ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

จัดฟันด้านใน...เคล็ดลับของคนยิ้มสวย

จัดฟัน

จัดฟันด้านใน...เคล็ดลับของคนยิ้มสวย
(นิตยสาร Appeal)

"จัดฟันก็ยิ้มสวยได้ เมื่อมีเทคโนโลยีจัดฟันด้านในให้คุณยิ้มอย่างมั่นใจ"

เวลาที่เราคุยกับคนทั่ว ๆ ไป ริมฝีปากจะมีการเคลื่อนไหวมากที่สุดบนใบหน้า ฟันจึงเป็นจุดเด่นของใบหน้า แต่คนที่มีฟันเก ฟันยื่น คงไม่กล้าฉีกยิ้มอวดเสน่ห์เหมือนคนฟันเรียงสวยเพราะขาดความมั่นใจ ซึ่งทำให้เสียบุคลิกภาพ ครั้นจะจัดฟันให้คนเห็นลวดจัดฟันสีเงินวิบวับ คงเก้อเขินเพราะไม่ใช่เด็กแต่เทคโนโลยีที่ก้าวไกลในปัจจุบันสามารถช่วยให้คนที่ไม่อยากโชว์เครื่องมือจัดฟัน สามารถซ่อนเครื่องมือจัดฟันไว้ด้านในของฟันได้อย่างแนบเนียน เราจึงจับเข่าสอบถามกูรูผู้มีความชำนาญในการจัดฟัน ทพ.ดร.อมรพงษ์ วชิรมน ศัลยแพทย์ช่องปาก ขากรรไกร ใบหน้าและทันตแพทย์จัดฟัน จากเวอร์เทค คลินิกทันตกรรม ผิวพรรณศัลยกรรมความงาม ซึ่งคุณหมออมรพงษ์อธิบายว่า

"รอยยิ้มมีส่วนสำคัญสำหรับบุคลิกภาพ การที่เราจะอวดยิ้มอย่างมั่นใจก็ต้องมีพันที่เรียงสวย ซึ่งมีผลกับบุคลิกภาพที่ดี ครั้นจะให้ติดเหล็กจัดฟันด้านหน้ายิ้มเหมือนเด็กๆ อวดเหล็กสีเงิน วิบวับอยู่ตลอดเวลา บางคนอาจเก้อเขิน จึงมีการพัฒนาเทคโนโลยีในการจัดฟันต่างๆ เช่น พลาสติกใสและการจัดฟันด้านใน แต่การใช้พลาสติกใสจัดฟันอาจจะไม่มีประสิทธิภาพในการควบคุมการเคลื่อนของฟันได้ดีเหมือนเครื่องมือติดแน่น ซึ่งเครื่องมือติดแน่นด้านนอกอาจดูไม่สวยเวลายิ้ม จึงมีการคิดค้นเทคโนโลยีจัดฟันด้านใน เวลายิ้มจะมองไม่เห็น ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวที่กำลังเป็นที่นิยมกันคือ การจัดฟันด้านในแบบ Smart inside"

Smart inside

เป็นเครื่องมือจัดฟันด้านในที่ใช้เทคโนโลยีของลวดเส้นตรงเข้ามาประกอบโดยไม่ต้องรัดยาง ซึ่งสามารถจัดฟันด้านในให้กับเด็กและผู้ใหญ่ได้ นอกจากนี้การใช้ลวดเส้นตรงในการจัดฟันจะทำให้การเคลื่อนฟันมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการดัดลวดลงฟันจะสามารถเข้าที่ได้เร็วขึ้น

ข้อดีของการจัดฟันด้านใน

เวลายิ้มจะมองไม่เห็นเพราะอยู่ด้านหลังของฟัน จากงานวิจัยในประเทศเยอรมนี ชี้ให้เห็นว่า เครื่องมือจัดฟันด้านใน มีโอกาสที่ฟันจะผุเมื่อเทียบกับการจัดฟันด้านหน้าน้อยกว่า 10 เท่า แม้ว่าจะทำความสะอาดยากกว่าการจัดฟันด้านนอก ก็ตาม หรือถ้าฟันผุ มีรอยด่างบนฟัน หรือมีการทำลายผิวฟัน ก็จะมองไม่ค่อยเห็นเพราะอยู่ด้านใน ถ้าอยู่ด้านนอกจะเห็นรอยต่างเวลายิ้ม

เวลาเล่นกีฬาที่ต้องมีการปะทะ เช่น บาสเก็ตบอล ฟุตบอล การจัดฟันด้านในจะช่วยลดอันตรายจากกีฬาที่ใช้แรงปะทะ เพราะเวลาขนหรือกระแทกจะมีโอกาสบาดเจ็บต่อริมฝีปากค่อนข้างยากกว่าการจัดฟันด้านนอก

จากรายงานการวิจัยของประเทศญี่ปุ่นพบว่า เครื่องมือจัดฟันด้านในมีประสิทธิภาพในการจัดฟันไม่ต่างไปจากเครื่องมือจัดฟันด้านนอก ที่สำคัญคือ เครื่องมือจัดฟันด้านในมีประสิทธิภาพในการดึงฟันได้สูงกว่าการจัดฟันด้านนอก

ข้อเสียของการจัดฟันด้านใน

การจัดฟันด้านในอาจทำให้รำคาญลิ้นมากกว่าเครื่องมือจัดฟันด้านนอก ส่วนเครื่องมือจัดฟันด้านนอกจะทำให้รำคาญริมฝีปากมากกว่าด้านใน

ขั้นตอนการจัดฟันด้านใน

วินิจฉัย ทันตแพทย์จัดฟันจะตรวจและวินิจฉัยโครงสร้างใบหน้าตำแหน่งของฟันต่างๆ ถ่ายรูป เอ็กซเรย์ และตรวจช่องปาก หลังจากนั้น จะนำภาพเอ๊กซเรย์ไปวิเคราะห์ในเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างละเอียด แล้วนำมาวิเคราะห์และวางแผนการรักษา ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน ทั้งนี้เครื่องมือจัดฟันด้านในมีหลายชนิด โดยทันตแพทย์จัดฟันจะคุยกับคนไข้ว่าทำแบบไหนดี แบบไหนที่เหมาะกับคนไข้

พิมพ์ปาก เมื่อพิมพ์ปากคนไข้เสร็จก็จะส่งไปให้ห้องแลปปฏิบัติการทางทันตกรรม เพื่อที่จะทำเครื่องมือเฉพาะบุคคลที่จัดฟันด้านใน บางเทคโนโลยีสามารถใช้ Robotic System ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ร่วมกับ CAD/CAM (Computer aids design manufacturing) technology โดยการขึ้นรูปสามมิติเพื่อที่จะสร้างเครื่องมือจัดฟันด้านในเฉพาะบุคคล

ติดเครื่องมือจัดฟัน หลังจากได้เครื่องมือจากห้องปฏิบัติการ ทันตแพทย์จะนัดคนไข้มาทำความสะอาดฟัน เคลียร์ช่องปากแล้วติดเครื่องมือจัดฟันด้านใน จากนั้นใส่ลวดให้คนไข้ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ทำให้ฟันเคลื่อนตัว

รีเทนเนอร์ เมื่อกระบวนการจัดฟันด้านในเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนไข้ต้องใส่เครื่องมือคงสภาพฟันหรือรีเทนเนอร์ หลังจากนั้นจะถ่ายรูปเอ๊กซเรย์ เช็คตำแหน่งฟันให้เรียบร้อย สิ่งสำคัญหลังการจัดฟัน คือ ควรใส่รีเทนเนอร์ให้นานระดับหนึ่ง

จัดฟันด้านใน+การผ่าตัดเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใบหน้า

เครื่องมือจัดฟันด้านในสามารถนำมาใช้ร่วมกับการผ่าตัดเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใบหน้าของคนไข้ได้ ทั้งนี้คนไข้ที่ผ่าตัดเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใบหน้าส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องฟังก์ชั่น เรื่องการบดเคี้ยวและเรื่องความสวยงามที่ผิดปกติ คนไข้กลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ จึงไม่อยากติดเครื่องมือจัดฟันเพราะรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกและมองดูไม่สวยงาม ดังนั้นการจัดฟันด้านในจึงสามารถที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเหมือนการผ่าตัดทั่ว ๆ ไป โดยไม่มีใครรู้ว่าคนไข้คนนี้มีการจัดฟันร่วมกับการผ่าตัด

คุณหมออมรพงษ์กล่าวทิ้งท้ายว่า "คนไข้ที่อยากจัดฟันด้านใน ควรได้รับคำปรึกษาจากทันตแพทย์จัดฟันหรือทันตแพทย์ที่มีความชำนาญในการจัดฟันด้านใน เพราะจะเป็นผลดีต่อคนไข้เอง"




ขอขอบคุณข้อมูลจาก

กันยายน 2554 ISSUE 05




 

Create Date : 01 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2554 8:24:41 น.
Counter : 1541 Pageviews.  

วิธีผ่อนคลายอย่างง่าย



หากคุณรู้สึกว่างานที่ทำกำลังปลุกต่อมเครียดให้มีชีวิต ไหนจะมีประชุมแต่เช้าตรู่ นั่งทำงานที่โต๊ะไม่ถึง 10 นาที ก็มีโทรศัพท์เข้ามาไม่ขาดสาย บ่ายก็ต้องวิ่งออกไปหาลูกค้า ตอนเย็นยังต้องกลับมาทำ Report ส่งเจ้านาย เวลากลับบ้านไม่วายรถก็ติดแสน ฯลฯ

เรามีวิธีช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายได้ง่ายๆ แถมเติมโบนัสทางความคิดและมุมมองดีๆ แบบนี้เลย

MUST DO IT!

๑. สูดกลิ่นหอม รู้หรือเปล่าว่า กลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์จะช่วยปลุกประสาทสัมผัสให้สดชื่นตื่นตัว แถมยังกระตุ้นพลังงานในจิตใจได้เป็นอย่างดี เวลาเครียดๆ ลองสูดกลิ่นหอมของดอกไม้ อย่างกุหลาบ มะลิ ลาเวนเดอร์ หรือจะหยดน้ำมันหอมระเหยตรงโต๊ะทำงานก็ไม่เลวนะ เชื่อสิว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้นได้อย่างบอกไม่ถูกเลยเชียว

๒. ตากอากาศระยะสั้น เมื่อความเครียดรุมเร้า ก็ไม่ควรอุดอู้อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม ทางที่ดีคุณควรหาเวลาหลบไปสูดอากาศบริสุทธิ์ใกล้ๆ ธรรมชาติสักพัก อาจเป็นสวนหย่อมในที่ทำงาน หรือคาเฟทาเรียใกล้ๆ จากนั้นเดินผ่อนคลายและหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ ปล่อยสมองให้ว่างที่สุด เพราะบางทีความรู้สึกเหนื่อยล้าและหดหู่มันมาจากชีวิตที่ยุ่งเหยิงจนเกินไป
WOW! เพียงแค่ ๑๐ นาทีวิธีนี้ก็จะชาร์จพลังให้หัวใจของคุณให้ดีขึ้นได้

๓. จินตนาการแสนสุข อีกทางเลือกในการบรรเทาความเครียด คือ ดึงตัวเองออกจากโลกปัจจุบัน โดยหลับตาแล้วหายใจเข้าลึก ๆ ช้า ๆ แล้วหยุดไว้สองวินาทีก่อนหายใจออก การหยุดช่วงสั้นๆ จะมีผลทำให้ระบบประสาทสงบลง ทำแบบนี้ในที่เงียบๆ สัก ๕ นาที รับรองว่าจะรู้สึกดีแบบทันตาเห็น จากนั้นก็นึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ในการทำงาน เช่น วันที่ได้รับคำชมจากเจ้านาย หรืองานชิ้นโบว์แดงที่คุณทำแล้วรู้สึกภาคภูมิใจ เป็นต้น

๔. หนังสือบำบัด หาหนังสือที่อ่านแล้วสบายใจ เล่มบางๆ มาไว้ใกล้มือ เครียดเมื่อไหร่หยิบมาพลิกอ่านสักหน้าสองหน้าแก้เครียด

๕. สร้างอารมณ์ขัน หลังจากทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ลองชวนเพื่อนที่มีอารมณ์ขันคุยเบา ๆ จะช่วยกระตุ้นจิตใจที่แสนห่อเหี่ยวให้หัวเราะได้อีกครั้ง คนที่หัวเราะง่ายมักมีสุขภาพกายและจิตที่ดี เนื่องจากการหัวเราะจะช่วยลดความดันโลหิตและระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นการรักษาสมดุลของระบบประสาททางหนึ่งด้วย ( ฮอร์โมนคอร์ติซอล = ฮอร์โมนแสดงความเหนื่อยล้าในกระแสเลือด ) DID YOU KNOW ! สำหรับบางคนการหัวเราะเพียงครั้งเดียวมีค่าเท่ากับการผ่อนคลายสี่สิบห้านาทีเต็มทีเดียว

๖. พลังแห่งการสัมผัส ถ้ามีเพื่อนสนิทในที่ทำงานอาจสลับสับเปลี่ยนกันนวดบรรเทาอาการเครียด เพราะการโอบกอดหรือสัมผัสเบาๆ เวลารู้สึกเหนื่อยล้าจะทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่ชื่อ ออกซิโทชิน ช่วยลดระดับความเหนื่อยและความเครียด ทำให้ร่างกายที่กำลังอ่อนล้ารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ

MUST DO ! นวดศีรษะ โดยกางนิ้วออกแล้วใช้ปลายนิ้วนวดเบา ๆ ไล้จากคางขึ้นไปถึงหน้าผาก แล้วย้อนกลับมาที่ท้ายทอย หรือจะนวดบริเวณหางตาได้ด้วยก็ได้

๗. โทรหาเพื่อนรู้ใจ อย่าคิดว่าตัวเองจะแก้ทุกปัญหาได้ไปซะหมด หัวใจสาวมั่นแม้จะแกร่งแค่ไหนก็ยังต้องการที่พึ่งพิงบ้าง ยกหูโทรศัพท์หาเพื่อนรู้ใจสักคนแล้วระบายความรู้สึกให้เพื่อนได้รับรู้ การมีคนรับฟังและให้คำปรึกษาจะทำให้ชีวิตที่ยุ่งเหยิงเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น อย่างน้อยก็ยังรู้สึกว่า คุณไม่ได้แบกปัญหาอยู่คนเดียวในโลก แต่ขอเตือนว่าอย่าเมาท์เพลินจนเสียงานก็แล้วกัน

๘. หามุมสงบ-ฟังเพลง ฟังเพลงเบาๆ โดยเฉพาะเพลงแนว Meditation ทั้งเสียงบรรเลงดนตรีและเสียงธรรมชาติ อย่างเสียงคลื่น น้ำตก นกร้อง รับรองว่าจะช่วยสร้างสมาธิให้กลับคืนสู่สมองและจิตใจได้อย่างน่ามหัศจรรย์

๙. ทดลองหลับ บางตำรากล่าวไว้ว่าวิธีการที่ดีที่สุดในการรักษาสมดุลแห่งความเครียด คือ การฝึกจิตง่ายๆ ครั้งละ ๑๐ - ๑๕ นาที เช้าและเย็น ด้วยการนั่งท่าสบายๆ อยู่ที่โต๊ะทำงานของคุณ หนุนศีรษะบนแขนที่วางไขว้กัน หรือหาที่เหมาะนอนท่าเหยียดยาว หลับตาและปล่อยตัวตามสบาย เพื่อผ่อนคลายง่าย ๆ

DID YOU KNOW ! ในทางทฤษฎีว่าไว้เมื่อคุณหลับตาสามารถตัดข้อมูลต่าง ๆ ไม่ให้เข้าสู่สมองได้ถึง ๙๐ เปอร์เซ็นต์

๑๐. อย่าคาดหมายล่วงหน้า การมัวแต่คิดถึงการนัดหมายสำคัญๆ ในวันรุ่งขึ้น จะทำให้เข้านอนดึกด้วยความกังวลและเครียดเพิ่มขึ้นไปอีก ทางที่ดีทำใจให้สบายผ่อนคลายให้มากที่สุด บอกตัวเองว่าพักให้เต็มที่ แล้วพรุ่งนี้จะดีเอง จากนั้นตั้งนาฬิกาปลุกแต่เช้า เพื่อจะได้เตรียมตัวจนมั่นใจ โดยไม่อ่อนเพลีย

๑๑. รู้จัก “ เลี่ยง ” เมื่อถึงเวลา ในชีวิตการทำงานมักมีหลายเรื่องที่เข้ามากระทบความรู้สึกจนเกิดอารมณ์ แต่แทนที่จะตอบโต้กลับทันทีอย่างขาดสติ จนอาจทำให้ปัญหาลุกลามใหญ่โต การเดินหนีไปก่อน รอให้อารมณ์เย็นลงหรืออยู่กับโต๊ะทำงานตัวเองเงียบๆ จัดข้าวของหรือหาอะไรที่ไม่ต้องใช้สมาธิสูงมากทำ ลดความเครียดลงได้จนกว่าคุณพร้อมที่จะกลับมาลุยงานอีกครั้ง

๑๒. สร้างกำลังใจให้ตัวเอง ความผิดพลาดบางอย่างที่แก้ไขไม่ได้แล้วก็จำเป็นต้องยอมรับแล้วใช้เป็นบทเรียน แต่จงอย่างให้ความผิดพลาดนั้นกลายเป็นสิ่งที่มากดดันให้คุณเครียดจนเกินไป

MUST DO ! อย่ามัวคิดถึงสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้ว ควรเปิดใจให้กว้าง และกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลาในการ หาทางแก้ไขให้ดีขึ้น

๑๓. คิดในทางบวก จำไว้ว่าการมองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน คิดถึงประสบการณ์ดี ๆ ที่ผ่านมาในชีวิตให้บ่อยขึ้น รวมถึงคิดถึงความปรารถนาดีของคนอื่นที่มีต่อคุณก็จะช่วยให้เป็นคนที่เครียดน้อยลงและมีความสุขมากขึ้นได้

FW




 

Create Date : 31 ตุลาคม 2554    
Last Update : 31 ตุลาคม 2554 9:22:05 น.
Counter : 1353 Pageviews.  

ทำยังไง...ถ้าเขาไม่ได้เรื่องบนเตียง?

SEX,XXX,เซ็ก,เซ็กส์,เซ็กซ์,ประสบการณ์,ความรัก,ร่วมเพศ,เทคนิคบนเตียง,เรื่องบนเตียง,ร่วมรัก,เพศ,รัก



ถ้าเขาเงอะงะ สะเปะสะปะ ไม่ค่อยเจ๋งเท่าไหร่ในเรื่องบนเตียง เรามีอำนาจที่จะเปลี่ยนเขาได้นะ

มันเป็นเรื่องยากที่จะพูด แต่ถ้าชีวิตทางเพศของคุณเงื่องหงอยมากกว่าที่จะคึกคัก คุณก็ต้องทำอะไรบางอย่าง คุณอาจเลือกที่จะทนทรมานอยู่กับความเงียบ แล้วก็ระเบิดอารมณ์อย่างคับข้องใจ หรือเลิกกัน และทิ้งส่วนดีๆ ของสัมพันธภาพเอาไว้เบื้องหลัง หรือบางทีมันก็ยั่วยวนใจอย่างมากที่จะทำให้นอกใจกันได้ด้วย ฉะนั้น เพื่อป้องกันความปวดใจในอนาคต มันดีกว่าถ้าจะทำอะไรบางอย่างในเรื่องนี้อย่างทันท่วงที

ฝึกเขาเสียใหม่
หัวใจสำคัญของวิธีนี้ก็คือ การให้รางวัลแก่พฤติกรรมที่ดี ถึงแม้เขาจะเป็นคนเงอะงะที่สุดในโลก เขาก็คงต้องทำอะไรถูกบ้างสักเรื่องล่ะน่า (ถึงแม้จะเป็นไปอย่างเดาสุ่มก็ตามที) และก่อนที่เขาจะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นที่เอ็นจอยน้อยกว่า คุณต้องหยุดเขาเอาไว้ในที่ซึ่งคุณอยากให้เขาอยู่ จะด้วยการหายใจหอบกระเส่าหรือส่งเสียงครวญครางด้วยความสุข เขาจะเรียนรู้ในไม่ช้าว่าคุณชอบอะไร โดยไม่ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้รับคำสั่งจากคุณ แต่ถ้าเขาไม่รู้เลยจริงๆ ว่าทำอะไรอยู่ ไปหาซื้อคู่มือเรื่องเพศดีๆ มา “อ่านด้วยกัน” แต่แอบทิ้งไว้ให้เขาอ่านคนเดียวบ้าง หรือถ้าอยากให้เขาสัมผัสในบางที่ แต่ไม่อยากที่จะขอหรืออธิบาย ก็แค่จับมือเขานำทางไปยังที่คุณต้องการ หรือถ้าคุณอยากให้เขาทำออรัลเซ็กซ์ แต่เขาทำเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราว ก็ลองขึ้นเตียงแบบกลับหางดูสักที คุณคงพอนึกภาพออกนะ

พูดเปิดใจ
สมมุติว่ามีบางอย่างที่คุณชอบจริงๆ แต่มันไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก ลองกระตุ้นเขาให้ลงมือด้วยการพูดทำนองว่า “คุณจำตอนที่เราทำเรื่องอย่างว่าที่ริมทะเล (และอื่นๆ) ได้หรือเปล่า มันสุดยอดจริงๆ เลยนะ..” คนที่พอจะมีสามัญสำนึกอยู่บ้างคนไหนก็ต้องพอรู้ทั้งนั้นว่าคุณอยากได้อะไร หรือใช้แผนการแลกเปลี่ยน ด้วยการกระซิบถามเขาว่า เขาฝันอยากทำอะไร และบอกความฝันของคุณไปด้วย เพื่อให้เขารู้ว่าความฝันของเขาจะเป็นจริงได้ ถ้าเขาทำตามความฝันของคุณ

แผนสุดท้าย
ปัญหาที่แก้ได้ยากก็คือ คนที่ชอบทำในสิ่งที่ทำให้คุณหมดอารมณ์ มากกว่าแค่ลืมทำในส่งที่ทำให้คุณเกิดอารมณ์ คุณต้องพูดกับเขาในเรื่องนี้ แต่หาโอกาสเหมาะๆ อย่าพูดขึ้นมาก่อนจะมีเซ็กซ์หรือหลังมีเซ็กซ์ มันจะทำให้เขาต้องป้องกันตัวเองมากกว่า บอกในสิ่งที่คุณไม่ชอบ และให้โอกาสเขาพูดในสิ่งที่เขาไม่ชอบเช่นกัน หาทางประนีประนอมเท่าที่เป็นไปได้ และพยายามให้บทสนทนาเป็นไปในแง่บวก แต่ถ้าเขาก็ยังไม่เข้าใจประเด็นของคุณอยู่ดี เขาก็สุดแสนจะปัญญาอ่อน และก็โอ.เค. แล้วล่ะที่จะเลิกกับเขา




 

Create Date : 30 ตุลาคม 2554    
Last Update : 30 ตุลาคม 2554 10:44:29 น.
Counter : 1220 Pageviews.  

เสียงเซ็กช์ ควรเปล่งดีไหม???

SEX,XXX,เซ็ก,เซ็กส์,เซ็กซ์,ประสบการณ์,ความรัก,ร่วมเพศ,เทคนิคบนเตียง,เรื่องบนเตียง,ร่วมรัก,เพศ,รัก



เสียงเซ็กช์มีความสุขมากแค่ไหน???

เปล่งเสียงแห่งความสุขได้ดังแค่ไหน์???


ช่วงที่กำลังร่วมรักกันอยู่นั้นจะบอกคนรักได้อย่างไรว่าคุณกำลังมีความสุข ความพอใจกับรสสัมผัสลูบไล้ของเขา บางคนอาจมีคำถามอยู่ในใจว่าการร้องครวญครางนั้นถูกต้องหรือไม่ และคนอื่นๆที่นิ่งเงียบในขณะร่วมรักกันล่ะทำถูกหรือยัง

เส้นทางไปสู่จุดสุดยอดของการมีเซ็กซ์แต่ละคนแตกต่างกันไป บางคนจะร้องครวญคราง บางคนแค่หายใจแรง แต่จะมีความสุขสนุกสนานแบบไหนนั้นก็ไม่อาจจะรู้ได้

แต่การส่งเสียงร้องครวญครางดังแค่ไหนจึงจะเป็นเซ็กซ์ที่น่าพอใจล่ะ มีกฎง่ายๆ คือ คุณสามารถร้องครวญครางได้ดังที่สุดเท่าที่ฝาผนังของคุณจะกั้นเสียงไว้ได้ มันไม่ได้หมายความว่าการส่งเสียงร้องแสดงความสุขจากการร่วมรักให้คนอื่นได้ยินจะเป็นสิ่งไม่ดี แต่ถ้าคุณปลดปล่อยเสียงดังให้ข้างบ้านได้ยินเป็นประจำสม่ำเสมอ ย่อมเป็นการรบกวนเพื่อนบ้านเป็นแน่ และอาจตกเป็นเป้าให้เพื่อนบ้านนินทาและซุบซิบกัน เพราะเรื่องเพศในสังคมไทยยังเป็นสิ่งที่ต้องสงวนไว้เป็นเรื่องเฉพาะคนสองคน ในห้องนอนเท่านั้น

แต่ถ้าไม่มีเสียงร้องครวญครางเลยมันจะทำให้อารมณ์พิศวาสในขณะนั้นไม่เซ็กซี่ เพราะทั้งผู้ชายและผู้หญิงจะรู้สึกปลาบปลื้มมากที่คู่ของตัวเองส่งเสียง บ่งบอกถึงความสุขที่กำลังได้รับอยู่

ควรใช้เวลาร่วมรักนานเท่าไหร่

ประโยคที่มักได้ยินบ่อยๆ เมื่อมีคนพยายามที่จะอธิบายถึงหญิงชายที่กำลังอยู่ ในห้วงแห่งความรักก็คือ "พวกเขามีรักกันตลอดคืน"แต่ก็ยังมีคำถามตามมาอีกว่า การร่วมรักนับจากเวลาไหน เมื่อไหร่จึงจะนับเวลา เริ่มจากจูบแรกจนกระทั่งถึงจุดสุดยอดหรือเปล่า หรือนับเวลาตั้งแต่ประสานเข้าเป็นเนื้อเดียวกันจนไปถึงจุดหมายปลายทางแห่ง อารมณ์พิศวาส

จากการศึกษาวิจัยชี้ให้เห็นว่า ผู้หญิงต้องการเวลาในการร่วมรักนานกว่าผู้ชาย จึงจะไต่ถึงบันไดสวรรค์ เพราะผู้หญิงมีอารมณ์ละเอียดอ่อนกว่าผู้ชายซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้วว่า แค่เวลาสองสามนาทีไม่อาจทำให้ผู้หญิงถึงจุดสุดยอดได้ ส่วนในกรณีที่ผู้ชายสามารถร่วมรักได้อย่างทนทาน จนคนรักสาวต้องขอร้องให้หยุดเพราะทนความเจ็บแสบไม่ได้ ผู้ชายแบบนี้ไม่ใช่ผู้ชายในฝัน เพราะมันเป็นการกระทำที่มากเกินกว่าที่จะสร้างความประทับใจให้กับผู้หญิง

ส่วนผู้ชายที่สงวนท่าทีและพยายามที่จะทำเกมรักให้ถูกต้องจนกลายเป็นความยืดเยื้อยาวนานจนน่าเบื่อ ถ้าภายใน 15 นาที เขายังไม่จูงมือสาวปีนป่ายขึ้นบันไดสวรรค์แล้วล่ะก็ ก็อาจจะแอ้งแม้งอยู่บนพื้นโลกเท่านั้นก็เป็นได้

ดังนั้น การจะใช้เวลาร่วมรักกันนานแค่ไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของ หญิงชาย หากทั้งคู่มีความต้องการซึ่งกันและกันมาตลอดวันและอดกลั้นไว้จนถึงเวลาที่ ได้อยู่ร่วมกัน ความเร่าร้อนที่สะสมไว้ก็ไม่ต้องใช้เวลานานในการร่วมรัก เพราะอาจจะแค่ 5 นาทีก็ถึงจุดระเบิดเพลิงรักอย่างง่ายดาย

ความรักต้องการเซ็กซ์บ่อยแค่ไหน

ค่อนข้างหายากที่คู่สามีภรรยาจะมีเซ็กซ์ด้วยกันตลอด เพราะเมื่ออยู่ด้วยกันนานๆ ก็ย่อมจืดชืดไปตามกาลเวลา แต่อย่าลืมว่ายังมีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่นอกเหนือจากการมีเซ็กซ์ การตะกายอยู่บนที่นอนด้วยกันไม่อาจพิสูจน์ความรักได้

ที่สำคัญก็คือ คู่สมรสควรมีความสุขในการร่วมรักได้บ่อยครั้งอย่างที่ต้องการ และเกิดขึ้นเองด้วยความเต็มใจโดยไม่มีการบังคับ แต่ถ้าทั้งคู่ไม่ได้หลับนอนด้วยกันเลย ก็เป็นข้อพิสูจน์อย่างหนึ่งว่า ความสัมพันธ์ของชีวิตคู่คลอนแคลนเสียแล้ว และยังมีปัญหาที่แก้ไม่ได้ หรือกำลังอยู่ในขั้นตริตรองว่ายังมีความรักเพียงพอที่จะประสานใจให้อยู่ด้วย กันต่อไปอย่างยาวนานหรือไม่

ถ้าตัวคุณและคู่รักมีความสุขดีกับชีวิตรัก ก็สามารถร่วมรักกันได้บ่อยอย่างที่ต้องการ และเปล่งเสียงแห่งความสุขออกมาเถอะอย่าไปสะกดกลั้นไว้

การแสดงออกของชายคนรัก บ่งบอกว่าเขาเป็นอย่างไร

การถอนหายใจ ทุกสัมผัสก่อให้เกิดการสั่นสะเทือน จนต้องหายใจหนักๆ เป็นเพราะว่าเขากำลังมีความสุขอย่างเงียบๆ เขาเป็นคนรักที่อ่อนไหวและมีอารมณ์ร่วม

การร้องครวญคราง เขาแสดงความตื่นเต้นออกมาอย่างเต็มที่ เซ็กซ์ไม่ได้เป็นแค่สิ่งสวยงามข้างกายเขาเท่านั้นแต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการ เสพสุขในชีวิตอีกด้วย กับผู้ชายแบบนี้คุณจะได้ประสบกับเซ็กซ์ในรูปแบบใหม่ๆ

การพูด ข้อสังเกตเล็กน้อยสำหรับผู้ชายแบบนี้ก็คือเขาชอบเล่นผาดโผนกับคู่รัก เขาเป็นนักรักที่เต็มไปด้วยจินตนาการที่สามารถทำให้คุณหัวเราะได้




 

Create Date : 29 ตุลาคม 2554    
Last Update : 29 ตุลาคม 2554 10:13:08 น.
Counter : 1094 Pageviews.  

ท่าเมกเลิฟสำหรับสาวหนุ่มหุ่นอวบ

SEX,XXX,เซ็ก,เซ็กส์,เซ็กซ์,ประสบการณ์,ความรัก,ร่วมเพศ,เทคนิคบนเตียง,เรื่องบนเตียง,ร่วมรัก,เพศ,รัก,XX



น้ำหนักส่วนเกินอาจทำให้คุณหรือเขา กระดากอายจนไม่กล้าปฏิบัติการทางเพศบ่อยนัก และท่าทางในการร่วมรักบางท่าอาจทำให้เกิดความอึดอัดไม่สบาย ฉะนั้น ลองใช้ท่าทางต่อไปนี้ ที่จะทำให้เซ็กซ์ของคุณซาบซ่านแบบไม่จำกัดน้ำหนัก

* ถ้าน้ำหนักเกินทั้งคู่ ให้ผู้หญิงนอนหงายและแบะต้นขาออกด้านข้าง แนวโค้งของขาจะทำให้ผู้ชายมีพื้นที่เพิ่มขึ้นสำหรับขนาดร่างกายอันใหญ่โตของ เขา ทำให้ร่างกายคุณยังคงสัมผัสกันอยู่ แต่ไม่อึดอัด

*ถ้าผู้หญิง น้ำหนักเกิน ผู้ชายน้ำหนักปกติ ให้ผู้หญิงนอนตะแคงข้างและยกขาที่อยู่ข้างบนขึ้นหาหน้าอกให้มากที่สุดเท่า ที่จะทำได้ ผู้ชายลุกล้ำเธอจากข้างหลัง เฉียงไปทางด้านข้างเล็กน้อย โดยให้เข่าทั้งสองข้างวางอยู่ด้านข้างขาที่อยู่ข้างล่างของเธอ ผู้ชายสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้ ด้วยการจับขาของเธอเอาไว้

* วิวดีๆ จากด้านหลัง ท่านี้สามารถใช้ได้ทั้งชายหญิงที่น้ำหนักเกินทั้งคู่ หรือแค่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายเดียว ท่าเข้าทางด้านหลังไงล่ะ มันเป็นท่าที่ผู้ชายสามารถวางหน้าท้องของเขาไว้บนก้นของเธอได้ และรุกล้ำได้ลึกขึ้น โดยไม่ถูกจำกัดด้วยพุงของเขา ทั้งสองคนอาจยืนทั้งคู่ และฝ่ายหญิงก้มตัวลงวางแขนเท้าบนเตียงหรือโซฟา หรืออาจให้เขายืนและผู้หญิงคุกเข่าอยู่ที่ขอบเตียงก็ได้



ภาพประกอบจาก //www.photos.com




 

Create Date : 28 ตุลาคม 2554    
Last Update : 28 ตุลาคม 2554 8:16:11 น.
Counter : 1192 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.