|
ขอไปหน่อย ดอยแม่สลอง ขากลับแวะเชียงของด้วยนะ
"ชั้นจะพาแม่ไปดูดอกนางพญาเสือโคร่งที่ดอยแม่สลอง จะไปด้วยกันเปล่า?"
"ไปดิ ว่าแต่ช่วงนั้นดอกมันไม่ร่วงไปหมดแล้วเรอะ?"
ขึ้นกระทู้ท่องเที่ยวด้วยบทสนทนาอีกแล้วค่ะ (อย่างนี้หรือเปล่าที่เขาเรียกกันว่า "หมดมุก"? ) ใจความข้างต้นมาจากบทสนทนาของเรากับเพื่อน อ. ซึ่งสนิทสนมกันแบบรักๆชังๆมาตั้งแต่สมัยเรียนมหา'ลัย เรื่องของเรื่องคือ เพื่อนเรากะจะลางานเพื่อพาแม่ไปเที่ยวดอยแม่สลองที่เชียงราย แล้วขากลับก็แวะเชียงแสนกับเชียงของ ทีนี้ช่วงที่เพื่อนกะจะไปคือกลางมกราคมเพราะว่าเป็นช่วงโลว์ซีซันส์จะได้คนน้อยๆ ประกอบกับรุ่นน้องที่เพิ่งไปดอยแม่สลองเมื่อช่วงปีใหม่บอกมาว่าดอกนางพญาเสือโคร่งกำลังบานเต็มเลย หลังจากแจ้งให้แม่ทราบแต่เนิ่นๆว่าจะมีเราพ่วงไปด้วย ก็ได้ฤกษ์นัดแนะกันว่าเรากับเพื่อนจะออกจากกรุงเทพฯแล้วไปเจอแม่ซึ่งออกจากอุดรฯที่เชียงรายช่วงเช้าวันศุกร์ จากนั้นก็ต่อรถไปดอยแม่สลองด้วยกันค่ะ
ข้างล่างนี้รูปที่พักบนดอยแม่สลองค่ะ (รูปบ้านไม้สีน้ำตาล มีธงเหลืองแขวนหน้าบ้าน) ชื่อ Little Home Guest House พี่เจ้าของน่ารักมาก คอยบริการน้ำชาให้ แล้วก็มีแผนที่แจก และให้คำแนะนำด้วยว่ามีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง มอเตอร์ไซค์ก็มีให้เช่าด้วย และเนื่องจาก จขบ. ขับยานพาหนะสองล้อที่ไม่ใช่จักรยานไม่เป็น เลยต้องซ้อนท้ายเพื่อน ส่วนหม่ามี้ของเพื่อนขับเป็นก็เลยขับของตัวเองได้โดยไม่มีปัญหา (หม่ามี้ขา หนูขอโต้ด)
หนึ่งในร้านที่ได้รับการแนะนำว่าต้องไปให้ได้ คือร้านกาแฟสวีทแม่สลอง พวกเราสามหน่อก็เลยไปนั่งสั่งกาแฟและเค้กทานกัน ก็วิวสวยดีค่ะ มองไปเห็นเทือกเขาที่เป็นทุ่งชาด้วยเพราะบนดอยแม่สลองปลูกชาเยอะมาก ตัวร้านก็เป็นไม้ๆคลาสสิคดี สนนราคากาแฟจะอยู่ที่ประมาณ 60-80 บาท ส่วนเค้กก็ประมาณร้อยบาท ก็โอเคค่ะสำหรับรสชาติและราคา (พอดียังไม่มีที่ไหนมาชิงตำแหน่งกาแฟอร่อยที่สุดไปจากดอยช้างสำหรับเราได้น่ะ หุหุ)
ส่วนหมั่วโถวกับเนื้อตุ๋นที่รูปขวาบนนั่นมาจากร้านอาหารอิสลาม ชื่อว่าร้าน Salima เพราะว่าบนดอยแม่สลองมีหมู่บ้านจีนยูนนาน ก็จะมีอาหารจีนประเภทหมั่นโถวกับขาหมูขายทั่วไปหมด แต่เพราะร้านที่เราไปกินเป็นอิสลามเลยได้เนื้อวัวตุ๋นแทน ใครชอบกินเนื้อรับรองว่าอร่อยค่ะ เมนูอื่นที่เราสั่งไปก็มีเห็ดหอมทอดซีอิ๊วกับยำทูน่าใบชา นี่ก็อร่อยเหมือนกัน
ต่อมา เป็นรูปของวันที่สองบนดอยแม่สลอง ก็แวะชมไร่ชาวังพุฒตาลที่เจ้าของที่พักของเราแนะนำมาก ขับมอเตอร์ไซค์ไปจากที่พักประมาณครึ่งชั่วโมง เป็นไร่ชาใหญ่ แล้วก็มีสิ่งปลูกสร้างแปลกๆอย่างกาน้ำชายักษ์ซึ่งปกติเอาไว้เป็นร้านขายน้ำชา ตรงทางเข้าก็มีสิงโตเงินสิงโตทองไซส์บักเอ้กเฝ้าอยู่ ถ้ามากับกลุ่มเพื่อนกลุ่มใหญ่ๆน่าจะถ่ายรูปกันสนุกเลยล่ะ
บ่ายแก่ๆก็ไปไหว้พระที่พระธาตุสันติคีรีซึ่งเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุด ถนนทางขึ้นก็ชันและโค้งได้ใจค่ะ ถ้าใครขับมอเตอร์ไซค์ไม่แข็งนี่ไม่แนะนำเด็ดๆ เพราะถ้าหากมัวแต่เพลินกับพระอาทิตย์ตก ขากลับอาจเกิดอันตรายเพราะไม่มีไฟข้างถนนเลย
เช้าของอีกวัน ก่อนกลับลงจากดอยก็ไปแวะดูหมู่บ้านชาวเขาซึ่งต้องขับมอเตอร์ไซค์เลยขึ้นไปจากที่พัก เด็กๆน่ารักดีค่ะ แต่มองพวกเราแบบไม่ค่อยไว้ใจ คงสงสัยว่าคนพวกนี้จะมาถ่ายรูปตรูทำไม แต่เบบี้ตัวน้อยในชุดสีชมพูน่าร้ากน่ารัก แก้มยุ้ยเชียว เห็นแล้วอยากฟัด
ขอเน้นรูปน้องคนนี้เป็นพิเศษ เพราะสีหน้าขมวดคิ้วสงสัยของน้องชนะใจกรรมการมาก แบบว่าทั้งที่ดูเหมือนกลัวๆแต่ก็ยังไม่ยอมเดินหนีพวกเราเลยน่ะ เลยได้ชักภาพน้องมาหลายรูปแน่ะ แต่รูปหลังๆเหมือนน้องจะเริ่มยิ้มแล้วนะ สงสัยเริ่มคุ้นล่ะมั้ง
ส่วนจุดประสงค์หลักของการมาดอยแม่สลองก็แป้กไปค่ะ เพราะว่าดอกนางพญาเสือโคร่งโรยหมดแล้ว ตอนแวะขึ้นไปดูที่สุสานนายพลต้วนก็เจอแต่ต้นโกร๋นๆ เหลือดอกติดกิ่งไม่เท่าไหร่ เอาน่า อย่างน้อยก็ยังได้เห็นบางส่วนล่ะนะ
ตอนสายๆลงจากดอยแม่สลองแล้วต่อรถเมล์ไปเชียงแสน แต่พอดีไม่มีเวลาดูอะไรกันมาก ก็ต่อรถสองแถวไปเชียงของกันต่อค่ะ แต่ถ้าคนอื่นที่มีเวลาแล้วก็ชอบดูซากเมืองเก่าอะไรแบบนี้ เชียงแสนก็น่าสนใจทีเดียวนะ
ถนนที่ไปเชียงของนี่เป็นเส้นเลียบน้ำโขงซึ่งปกติรถใหญ่จะไม่ใช้กันค่ะ ก็ดีตรงที่วิวสวย แต่เราหลับๆตื่นๆเลยไม่มีรูปมาให้ดู ก็เลยขอแปะรูปเมืองชายโขงเล็กๆเงียบสงบของเชียงของเลยแล้วกันนะ
รูปจากวัดต่างๆ ซึ่งดูเป็นเรื่องธรรมดาที่เมืองริมแม่น้ำโขงจะมีวัดตั้งเรียงรายกันเยอะ ความที่หม่ามี้ของเพื่อนชอบเข้าวัดเข้าวาอยู่แล้ว ก็เลยได้เดินเล่นทัวร์วัดแทบตลอดระยะทางจากที่พัก
เราไม่รู้ว่าเชียงของเคยบูมไหม แต่เท่าที่ได้ไปเห็นและสัมผัสในระยะเวลาสั้นๆมา ก็รู้สึกว่าที่นี่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวน้อยและส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ แต่ก็เหมือนมาอยู่ที่นี่ไม่กี่คืนแบบเป็นทางผ่านมากกว่า ในแง่ร้านรวงต่างๆก็ไม่เยอะหรือน่าตื่นเต้นเหมือนปายหรือเชียงคานที่กำลังดัง แต่เราก็ชอบความเงียบๆไม่มีอะไรของที่นี่นะ ดูน่ามาปลีกวิเวกมากๆ
และเมื่อมาถึงเมืองชายโขงทั้งที จะไม่ข้ามไปฝั่งลาวก็กระไร ก็ได้ลงเรือข้ามฝั่งไปแขวงบ่อแก้ว แล้วเช่าสกายแล็บไปดูตลาดจีน ตลาดพื้นเมือง แล้วก็วัด ได้กราบพระและได้ผูกสายสิญจน์มาด้วยค่ะ
ส่วนนี่เป็นรวมมิตรรูปจากตลาดและชุมชนฝั่งลาว ในรูปจะเห็นพี่เจ้าของร้านขายของคนหนึ่งกำลังนั่งฟั่นเทียนอย่างเชี่ยวชาญ เค้าจะใช้วิธีเอาเทียนแผ่นใส่กล่องอังหลอดไฟให้เนื้อมันอ่อน แล้วเอามาโปะรอบไส้เทียนที่เป็นเชือกยาวๆผูกโยงขื่อไว้ แล้วก็ดึงๆรูดๆจนมันขยายตัวตามไส้เทียนเป็นแท่งยาวๆ แต่เทียนแบบนี้จะตั้งไม่ได้เพราะเป็นเทียนที่เอาไว้จุดแขวนทำพิธี ความที่หม่ามี้ของเพื่อนเราเป็นแฟนเทียนขี้ผึ้งแท้และเคยหาซื้อได้ที่เวียงจันทน์ ก็เลยถามคนขายไปว่ามีไหม ปรากฏว่าที่ร้านเองไม่มี แต่มีขี้ผึ้งแท้ที่ปกติเอาไว้ผสมไขทำเทียนซึ่งคนขายยอมแบ่งขายให้ หม่ามี้เลยขอซื้อมาในราคาครึ่งกิโล 250 บาทแล้วบอกจะเอาไปหัดฟั่นเอง เพื่อน อ. ก็ไม่มาเล่าให้ฟังเลยว่าป่านนี้หม่ามี้ฟั่นเทียนได้หรือยัง
ในรูปมุมบนซ้ายคือเส้นเปียกค่ะ เห็นว่าเป็นอาหารญวน ซึ่งถ้าตามร้านอาหารเวียดนามในเมืองไทยจะเรียกกันว่าก๋วยจั๊บเวียดนามทั้งที่เส้นมันอ้วนๆกลมๆเหมือนอุด้ง แต่สำหรับ จขบ. รู้สึกว่าเส้นเปียกที่เคยกินที่หลวงพระบางอร่อยที่สุด เครื่องกับผักแนมก็ให้เยอะ ว่าแล้วอยากกลับไปอีกจัง
ก็จบกันไปอีกทริปค่ะสำหรับการขึ้นเหนือ-อีสานสำหรับต้นปีนี้ ออกจะรีบๆไปนิดแต่ก็ดีที่ได้เปลี่ยนบรรยากาศ ยังไงขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ
Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2553 14:36:28 น. |
|
13 comments
|
Counter : 1849 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ป้าเดซี่ (Oops! a daisy ) วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:19:22 น. |
|
|
|
โดย: chenyuye วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:12:19:12 น. |
|
|
|
โดย: แม่ส้มแป้น วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:48:10 น. |
|
|
|
โดย: น้ำฝน (CeciLia_MaLee ) วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:51:39 น. |
|
|
|
โดย: ceacar salad วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:13:12:25 น. |
|
|
|
โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:50:32 น. |
|
|
|
โดย: APPLEAIR วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:17:49:03 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 1 มีนาคม 2553 เวลา:19:12:19 น. |
|
|
|
โดย: wicsir วันที่: 1 มีนาคม 2553 เวลา:20:17:02 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 1 มีนาคม 2553 เวลา:22:48:34 น. |
|
|
|
โดย: นู๋ที วันที่: 1 มีนาคม 2553 เวลา:22:54:30 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 6 มีนาคม 2553 เวลา:0:14:30 น. |
|
|
|
| |
|
|
ขอบคุณนะคะ