|
J.K. Rowling พรสวรรค์ที่ต้องบวกโชค

J.K. Rowling หรือชื่อจริง Joanne Murray (นามสกุกลเดิมRowling) เป็นกรณีศึกษาของการประสบความสำเร็จแบบมีโชคเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเป็นอย่างมาก แม้ว่าผมจะยอมรับว่า J.K Rowling นั้นมีพรสวรรค์ด้านงานเขียนอย่างหาตัวจับยากคนหนึ่งก็ตาม
Rowling เกิดในครอบครัวชาวอังกฤษในแถบชนบทแห่งหนึ่ง และด้วยอิทธิพลของอะไรไม่ทราบ ทำให้เธอเป็นคนที่หลงใหลในการเขียนนิยายแฟนตาซีมาตั้งแต่ยังเด็ก โดยเธอเริ่มเขียนนิยายเรื่องแรกตั้งแต่อายุเพียงห้าหรือหกขวบเท่านั้น และมักชอบที่จะอ่านเรื่องที่เธอแต่งนี้ให้กับน้องสาวฟังเสมอๆ
ชีวิตช่วงเด็กนี้อาจเรียกว่าไม่มีอะไรพิเศษมากมาย เพียงแค่ย้ายโรงเรียนไปมาตามครอบครัว แต่อาจได้รับการอิทธิพลเพิ่มขึ้นในการอ่านและเขียนจากป้าของเธอ ซึ่งได้สอนเกี่ยวกับวรรณกรรมคลาสสิกให้ แต่จากการอ่านประวัติของเธอก็พบว่าเธอมีแนวโน้มชอบอยู่คนเดียว คิดอะไรคนเดียวมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่เข้าที่เรียนที่มหาวิทยาลัย และรู้สึกว่าตัวเองคิดแตกต่างจากเพื่อนๆ ที่มักเป็นกลุ่มแนวคิดฝ่ายซ้าย เธอจึงแยกตัวอยู่คนเดียวเป็นส่วนใหญ่
เมื่ออายุ 25 เรื่องราวของโรงเรียนพ่อมดที่จะกลายเป็น Harry Potter ในเวลาต่อมาก็ผุดขึ้นในสมอง ขณะที่นั่งอยู่ในรถไฟขบวนหนึ่ง ฉันไม่รู้ว่ามันมาได้อย่างไร เธอเริ่มลงมือเขียนแต่เรื่องราวยังไม่เสร็จ เธอก็ย้ายไปอยู่โปรตุเกสเพื่อเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ และได้แต่งงานกับ จอร์จ อารานเตส นักข่าวทีวีชาวโปรตุเกส ซึ่งมีลูกด้วยกัน 1 คน แต่ภายในปีเดียว ทั้งคู่ก็แยกทางกันและย้ายไปอยู่กับน้องสาวที่สกอตแลนด์
เมื่อมีภาระต้องดูแลลูก 1 คน ในสภาพตกงานและต้องอยู่ด้วยเงินสวัสดิการของรัฐ บวกกับเป็นคนค่อนข้างเก็บตัว Rowling จึงมีอาการของโรคซึมเศร้าอย่างเห็นได้ชัด แต่อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังมีแรงบันดาลใจในการเขียนวรรณกรรมเล่มแรกของเธอจนจบ โดยอาศัยเขียนในร้านกาแฟใกล้ๆ กับแฟลตที่อาศัย
ปี 1995 (5 ปีหลังจากเริ่มคิด) หนังสือเรื่อง Harry Potter ก็เสร็จในชื่อ Harry Potter and Philosophers stone โดยมีบริษัทนายหน้าจะติดต่อหาสำนักพิมพ์ให้หลังจากได้ลองอ่านไปสามบท และแม้ว่าจะส่งไปให้ทางสำนักพิมพ์พิจารณาถึง 12 แห่ง แต่ก็ถูกปฏิเสธทั้งหมด

แต่โชคก็มาถึงเมื่อมีสำนึกพิมพ์หนึ่งชื่อ Bloomsbury รับพิจารณาด้วยเหตุที่ลูกสาวของผู้บริหารที่มีหน้าที่พิจารณาต้นฉบับนั้นได้แอบอ่านด้วย และเธอตื่นเต้นจนอยากจะอ่านบทต่อๆ ไป (โชคแท้ๆ)
แต่โชคนั้นบางทีก็มีขั้นมีตอนของมันเช่นกัน ต้นฉบับแรกในอังกฤษนี้ได้พิมพ์เพียง 1,000 เล่ม และ 500 เล่มในนั้นได้ถูกซื้อเพื่อเก็บเข้าห้องสมุด และสำนักพิมพ์แนะนำให้เธอกลับไปทำงานประจำเพราะ หนังสือเยาวชน ไม่น่าจะทำเงินได้มากนัก หากแต่ในขณะเดียวกัน ในงานประมูลลิขสิทธิ์หนังสือเพื่อตีพิมพ์ในอเมริกา J.K. Rowling กลับขายเรื่องได้และได้ค่าลิขสิทธิ์ถึง 105,000 ดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งทำให้เธอตกใจมากที่ได้รับเงินมากอย่างไม่คาดคิดมาก่อน โดยลิขสิทธิ์ในอเมริกานี้จะเปลี่ยนชื่อหนังสือเป็น Harry Potter and the Sorcerers stone
จากนั้นเมื่อมีโอกาสไปสู่ตลาดที่ใหญ่ขึ้นในอเมริกากระแสหนังสือ Harry Potter ก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ และได้รับรางวัลมากมาย โดยเล่มที่ 4 (Harry Potter and the Goblet of Fire) สามารถขายได้(เฉพาะในอเมริกา)ถึง 3 ล้านเล่มเพียงในสองวันแรกเท่านั้น และในเล่มสุดท้าย(เล่มที่ 7) Harry Potter and the Deathly Hollow ก็สามารถขายได้ในอเมริกาและอังกฤษรวมกัน 11 ล้านเล่มในวันแรกเพียงวันเดียว Harry Potter จึงนับเป็นหนังสือชุดที่ทรงอิทธิพลต่อเด็กและเยาวชนรุ่นนี้มากที่สุด
ปัจจุบันหนังสือ Harry Potter ถูกพิมพ์ออกมาถึงภาคที่ 7 ซึ่งเป็นภาคสุดท้ายแล้วในชื่อตอนว่า Harry Potter and the Deathly Hollows

Jimmys Analysis
จากประวัติย่อของ J.K. Rowling นี้ จะเห็นได้ชัดว่าเป็นการผสมผสานระหว่างความสามารถและโชคอย่างไม่ต้องสงสัย ตามแบบฉบับความสำเร็จของศิลปินหลายๆ คน เพราะศิลปินนั้นส่วนใหญ่แม้จะมีฝีมือ แต่หลายๆ คนก็ไม่รู้และไม่เข้าใจวิธีทำให้ตัวเองโด่งดัง ซึ่งส่วนใหญ่ต้องอาศัยหลักการตลาด ศิลปินเหล่านี้หลายคนจึงประสบความสำเร็จเพราะคนๆ หนึ่งที่มีสายตาเฉียบแหลมมาพบเห็นโดยบังเอิญ แล้วคนๆ นี้จึงช่วยผลักดันส่งเสริมให้ศิลปินเหล่านี้โด่งดังอีกทีหนึ่ง (เราจะเห็นความสัมพันธ์นี้อย่างมากมายในวงการบันเทิง เช่น แมวมองไปค้นพบนางแบบ ค่ายเทปค้นพบนักร้องเสียงดี)
ซึ่งเจ. เค. ก็เช่นกัน ความสำเร็จของเธอไม่ได้มาจากความทะเยอทะยานในเงินหรือประสบความสำเร็จอะไร ระหว่างเขียนเธอเพียงเขียนไปตามที่อยาก หรืออย่างมากก็เพียงหวังได้ค่าเรื่องมาประทังชีพเท่านั้น เธอเพียงมีแรงบันดาลใจและพรสวรรค์ในการผูกเรื่องราวที่สนุกสนานตื่นเต้น อย่างเช่นที่ อกาธา คริสตี้ มีพรสวรรค์ในการเขียนเรื่องสืบสวน บวกกับความกล้าลงมือติดต่อที่หาคนนำไปพิมพ์อีกนิดหน่อย (ไม่ใช่เขียนแล้วเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะ) ที่เหลือที่นำเธอไปสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นั้นคือโชคด้วย ดังที่คนจีนจะพูดเสมอถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของคนเรานั้น จะต้องมีเก่งบวกเฮง หรือฝีมือบวกโชคด้วยอย่างแน่นอน
ฉะนั้นสำหรับผมแล้ว ความสำเร็จของ J.K. Rowling นั้น มีKey to Success หลักเพียงสองตัวเท่านั้นที่ทำให้เธอประสบความสำเร็จอย่างมากมาย ณ วันนี้คือ 1.พรสวรรค์ 2.โชค เธอเป็นเหมือนโคตรเพชรที่อยู่ในโคลนตม รอคนมาค้นพบเท่านั้นเอง
และสิ่งที่ผมต้องการสื่อในการนำกรณีของ J.K. Rowling มาเป็นอีกหนึ่งเคสนั้น เพื่อจะให้เห็นเส้นทางที่แตกต่างหลากหลายของคนที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว คนที่ประสบความสำเร็จด้วยตัวเองนั้น ผมจะให้น้ำหนักไปในทางแรงผลักดันภายในตัวเอง(ที่จะประสบความสำเร็จ)เป็นเรื่องหลัก แต่กรณีของ J.K. Rowling นั้น ผมเชื่อว่าเธอแทบจะไม่มีแรงผลักดันในการประสบความสำเร็จเลย โดยเฉพาะในช่วงที่เขียนเล่มแรกนั้น
และอีกอันหนึ่งที่อาจนำหลักการตลาดมาเปรียบได้ก็คือ Power of Product ครับ สินค้าดี และหาคนเลียนแบบไม่ได้ ย่อมมีคนต้องการเสมอ นี่แหละครับเส้นทางของเธอ
Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2551 |
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2551 13:52:54 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2994 Pageviews. |
 |
|
|
| |
|
|
Location :
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]

|
จากทักษะของการเป็นนักคิด นักวิเคราะห์ บวกกับความสนใจใน"กระบวนการ"และ"ปัจจัย"ที่ก่อให้เกิดเป็นความสำเร็จ ที่ทำให้ผมศึกษาและวิเคราะห์กรณีศึกษาเกี่ยวกับความสำเร็จและความล้มเหลวจำนวนมาก จนเชี่ยวชาญในองค์ความรู้พอที่จะขอเรียกตัวเองว่า "ผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งความสำเร็จ"
|
|
|
|
|
|
|