ขำกันให้ได้ทุกที่ มีความสุขให้ได้ทุกวัน
 
((( ปายยยมั้ยพี่ปายยย ))) เรื่องเล่าน่าจะสั้นแต่มันยาว ทำไงดี (ตอนที่ 2)

เราจองตั๋วนกแอร์เที่ยวเช้าสุดเอาไว้ เครื่องออก 06.15

ต้องไปถึงสุวรรณภูมิ 05.00 น. นั่นหมายถึงเราต้องตื่น

02.30 น. เพื่ออาบน้ำเตรียมตัวออกจากบ้านตอน 03.45

เวลานี้นั่งแท็กซี่คงน่ากลัว แถมค่ารถอีกบานตะไท เปาบิน

ไปก่อนแล้วเมื่อวานตอนค่ำ เรียกแท็กซี่จากแถวเซ็นทรัล

พระราม3 ไปสุวรรณภูมิ เบ็ดเสร็จ 420 บาท

แล้วนี่บ้านเราอยู่เส้นปิ่นเกล้า-นครชัยศรีจะเท่าไหร่ล่ะ

เนี่ย สุดท้ายเดือดร้อนต้องให้ท่านพ่อไปส่ง (ขากลับพ่อ

หลงทางด้วย เพราะเพิ่งเคยไปสุวรรณภูมิครั้งแรก)


ถึงสุวรรณภูมิ 04.35 น. เช็คอินเรียบร้อย เครื่องออกช้าไป

แค่ 10 นาที ถึงเชียงใหม่ 07.25 น. รอรับกระเป๋าแล้ว

แวะฉี่กันก่อน หนทางข้างหน้าอีกยาวไกล ออกมาหน้า

สนามบินยังเอ๋อกันอยู่เล็กน้อย ว่าจะนั่งรถสองแถวแดงไป

อาเขตแต่ใจไม่กล้าพอ เห็นเจ้าหน้าที่ของสนามบินเชื้อ

เชิญให้ขึ้นแท็กซี่ของสนามบิน (ป้ายเขียว) คิดว่าน่าจะโอ

เค สนนราคาที่ 160 บาท ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 20

นาที 8.15 น. ก็ถึงอาเขต เดินวนเอ๋อๆ อยู่อีกซักรอบที่

อาเขต ... นั่นไง เจอแล้ว เห็นรถเชียงใหม่ - ปาย จอดอยู่

ทั้งรถตู้และรถบัส ดูได้อารมณ์การเดินทางต่างจังหวัด

มากๆ แต่เราขอบาย ไปนั่งรถตู้น่าจะดีกว่า




(ไม่ได้ไปคันนี้นะ)



เราซื้อตั๋วรอบ 8.30 ไม่ทัน รอบนี้เป็นรอบรถมินิบัสติดแอร์

เสียด้วย เสียดายเต็มซะแล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่ามีวิ่งแค่วัน

ละ 1 เที่ยว ขาไปจากเชียงใหม่ออก 8.30 น. ส่วนขากลับ

จากปาย 14.00 น. คิดไว้แล้วว่าขากลับเราต้องจองกลับ

คันนี้ให้ได้ ดูไฮโซมากๆ ราคา 150 บาทเท่ากับรถตู้เลย


ระหว่างรอรถรอบ 9.30 น. ไปหาอะไรรองท้องกันก่อนดี

กว่า เมียงๆ มองๆ เอาวะร้านนี้แหละ เป็นเพิงๆ หลังคิวจอด

รถสองแถว มีฝรั่งนั่งกินอยู่แล้ว 2 คน สั่งกาแฟ 1 ถ้วย

+ ปาท่องโก๋ 3 ตัว + ไข่กระทะ 1 ที่ กินกันพอเป็นพิธี

หมดไป 46 บาท ระหว่างนี้ก็โทรหาเปา บอกข้อมูลการ

เดินรถคร่าวๆ เปาบอกว่าสงสัยจะมารอบเดียวกับเราไม่ทัน

เพราะเพื่อนๆ ยังไม่เสร็จ


เหลือเวลาอีก 10 นาทีรถจะออกแล้ว ดันปวดอึ ลึกๆ ก็

ดีใจเหมือนกัน จะได้โล่งไม่ต้องกังวลระหว่างเดินทาง พอ

อึเสร็จออกมาเจอเปาและเพื่อนอีก 4 คน กลุ่มนี้จะไปรถ

รอบ 11 โมง ส่วนเราใกล้เวลารถออกแล้วขึ้นไปนั่งประจำ

ที่ด้านหลังคนขับ เบาะหน้าติดประตูด้านซ้าย 2 ที่ (จองไว้

แล้วระบุที่นั่งได้) ด้านขวามีชายหนุ่ม 1 นาย คาดว่าเป็น

คนพื้นที่ หรือไม่ก็เป็นชาวเขาเสียด้วยซ้ำ มองออกไป

นอกรถ ยังคงเห็นกลุ่มเปาและเพื่อนสาละวนกับการเดิน

ทางอยู่ หน้านิ่วคิ้วขมวด สนทนาโต้ตอบกันซักพัก แล้ว

พวกหล่อนก็หิ้วกระเป๋ากันไปอีกด้านหนึ่ง เรากับบุ๋มหันไป

ดู คิดว่ากลุ่มนี้คงอดใจรอรถตู้รอบ 11 โมงไม่ไหว

เหมารถกันไปแน่ๆ


9.40 รถออก คุณลุงขับกินลมไปเรื่อยๆ 10.00 น. ขอ

แวะเติมน้ำมัน เติมเสร็จขับเอื่อยๆ ไปเจอแม่ค้าขาย

ล็อตเตอรี่ก็แวะซื้ออีก คุณลุงขับรถอืดมาก ไม่ได้เร็วเลย

นะแต่เวียนหัวพิลึก นี่ขนาดทางราบนะ ไม่อยากจะคิดเลย

ว่า... ถ้าขึ้นเขาจะขนาดไหน (ระหว่างนี้ก็เริ่มควักยาดม

แล้ว)





รถแล่นออกนอกเมืองไปได้ซักหน่อย ประมาณ 20นาที

ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ ก็ถอดรองเท้า เราเหลือบไปเห็นพอดี

อื้อหือ...กลิ่นเท้าแผ่วๆ ลอยมาเตะจมูกทันที จะไม่ให้

เหม็นได้ยังไง ก็ลักษณะรองเท้าของเขา เป็นเหมือน

รองเท้าไทเก๊กอ่ะ เวียนหัวชะมัด ยังบอกกับบุ๋มเลยว่า

สงสัยไม่เมารถหรอกแต่เมากลิ่นเท้าแทน เพราะกลิ่นมัน

โชยระเรื่อๆ ถึงจะไม่ได้เหม็นสุดๆ แต่มันโชยมาเป็น

ระยะๆ ต้องควักยาหม่องน้ำมาป้ายจมูกตลอดทางเลย รู้งี้

กินยาแก้เมาซะดีกว่าจะได้หลับให้รู้แล้วรู้รอด ขณะนั่งรถ

ก็พยายามจะหลับก็ได้แต่หลับตา ร่างกายไม่ได้หลับ

ด้วย คุณลุงก็ซิ่งเหลือเกิน ทีทางราบขับซะอืด ทางโค้ง

หักศอกพี่แกเมามันเหลือเกิน ทั้งดมยา ทั้งกินฮอลล์ กิน

มะขาม โด๊บไปเยอะมาก เรียกว่าดมยาจนแสบจมูก กิน

ลูกอมจนแสบปาก ท้องไส้ก็ปั่นป่วน อดทนไว้อีก 30

โลเท่านั้น!


โฮก....กก.. มันกลั้นไม่อยู่จริงๆ บุ๋มส่งถุงก๊อปแก๊บที่อยู่

ข้างหน้ามาให้ อ๊ายอาย รอบแรกเล่นไป 3-4 โฮก มีเรา

คนเดียวที่อ้วก พยายามอ้วกแบบสงบที่สุด กลัวคนอื่นจะ

ได้กลิ่นด้วยแหละ ดีนะที่ไม่ได้กินอะไรเหม็นๆ มา เกือบ

แล้ว..อีก 12 โล ลมตีในท้องอีกแล้วอยากจะลองอีกซัก

โฮก....แต่มันไม่ออก ผะอืดผะอมมาจนถึงท่ารถที่ปายจน

ได้


12.30 ถึงท่ารถแล้วมึนงงชั่วขณะ หมดเรี่ยวหมดแรง

แดดจ้ามากๆ ด้วย เอาไงต่อดีกระเป๋าโคตรหนักเลย บุ๋ม

เดินไปถามคุณลุงคนเดิม “เช่ารถได้ที่ไหนคะ” คุณลุงชี้

ไปทางซ้ายมือ ป้ายสีแดงๆ นั่นไง ร้าน aya อืม.. ร้าน

ใหญ่น่าเชื่อถือ เราทำการเช่ารถฮอนด้าดรีม 1 คัน ราคา

เช่าวันละ 100 บาท เค้าถามว่าทำประกันด้วยมั้ย มีประกัน

รถล้ม 40 บาท ประกันรถหาย 40 บาท จะทำอย่างเดียว

หรือ 2 อย่างก็ได้ เราตัดสินใจทำอย่างแรก พร้อมมัดจำ

ค่าหมวกกันน็อค ใบละ 100 บาท ว่าแล้วก็ออกรถ ทำ

อย่างกะรู้จักถนนหนทางกันดีงั้นแหละ ถามทางเขาทั้ง

นั้น




บุ๋มเป็นคนขี่ เห็นว่าเป็นเด็กตจว.หรอกนะ ถึงยอมให้ขี่

น่ะ (ที่จริงเราก็ขี่ได้ แต่ไม่แข็ง) ขี่ตรงไปเรื่อยๆ ไปเจอ

ทางตันซะนี่ แถมเป็นทางลาดลงสะพานไม้ไผ่ (ยอด

ฮิต) อีกต่างหาก ก็เลยต้องกลับรถ บุ๋มให้เราลงก่อน

เพราะประคองรถไม่ไหว เราลงจากรถพร้อมสะพายเป้

สัมภาระใบใหญ่เกินตัวไว้ 1 ใบ แล้วอุ้มของบุ๋มไว้ 1 ใบ

ประกอบกับยังมึนไม่หาย ลงจากรถมาก็หกล้มไม่เป็นท่า

อ๊ายอาย (ครั้งที่2) ฝรั่งเดินผ่านมาถามว่า “มีไรให้ช่วย

มั้ย” “อ๋อ.. ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ” เจ็บเข่าแถมอายอีก

ทุลักทุเลพอสมควร ขี่รถมาได้อีกหน่อยนึงตรงหน้าปายวิ

ลเลจ ก็จอดถาม “วิลล่าเดอปายไปทางไหนคะ” เขาก็

ชี้ โน่นไง จะบ้าตาย.. ห่างกันแค่ 3 เมตร อ๊ายอาย อีก

แล้วครับท่าน เรารอเช็คอินประมาณ 20 นาที บุ๋มซื้อ

สไปรท์มาให้กินเพิ่มพลัง ไม่นานนักก็ได้เข้าที่พัก








ดูแล้วก็โอเคนะ เวลานี้แดดแรงจริงๆ แต่ก็ยังมีลมพัด

เอื่อยๆ เสียดายที่น้ำน้อยไปหน่อย มันก็เลยดูแห้งแล้งไป

ซักนิด เรายังคงเพลียอยู่ก็นั่งๆ นอนๆ พักผ่อนอยู่

ระเบียงหน้าบ้าน ประกอบกับเปิดขาดูหัวเข่าที่หกล้ม ยัง

เจ็บอยู่ท่าทางจะเขียวในไม่ช้านี้ด้วย ทายาหม่องกันไว้

ก่อนดีกว่า จากนั้นบุ๋มก็ไปอึ (ความสุขของหล่อนจริงๆ)


ตายๆๆ บ่ายสองแล้ว ยังไม่ได้กินข้าวกลางวันกันเลย ใน

รีวิวแนะนำร้านน้องเบียร์เอาไว้ เราสองคนขี่รถมุ่งหน้าไป

ร้านน้องเบียร์ ไม่รู้หรอกว่าอยู่ตรงไหน อาศัยขี่วนๆ เอา

เดี๋ยวก็เจอ แล้วก็เจอจริงๆ เจอเปากะเพื่อนๆ นั่งกินส้มตำ

กันอยู่ข้างถนน (ฟังแล้วทะแม่งๆ มั้ยเนี่ย) ทักทายกัน

ตามประสา

แล่นมาอีกนิดก็ถึงร้านน้องเบียร์ ดูบรรยากาศก็งั้นๆ นะ เรา

สั่ง ขนมจีนแกงเขียวหวานไก่ (เมนูพิเศษมากๆ) บุ๋มสั่ง

ข้าวซอยไก่ ที่เค้าลือกันว่าอร่อย แต่จริงๆ แล้ว ไม่เห็น

อร่อยเลย ทั้งเขียวหวานทั้งข้าวซอย กินเหลืออีกต่างหาก

หมดไป 75 บาท เป็นอันว่าไม่ประทับใจ




เสร็จจากร้านน้องเบียร์ประมาณ 14.30 น. เราขี่รถวนหา

ปั๊มน้ำมันอยู่หลายรอบ เติมเต็มถัง 80 บาท ที่จริงบุ๋มจะให้

เติม 40 บาท แต่เราเห็นว่าทางที่จะไปเที่ยวก็ไกลอยู่ แล้ว

ไม่น่าจะมีปั๊มน้ำมัน กลัวมีปัญหาเลยให้เติม 80

(ขี่อยู่ 3-4 วัน เข็ม F แทบไม่กระดิก เซ็งจริงๆ) หลังจาก

เติมน้ำมันแล้วก็ขี่วนดูโน่นนี่ในตัวเมืองซักพัก แดดร้อน

มากกลับมานอนพักที่บ้านดีกว่า ถึงบ้านก็มาเล่นเน็ต ที่

นี่เค้ามีเน็ตให้เล่นฟรีดีจริงๆ ส่วนบุ๋มนั่งๆ นอนๆ ใส่แว่นดำ

อ่านหนังสืออยู่ที่ระเบียง ไม่รู้แอบหลับบ้างรึเปล่า




ดูนาฬิกาห้าโมงครึ่งแล้ว ได้เวลาอาหารเย็นอีกแล้วสิเนี่ย

(กลางวันกินไปน้อย) เราขี่รถไปกินผัดไทหน้าวิน ตามรีวิว

ของเพื่อนๆ ในห้อง BP สั่งผัดไท 2 จาน 40 บาท ไม่สั่งน้ำ

เพราะตั้งใจว่าจะไปกินน้ำสมุนไพร (ตามรีวิวอีกแล้ว)

อยากจะบอกว่า ผัดไทหน้าวิน ไม่เห็นอร่อยเลย ทำไมเค้า

ว่าอร่อยกันจัง หรือว่าเราเคยกินที่มันอร่อยกว่านี้มาแล้ว




เยื้องร้านผัดไทไปไม่ไกล มีโรตีขาย สั่งโรตีราดช็อคโกแลต 1 อัน 10 บาท อืม.. อันนี้สิอร่อย



ฟ้าเริ่มสลัว คนเริ่มออกมาเดินเล่นกันเยอะแล้ว คิดว่าเอา

มอเตอร์ไซค์ไปเก็บก่อนแล้วค่อยออกมาเดินเล่นชม

บรรยากาศยามค่ำจะดีกว่า เพราะที่พักกับที่เดินเล่น ไม่

ไกลกันมากนัก เห็นน้ำสมุนไพรแล้วแหละ แต่คิดว่าคง

กินไม่ได้แน่ๆ สุดท้ายหันไปพึ่งสแปลชขวดละ 13 บาท

เดินไปอีกหน่อย เห็นคนอิสลามขายข้าวเหนียวมะม่วงดูน่า

กินมาก ซื้อมา 1 กล่อง 20 บาทเค้ารับประกันว่าหวาน

บุ๋มเหลือบไปเห็นในร้านมีขนมที่เด็กๆ กินกันเลยอยากลอง

กินบ้าง เรียกขนม “ข้าวซอยตัด” ถุงละ 15 บาท เดินไป

ชิมไปเราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เหนียวติดฟันด้วย ระหว่าง

เดิน ก็มีหมามาเดินตาม ทำสายตาเว้าวอน บุ๋มก็เลยแบ่งให้

กินบ้าง จากนั้นมันตามเรามาตลอดทางเลย




บุ๋มดูในหนังสือท่องเที่ยว เขามีขี่ช้างที่ปายด้วย ไหนๆ มา

แล้วลองไปขี่ช้างกันดีกว่าดูสิว่าจะต่างจากที่เราเคยไปขี่กัน

ที่สังขละบุรีรึเปล่า เราแวะที่ร้าน Thom’s เห็นเค้าลงใน

หนังสือ ตัดสินใจซื้อแพ็คเกจคนละ 600 บาท โคตรแพง

เลย แต่ก็เอาวะ ไหนๆ ก็ไหนๆ นัดให้มาขึ้นรถที่ร้าน

8.30 น. ใช้เวลาประมาณ 2-3 ช.ม. ได้ขี่ช้างแล้วได้อาบ

น้ำร้อน ให้เตรียมชุดมาเปลี่ยนด้วย ตอนเดินกลับที่พัก

บุ๋มเห็นร้านขายขนมจีนอยู่ริมถนนขอแวะกินซะหน่อย สั่ง

ขนมจีนน้ำเงี้ยว+แคบหมูมากิน บอกว่าอยากลองน้ำเงี้ยว

เป็นไงล่ะไม่อร่อยล่ะสิ ที่จริงมันอาจจะอร่อยก็ได้นะแต่คง

ไม่ถูกปากเราซักเท่าไหร่ มื้อนี้จ่ายไป 20 บาท หิวน้ำจัง

เหลือบไปเห็นกระติกน้ำเขาเขียนว่าบริการตัวเอง พอดีมี

คนนั่งกินอยู่ตรงนั้นเราก็เลยไมกล้า สุดท้ายคือ แวะซื้อน้ำ

ระหว่างเดินกลับอีก 10 บาท


เฮ้ย.. ร้านนี้ (CAFE’ DA VINCI GELATERIA) มี

ไอติมด้วย พุ่งเข้าไปดู โห..น่ากินจัง ลูกละ 39 บาท

สั่งใส่ถ้วยคนละลูก อร่อยดี





เดินย่อยกลับบ้านบุ๋มชิงอาบน้ำก่อนเพราะเพลียจัดและเริ่ม

ง่วง ส่วนเราก็นั่งเล่นเน็ตไปพลางๆ อากาศเย็นแล้วด้วย

ไม่อยากอาบก็ต้องอาบ หลังจากอาบน้ำเสร็จ คิดได้ว่ามี

ข้าวเหนียวมะม่วงอยู่ 1 กล่อง ยังไม่ได้กินเลย ทำไงดี ราด

น้ำกะทิมาแล้วด้วย จำใจต้องกิน เออ..อร่อยแฮะ พรุ่งนี้

ไปซื้อกินอีกดีกว่า แหมมีความสุขจริงๆ แล้วเราก็หลับกัน

ตอน 4 ทุ่ม


(อ่านต่อตอน3)


Create Date : 12 มีนาคม 2550
Last Update : 12 มีนาคม 2550 23:39:19 น. 0 comments
Counter : 552 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 
 

อ้วนล่ำดำสิวหิวตลอด
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




fatginger group หรือกลุ่มขิงอ้วน มีสมาชิกเป็นผู้หญิงที่มีหน้าตาโดยเฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ใช้(ไปซื้อโจ๊ก)ได้จำนวน 8 คนถ้วน คือ.. ขิงฝ่อ ขิงเหี่ยว ขิงเต่ง ขิงเป่ง ขิงนอ ขิงบาง ขิงบวม และขิงอ๊วนอ้วน
** อัพเดทข้อมูล ตอนนี้ ขิงเต่งกับขิงเป่ง มีฉายาเพิ่มมาอีกคือ หมั่นโถว กับ ซาลาเปา **

และที่สำคัญเรามีลูกขิง 3 คน มีข่า 3 แง่ง (ข่านอก 1 แง่ง) รวมตัวกันทีไรสนุกทุกที
[Add อ้วนล่ำดำสิวหิวตลอด's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com