All Blog
[Review]: Momonde First Energy Serum มาดูแลผิวขาดน้ำด้วยเซรั่มดอกสายน้ำผึ้งกันค่ะ


สวัสดีค่าทุกคน ห่างหายจากการอัพบล๊อคไปนาน เนื่องจากอยูในช่วงไว้อาลัย แต่ชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อไปเนอะ ขอให้ตั้งใจมั่นและดำรงตนอยู่ในคุณงามความดีแล้วกันค่ะ Smiley
สืบเนื่องจากว่าวันก่อน ซึ่งหมายถึง เกือบเดือนก่อน 555+ ลัลไปเดินเล่นแถวเซนทรัลลาดพร้าว ตั้งใจจริงๆคือจะไปซื้อเครื่องสำอาง  ตรงบิวตี้โซนชั้น 1 ตอนนั้นคลั่งคุชชั่นมาก ไม่ได้คลั่งจากอะไรหรอก คลั่งจากการที่พี่สาวอย่าง Park Shin Hye ก็ใช้แบรนด์นี้ 5555+ นางน่ารักจริงๆนะ คนอย่างเรามีเหรอจะพลาด... ตามสิค่ะ ตามไปซื้อ ลัลใช้เวลาในการหาเคาเตอร์แบรนด์นี้อยู่นานมาก และเเล้วSmileyเราก็เจอค่ะ " Mamonde" นั่นเอง






Mamonde เป็นแบรนด์จากประเทศเกาหลีใต้ ภายใต้การควบคุมดูแลของบริษัท Amore Pacific ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตแบรนด์เครื่องสำอางดังๆมากมายในประเทศเกาหลีและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก สำหรับเคาเตอร์จะเน้นการตกแต่งด้วยโทนสีขาว มาในคอนเซปต์ Flower, Women , Expert ด้วยคอนเซปต์ดอกไม้นี้เองจึงเป็นที่มาของแรงบันดาลใจในการผลิตเครื่องสำอางและskincare ค่ะ




เครื่องสำอางเเพคเกจน่ารักๆเยอะแยะละลานตาไปหมด ถามว่าได้กลับมาสักชิ้นมั้ย ? ตอบเลยว่า ไม่ค่ะ! Smiley 555 ,,, ก็เพราะสายตาเจ้ากรรมเหลือบไปเห็นตัวนี้เข้าพอดี อะไรเอ่ยสีเหลืองทองๆ จัดบูธสวยอ่ะ (คิดในใจ ... ต้องเป็นตัวท้อปของแบรนด์นี้เลย ไม่ได้ลองไม่ได้แล้ววววว ) รีบพุ่งตัวไปหา BA อย่างเร็วและแล้วก็จัดการค่าเสียหายไป 990 THB ค่ะ 
ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เป็นเซรั่มที่ตั้งใจไว้ว่าจะรีวิวให้ชมกันค่อนข้างนานพอสมควร ได้โอกาสเลยจะมาแนะนำ และสาธิตวิธีการใช้เซรั่มตัวนี้ให้ทุกคนได้ศึษากันค่ะ

Mamonde First Energy Serum
มามอนด์ เฟิร์ส เอนเนอจี เซรั่ม





 "Mamonde First Energy Serum" เป็นเซรั่มที่เหมาะแก่คนที่ต้องการมีผิวหน้าแข็งแรง เนียนใส สะอาด ด้วยสารสกัดจากดอก Honeysuckle หรือดอกสายน้ำผึ้งที่นำมาผ่านนวัตกรรมพิเศษของ Mamonde จนได้เซรั่มเข้มข้นที่พร้อมจะดูแลผิวอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยให้เราใช้เป็นขั้นตอนแรกหลังจากทำความสะอาดผิวหน้า 
ในไลน์ของผลิตภัณฑ์รุ่น firming booting นี้จะมี 2 สูตรด้วยกันคือ
1. Mamonde First essence สำหรับผู้ที่มีลักษณะผิวผสม และ
2. Mamonde Firstserum สำหรับผู้ที่มีลักษณะผิวแห้งค่ะ



ความจริงลัลเป็นคนผิวผสมค่อนข้างไปทางมันหน่อยๆ แต่เราทำงานห้องแอร์เย็นจัดๆทุกวัน รู้สึกว่าผิวขาดน้ำมาก บางครั้งก็แพ้ขึ้นผื่น ผิวไม่แข็งแรงเอาซะเลย เลยปรึกษา BA สรุปว่าให้เราใช้ตัวเซรั่มน่าจะดีกว่าใช้แบบเอสเซนต์เพื่อจะช่วยให้ผิวชุมชื้นและเเข็งเเรงขึ้นนั่นเองค่ะ

Ingredients :

1.Honeysuckle Extract : สารสกัดจากดอกสายน้ำผึ้ง
>> ดอกสายน้ำผึ้งเป็นดอกไม้สีเหลืองที่ชาวเอเชียตะวันออกใช้ในยาสมุนไพรมานานนับศตวรรษ และมีคุณสมบัติน่าอัศจรรย์หลายอย่าง ทั้งช่วยต้านแบคทีเรีย ต้านอาการอักเสบ กำจัดความแห้งจากผมและผิว และอุดมด้วย ฟลาโวนอยด์ที่เป็นแอนตี้ออกซิแดนต์ ซึ่งมีประโยชน์ในด้านแอนตี้เอจจิ้งชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอีกด้วยค่ะ ซึ่งถูกผลิตขึ้นด้วยกรรมวิธีบ่มสกัดแบบโบราณเป็นระยะเวลา 365 วันจนได้ความเข้มข้นของสารสกัดมากถึง 81.31%เลยค่ะ




2. Lactobacillus :แลคโตบาซิลลัส 
>> ด้วยกรรมวิธีของทางแบรนด์ Mamonde ได้มีการสกัดแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัสออกมาจากกลีบของดอกสายน้ำผึ้ง ช่วยในเรื่องของลดการเจริญเติบโตที่มากไปของเชื้อโรคตามบริเวณผิวหนัง และเพิ่มการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันเสริมสร้างให้ผิวแข็งแรงขึ้นนั่นเองค่ะ


Packaging: 

มาในกล่องกระดาษสีขาวอมน้ำตาลอ่อนด้วยแนวคิดอนุรักษ์ธรรมชาติค่ะ ตัวขวดเซรั่มเป็นลักษณะของหัวปั๊มสุญญากาศ กดง่ายค่ะ



Texture: 

เนื้อเซรั่มมีสีขาวและค่อนข้างขุ่น ความหนืดไม่มากค่ะลัลกดออกมาทีนึงก็กระเด็นเลย555 ต้องกางมือในลักษณะของก้นกระทะจะทำให้เนื้อเซรั่มไม่กระเด็นเกินมือไป เนื้อเหลวไปนิดอิๆ ลัลลองกดเพื่อทดสอบเนื้อเซรั่มบนแขนแล้วใช้มือวนๆสักประมาณ 3 วินาที ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจค่ะ เซรั่มซึมไวใช้ได้เลยทีเดียว หายกลืนไปกับแขนเลย Smiley



Direction:

วิธีการใช้ง่ายๆเลยก็คือให้เราใช้เป็นตัวแรกหลังทำความสะอาดผิวหน้า แต่โดยส่วนตัวหากใครมีโทนเนอร์เช็ดผิวลัลแนะนำให้เช็ดโทนเนอร์ก่อนที่จะลงเซรั่มตัวนี้ค่ะ แต่ถ้าไม่มีการเช็ดโทนเนอร์ก็ลงเป็นตัวแรกได้เลย ใช้ปริมาณเท่าเหรียญบาทลงบนฝ่ามือแล้ววนให้เซรั่มแตกตัวด้วยมืออีกข้างจึงตบเบาๆลงไปที่ผิวหน้าเราค่ะ หลังจากนั้นก็ตามด้วยครีมที่เราใช้อยู่ปกติได้เลย





Conclusion: 

โดยรวมแล้ว ลัลว่า Mamonde : First Energy Serum เป็นเซรั่มบำรุงผิวที่น่าสนใจในแง่ของธรรมชาติบำบัดด้วยสารสกัดจากดอกสายน้ำผึ้งเข้มข้น กลิ่นหอมช่วยให้ผ่นคลายอีกทั้งในแง่ของ เนื้อสัมผัสที่บางเบาแต่ให้ความชุ่มชื่นกับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะกับทุกสภาพผิว และเหมาะมากกับคนที่มีผิวขาดน้ำเหมือนอย่างลัล รู้สึกได้เลยว่าผิวชุ่มชื้นขึ้น รอยสิวจางลง เเต่งหน้าติดง่ายขึ้นมากๆ และยังไม่เป็นสิวง่ายด้วยค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นควรใช้ติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อประสิทธิภาพที่สมบูรณ์ค่ะ 






Score: 

4.5/5 ค่ะวันนี้ให้คะแนนตัวนี้มากเป็นพิเศษ เพราะเป็นตัวนึงที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นอย่างเห็นผลได้ชัดจริงๆ ถามว่าซื้อต่อมั้ย >>> บรรจุลง Favorite Item เรียบร้อยแล้วค่ะ 555+


Price:
• Mamonde First Essence ราคา 990 บาท / ขวด (150 ml.)
• Mamonde First Serum ราคา 990 บาท / ขวด (100 ml.)

*** ถือว่าใช้ได้นานคุ้มค่ามากจริงๆค่ะ 

Store:

เคาน์เตอร์ สยามพารากอน ชั้น M โซน Beauty Hall Tel. 02-610-7756
เคาน์เตอร์ เดอะมอลล์งามวงศ์วาน ชั้น 1 โซน Beauty Hall Tel.02-550-0465
เคาน์เตอร์ เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 1 โซน Beauty Gallery Tel.02-541-1197

















Create Date : 26 ตุลาคม 2559
Last Update : 26 สิงหาคม 2561 20:03:48 น.
Counter : 2228 Pageviews.

0 comment
[Review]: Rojukiss White Poreless Advanced Repair Serum เซรั่มสกัดเย็น จบ 12 ปัญหาแก้ยาก


 บล็อคนี้จะมาแนะนำผลิตภัณฑ์และรีวิวเล็กๆให้ชมกันค่ะ เป็นเวชสำอางสกัดเย็น อันดับ 1 จากประเทศเกาหลี  นั่นก็คือ แบรนด์ Rojukiss นั่นเอง ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีชื่อว่า 


"ROJUKISS WHITE PORELESS ADVANCED REPAIR SERUM''
โรจูคิส ไวท์ พอร์เลส แอดวานซ์ รีแพร์ เซรั่ม





ซึ่งคิดค้นพัฒนาเพื่อดูแลผิว และแก้ไขปัญหารูขุมขนกว้างโดยเฉพาะ ด้วยสุดยอดนวัตกรรมการสกัดเย็น " แตะ...แตกตัว...ซึมทันที"  จบ 12 ปัญหาผิว...แก้ยาก จาก 12 วิตามิน อาหารเสริมผิว และสารสกัดพิเศษเข้มข้นจากธรรมชาติ จากศูนย์วิจัย LAB DERMA Rx ซึ่งพิสูจน์และรับรองโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศเกาหลี ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ทุกปัญหาผิวค่ะ





*** การสกัดเย็น คือ การสกัดสารโดยไม่ผ่านความร้อนใดๆ ซึ่งปกติสารบางตัวจะสลายไปในอุณหภูมิสูงมากๆ ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าส่วนประกอบหลักในเซรั่มตัวนี้ยังคงสภาพอยู่เต็มประสิทธิภาพพร้อมใช้งานค่ะ Smiley


Packaging

มาในรูปแบบขวดหยดอะคลิลิคและ dropper ปริมาณสุทธิ 18 ml ค่ะ รอบๆขอบปากขวดที่เราเห็นเป็นสีเงินวาวๆ เค้าจะมีตัวอักษรเป็นลายพิมพ์บุ๋มลงไปว่า
 " DERMA Rx" และ "FOR SENSITIVE SKIN'' หมายถึงว่า มั่นใจได้เลยว่าของเค้ามีคุณภาพและเหมาะสำหรับผิวทุกประเภทรวมทั้งผิวแพ้ง่ายด้วยค่ะ เวลาเราจะใช้เราก็บีบ dropper ค้างไว้ เซรั่มในขวดก็จะถูกดูดขึ้นมาในหลอดแก้ว หลังจากนั้นก็ปล่อยลงบนมือหรือนิ้ว แล้วทาลงบนหน้าและรอบดวงตาได้เลยค่ะ  ใช้วันละ 2 ครั้ง คือในตอนเช้า และตอนเย็นหลังอาบน้ำจ้า





Texture

ตัวเซรั่มจะมีลักษณะเป็นของเหลวสีขาวใสความหนืดพอประมาณ มีกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ ซึมไวมากค่ะลัลลองหยดลงบนท้องแขนแล้วใช้นิ้วเกลี่ยเราจะสึกเย็นๆผิวนิดนึง  เวลาผ่านไปประมาณ  7 วินาที ตัวเซรั่มก็ซึมหายลงไปในผิวหมดเลยค่ะ รู้สึกเหมือนว่ายังไม่ได้ทาเลยด้วยซ้ำ 555 Smiley



ต่อไปจะเป็นรีวิวที่ลัลลองใช้มาแล้วเป็นเวลา 5 วันค่ะ ขณะที่ทาให้เราใช้นิ้วนางในการทาเซรั่มนะคะ ทาทั่วทั้งหน้าแล้วตบเบาๆ เพื่อให้เซรั่มซึมได้ดีขึ้นค่ะ 

*** ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าลัลมีปัญหา รูขุมขนกว้างมากเนื่องจากเป็นคนผิวผสม รอยสิวจากรอบเดือน และหลุมสิวที่เคยใช้มือแกะสิวตั้งแต่สมัยเด็กซึ่งทำให้ผิวบริเวณแก้มหยาบกร้านมากค่ะ อีกทั้งสีผิวที่ไม่สมำ่เสมอกันทั่วทั้งหน้าก็ยังคอยตามหลอกหลอนจนถึงทุกวันนี้ค่ะ 555 + 

นี่แอบคาดหวังมากเพราะ ด้วยคำเคลมของแบรนด์เค้าบอกว่า ถ้าใช้เซรั่มตัวนี้ผิวจะดีขึ้นจริงใน 14 วัน เราลองมาดูกันนะคะว่าจะได้ผล หรือไม่ได้ผลอย่างไรกันบ้าง 












เรามาดูผลกันค่า !! ลัลบันทึกรูปไว้ตั้งแต่วันที่เริ่มใช้วันแรก วันที่ 3 ของการใช้และวันที่ 5 ค่ะ เราจะเห็นได้ว่า หลุมสิวเริ่มตื้นขึ้นอันนี้เห็นชัดมาก รูขุมขนเล็กลง ผิวที่ไม่เรียบเนียน ก็เริ่มเรียบเนียน ผิวแลดูกระชับขึ้นมากค่ะ แถมรอยดำๆคล้ำใต้ตาก็ไม่เหมือนแต่ก่อน ^^ แต่งหน้าติดง่ายขึ้นเยอะเลย อิอิ Smiley
อ่อที่สำคัญ *** ผลลัพธ์ที่ได้นั้นขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วยน้า อันนี้เป็นผลลัพธ์สำหรับผิวแบบที่ลัลเป็น คือแพ้ง่ายและปัญหาสะสมรุมเร้า 55 





มาทดสอบความมันกันสักนิดค่ะ ... คือกระดาษซับมันว่างเปล่ามาก ซึมไวซึมเร็มไม่ทิ้งคราบเลยทีเดียว แต่ถึงกระนั้นเวลาเราใช้ทาตอนเช้า ตกกลางวันผิวหน้าก็ยังมันนะคะ แค่รู้สึกว่าน้อยกว่าปกตินิดนึง  ลัลว่าอาจเป็นเพราะมลพิษที่ต้องเจอ อากาศร้อนเหงื่อแตกง่าย และเมคอัพประกอบด้วยค่ะ 





Conclusion

นี่นะ ลัลรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกจากเดิมที่เคยคิดว่าหลุมสิวนี่ถ้าไม่เลเซอร์ก็คงไม่มีวันจะหายแน่ๆเพราะลองใช้มาหลายอย่างมาก ก็ไม่รู้สึกว่าดีขึ้น แต่ Rojukiss ทำได้อ่ะ ตอนนี้เพิ่งทำการลองใช้ไปได้แค่ 5 วันเดี๋ยวจะลองใช้ต่อไปจนหมดขวดนี้ดูค่ะว่าจะทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นขนาดไหน ส่วนเรื่องรูขุมขนเป็นที่น่าพอใจค่ะ แต่ก็ยังมีแอบมันบ้างคงต้องใช้กันต่อไปเรื่อยๆดูค่ะ อาการแพ้ไม่ปรากฏกับผิวหน้าลัลแต่อย่างใด (ใช้อะไรแล้วไม่แพ้นี่รู้สึกดีมากมาย 5555+) ปริมาณเยอะพอสมควรนะคะ เพราะใช้นิดเดียว เพียงแค่ทีละ 2-3 หยด ก็สามารถทาทั่วหน้าได้แล้ว ลัลว่าถ้าใช้ประหยัดจริงๆก็เกือบ 3 เดือนเลยทีเดียว ถือว่าคุ้มค่านะคะ ขวดเล็กนิดเดียวเอง สามารถมอบมงขึ้นแท่นเป็นเซรั่มประจำโตีะเครื่องแป้งอีก 1 ตัวได้สบายๆเล๊ยยย !!!


*** หากเพื่อนๆยังกังวลกลัวว่าจะแพ้จริงๆ ให้ทำการทดสอบใต้ท้องแขนก่อน หรือไม่ก็สามารถไปลองทดสอบเนื้อเซรั่มกันก่อนได้ค่ะตามเคาร์เตอร์ของแบรนด์ที่เค้ามีไว้บริการ และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ฝากคำถามได้ที่ 

www.rojukiss.co.th

www.facebook.com/ROJUKISS Thailand

www.instagram.com/rojukiss

Line: @rojukiss



Store

• Rojukiss มีจำหน่ายที่ Watsons, Boots, Tesco Lotus, Big C, Tops, Eveandboy, MaxValu และร้านค้าชั้นนำทั่วไป ราคา 630 บาทจ้า 















Create Date : 09 ตุลาคม 2559
Last Update : 26 สิงหาคม 2561 20:06:19 น.
Counter : 3683 Pageviews.

0 comment
[Review]: Biore Cleansing Water (Oil Clear) หนึ่งเช็ด ออกมากกว่าทั้งเมคอัพ + ความมัน



สวัสดีค่าทุกโค๊นนนน ! วันนี้อาทิตย์สดใส รีวิวที่ 2 ของเดือนตุลาคมนี้ ลัลมาพร้อมกับผลิตภัณฑ์แจ่มว้าวๆ Smiley ตัวใหม่ จากแบรนด์ Biore อย่าง  Biore Cleansing Water สูตร Oil Clear สำหรับคนผิวผสม-ผิวมันคะ ตัวช่วยล้างเมคอัพของเราให้หมดจดและไม่ก่อให้เกินสิวอุดตันค่ะ นั่นแน่ << อยากรู้แล้วใช่ม๊าา ว่าคลีนซิ่งตัวนี้มันแจ่มยังไง งั้นตามลัลมาเลยค่า



Biore Perfect Cleansing Water (Oil Clear)
บิโอเร เพอร์เฟค คลีนซิ่ง วอเตอร์ ออยล์ เคลียร์








คลีนซิ่งวอเตอร์สูตรน้ำแร่ ที่อุดมด้วย Micelles (ไมเซล่า) เข้มข้นกว่าเดิม จึงมีประสิทธิภาพการดูดจับคราบเมคอัพออกได้ดี เช็ดออกง่าย สะอาดกว่า ชุ่มสำลีมากกว่าเดิม จึงลดการเสียดสีผิว ผิวไม่เกิดรอยแดง เราสามารถใช้ง่ายๆ โดยที่เราไม่ต้องเช็ดซ้ำเพียงเช็ดแรกด้วยความเบามือ เมคอัพก็สลายออกได้อย่างสะอาดหมดจด ไม่ทิ้งสิ่งอุดตัน ผิวใส ไกลสิว ซึ่งสามารถเช็ดเมคอัพได้ทั้งใบหน้าและเครื่องสำอางกันน้ำรอบดวงตาค่ะ ประกอบด้วย 2 สูตรคือ

1. สูตร anti acne  >> ขวดสีฟ้า สำหรับผิวผสมและผิวมัน ลดความันส่วนเกิน ปัญหาสิว
2. สูตร Soften Up >> ขวดสีชมพู สำหรับผิวธรรมดา-ผิวแห้ง ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น นุ่มเด้ง


มาทำความรู้จัก Micelles กัน 



ในคลีนซิ่งโดยทั่วไปจะใช้วิธีการ "การเพิ่มการละลายโดยใช้สารลดแรงตึงผิว" หรือที่เรียกว่า " Micellar Solubilization" ซึ่งเป็นกระบวนการละลายสารที่ละลายน้ำได้น้อย อย่างเช่น เครื่องสำอางกันน้ำทั้งหลายของเรา ให้ละลายได้ง่ายขึ้น ดังนั้นยิ่ง Micelles เข้มข้นมาเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้เครื่องสำอางของเราละลายน้ำได้มากเท่านั้นค่ะ เป็นผลทำให้ทำความสะอาดผิวได้หมดจดและง่ายขึ้นนั่นเองจ้ะ 

คุณสมบัติ 7 ประการ การันตีได้ว่าอ่อนโยน
  • Allergy Tested >> การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง
  • Ophthalmologist Tested >> การทดสอบว่าสินค้านี้ไม่มี reaction ที่เป็นอันตรายกับดวงตา
  • Non-comedogenic Tested >> การทดสอบว่าเครื่องสำอางตัวนี้ไม่มีสารที่ทำให้เกิดการอุดตัด ที่เป็นสาเหตุให้เกิดสิว
  • ค่า pH เทียบเท่าผิวหน้า >> สำหรับผิวหน้าของเราจะมีชั้นที่เรียกว่า "เอซิด แมนเทิล" ทำหน้าที่เป็นเกราะเคลือบผิวไม่ให้สูญเสียความชุ่มชื้นไปง่าย ๆ พร้อมทั้งปกป้องจากแบคทีเรียและมลภาวะต่าง ๆ ไปพร้อม ๆ กันด้วย โดยจะทำงานได้ดีที่สุดเมื่อมีสภาพความเป็นกรดที่ประมาณ pH 5.5
  • ไม่มีแอลกอฮอล์ 
  • ไร้สี
  • ไม่มีน้ำหอม



*** ผสานคุณค่าน้ำแร่ธรรมชาติจาก Japan Alps ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นคลีนซิ่งแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวในไทยที่มีจุดเด่นในเรื่องสูตรน้ำแร่ 
โดยน้ำแร่จะช่วยให้ผิวเนียนใส ให้ความชุ่มชื้น พร้อมกับช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองต่อผิวหน้า
ได้ทำความรู้จักผลิตภัณฑ์กันไปในเบื้องต้นแล้ว ต่อไปลัลจะพามาดูรีวิวประสิทธิภาพการทำงานของคลีนซิ่งตัวนี้กันค่ะ ลัลจะใช้สำลีรีดขอบแค่แผ่นเดียว ต่อการทดสอบในแต่ละพาร์ท แบ่งเป็น 3 Part คือ 
Part ที่ 1 จะทดสอบโดยใช้เครื่องสำอางกันน้ำแบบทั่วๆไปขีดบนท้องแขน
และPart ที่ 2  จะเช็ดเมคอัพที่อยู่บนผิวหน้าจริงๆให้ดูค่ะ  ส่วน part สุดท้ายจะเป็นการทดสอบความมัน โดยที่หลังจากใช้คลีนซิ่งแล้วไม่มีการล้างน้ำเปล่าใดๆ

เรามาดูการทดสอบแรกกันเล๊ยยยย >''< 


Part 1 เครื่องสำอางที่ลัลใช้ มาขีด ได้แก่ 
ลิปไลเนอร์ชนิดแมท / ลิปสติกแมท / อายไลเนอร์ประเภทกันน้ำทั้งสี ดำ ฟ้าและส้ม ค่ะ  ลัลกดคลีนซิ่งพอให้ชุ่มสำลีแล้วนำมาเช็ดโลดค่ะ จะเห็นได้ว่าแค่ปื๊ดเดียวจริงๆ Smiley






ต่อไปเราจะมาทำการทดสอบ Part 2 กันค่ะ
วันนี้ลัลแต่งหน้าโดยตัวที่เป็นไฮไลท์ คือ คุชชั่นชนิดปกปิดปานกลางกันน้ำ ลิปสติกแบบแมท อายไลเนอร์ชนิดกันน้ำ และเจลเขียนคิ้ว  ค่ะ 







เดี๋ยวลัลจะทำการเช็ดให้ดูเพียงครึ่งหน้า เพื่อเปรียบเทียบกันก่อนนะคะ แล้วหลังจากนั้นจะเช็ดให้หมดทั้งหน้าเพื่อเเสดงให้เห็นว่าคลีนซิ่งตัวนี้ทำความสะอาดได้หมดจด มากหรือน้อยอย่างไรค่ะ Smiley







ส่วนสุดท้ายการทดสอบความมันค่ะ

Part 3
 ลัลจะทำการทดสอบความมัน หลังจากในขั้นตอนที่เราได้เช็ดเมคอัพออกจนเกลี้ยงแล้ว โดยที่ไม่ได้ทำการล้างน้ำเปล่าซ้ำแต่อย่างใด เราอยากรู้ว่า เจ้าคลีนซิ่งตัวนี้จะเช็ดได้ทั้ง เทคอัพและ ความมันออกจนหมดจดจริงหรือเปล่า อุปกรณ์ที่ต้องใช้ คือ แผ่นฟิล์มวับความมันค่ะ ซับๆวนไปบนผิวหน้าเราได้เลยค่า จะเห็นว่า ถ้าหากมีความมัน ตรงแผ่นฟิล์มในบริเวณที่เราซับจะมีสีโปร่งแสงเกิดขึ้นแต่นี่ คือแผ่นฟิล์มยังคงสภาพเดิมเหมือนยังไม่ได้แกะออกมาใช้เลยค่ะ >>> ปรบมือรัวๆๆ Smiley^o^ Smiley






สรุป
หลังจากที่ได้ทำการทดสอบในข้างต้นมาแล้ว เราจะเห็นได้ว่าคลีนซิ่งตัวนี้เช็ดทำความสะอาดเมคอัพได้หมดจดจริงๆค่ะ โดยส่วนตัวลัลเป็นคนผิวแพ้ง่ายมาก เวลาจะเช็ดบริเวณรอบดวงตาเลยอาจต้องเปลี่ยนสำลีเเผ่นใหม่และลดปริมาณของคลีนซิ่งลงให้น้อยกว่าที่ใช้กับส่วนอื่นๆบนใบหน้า (กลัวน้ำเข้าตาแล้วเเสบค่ะ 555) ในส่วนของริมฝีปากก็ใช้ได้โลดค่ะ เช็ดลิปสติกเกลี้ยงเลย เว้นแต่ ลิปสติกแมทบางยี่ห้อที่ขึ้นชื่อเรื่องความติดทนทานนะคะ อันนี้ลัลลองเอามาเช็ดดูปรากฏว่า สำลีแผ่นเดียวเอาไม่อยู่ค่ะอาจต้องเช็ดซ้ำๆถูๆหลายครั้งหน่อย ลองใช้มาแล้วประมาณ 5 วัน เพราะเวลาไปทำงานจะต้องแต่งหน้าทุกวัน สิวเก่าก็ยังมีบ้างแต่สิวใหม่ไม่ได้ขึ้นเพิ่มและไม่เกิดอาการแพ้หรือผื่นขึ้นแต่อย่างใดค่ะ คอนเฟิร์มว่า Woowww!! แน่นอน 

มาให้คะแนนกันหน่อยค่า ^o^



สำหรับเพื่อนๆคนใดสนใจจะลองซื้อหามาใช้หรือต้องการอ่านรายละเอียดอื่นประกอบการตัดสินใจสามารถเข้าไปได้ที่

Website : https://www.biorethailand.com/


และสามารถหาซื้อได้ตามร้าน Watson / Department Store ต่างๆ / TOPS supermarket ร้านค้าออนไลน์ และร้านขายเครื่องสำอางทุกสาขา  สนนราคาที่ 429 บาท ปริมาณสุทธิ 300 ml. ค่ะ












Create Date : 09 ตุลาคม 2559
Last Update : 26 สิงหาคม 2561 20:06:43 น.
Counter : 1726 Pageviews.

0 comment
[Review:] NATURE REPUBLIC hair removal cream & armpit kit








สวัสดีค่าทุกโคนนนน ! วันนี้ลัลมีผลิตภัณฑ์ตัวใหม่มานำเสนอ และจะรีวิวให้ดูด้วยว่ามันเวิร์ค หรือมันวืด สำหรับใครที่อ่อนไหวขอแนะนำให้ข้ามบล๊อควันนี้ไปค่ะ 5555 เพราะเราจะว่ากันด้วยเรื่องของ "รักแร้" 
รักแร้ คือส่วนที่อยู่ในซอกในหลืบของร่างกาย สาวๆหลายคนกังวลมาก เวลาจะต้องใส่เสื้อแขนกุดสักที  ก็เพราะว่ามันทั้งเป็นหนังไก่ และดำคลำ้ ซึ่งลัลก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่มีปัญหาเหล่านี้ค่ะ  เหมือนฟ้ามาโปรด ลัลกำลังหาคลินิกทำเลเซอร์รักแร้อยู่พอดี ซึ่งราคานั้นไม่ต้องถามถึงเลยค่ะ 555 คือแพ๊งงงงงมาากกก ก.ไก่สิบล้านตัว 
จู่ๆก็ได้ hair removal cream COTTON และ armpit kit COTTON มาจากทางแบรนด์ NATURE REPUBLIC คิดว่าเพื่อนๆน่าจะคุ้นหู้กับชื่อแบรนด์นี้อยู่บ้าง ใช่ไหมค่ะตัวดังเปรี้ยงปร้างของเค้าเลยก็คือ เจลว่านหางจระเข้ใช้ดีจริงรัยจริง จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นี้เลยก็คือ การใช้วัตถุดิบสดๆจากธรรมชาติ และผลิตโดยตรงจากเกาหลีเลยทีเดียวค่ะ เกาหลีขนาดที่ว่าฉลากข้างกล่องไม่มีภาษาไทยเลย 555 ^^  เอาล่ะรู้จักแบรนด์กันไปพอสมควรแล้วต่อไปเราจะมาทำความรู้จัก ผลิตภัณฑ์ที่ลัลได้เกริ่นไว้ข้างต้นกันบ้าง ว่าสามารถช่วยปัญหารักแร้ ผิวสีของสาวๆได้อย่างไร 


 Hair Removal Cream COTTON

ตัวนี้จะเป็นครีมกำจัดขน ที่มาในรูปแบบของหลอดสีขาวมีฝาปิด เปิดฝาออกมาเห็นปากหลอดเป็นซิลิโคนนิ่มๆ เจ้าซิลิโคนปลายหลอดนี้คือส่วนที่จะทำให้ครีมไหลออกมาจากหลอด สอดรับกับผิวบอบบางบริเวณรักแร้และส่วนโค้งเว้าได้ดีค่ะ มีองค์ประกอบหลัก คือ กรดไธโอกลีคอลิก (Thioglycolic Acid) เป็นสารที่ทำให
้โครงสร้างของโปรตีนในเส้นที่เรียกว่า เคราติน (Keratin) มีความอ่อนตัวมากขึ้นทำให้จัดรูปทรง
ได้ตามความต้องการนั่นเองค่ะ มีกลุ่นฉุนนิดหน่อยแต่ถือว่ารับได้ค่ะ

วิธีการใช้ Hair removal cream cotton
1. จับหลอดตรงส่วนบนของหลอดไปทางขวาเพื่อเปิดหลอด
2. ล้างและซับรักแร้ให้แห้ง แล้วบีบครีมออกจากหลอดเบาๆ ด้วยปลายซิลิกอนที่ใช้จำนวนที่เหมาะสมเพื่อทำการกำจัดขนรักแร้ให้สะอาดหมดจด
3. ทิ้งไว้ประมาณ 5 - 10 นาทีโดยไม่ต้องถูผิว ต่อจากนั้นใช้นิ้วมือของคุณถูบริเวณรักแร้เบาๆ จะทำให้ขนรักแร้หลุดออกอย่างง่ายดาย ต่อด้วยล้างด้วยน้ำที่สะอาด เมื่อขนรักแร้หลุดออกหมดแล้ว เช็ดผิวให้สะอาดด้วยผ้าเปียกหรือผ้าสักหลาด หลังจากใช้งานเสร็จให้ปิดส่วนบนของหลอดไปทางซ้ายเพื่อทำการจัดเก็บผลิตภัณฑ์ให้เรียบร้อย 











Armpit Cotton Wash

ตัวนี้จะเป็นโฟมทำความสะอาดผิวรักแร้ค่ะ ลัลลองใช้แล้วรู้สึกว่าเนื้อโฟมจะมีเม็ดบีดส์เล็กๆ เพื่อช่วยเรื่องผลัดเซลล์ผิวและสิ่งสกปรกบริเวณผิวรักแร้ของเราด้วยค่ะ กลิ่นจะหอมดอกไม้อ่อนๆ ความจริงชอบมากใช้ทุกวันเลย 555+ เพราะอยากดมกลิ่นโฟมตัวนี้ 

วิธีการใช้
เราแค่บีบแล้วผสมน้ำวนๆบนผิวรักแร้เพื่อให้เกิดฟอง และให้เม็ดบีดส์เเตกตัวให้หมด จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดค่ะ 








Armpit Whitening Cream Cotton

ตัวนี้จะเป็นครีมรักแร้ ใช้สำหรับบำรุงผิวค่ะ กลิ่นจะหอมเหมือนกับตัวโฟมเลย ทาแล้วจะรู้สึกเย็นๆ แล้วเนื้อครีมจะค่อยซึมลงไปเพื่อบำรุงผิวบริเวณรักแร้ให้ขาวเรียบเนียน และกระชับรูขุมขนบริเวณนั้นค่ะ

วิธีการใช้
- หลังจากอาบน้ำแล้วทาครีมในปริมาณที่พอดีและนวดรักแร้เพื่อทำให้ครีมซึมซับลงสู่ผิว










ต่อไปเราก็จะมาสาธิตวิธีการใช้พร้อมเปรียบเทียบผลลัพธ์ของ Armpit Kit เซตนี้กันค่ะ *** ใจไม่เเข็งห้ามดูน้า แอบมีภาพน่ากลัว55555 
1.เริ่มคลีนหญ้าที่รกรุงรังออกไปซะก่อนค่ะ
2.ทำความสะอาดให้เอี่ยม
3.บำรุงเพื่อให้ผิวสดใส เรียบเนียนขึ้นค่ะ 




ลัลใช้เวลา 1 สัปดาห์ในการทดสอบ Armpit Kit เซตนี้ โดยกำจัดขนรักแร้ไป 1 ครั้งและใช้โฟมทำความสะอาด พร้อมทั้งทาครีมบำรุงตลอดเช้า - เย็นค่ะ มาดูผลลัพธ์ที่ได้กันเล้ยยย






สรุป

  • โดยส่วนตัวลัลชอบนะ เมื่อก่อนรักแร้ดำ เป็นหนังไก่ก็กังวลแต่ไม่เคยคิดจะใส่ใจ จนมารู้ว่าเค้ามีครีมทาบำรุงรักแร้ และรู้อีกว่าเหยย.. เค้ามีโฟมทำความสะอาดรักแร้เข้าไปอีก ยิ่งชอบไปใหญ่ กลิ่นก็หอมดอกไม้อ่อนๆ อ่านมาถึงตรงนี้ เพื่อนๆ เกิดข้อสงสัยมั้ยค่ะ ว่า "COTTON" นี่คืออะไรความจริงแล้วคือ จะทำให้รักแร้ขาวเนียนและน่าสัมผัสราวกับสำลีนั่นเองค่ะ ถามว่าจะซื้อใช้ต่อมั้ยตอบเลยอย่างไม่ลังเลค่ะว่า "ซื้อแน่นอน" เพราะไม่แพ้ด้วย ไม่มีแอลกอฮอลืด้วย อ่อนโยนด้วยไม่แสบผิวเลยค่ะ ถ้าเราจะใช้เป็นทางเลือกหนึ่งก็ไม่เสียหายอะไรใช่มั้ย อิๆ

คะแนน

3.5/5 ค่ะ หักตรง Removal Cream มีกลิ่นฉุนและล้างออกยากไปนิดนึงค่ะ

Price

  • Hair removal cream cotton ราคาประมาณ  170       บาท
  • Cotton armpit kit ราคาประมาณ  305 บาท

Store
  • ตอนนี้ช้อปไทยยังไม่ได้เอาเข้ามาวางขายนะคะ เพื่อนๆสามารถสั่งพรีออเดอร์ได้จากทางหน้าเว็บที่ลัลแปะไว้ให้ได้เลยค่ะ 
https://en.koreadepart.com/item/1403583499/nature-republic-cotton-armpit-kit


*** หรือติดตามข่าวสารอื่นๆของทางแบรนด์ได้ทาง




สำหรับวันนี้ต้องขอตัวไปนอนก่อน พรุ่งนี้เช้าทำงานอีกล้าวววว T^T ขอให้เพื่อนๆเริ่มต้นวันทำงานวันแรกของสัปดาห์อย่างสดใสสมจันทร์นะคะ หลับฝันดีราตรีสวัสดิ์ทุกท่านค่าาา >o< 













Create Date : 02 ตุลาคม 2559
Last Update : 26 สิงหาคม 2561 20:07:00 น.
Counter : 1637 Pageviews.

1 comment
[Review]: สูตร D.I.Y. แก้ไขตาแพนด้าด้วย NAMI I'm Fresh Lemon Honey Whitening Serum


สวัสดีตอนบ่ายวันอาทิตย์ค่า วันนี้เพื่อนๆมีแพลนออกไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างค่ะ จะขับรถหรือจะเดินทางก็ขอให้ระมัดระวังกันด้วยนะค้า กลับมาแล้วก็อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอ ส่วนใครที่ยังมีปัญหาเรื่องการพักผ่อน ไม่ว่าจะนอนน้อย หรือนอนไม่หลับแล้วเป็นผลให้ใต้ตาหมองคล้ำ เหี่ยวย่น หรือหย่อนคล้อย สำหรับ Blog ในครั้งนี้ลัลมีเคล็ดลับมาฝากกันนะคะ ง่ายมากๆทำได้ที่บ้านไม่ต้องไปเสียตังค์ทำเลเซอร์ราคาเเพงๆเลย 
ลัลจะขอหยิบ เซรั่มเด็ดอีกตัวที่ทางแบรนด์ส่งมาให้ลอง เอามาทำเป็นสูตร D.I.Y. เด็ดๆจี๊ดๆด้วยงบประมาณไม่ถึง 50 บาทค่ะ งั้นเราเริ่มกันเลยแล้วกันน้า ก่อนอื่นต้องขอแนะนำผลิตภัณฑ์กันก่อน ... 

NAMI I'M FRESH LEMON  HONEY WHITENING SERUM

นามิ แอมเฟรช เลมอน  ฮันนี่ ไวท์เทนนิ่ง เซรั่ม




เป็นเซรั่มเลมอนผสมน้ำผึ้งสกัดสูตรเข้มข้น ผสานคุณค่าสารสกัดบริสุทธิ์จากเลมอน ช่วยผลัดผิวที่หมองคล้ำออกอยางอ่อนโยน เผยผิวดูกระจ่างใสขึ้น จุดด่างดำและรอยสิวดูจางลง พร้อมสารสกัดน้ำผึ้งจะช่วยปลอบประโลมและฟื้นฟูบำรุงผิวอย่างล้ำลึก ให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื่น น่าสัมผัสค่ะ ต่อไปเราจะมาดูตัวแพคเกตจิ้งกันค่ะว่าหน้าตาของเจ้าเซรั่มตัวนี้เป็นยังไงกันบ้าง

Packaging

: ลักษณะเป็นซองพลาสติกสีขาวพร้อมด้วยฝาหมุนแบบล๊อค เพื่อให้สามารถเทใช้งานได้ง่าย ควบคุมปริมาณได้พอเหมาะและ ป้องกันไม่ให้เซรั่มหกเลอะเทอะด้วยค่ะ
:มีฉลาก ทั้งภาษาไทย ภาษาเกาหลี และภาษาอังกฤษบอกรายละเอียดชัดเจน
: วิธีการเปิดคือให้เราบิดตัวฝากลมๆให้หลุดจากฐาน จากนั้นก็เทเซรั่มใช้งานตามปกติ โดยที่ตัวฝากลมๆนั้น ให้เราพลิกด้านกลับมา มันก็จะกลายเป็นฝาเกลียวหมุนเพื่อล๊อคซองเซรั่มนั่นเองค่ะ






: ฉลากด้านหลังบอกรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และเคล็ดลับในการใช้เซรั่มเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงผิวหน้า ค่ะ มีด้วยกัน 6 วิธีคือ 
1.ทาเช้า - เย็นเพื่อให้ผิวหน้ากระจ่างใส 
2. นำไปแช่ตู้เย็น แล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 15 นาทีก่อนล้างหน้าตอนเย็นช่วยปลอบประโลมผิวจากมลภาวะค่ะ 
3. นำมาใช้แต้มเฉพาะจุด ช่วยลดสิวอุดตัน ลดจุดด่างดำจากรอยสิวได้ค่ะ
4. นำมาผสมเข้ากับโยเกิร์ตรสธรรมชาติ แล้วมาพอกหน้านวดวนเบาๆ ล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำให้หน้าใส ผ่องขึ้นค่ะ
5. นำมาผสมกับแป้งทานาคา หรือเเป้งศีจันทร์ ช่วยลดความมันและสิวอักเสบได้
6. นำมาผสมกับผงเจลาติน หรือไข่ขาว แล้วพอกหน้า เพื่อใช้ลอกสิวเสี่ยนได้อีกด้วยค่ะ



Texture

ต่อไปเราจะมาดูตัวเนื้อเซรั่มกันบ้างค่ะ 
: เป็นของเหลวใส สีเหลืองหนืดนิดหน่อย ลัลทดสอบโดยการทาลงไปบนแขนด้านในเพื่อทดสอบระยะเวลาในการซึมเข้าสู่ผิวและทดสอบการแพ้ไปในตัวด้วยค่ะ โดยเมื่อทาลงไป แล้วใช้มือลูบๆตบเบาๆ ให้เนื้อเซรั่มซึม ปรากฎว่าเนื้อเซรั่มซึมภายในระยะเวลา 15 วินาที ซึ่งถือว่าเป็นเวลาดีปานกลางค่ะ ไม่ซึมเร็วหรือช้าจนเกินไป อีกทั้งไม่มีอาการผดผื่นคัน หรือระคายเคืองให้เห็นเลยค่ะ 




Ingredients

พูดถึงเรื่องส่วนผสมกันบ้าง โดยส่วนผสมหลักๆจะเป็นสารสกัดจาก ผลเลมอน และน้ำผึ้ง ผลเลมอนนี้จะช่วยเรื่องการผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกไปเพื่อเพิ่มความกระจ่างใส ส่วนสารสกัดจากนำ้ผึ้งจะช่วยเรื่องการสมานผิว และไม่ทำให้ผิวเราเเพ้ง่ายอีกด้วยค่ะ ส่วนผสมอื่นๆ ก็เช่น สารสกัดจากผลส้มซิตรัส น้ำมันเมล็ดดอกคาเมเลียช่วยในเรื่องต้านเชื้อแบคทีเรียที่จะเกิดขึ้นบนผิวหน้า ให้ความชุ่มชื้นด้วยคุณสมบัติที่มีกรด โอเลอิกสูงกว่าน้ำมันมะกอกอีกด้วยค่ะ 
: No Oil / No Alcohol / No Paraben นะคะ มั่นใจได้เลยว่าผิวแพ้ง่ายใช้ได้สบ๊ายยย 
ออแกร์นิคฝุดๆ ^o^ 








เอาล่ะเราแนะนำผลิตภัณฑ์กันไปคร่าวๆแล้ว ต่อไปลัลจะมา D.I.Y. สูตรที่ใช้สำหรับแก้ไขปัญหาใต้ตาของเราที่ตอนนี้กลายร่างเป็นหมีแพนด้าไปซะเรียบร้อยเเล้ว 555+ 
เวลาจะเเต่งหน้าที ออกงานที ครั้นจะโบกคอนซีลเลอร์อย่างเดียวก็คงเอาไม่อยู่ เราต้องเน้นฟื้นฟูจากภายในค่ะ ซึ่งสูตรนี้คุณผู้ชายก็สามารถทำตามได้นะคะ ใช้ได้เหมือนกัน

มาดูผิวใต้ตาแบบ Before Mode กันก่อนน !!




เห็นความหมองคล้ำนั่นไหม 555 นั่แหละค่ะจุดที่เราจะต้องมา ดาเมจกันในวันนี้ ว่าแล้วก็รีบไปเตรียมอุปกรณ์กันเลยค่ะ ซึ่งมีแค่ สำลีแผ่น 1  คู่ / ถ้วยเล็กๆไว้สำหรับใส่เซรั่ม และไม้พายหรือช้อนคันเล็กๆก็ได้ค่ะ 





Direction 


1. วิธีการ เราเริ่มจากตัดสำลีแผ่นให้โค้งรับกับใต้ตาเรา 
2.เทเซรั่มลงไปในปริมาณที่พอเหมาะหลังจากนั้นนำสำลีที่เราได้ตัดเตรียมไว้มาแช่ลงไปในเซรั่มให้ชุ่ม เพื่อให้สำลีได้ดูดซับเซรั่มเข้าไป
3. ถ้าใครมีเวลาจำกัดสามารถนำสำลีที่เเช่เซรั่มไว้ในขั้นตอนก่อนหน้านี้มาแปะทับรอบคล้ำใต้ตาได้เลยนะคะ แต่ส่วนนี้ลัลจะนำไปแช่ไว้ในตู้เย็นสัก 20 นาทีเพื่ให้ความเย็นช่วยผ่อนคลายผิวใต้ตาของเราค่ะ





4. แปะเเผ่นสำลีลงบนผิวใต้ตาของเราทั้งซ้ายและขวา เพื่อให้เซรั่มได้บำรุงอย่างล้ำลึกให้แปะทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้วค่อยนำออกโดยไม่ต้องล้างหน้าค่ะ






เสร็จแล้วมาดูผลกั๊นนนน !!! ^o^ 




สังเกตเห็นอะไรมั้ย อิๆ ถุงใต้ตาบวมๆ เหี่วยๆของเราหายไปแล้ววว ^o^ 

Summary

จากที่ลัลลองใช้กับผิวหน้า มาเป็นระยะเวลา 5 วันนะคะ ส่วนรอยคล้ำใต้ตาก็เพิ่งมาลองตอนทำรีวิวเลย 555+ ลัลรู้สึกชอบนะตรงที่มันจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆของเลมอน แล้วก็เวลาเราทาลงบนผิวจะให้สมัผัสแบบเย็นๆ ยิ่งถ้าเกิดใครชอบเย็นมากๆก็แนะนำให้ลองเอาไปแช่ตู้เย็นไว้ก่อนนำมาทานะคะ จะฟินมากๆ ซึมเข้าสู่ผิวไวดีส่วนในเรื่องของลดรอยดำนั้นยังไม่เห็นผลมากนักอาจจะต้องใช้ติดต่อกันไปอีกระยะเวลานึง แต่ชอบมากตรงที่ฟื้นฟูรอยหมองคล้ำได้ไว โดยเฉพาะใต้ตา นับว่าเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งของอายเซรั่มนะคะสารพัดประโยชน์จริงๆ โดยส่วนตัวอยากให้ทำมาเป็นขวดเลยมากกว่า ซื้อทีเดียวใช้ได้นานๆ เพราะถ้าเป็นแบบซองแบบนี้เเป้ปๆหมดก็ต้องไปหาซื้อมาอีกหรือไม่ก็ต้องซื้อมาตุนไว้เยอะๆ เรื่องสิวอุดตันก็ยังไม่ค่อยเห็นผลชัดมากค่ะ  แต่ ! คำเตือนนะคะ หากใครทดสอบที่ใต้ท้องแขนแล้วรู้สึกแสบๆคันๆ อาจจะแพ้สารสกัดจากผลไม้พวกประเภทมะนาวแนะนำให้หยุดใช้ทันทีนะคะ อย่าฝืนใช้ต่อไม่อย่างงั้นจากที่ผิวหน้าจะดีขึ้นจะกลายเป็นแย่ลงได้ค่า >'<


มาให้คะแนนกันค่า

เต็ม 5 คะแนนค่ะ 



Channel

ช่องทางติดตามข้อมูล และข่าวสารของ Nami
 https://www.namiwink.com
 https://www.facebook.com/namiwink

Store

มีจำหน่ายที่ร้าน 7-Eleven ในราคาซองละ 39 บาทค่ะ


เพื่อนๆลองทำตาม หรือประยุกต์ใส่สูตรบำรุงผิวที่ใช้กันเป็นประจำของตัวเองได้นะคะ และหวังว่าสูตร D.I.Y. ของลัล ในวันนี้จะช่วยแก้ปัญหาให้เพื่อนๆได้ไม่มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัย ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ แล้วพบกันใหม่บล๊อคหน้าน้า สำหรับวันนี้สวัสดีค่า









Create Date : 25 กันยายน 2559
Last Update : 26 สิงหาคม 2561 20:08:04 น.
Counter : 2491 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

Beautyrush98
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



สวัสดีค่ะขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและทักทายกันนะคะ
ลัลเริ่มเขียน Blog จริงจังตอนปี 59 ส่วนมากจะเป็นรีวิวและสอนแต่งหน้าค่ะ มีท่องเที่ยวบ้างตามโอกาสที่ได้ไป
สีผิวกลางๆ undertone gold/neutral NC30
สภาพผิวผสม - ผิวมันขาดน้ำค่ะ แพ้ง่ายเป็นสิวบ่อย
อยากให้เขียนเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรหลังไมค์มาได้นะคะ จะได้เป็นข้อมูลแลกเปลี่ยนความรู้กัน

**************************
New Comments