All Blog
วิธีการเช็คเที่ยวรถไฟในประเทศจีน ตอนที่ 1
              การเดินทางโดยรถไฟในประเทศจีนถือว่าเป็นตัวเลือกหลักสำหรับคนที่มาเที่ยวประเทศจีน หรือว่า อยู่ในประเทศจีนอยู่แล้วแต่อยากจะไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ เนื่องจากเที่ยวรถค่อนข้างเยอะ และราคาประหยัดกว่าซื้อตั๋วเครื่องบิน แต่ว่าการซื้อตั๋วรถไฟในประเทศจีนเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากมากสำหรับคนที่พูดภาษาจีนไม่ได้ เนื่องจากพนักงานส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ โดยเฉพาะพวกเมืองเล็กๆทั้งหลาย และ ต้องต่อคิวนานมากถึงจะได้ซื้อ ถ้าเราเตรียมตัวไม่ดี ไปถามแล้วคุยกันไม่รู้เรื่องอาจจะโดนพนักงานเมินเอาได้ง่ายๆ



               เวลาที่คนเยอะๆอาจจะเจอแบบตามภาพนี่ได้ ต้องต่อคิวกันเป็นชม.เลยทีเดียวกว่าจะซื้อตั๋วได้ แต่สถานการณ์แบบนี้มีไม่ค่อยบ่อยหรอกครับวางใจได้ ปกติมักจะรอแค่ 15-30 นาที

               ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักรถไฟจีนกันก่อนนะครับ เที่ยวรถไฟจีนจะมีตัวอักษรภาษาอังกฤษนำหน้า เป็นการบ่งบอกความเร็วของเที่ยวรถไฟขบวนนั้นๆ 

ขึ้นต้นด้วยอักษร G จะเป็นรถไฟที่เร็วที่สุด ย่อมากจากคำว่า 高铁 【gāotiě】
ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร D เป็นรถไฟที่เร็วเป็นอันดับสอง ย่อมาจากคำว่า 动车【dòngchē】
ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร Z เป็นรถไฟที่เร็วเป็นอันดับสาม ย่อมาจากคำว่า 直达 【zhídá】
ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร T เป็นรถไฟที่เร็วเป็นอันดับสี่ ย่อมาจากคำว่า 特快 【tèkuài】
ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร K เป็นรถไฟที่เร็วเป็นอันดับห้า ย่อมาจากคำว่า 快 【kuài】
เที่ยวรถไฟที่ไม่มีตัวอักษรภาษาอังกฤษ เป็นรถไฟที่ช้าที่สุด ไม่แนะนำให้ขึ้นนะครับ ช้าแบบเป็นวันๆเลยกว่าจะถึง

                ตั๋วรถไฟในประเทศจีน ถ้าเป็นเที่ยวที่ขึ้นต้นด้วย G หรือ D ตั๋วรถไฟจะมีให้เลือกแบบ 一等座 【yī děng zuò】 ที่นั่งชั้น1 และ 二等座 【èr děng zuò】ที่นั่งชั้นสอง ไม่ได้แปลว่ารถไฟมี 2 ชั้นนะครับ ^^ ที่นั่งแบบ 一等座 ที่นั่งจะกว้างกว่าแบบ 二等座 แน่นอนครับ ราคาก็ต้องแพงกว่าด้วย รถไฟแบบ G หรือ D ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีแบบนอน เพราะว่าถึงค่อนข้างเร็วมาก ส่วนใหญ่จะมีแต่แบบนั่งไปครับ

               ส่วนเที่ยวรถไฟที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษรอื่นๆนอกจาก G และ D นั้น ปกติตั๋วรถไฟจะมีให้เลือกแบบ 
硬座 【yìngzuò】 
เป็นที่นั่งที่เบาะค่อนข้างแข็ง ปรับเอนเบาะไม่ได้ ราคาถูกที่สุด
软座 【ruǎnzuò
เป็นที่นั่งที่เบาะจะค่อนข้างนิ่ม (คล้ายรถทัวร์บ้านเรา) ปรับเอนเบาะได้
硬卧 【yìngwò
ถ้าแปลเป็นไทยคงแปลได้ว่า ที่นอนแบบแข็ง แต่จริงๆแล้วตั๋วรถไฟแบบ 硬卧 ที่นอนไม่ได้แข็งนะครับ แต่จะค่อนข้างเล็ก ที่นอนจะแบ่งเป็นคอกๆ (ห้อง) ไม่มีประตูกั้น คนเดินผ่านไปมาได้ ใน 1 คอก จะมี 2 แถว แต่ละแถวจะแบ่งเป็น บน กลาง และ ล่าง ตั๋วด้านบนราคาถูกสุด ส่วนตั๋๋วด้านล่างราคาแพงสุด
软卧 【ruǎnwò
เป็นตั๋วแบบนอนเหมือนกันครับ แต่ตั๋วแบบ 软卧 ที่นอนจะกว้างกว่า สบายกว่า ที่นอนจะแบ่งเป็นห้องๆ โดยส่วนใหญ่มักจะมีประตูปิด คงเดินผ่านไปมาจะมองไม่เห็นค่อนข้างเป็นส่วนตัว ในแต่ละห้องจะมี 2 แถวเหมือนกัน แต่ว่าแต่ละแถวจะแบ่งแค่ บน และ ล่าง ตั๋วที่นอนด้านล่างจะแพงกว่าด้านบน

                สำหรับคนที่ไม่สูบบุหรี่อาจจะต้องทนลำบากหน่อยนะครับกับการนั่งรถไฟของประเทศจีน ถึงแม้ว่าทางการจะประกาศว่าห้ามสูบบุหรี่บนรถไฟแล้วก็ตามแต่ก็ยังมีคนที่ยังไม่ทำตามอยู่ดี ทำไรไม่ได้ครับ ถ้าได้ภาษาจีนก็ด่ามันไป แต่ถ้าพูดไม่ได้ก็คงต้องทนๆไปแหล่ะครับ วันนี้ผมแนะนำเท่านี้ก่อนนะครับ พรุ่งนี้จะมาแนะนำต่อว่าจะเช็คเที่ยวรถไฟยังไง ^^



Create Date : 14 กรกฎาคม 2556
Last Update : 14 กรกฎาคม 2556 22:55:57 น.
Counter : 6010 Pageviews.

5 comment
วิธีการจำคำศัพท์ภาษาจีน
               ไม่ได้เขียน Blog มาตั้ง 2 วันไม่ใช่ว่าแอบขี้เกียจนะครับ ^^ พอดีช่วงนี้ผมต้องยื่น Proposal หัวข้อที่จะต้องวิจัย เลยยุ่งๆไม่มีเวลาเขียนอ่ะครับ Smiley

วันนี้ผมจะมานำเสนอวิธีการจำคำศัพท์ภาษาจีนครับ เป็นวิธีที่ผมใช้ในสมัยตอนเรียนภาษาจีนใหม่ๆ และตัวผมเองคิดว่าได้ผลค่อนข้างดี 

                 เวลาไปนั่งเรียนภาษาจีน ปกติจะต้องมีการจดเลคเชอร์ใช่มั้ยครับ ปกติเพื่อนๆจดลงไปตรงไหนกันครับ มีใครจดลงใน 课文 (บทเรียน) บ้างรึเปล่าเอ่ย ?? สำหรับตัวผม ผมไม่เคยจดเลคเชอร์ในส่วนของบทเรียนเลยครับ ในหนังสือเรียนปกติจะค่อนข้างว่างเปล่า โล่งๆ สะอาด เหมือนไม่เคยแตะมาก่อน ไม่ใช่ว่าขี้เกียจจดนะครับ ผมจดลงในสมุดโน้ตอีกเล่มนึง ทำแบบนี้มีประโยชน์ยังไงหรอ??

                  วิธีนี้มีประโยชน์มากเลยครับ อาศัยหลักความขี้เกียจของคนเรา ทำให้เราจำคำศัพท์ได้เร็วขึ้น เวลาเราทบทวนบทเรียน ถ้าเจอคำศัพท์ที่เราไม่รู้ว่าอ่านว่าอะไร หรือว่า แปลว่าอะไร เราก็ต้องมานั่งดูที่เราเลคเชอร์ไว้ใช่มั้ยครับ ว่าเขียนอะไรลงไปบ้าง ถ้าเราเขียนลงไปในหนังสือเรียนเลย เราก็จะเห็นได้ทันที แต่ถ้าเราเขียนลงในสมุดโน้ต เราจะต้องมานั่งหาว่าคำนี้จดลงไปตรงไหน ทบทวน 1 ครั้งก็ต้องหา 1 ครั้ง ทบทวน 4 ครั้งถ้ายังจำไม่ได้ก็ต้องหา 4 ครั้ง ความขี้เกียจของคนเรามีประโยชน์ก็ตรงนี้แหล่ะครับ เพราะว่าเราขี้เกียจเปิดหาบ่อยๆ สมองของเราจะทำให้จำคำศัพท์นั้นได้เร็วขึ้น เราจะได้ไม่ต้องไปเปิดหาคำศัพท์คำนั้นในสมุดโน้ตอีก 

                  สำหรับผมวิธีนี้ใช้ได้ผลจริงๆครับ ไม่ว่าจะเป็นการท่องคำศัพท์ หรือว่า ทำโจทย์เลขก็ตาม ถ้าเพื่อนๆมีวิธีจำคำศัพท์ที่ใช้ได้ผลดี มาช่วยแบ่งปันกันนะครับ ^^



Create Date : 10 กรกฎาคม 2556
Last Update : 10 กรกฎาคม 2556 12:02:21 น.
Counter : 8275 Pageviews.

1 comment
ทำไมถึงเรียกกวางเจา (Guangzhou) ว่า "เมือง 5 แพะ" ??

เพื่อนๆเคยไปเที่ยวกวางเจากันรึเปล่าครับ กวางเจามีสถานที่ๆนึงที่มาเที่ยวกวางเจาแล้วพลาดไม่ได้ คือ "อนุสาวรีย์ 5 แพะ"

แพะเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองของกวางเจา
ดูได้จากตอนที่กวางเจาจัดงานเอเชียนเกมส์ก็ใช้สัญลักษณ์เป็นแพะ 5 ตัว



กวางเจาก็ไม่ได้มีภูเขาอะไรซักหน่อย ทำไมถึงเรียกกวางเจาว่าเมืองแห่งแพะหล่ะ
จริงๆแล้วมันมีที่มาครับ !!!

           ในสมัยก่อนเมื่อนานมาแล้ว มีอยู่ครั้งนึงเมืองกวางเจาเกิดวิกฤตขาดแคลนอาหาร ทำนา ทำไร่ก็ไม่ออกผล ชาวบ้านวันๆแทบจะไม่มีอะไร แต่ว่าเจ้าเมืองในตอนนั้นเป็นพวกฉ้อโกง ทำตัวเหมือนโจรไม่มีผิด ชาวบ้านแทบจะไม่มีข้าวกิน แต่ก็ยังจะเก็บส่วยเท่าเดิม ใครหามาจ่ายไม่ได้ ก็จะจับเข้าคุก ในตอนนี้ก็มีพ่อลูกคู่นึงอาศัยในภูเขาลูกนึงในเมืองกวางเจา คนพ่อหาส่วยมาจ่ายให้ทางการไม่ได้ จึงโดนจับเข้าคุกไป เจ้าเมืองกังฉินคนนี้ก็บอกให้ลูกชายไปหาส่วยมาจ่ายให้ได้ภายใน 3 วัน ไม่อย่างงั้นจะฆ่าพ่อของเขาทิ้ง

           ลูกชายเป็นคนที่กตัญญูมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหาวิธีไหนช่วยพ่อของเขาได้ เขารู้สึกร้อนใจมากไม่รู้จะทำยังไงดี จนทนไม่ไหวก็เลยร้องไห้ออกมา ผ่านไป 1 วัน....2 วันแล้ว ก็ยังคงร้องไห้ เสียงร้องไห้ของเด็กคนนี้ดังไปถึงบนสวรรค์ มีเทพ 5 องค์ได้ยินเข้า รู้สึกเห็นใจเด็กคนนี้มาก ก็เลยขี่แพะคนละตัวลงมาหาเด็กคนนี้ และแจกรวงข้าวให้ไปปลูก และบอกว่าถ้ามีเรื่องเดือดร้อนอะไร ให้ไปหาพวกเขาได้ที่ตรงตีนเขา เด็กคนนี้นำเมล็ดข้าวที่อยู่ในรวงข้าวไปปลูก วันพรุ่งขึ้นก็ออกผลทันที เลยนำข้าวไปจ่ายส่วยให้กับเจ้าเมือง

           เจ้าเมืองรู้สึกแปลกใจมาก ทำไมภายใน 3 วันถึงหาข้าวมาได้เยอะขนาดนี้ จึงได้หลอกถามเด็กคนนี้ ด้วยความที่ยังเป็นเด็ก ยังไร้เดียงสาจึงพูดความจริงให้เจ้าเมืองฟัง พอเจ้าเมืองได้ยินเข้าก็คิดแผนการชั่วร้ายออกมา วางแผนที่จะจับเทพ 5 องค์นี้ ตัวเองจะได้รวยคนเดียว เขาจึงสั่งลูกน้องให้ไปจับเทพ 5 องค์นี้มา

           เด็กกับพ่อถูกปล่อยกลับมาแล้ว แต่ระหว่างทางเด็กคนนี้รู้สึกว่า เอ!! มันแปลกๆอยู่นะ รู้สึกไม่ค่อยดี จึงรีบวิ่งไปหาเทพ 5 องค์ เพื่อเตือนให้รีบหนีไป เทพ 5 องค์นี้ได้ยินเรื่องนี้เข้า จึงบอกให้เด็กคนนี้เอาข้าวที่เหลือไปซ่อนไว้ใต้ดิน เจ้าเมืองจะได้แย่งไปไม่ได้ หลังจากกำชับเด็กคนนี้เสร็จ พวกลูกน้องเจ้าเมืองก็มาถึง จะมาจับพวกเขากลับไปให้เจ้าเมือง เทพ 5 องค์ก็เลยบินขึ้นไปบนฟ้า พวกลูกน้องเจ้าเมืองไม่รู้จะทำยังไง เทพ 5 องค์ลอยขึ้นฟ้าไปแล้วจับไม่ได้ ก็เลยคิดจะจับแพะ 5 ตัวที่พวกเทพขี่มากลับไปให้เจ้าเมืองแทน ตอนนี้กำลังจะเข้าไปจับแพะ 5 ตัวนั้น พวกแพะก็เลยวิ่งเข้ามารวมกันเป็นกลุ่ม แล้วเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นหินไป

          จากเรื่องเล่านี้เลยเป็นที่มาของอนุสาวรีย์แพะ 5 ตัวในปัจจุบัน แต่ว่าอนุสาวรีย์แพะนี้ไม่ได้เกิดจากแพะแปลงร่างเป็นหินจริงๆนะครับ อนุสาวรีย์นี้จิตรกรของเมืองจีนเป็นคนสร้างขึ้นมาครับ แต่ว่าก็ได้ข่าวมาว่า รูปปั้นแพะ 5 ตัวของจริงนั้นอยู่ที่ 五仙观 【wǔxiānguān】ถ้าใครอยากไปดูก็ลองแวะไปดูได้นะครับ ^^





Create Date : 03 กรกฎาคม 2556
Last Update : 3 กรกฎาคม 2556 20:36:47 น.
Counter : 3488 Pageviews.

1 comment
ความจริงที่เพิ่งรู้เกี่ยวกับบริษัทส่งของในจีน (快递)

              เพื่อนๆที่มาเรียนที่ประเทศจีนกัน คงจะมีไม่น้อยที่รู้จักเว็บไซต์ Taobao (www.taobao.com) ผมเองก็เป็นคนนึงที่ชอบซื้อของผ่านทาง Taobao เพราะขี้เกียจออกไปเดินเลือก ร้อน และซื้อใน Taobao มันถูกกว่าเยอะ 

              ก่อนอื่นมาพูดถึง Taobao กันก่อนละกัน Taobao แบ่งร้านค้าออกเป็น 2 ประเภท แบบแรกคือ ร้านค้าทั่วไป (淘宝)และ ร้าน Tmall (天猫,淘宝商城)ร้านค้าแบบทั่วไปนั้น จะเป็นใครก็เปิดได้ทั้งนั้น ส่วน Tmall จะเป็นร้านที่ต้องมีการจดทะเบียนบริษัทแล้วเท่านั้น จะมีเปิดร้านค้าแบบ Tmall ได้

             สำหรับร้านค้าแบบทั่วไป ก่อนจะสั่งซื้อเราสามารถเข้าไปสอบถามและต่อราคากับร้านได้ จะซื้อ 10 ชิ้น ขอลดหน่อยได้มั้ย อะไรประมาณนี้ ส่วน Tmall เราไม่สามารถต่อราคาได้นะครับ ร้านค้าก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะแก้ราคาสินค้าเหมือนกัน มันเป็นกฏของ Taobao ร้านค้าแบบ Tmall มีสิทธิ์แก้ได้แค่ ราคาค่าส่ง

              ปกติเวลาผมซื้อสินค้าใน Taobao ปกติจะเข้าไปถามร้านค้าว่า ใช้บริษัทขนส่งบริษัทไหน วิธีถามก็ กดปุ่มคุยกับร้านค้า (ตามรูป)


               ถ้าเป็นสีฟ้าตามรูป แสดงว่าร้านค้าออนไลน์อยู่ สามารถคุยกับร้านค้าได้ทันที ถ้าขึ้นเป็นสีเทา แสดงว่าร้านค้าออฟไลน์ ถ้าต้องการคุยจะต้องฝากข้อความทิ้งไว้ พอคลิกปุ๊บก็จะมีหน้าต่างแบบนี้เด้งขึ้นมาให้เราคุยกับร้านค้าได้



               คำถามที่ผมถามร้านค้าบ่อยๆก็คือ

               1. 有现货吗?【yǒu xiànhuò ma?】 มีสินค้าพร้อมส่งมั้ย?
               2. 你们发什么快递? 【nǐmen fā shénme kuàidì ?】 ส่งสินค้าด้วยบริษัทขนส่งบริษัทไหน?
               3. 大概几天到货?【dàgài jǐ tiān dàohuò ?】กี่วันของถึง?
               4. 可不可以包邮?【kě bù kěyǐ bāoyóu ?】 รวมค่าส่งได้มั้ย?

               ทีนี้เรามาพูดถึงบริษัทส่งของกันบ้าง ปกติแล้วร้านค้าใน Taobao จะใช้บริษัทส่งของเอกชน 
               บริษัทขนส่งที่ดีที่สุด เร็วที่สุด และค่าส่งแพงที่สุด คือ 顺丰快递 【Shùnfēng Kuàidì】
               รองลงมาจะเป็นบริษัทขนส่งที่ค่อนข้างใหญ่ และ ค่อนข้างเร็ว มี 4 บริษัท คือ 申通快递 【Shēntōng Kuàidì】 圆通快递 【Yuántōng Kuàidì】 中通快递 【Zhōngtōng Kuàidì】และ 韵达快递 【Yùndá Kuàidì】
               รองลงมาอีกก็จะเป็นพวกบริษัทเล็กๆละครับ ค่าส่งจะค่อนข้างถูก แต่ก็อาจจะช้ากว่าเจ้าอื่น ที่เห็นบ่อยๆก็มี 优速快递 【Yōusù Kuàidì】 天天快递【Tiāntiān Kuàidì】 汇通快递 【Huìtōng Kuàidì】

                บริษัทพวกนี้เป็นบริษัทที่ค่อนข้างเชื่อถือได้ ของไม่ค่อยจะหายกลางทาง 

                ทีนี้มีอยู่วันนึงผมสั่งของจาก Taobao ร้านนึง ของค่อนข้างเยอะ ร้านค้าเลยถามผมว่า จะให้ส่งโดยใช้ 快递公司 หรือจะใช้ 物流公司【wùliú gōngsī】 ผมก็เลยงง อ่าว! แล้วมันต่างกันยังไงหล่ะเนี่ย เปิดดิกก็แปลเหมือนกันทั้งคู่ว่า "บริษัทขนส่ง" ผมก็เลยถามร้านค้า ถึงได้รู้ความแตกต่างระหว่าง 物流公司 กับ 快递公司 เรามาดูกันนะครับว่าแตกต่างกันยังไงบ้าง
                 1. 物流公司 ค่าส่งจะถูกกว่า 快递公司 เยอะ โดยเฉพาะส่งนอกมณฑล ปกติแล้ว 快递公司 ส่วนใหญ่จะคิดค่าส่งโลละ 10 หยวน (ส่งนอกมณฑล)  แต่ 物流公司 อาจจะคิดแค่ 1-2 หยวนต่อโลเท่านั้น
                 2. ปกติแล้ว 物流公司 ไม่รับส่งสินค้าที่เป็นชิ้นเล็กๆและน้ำหนักเบา เพราะไม่คุ้มค่าเดินทางของบริษัทเขา
                 3. 物流公司 ส่วนใหญ่ จะไม่ส่งถึงบ้าน (送货上门 【sòng huò shàng mén】) 物流公司 จะมีบริษัทย่อยตามแต่ละเมือง เราจะต้องไปรับสินค้าเองที่บริษัท ส่วน 快递公司 จะมาส่งถึงหน้าบ้าน หรือว่า ใต้ตึกหอพักของเราเลย
                 4. 物流公司 ส่งของได้ช้ามากครับ ปกติแล้วอาจจะต้องรอถึง 7 วันถึงจะได้รับสินค้า แต่ 快递公司 ถ้าส่งภายในมณฑลเดียวกัน ปกติจะแค่ 1-2 วัน ถ้าข้ามมณฑลก็ประมาณ 3-4 วัน สินค้าก็ถึงแล้วครับ

                 ทีนี้คงจะพอรู้กันแล้วนะครับว่า 物流 กับ 快递 ต่างกันยังไง สำหรับเพื่อนๆที่สั่งของชิ้นใหญ่ๆหนักๆ และมีรถ แนะนำให้ส่งแบบ 物流 ค่าส่งจะถูกลงหลายเท่าเลยครับ แต่ถ้าเป็นแค่นักเรียนที่ไปเรียน ไม่มีรถขับเอง แนะนำให้ส่งแบบ 快递 อ่ะดีที่สุดครับ เราจะได้ไม่ต้องลำบากไปเอาสินค้าที่บริษัท หนัก เหนื่อย และไม่คุ้มค่ารถด้วยครับ






Create Date : 29 มิถุนายน 2556
Last Update : 29 มิถุนายน 2556 21:58:57 น.
Counter : 31984 Pageviews.

5 comment
不敢当————ข้าน้อยมิบังอาจน้อมรับ

      ยังจำได้ ตอนที่ผมเรียนภาษาจีนใหม่ๆ เคยเรียนคำว่า 不敢当 【bùgǎndāng】มิบังอาจ คำว่า 不敢当 สามารถใช้ตอนที่มีคนชมเราแล้วเราต้องการตอบกลับว่า“ไม่ขนาดนั้นหรอก”  อะไรประมาณนี้

      ตอนผมมาเรียนที่จีนใหม่ๆ เรียนไปได้ซักพัก พอจะพูดเป็นภาษาคนกับเค้ามั่งละ ก็เริ่มกล้าที่จะพูดคุยกับเพื่อนคนจีน คนจีนนี่ก็แปลกนะ (จะว่าแปลกก็ไม่ได้หรอก ผมว่าคนไทยก็เป็นเหมือนกัน) เวลาเห็นคนต่างชาติพูดภาษาจีนได้ซัก 2-3 ประโยค ก็มักจะชมว่า “你中文说得很好” 【Nǐ zhōngwén shuō de hěn hǎo】คุณพูดภาษาจีนได้ดีมากแล้วนี่ ไอ้เราก็แหม เค้าชมมา ก็ต้องเข้าตามตำรา ตอบกลับไปว่า “不敢当” พอตอบกลับไปปุ๊บ เพื่อนคนจีนก็หัวเราะผมทันที ผมก็ถามว่าทำไมต้องหัวเราะด้วยหล่ะ ถามไปถามมาอยู่ตั้งนาน ถึงได้ใจความว่า จริงๆแล้วคำๆนี้คนจีนเค้าเลิกใช้กันไปนานละ

       ใช่แล้วหล่ะครับ วันนี้เราจะพูดถึงเรื่องวิวัฒนาการของภาษากัน หนังสือเรียนภาษาจีนที่เราใช้กันบางเล่มอาจจะเขียนตั้งแต่ 10 กว่าปีก่อน คำศัพท์ในนั้นอาจจะเลิกใช้กันไปแล้วก็ได้ ภาษาจีนนั้นมีวิวัฒนาการตลอดเวลาเหมือนกับภาษาไทย มีคำศัพท์วัยรุ่นใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา

         เมื่อ 3 ปีก่อน ตอนที่ผมเริ่มเรียนภาษาจีนใหม่ๆ อาจารย์สอนว่า เวลามีคนชม เราสามารถตอบกลับว่า “不敢当” หรือว่า “哪里,哪里” 【nǎlǐ ,nǎlǐ】พอเริ่มเรียนระดับสูงขึ้นมาหน่อยก็มีคำศัพท์เพิ่มเข้ามาก็คือ 过奖 【guòjiǎng】 ถ้าแปลเป็นภาษาไทยก็คงแปลว่า ชมกันเกินไปแล้ว 

          เมื่อก่อนคนจีนมักจะมีนิสัยชอบพูดอ้อมค้อม เวลามีคนชมมักจะไม่กล้ายอมรับตรงๆ เลยใช้คำพวกนี้ตอบรับ (“不敢当”,“哪里,哪里”,“过奖了”)แต่เดี๋ยวนี้ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว คำพวกนี้คนจีนไม่ค่อยจะได้ใช้กันแล้วหล่ะครับ เดี๋ยวนี้เวลามีคนชม คนจีนมักจะใช้คำว่า “谢谢” 【xièxiè】 ขอบคุณ หรือว่า “还行吧”  【hái xíng bā】 ก็พอ ok แหล่ะ

          เพราะฉะนั้น เวลามีคนจีนชมเราว่าเราพูดภาษาจีนเก่ง ก็ไม่ต้องตอบกลับไปว่า “不敢当”,“哪里,哪里”,“过奖了” แล้วนะครับ เดี๋ยวเค้าจะหาว่าเราหลงยุคมา Smiley



Create Date : 19 มิถุนายน 2556
Last Update : 19 มิถุนายน 2556 21:55:19 น.
Counter : 11548 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  

Jingji
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 130 คน [?]



New Comments