร่างสูงใหญ่นั้นหดเล็กลงและบางลีบลงเรื่อย ๆ จนหนาเพียงเท่ากระดาษ ก่อนจะกลายเป็นแสงสีเขียวพุ่งเข้าหามือของเด็กหนุ่มที่แบรอรับอยู่ เมื่อแสงเรืองรองเลือนหายไปเหลือเพียงตุ๊กตาที่ทำจากกระดาษตัวหนึ่งเท่านั้น

...ต่อไปคงต้องสร้างแบบที่ทำได้หลายอย่างขึ้นมาบ้าง... ฉิงคงนึกในใจพลางทำท่าจะเดินออกไปจากบริเวณนั้น

"เจ้าจะไปไหน" ชายชราเอ่ยขึ้นในที่สุด เสียงก้องกังวานนั้นทรงอำนาจแต่ฉิงคงก็เพียงแต่
หันหลังกลับมา

" ขออภัยขอรับที่ข้าลืมไปว่ายังไม่ได้แสดงความยินดีกับท่านปู่"

" แสดงความยินดีเรื่องอะไร " คิ้วขาวของชายชราขมวดเข้าหากัน

" เรื่องที่ต่อไปนี้ไม่มีศิษย์คนใดที่จะทำให้เกียรติภูมิของวังอสูรต้องมัวหมองดังเช่นที่ท่านปู่พร่ำบ่นอยู่ทุกวันได้อีกแล้ว เพราะท่านปู่ได้ไล่ศิษย์ทุกคนออกไปจากวังอสูรแล้วจนหมดสิ้น "

ฉิงคงกล่าวน้ำเสียงราบเรียบแล้วน้อมกายคารวะผู้เป็นปู่

" ดังนั้น ข้าจึงคิดว่าควรจะนำป้ายปิดกิจการไปปักไว้ที่บันไดทางขึ้นเขามายังวังอสูรของเรา แต่เจ้าตุ๊กตาของข้ามันไม่ได้เรื่อง ทำงานเป็นกันแค่ตัวละอย่าง ดังนั้นข้าจึงจะคิดจะไปทำงานด้วยตนเองขอรับ "

" ฉิงคง !" เจ้าวังอสูรตวาดลั่น แต่ผู้เป็นหลานก็ยังคงนิ่งเฉย

"เจ้าก็เห็นว่าศิษย์รุ่นนี้ไม่มีใครที่มีความสามารถพอที่จะร่ำเรียนวิชาของวังอสูรจนสำเร็จได้ ปล่อยไว้ก็มีแต่จะทำให้เกียรติภูมิของวังอสูรต้องมัวหมอง"

"ตอนนี้ก็ไม่มีใครทำให้เกียรติภูมิของวังอสูรต้องมัวหมองได้อีกแล้วขอรับ"

คำพูดของหลานชายทำให้เจ้าวังอสูรนิ่งไป

" ข้าไล่เจ้าพวกงี่เง่านั่นออกไปหมดแล้วหรือ ตั้งแต่เมื่อใดกัน "

ฉิงคงไม่อยากย้ำให้ท่านปู่เสียใจเลย แต่เขาก็ไม่ต้องการให้ปัญหานี้เกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก

"ตั้งแต่เมื่อครู่นี้นี่เองขอรับ"

เจ้าวังอสูรนิ่งไปอีก คราวนี้นานจนฉิงคงรู้ว่าท่านคงเข้าสู่ภาวะปิดจิตไปแล้ว









Create Date : 02 ตุลาคม 2549
Last Update : 2 ตุลาคม 2549 18:18:39 น. 2 comments
Counter : 2196 Pageviews.

 
วังอสูรไม่มีลูกศิษย์แล้วฉิวคงจะทามยังไงดีเนี่ย

อยากรู้จัง เจ้าของกระทู้มาอัพต่อเร็ว ๆน๊า

รออ่านอยู่คุ่ะ ~~@


โดย: + k a t e + IP: 58.147.105.57 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2549 เวลา:23:30:25 น.  

 
ขอบคุณจ้าที่มาเยี่ยม แต่คงต้องรอแก้ไขตอนเปิดเรื่องก่อนเน้อ เพราะรู้สึกว่าเปิดแบบนี้ยังไม่เวิร์กแฮะ และอีกประการหนึ่งตอนนี้จินตากำลังถูกงานทับอยู่ คงทำอะไรไม่ได้สักระยะแหล่ะ - -"


โดย: แม่ฉิงคง (จินตานุภาพ ) วันที่: 13 พฤศจิกายน 2549 เวลา:18:31:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

จินตานุภาพ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Imagination is more important than knowledge
Friends' blogs
[Add จินตานุภาพ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.