[Review]:Mesotherapy with Muti Sunction Injector + แนะนำโปรแกรม PRP ฟื้นฟูผิวและผมด้วยเกล็ดเลือด
 
 
 
สวัสดีค่าวันนี้ เราเดินทางกันมาที่ 3A CENTER ศูนย์ดูแลสุขภาพและความงาม โรงพยาบาลจุฬารัตน์9 แอร์พอร์ต กันอีกครั้ง ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกครั้งที่คิดจะแก้ปัญหาผิวหน้า ที่นี่จะเป็นที่แรกๆ ที่ลัลนึกถึงเนื่องจากเป็นรพ. ใกล้บ้านที่เดียวที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวพรรณได้แทบทุกอย่าง




ความกังวลใจของวันนี้ คือ ด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป ร่างกายของเราก็ผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง ทำให้ผิวเริ่มมีริ้วรอย รูขุมขนกว้างขึ้น ตอนเด็กร่างกายเรามีคอลลาเจนอยู่เยอะ ไม่มีปัญหาริ้วรอย แต่พอโตขึ้น เริ่มมีปัญหาผิวหน้ามัน เป็นสิวอักเสบ หลุมสิว รูขุมขนกว้างขึ้น ต้องหาครีมสารพัดกว่าจะได้ดีขึ้นสักเล็กน้อย ด้วยปัญหาเหล่านี้เอง ที่ทำให้ทางคุณหมอ แนะนำให้ลัลทำเป็น คอร์สฟื้นฟูผิวหน้าด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้น ซึ่งจะเป็นการ ฟื้นฟูผิวหน้าด้วยเกล็ดเลือดตัวเอง ช่วยให้ ผิวของเราสร้างคอลลาเจนฟื้นฟูผิวให้หน้าใส, ฟื้นฟูผิวหน้าใสดูอ่อนกว่าวัย และยังเป็นการช่วยลดหลุมสิวลึกให้ตื้นขึ้นได้อีกด้วยค่ะ








ได้ฟังตามนี้ก็น่าสนใจมาก เพราะเค้าสามารถช่วยแก้ปัญหาที่เป็นต้นเหตุของปัญหาผิวได้ตรงจุด แต่งบประมาณลัลยังไม่ถึง 555 รอเก็บเงินอีกสักนิด ตรงนี้คอร์สนึงจะเท่ากับ ต้องทำ 3ครั้ง มูลค่า 24,000 บาท เลยเลือกเป็นโปรแกรมน้องเล็กลงมาหน่อย นั่นคือ การทำ Mesotherapthy นั่นเองค่ะ 



 

การทำ Mesotheraphy

เมโสหน้าใส หรือ เมโสเทอราปี (Mesotherapy) คือ การฉีดวิตามินต่างๆ เข้าสู่ผิวหน้าเพื่อให้ผิวหน้าสดใส โดยอาจจะเป็นการสะกิดเข็มไปทั่วใบหน้า หรือฉีดเข้าทางใบหน้า ล้วนแล้วแต่เทคนิคของทางแพทย์แต่ละท่าน และความชำนาญของแพทย์ค่ะ สิ่งที่ฉีดเข้าไปจะช่วยบำรุงผิวหน้า รูขุมขนดูกระชับ ลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำและรอยสิวดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด ผิวหน้ามีความสดใสมากยิ่งขึ้นค่ะ

เนื่องจากการฉีดเมโสหน้าใสเป็นที่นิยมกันมาก ทำให้เริ่มมีการมาฉีดเมโสหน้าใสกันมากยิ่งขึ้นและเริ่มมีการซื้อมาฉีดเอง หรือมีผู้รับฉีดที่ไม่ใช่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาทำการฉีดเมโสให้ บอกได้เลยนะคะว่าอันตรายมากเลย การที่เราไม่ได้รับการฉีดเมโสจากแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรง อาจจะส่งผลร้ายแรงไปถึงขั้นผิวหนังอักเสบ ใบหน้าฟกช้ำจากการฉีดจากผู้ที่ไม่มีความรู้ประสบการณ์ หรือ ยาที่ได้รับมานั้นไม่มีมาตรฐาน อย. ไม่มีที่มาที่ไปที่ชัดเจน เพราะฉะนั้นอยากสวยเนี่ย ไปที่คลินิกที่มีมาตรฐานและมั่นใจได้จะดีกว่านะคะ



ประเภทของเมโสจะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม หลักๆคือ

 - เน้นหน้าขาว มีส่วนผสมของวิตามินต่าง ๆ เช่น Vitamin A, B,C และ E, Transamin และ Glutatione
 - เน้นหน้าใส จะมีส่วนผสมของคอลลาเจน และ โคเอนไซม์ เป็นหลัก ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ให้ผิวฟูขึ้น กระชับรูขุมขน
 - เน้นลดสิว-แก้ผื่น จะช่วยลดการอักเสบ ขับสารพิษที่สะสมออก ช่วยลดสิว เมโสยี่ห้อที่มีจุดเด่นด้านนี้คือ มาเด้-คอลลาเจน


ข้อดีของเมโสหน้าใส

เป็นการให้สารบำรุงผิวที่เห็นผลได้ไวกว่าการทาครีมบำรุงผิว , ไม่ต้องพักฟื้นรอยแดงสามารถหายไปได้ภายในสามวัน, 
ช่วยรักษาปัญหาของผิวได้อย่างเร่งด่วน เช่น สิว รูขุมขนกว้าง เป็นต้น


เหมาะกับใครบ้าง ?
- คนที่ขี้เกียจทาครีม และต้องการผลที่ไวกว่าการทาครีม 
- คนที่ไม่มีเวลาดูแลตนเอง อดนอน ทำงานหนัก
- คนที่มีปัญหาสิวและผดผื่น หน้าไม่เนียน 


 

ผู้ที่ไม่ควรฉีดเมโส


ความดันโลหิตต่ำ เป็นโรคหัวใจ /เป็นโรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ
สตรีมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร   / มีประวัติเป็นโรคระบบหลอดเลือดผิดปกติ เช่น เส้นเลือดสมองตีบหรืออุดตัน / โรคมะเร็ง /

 


 
หลังจากที่เราได้ทำการพูดคุย ปรึกษาปัญหากับทางคุณหมอเรียบร้อยแล้ว คุณพยาบาลก็ได้เชิญให้ขึ้นมาที่ บริเวณ ชั้น 2 ตรงห้องทำหัตการของทาง ศูนย์ 3Aฯ บรรยากาศสว่างสไว ค่อนข้างกว้าง มีประตูปิดมิดชิดค่ะ ไม่ต้องกังวลเรื่องความไม่เป็นส่วนตัวเลย ภายในห้องจะมีทั้งหมด 2 เตียงนะคะ ไม่แออัดจนเกินไป พร้อมทั้งมีม่านปิดให้ในกรณีที่มีคนไข้มาทำพร้อมกัน 2 ท่าน ที่ลัลชอบมากๆ คือ ผ้าห่ม จะเปิดใช้ผืนใหม่เสมอ ไม่ได้เป็นระบบผ้าห่มใช้ซ้ำนะคะ เค้าค่อนข้างใส่ใจกับความสะอาดได้ดีทีเดียว
 





 
เริ่มกันด้วย การเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกที่อยู่บนผิวกันก่อนค่ะ โดยการใช้คลีนซิ่งโฟม แล้ว ตามด้วยการลงยาชาบริเวณผิวหน้า ยาชาจะค่อนข้างหนานิดนึงนะคะ ทาทิ้งไว้ให้ออกฤทธิ์กับผิวประมาณ 30-40 นาที






 
เครื่องที่ใช้ทำ Mesotherapy ในวันนี้นั้น คือ เครื่อง Multi Suntion Injector  ซึ่งเป็นเครื่อง ชนิด Automatic Multi Suction Mesotherapy Injector ที่ทำหน้าที่ ในการ ฉีดวิตามินลงสู่ใต้ชั้นผิว ในระดับความลึกของชั้นผิวที่แตกต่างกัน จะมีความแม่นยำมากกว่าการใช้มือฉีดโดยทั่วไป ด้วยการทำงาน 5 หรือ 9 เข็มพร้อมกัน เพื่อเพิ่มผลการรักษาและลดระยะเวลาในการรักษา สามารถควบคุมการส่งยาและของเหลวได้แบบอัตโนมัติตามการตั้งค่า ด้วยวิตามินที่หลากหลายออกไปในแต่ละปัญหาผิว ใช้รักษาบำบัดได้ทั้ง ผิวหน้าและหนังศีรษะค่ะ 












 คุณหมอเลือกใช้หัวฉีดแบบ 9 เข็ม ขนาด 1.2






ซึ่งตั้งค่าไว้แบบไม่ลึกมาก ให้หัวเข็มกดลึกลงไปแค่ชั้นผิวระดับ Meso ค่ะ
เน้นวิตามินในส่วนช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดรอยดำและ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน






เริ่มกันเลยค่ะ คุณหมอเค้าจะเริ่มจากส่วนที่มีรอยดำเยอะ อย่างบริเวณกรามและใต้คาง ตอนแรกยังไม่รู้สึก เพราะผิวยังใหม่ 
ทำผ่านไปสัก 2-3 จุด ความเจ็บเริ่มมาค่ะ ฮ่าๆ 





จะรู้สึกว่า หัวเข็มดูดผิวเราอยู่ แล้วปล่อยวิตามินลงบนผิว กลิ่นวิตามินมาเต็มมาก เข้มข้นสุดๆ
ในช่วงที่ปล่อยวิตามินลงไปจะแสบๆผิวหน่อยนึง สักพักจะกลายเป็นความเจ็บปวดที่งดงามค่ะ 555 เพลงพี่ป้างได้มาก ณ จุดๆนี้
และช่วงบริเวณที่ลัลเป็นหลุมสิวจะเจ็บมากเป็นพิเศษ แต่ไม่เป็นไรเพื่อความสวย ลัลยอมทนค่ะ ^^ 






หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้อาจจะสงสัยว่า ทายาชาแล้วทำไมยังเจ็บ ขี้โม้หรือเปล่า ... ลัลอยากจะบอกมากเลยว่า ใช่ค่ะ ! นี่ขนาดมียาชาช่วยแล้วนะ ยังรู้สึกได้ประมาณนี้  555 ไม่ต้องห่วงเลยว่าวิตามินจะซึมลึกลงใต้ชั้นผิวขนาดไหน เพราะไม่ได้รู้สึกเจ็บบริเวณผิวชั้นบนไงล่ะ ^^ 


หลังจากการฉีดโดยใช้เครื่อง Multi Suntion Injector เสร็จแล้ว คุณหมอจะใช้หัวเข็มกดย้ำเบาๆให้ในส่วนของผิวบริเวณที่บอบบาง และเป็นหลุมสิวลึก เพื่อให้ผิวได้รับวิตามินอย่างทั่วถึงค่ะ การทำเมโสนี้ไม่จำกัดช็อตนะคะ
สามารถทำได้ทั่วหน้าในส่วนที่มีปัญหาผิวและต้องการบำรุงเป็นพิเศษ







เลือดก็จะออกประมาณนึง เนื่องจากเราใช้เข็มกดลงไปบนผิวหน้า และน้ำตาที่คลอเบ้า 555

13








เสร็จแล้วคุณพยาบาลก็ทาเป็นบาล์ม สำหรับบำรุงผิว และซับเลือด ออกให้ด้วยค่ะ
ตอนนี้คือไม่รู้สึกเจ็บแล้วไม่รู้ว่าช้ำ หรือมีอาการข้างเคียงใดๆด้วย








สภาพผิวตอนทำเสร็จใหม่ๆ และทำผ่านไปแล้ว 1 ชม.ค่ะ จะสังเกตเห็นว่า ผิวไม่เบิร์น หรือมีสะเก็ดไหม้ใดๆเลย อาจมีรอยแดงบ้างนิดหน่อย  ออกมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ จะไม่ปกติก็เพียงแค่หน้าจะมันๆ จากบาล์มหน่อยเท่านั้น 555 เมือกเชียว
ก็ให้ใส่เเมสก์ ป้องกันฝุ่นออกมาจาก รพ. ค่ะ 







วันนี้ลัลเพิ่งทำไปสดๆร้อนๆเลย ยังล้างหน้าไม่ได้ซึ่งคุณหมอบอกว่า ถ้าแบบทนไม่ไหวจริงๆ ก็ให้ใช้น้ำเกลือเช็ดหน้าเบาๆไปก่อน ส่วนพวกครีม บำรุงผิวที่มีสารผลัดเซลล์ผิว หรือแอลกอฮอล์นี่ให้งดสักระยะนึง ไม่งั้นจะทำให้ผิวหน้าเบิร์นเพราะครีมพวกนี้จะทำปฏิกริยารุนแรงกับผิวได้นั่นเองค่ะ 





------------------------------------------ 

ต่อจากนี้เดี๋ยวลัลจะแนะนำ การทำ PRP จากที่ได้เกริ่นไว้ในช่วงต้นบล็อกแล้วว่าน่าสนใจมากๆ
จึงเอาความรู้เล็กๆน้อยๆ มาฝากทุกคนกันด้วยค่ะ





PRP (Platelet-rich plasma) คืออะไร

 คือ การสกัดเอาเกล็ดเลือดส่วนที่เป็นของเหลวหรือน้ำเลือด ( Plasma ) ซึ่งอุดมไปด้วยเกล็ดเลือด  ( Platelet )  มีโปรตีนและเซลล์จากกระแสเลือดเข้มข้น  ใช้ในการรักษา ซ่อมแซมข้อต่อ เนื้อเยื่ออ่อน  เอ็น หรือกล้ามเนื้อ ที่มีอาการบาดเจ็บและอักเสบ เสื่อม เรื้อรัง  รวมไปถึงการบาดเจ็บของระบบโครงสร้างมนุษย์ อาทิ เอ็น กล้ามเนื้อ กระดูก กระดูกอ่อน 
โดยวิธีฉีด PRP  เข้าสู่จุดที่มีการบาดเจ็บ จะช่วยลดอาการบาดเจ็บ กระตุ้นกระบวนการในสมานแผลของร่างกายมนุษย์เร็วขึ้น  และยังช่วยให้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ข้อสำคัญ คือ ไม่อันตรายเนื่องจากเป็นส่วนประกอบจากเลือดของผู้ป่วยเองด้วยค่ะ





PRP กับความงาม

หนึ่งในเทคโนโลยีด้านความงามที่กำลังมาแรงในขณะนี้ คือ การรักษาหรือซ่อมแซมใบหน้าจากเลือดของเราเอง โดยการใช้เลือดฉีดเข้าผิวหน้า เพื่อช่วยฟื้นฟูบำรุงใบหน้า กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และช่วยให้ผิวที่เสื่อมโทรมดูกระจ่างใสยิ่งขึ้น เราเรียกวิธีการด้านความงามนี้ว่า Platelet Rich Plasma หรือ PRP โดยกระบวนการดังกล่าว จะนำเลือดของตัวเองมาปั่น เพื่อแยกเกล็ดเลือดที่เข้มข้น ซึ่งมี Growth Factor ที่มีคุณสมบัติซ่อมแซมเซลล์ตามธรรมชาติ ทั้งนี้เมื่อเกิดบาดแผล จะทำให้เกิดการแบ่งตัวของเซลล์ และสร้างคอลลาเจนใหม่ PRP จึงเป็นสารน้ำในเลือดที่มีเกล็ดเลือดจำนวนมากกว่า


ก่อนที่จะเสริมความงามด้วยวิธีนี้ แพทย์จะเจาะเลือดคนไข้ออกมาเพียงเล็กน้อย เพื่อนำไปปั่นแยกเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง และเกล็ดเลือด เลือดชั้นเกล็ดเลือดจะถูกนำมาฉีดเข้าที่ใบหน้าของคนไข้ โดยเน้นที่บริเวณที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอย ร่องแก้ม หรือหลุมสิว ทั้งนี้การเสริมความงามด้วยวิธีนี้ ถือว่ามีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ไม่เกิดการต่อต้านจากร่างกาย และไม่เกิดการติดเชื้อจากผู้อื่นมาที่ตัวเรา เนื่องจากเกล็ดเลือดที่นำมาใช้เป็นเลือดของเราเอง



 PRP สามารถฉีดจุดไหนได้บ้าง

จริงๆแล้วพีอาร์พีหรือเลือดสกัดสเต็มเซลล์สามารถฉีดตามส่วนต่างๆของร่างกายได้ โดยเฉพาะในส่วนที่ต้องการการฟื้นฟูเป็นพิเศษ เช่น หากฉีดบริเวณหนังศีรษะ จะทำให้หนังศีรษะและเส้นผมมีความแข็งแรงขึ้น ที่นิยมกันอย่างมาก คือการฉีดบนใบหน้า เพื่อให้ผิวหน้าเด้ง อิ่มน้ำ ผิวหนังกลับมาแข็งแรงเหมือนผิวเด็กที่ยังไม่เคยโดนมลภาวะมาก่อน นอกจากนี้พีอาร์พี PRP มักถูกนำมาฉีดร่วมกับไขมัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์หน้าอิ่มและเปล่งปลั่งมากขึ้น รวมถึงเป็นการเสริมประสิทธิภาพให้ไขมันที่ฉีดเข้าไปอยู่กับใบหน้าของเราได้นานขึ้นด้วย







 

PRP เหมาะกับคนที่มีปัญหาดังต่อไปนี้

- ปัญหาบริเวณที่มีความยืดหยุ่นน้อย เนื่องจาก Collagen และ Elastin ลดลง
- ปัญหาใต้ตาคล้ำ ร่องแก้ม
- ปัญหาเรื่องริ้วรอย ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้าในบริเวณหางตา หน้าผาก ลำคอ
- บริเวณที่มีแผลเป็น
- ปัญหา รอยสิว
- ปัญหา ผิวหน้าแห้ง
- ปัญหามีรอยหลุม ลึก บนใบหน้า







ข้อจำกัดในการฉีด PRP

* มะเร็งผิวหนัง รวมถึงมีประวัติเคยเป็น เช่น squamous cell carcinoma, basal cell carcinoma และ melanoma เป็นต้น *
* ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วย chemotherapy และ steroid *
* โรคทางผิวหนังอื่น ๆ *
* ผู้ที่ได้รับ anticoagulation, aspirin หรือ ได้รับ anti-platelet อื่น ๆ *
* ผู้ที่มีความผิดปกติของระบบเลือดและเกร็ดเลือด *
* ผู้ที่มีภาวะติดเชื้อรุนแรง *
* ผู้ที่เป็นโรคตับ *
* ผู้ที่มีโรคทางภูมิคุ้มกันต่อตนเอง (autoimmune) *
* ผู้ที่รับประทานวิตามินอี หรือสารที่ทำให้เลือดไม่แข็งตัว *
 
การทำ PRP นั้น จะทำด้วย เครื่อง Multi Suntion Injector   :ซึ่งเป็นเครื่องเดียวกันเลยกับที่ลัลมาทำเมโส ในวันนี้ค่ะ


สำหรับใครที่สนใจไม่ว่าจะเป็นการทำเมโส หรือ PRP ลัลอยากให้ลองไปปรึกษาได้ที่ 3A CENTER ศูนย์ดูแลสุขภาพและความงาม โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต ได้ก่อนเลยนะคะ

ปรึกษาฟรีไม่มีค่าบริการ เดี๋ยวลัลจะทิ้งรายละเอียดเพิ่มเติมไว้ให้
สำหรับวันนี้ต้องขอตัวก่อนแล้วนะคะ อย่าลืม save บล็อกนี้ไว้เป็นแนวทางในการตัดสินใจด้วยน้า สวัสดีค่า 

17




 

ช่องทางติดตามข้อมูลข่าวสาร
Web Site : https://www.chularat-cac.com
Facebook : https://www.facebook.com/3acenters
Line@: 3ACENTER






 

 



Create Date : 16 กันยายน 2562
Last Update : 15 ตุลาคม 2562 0:19:11 น.
Counter : 2683 Pageviews.

0 comment
[Review]: Thermax ยกกระชับสลายไขมัน แก้ไขปัญหาหน้าไม่เรียว


ตอนนี้ลัลว่าสาวๆหนุ่มๆหลายท่าน กำลังมีปัญหาเรื่องไขมันกวนใจ ไม่ว่าจะเป็นตรงบริเวณต้นแขน ต้นขา
สะโพก หน้าท้อง หรือแม้กระทั่งไขมันที่บริเวณใบหน้า ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ จะแต่งหน้า หรือใส่อะไรก็ดูจะเกินๆล้นๆไปเสียหมด

วันนี้ลัลมีวิธีการทางเลือกใหม่ๆที่จะมานำเสนอและรีวิวผลการใช้ให้ชมกันด้วยค่ะ โดยเราจะเดินทางกันไปที่คลินิกความงามย่านอ่อนนุช ใกล้ๆบ้านลัลนั่นเอง








เราเดินทางมาด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานี"อ่อนนุช"  เดินออกมาตรงบริเวณทางออก 1 เพื่อเข้ามาที่ถนนสุขุทวิท 77 (อ่อนนุช) นั่นเองค่ะ
เดินเข้ามาประมาณ 350 เมตรก็จะเจอห้าง Big C Extra เราโบกรถแท๊คซี่จากตรงนี้เพื่อไปลงที่หน้า โครงการ "Pickadaily Bangkok Community Mall"





ถึงด้านหน้าโครงการ ก็จะเห็น Community Mall สไตล์อังกฤษแบบนี้เลย ก็จะเห็นป้าย "Every Day Clinic"
อยู่ตรงด้านป้ายสแตนด์ด้วยค่ะ สังเกตง่ายมาก ก็ให้สังเกตทางเข้าตรงด้านข้างร้าน Max Value ให้เราเดินตรงเข้ามาได้เลย







ทางเดินเข้ามาอาจจะมืดๆหน่อย เนื่องด้วยมีพื้นที่ ที่ทางโครงการกำลังปรับปรุงอยู่ ก็จะเห็นป้าย  "Everyday Clinic"
พร้อมไฟสว่างไสว รูปแบบคลินิกเป็นแบบชั้นเดียวค่ะ 






ก่อนจะเข้าไปด้านใน ทางคลินิกได้จัดที่วางรองเท้าของเราไว้ที่ด้านหน้า  แล้วให้เราสวมใส่รองเท้าที่ทางคลิกนิกจัดไว้ให้
เพื่อความสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยจะเปิดให้บริการทุกวันตามชื่อ everyday เลยนะคะ ตั้งแต่เวลา 12.00 น.-20.00 น.
สามารถโทรไปจองคิว จองห้องกับทางพี่พนักงานได้เลยตามเบอร์ในรูป







ตรงส่วนล๊อบบี้ต้อนรับอาจจะแคบนิดนึง เพราะสัดส่วนของพื้นที่จะเน้นหน้าตัดด้านยาวมากกว่า จึงทำให้พื้นที่ด้านกว้างนั้นน้อยไปนิด
แต่ก็ยังพอมีพื้นที่ไว้รับรองลูกค้าที่เข้าใช้บริการได้พอสมควร 













 

Thermax 
การทำ  Thermax เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย มีริ้วรอยร่องแก้มลึก ผู้ที่มีหนังตาตก
ต้องการยกคิ้วหรือยกหางตาขึ้นและกระชับหนังตาบน ผิวหมองคล้ำไม่สดใส มีริ้วรอยรอบดวงตา หน้าผาก และริมฝีปาก
ผู้ที่มีปัญหาผิวเหี่ยวย่นบริเวณหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา และมือ ผิวไม่เรียบเนียนเป็นเซลล์ลูไลท์ก็สามารถทำได้ทั้งบริเวณผิวหน้าและลำตัว

 

เป็นการใช้ความถี่ของคลื่นวิทยุแบบขั้วเดียว ซึ่งนำมาใช้กระตุ้นได้ลึกลงตั้งแต่ชั้นหนังแท้ (Dermis) จนถึงชั้นกล้ามเนื้อ (SMAS)
โดยคลื่นนี้จะช่วยให้คอลลาเจนที่หย่อนคล้อยไม่กระชับกลับมาหดตัว ผิวที่ถูกทำด้วย  Thermax จะกลับมามีเกลียวขึงเนื้อเยื่อให้มีความยืดหยุ่น
และกระชับได้ดีอีกครั้ง เป็นการยกกระชับได้ทั้งผิวหน้า ผิวกาย และลดริ้วรอยโดยไม่ต้องผ่าตัด
อีกทั้งผิวในบริเวณที่ทำก็จะดูมีน้ำมีนวลเต่งตึงขึ้น

หลังการทำ ในบางคนจะเห็นผลทันที และสังเกตผลลัพธ์ได้ชัดเจนขึ้นในเดือนที่ 2 – 3 โดยจะมีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ 
เพราะผิวจะสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่องและยกกระชับได้ดีในเดือนที่ 6 แล้วคงอยู่สภาพนี้ประมาณ 1 ปี ทำให้ดูอ่อนเยาว์ลงได้ถึง 5 – 15 ปี  
ทั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้นั้นจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลค่ะ




เครื่องที่ใช้ยกกระชับผิวของเราในวันนี้คือ เครื่อง "DUET Rf" ซึ่งทำงานระบบ Fractional RF :เทคโนโลยีที่กระตุ้นให้เกิดกระบวนการซ่อมแซมตัวเอง
และสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาโดยที่ชั้นบนไม่ถึงกับเป็นแผล ใช้พลังงานคลื่นวิทยุแบบที่ย่อยออกเป็นจุดเล็กๆทำให้สามารถ ส่งลงไปใต้ผิวได้ลึกถึงชั้นผิวแท้ และก่อให้เกิดกระบวนการซ่อมแซมตัวเอง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ โดยที่ผิวชั้นบนจะเกิดเพียงสะเก็ดบางๆ ไม่ถึงกับเป็นแผล 

และระบบ Thermal RF :พลังงานจากคลื่นวิทยุจะทำให้เกิดความร้อนใต้ผิวลึกถึงชั้นไขมัน 5-15 mm. มีผลต่อไขมันส่วนเกินค่อย ๆ สลายไป
ในลักษณะผสมผสานหรือแยกกัน  เป็นระบบการดูแลผิวที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคผิวหนังเนื่องจากไม่เป็นอันตรายและ
ส่งพลังงาน RF ลึกเข้าไปในชั้นผิวหนังนั่นเองค่ะ



 







Component หัวสัมผัส

NS TIP (สี่เหลี่ยมจัตุรัส) / NC TIP (วงกลม) / NCE TIP  (วงกลม) >>> ในส่วน หัวสัมผัส จะมีการใช้งานที่แตกต่างกัน
ซึ่งในตอนที่ลัลไปทำนั้น ทางหมอเค้าจะใช้เป็นหัวสัมผัสแบบกลมให้ค่ะ (NC TIP) เพราะเป็นการทำทั่วใบหน้าไม่เน้น ช็อต (Shot) หรือเน้นตรงบริเวณที่มีปัญหามาก แต่ถ้าเป็นการทำแบบเน้น ช็อต ก็จะต้องใช้หัวสัมผัสแบบ สี่เหลี่ยม (์NS TIP) ค่ะ 










Thermal RF System
NTTS  (โครงสร้างการส่งผ่านความร้อนแบบไม่มีขั้ว) ให้พลังงานความร้อน RF ที่สม่ำเสมอเข้าสู่ชั้นผิวหนังโดยไม่ทำลายผิวหนังชั้นนอก






Fractional RF System
AFMR (คลื่นวิทยุขั้นสูงแบบหลายเศษส่วนขั้นสูง) มอบพลังงาน RF ที่มุ่งเน้นผ่านอิเล็กโทรดแต่ละตัวเข้าสู่ผิว




 

 



 

วิธีการทำงานของ Thermax

พลังงานคลื่นวิทยุจากเครื่องจะมีกระบวนการส่งความร้อนที่สม่ำเสมอ โดยความร้อนนี้จะทำให้โครงสร้างใต้ผิวหนังกระชับตัวดีขึ้น
อีกทั้งในระยะต่อมาคอลลาเจนใหม่ก็จะสร้างเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผิวมีความแข็งแรงแต่นุ่มนวล ลดร่องรอยต่างๆ ทำให้รูขุมขนเล็กลง แลดูอ่อนเยาว์จากภายใน
สู่ภายนอก ซึ่งใช้เวลาทำเพียงแค่ครั้งละ 1 ชั่วโมง











และสำหรับปัญหาผิวของลัลในวันนี้คือ มีไขมันที่ใบหน้าเยอะมากค่ะ หน้ากลมอิ่มจนล้น 555 เนื่องจากเราเองก็ไม่ได้เป็นคนผอมอะไรมาก
เลยลองมาพึ่งทางลัดที่สามารถทำให้ผิวหน้ายกกระชับได้ในเวลาที่เร่งด่วนกัน

ลัลไม่ต้องดูแลหรือข้อควรระวังพิเศษใดๆ ทั้งก่อนหรือหลังการทำ เพราะสามารถทำได้ตามปกติ แต่เมื่อต้องออกแดดก็ควรทา
ครีมกันแดดร่วมด้วยทุกครั้ง และยังสามารถใช้ครีมบำรุงต่างๆ หรือแต่งหน้าได้ตามปกติทันที หากผิวเราไม่ไวต่อความร้อน




ถึงเวลาเริ่มทำกันค่ะ
​​​​​​
เริ่มต้นด้วยการเปิดหน้าท้องเพื่อติด Grouned Pad ค่ะ ซึ่งจะเป็นวัตถุสื่อนำกระแสคลื่นวิทยุ
ในส่วนนี้หากไม่ติดบริเวณหน้าท้องก็สามารถติดบริเวณแผ่นหลังได้ค่ะ แล้วแต่กรณีไป หลังจากนั้นก็ เช็ดเครื่องสำอางออกเพื่อทำความสะอาดผิว







ใช้เป็นสารลักษณะสีขาวข้นแบบครีม เพื่อทำให้การยิงคลื่นนั้นมีความสมูทและไม่สากผิวค่ะ ตัวครีมตัวนี้ก็มีคุณสมบัติเป็นสารกึ่งตัวนำเหมือนกันค่ะ จะทำให้ประสิทธิภาพของการทำ Thermax นั้นสมบูรณ์และเห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น







ยิงให้ทั่วตั้งแต่บริเวณโหนกแก้ม ข้างแก้ม จนมาถึงบริเวณใต้คาง ที่ซึ่งเหนียงน้อยๆของเรา อยู่นั่นเองค่ะ ^^






ความรู้สึกตอนทำคือ ตอนแรกจะอุ่นๆบริเวณผิวหน้าก่อน หลังจากนั้นจะค่อยร้อนผิวขึ้นเรื่อยๆ แต่หมอเค้าจะถามตลอดว่าความร้อนประมาณนี้ เราไหวมั้ย
ซึ่งลัลรู้สึกว่าเป็นความร้อนที่เรายังไหวเลยไม่เป็นไร ที่ร้อนที่สุดน่าจะเป็นตรงช่วงหนียง เพราะผิวบริเวณนั้นจะบอบบางกว่าผิวหน้าส่วนอื่นๆ






ข้อดีของ  Thermax

ไม่มีผลข้างเคียงในระยะยาว ทำง่าย สะดวก รวดเร็ว และไม่มีร่องรอยหรือบาดแผลหลังทำ สามารถกลับมาทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
สามารถทำได้กับทุกสีผิวหรือผู้ที่มีผิวเข้มก็ทำได้โดยไม่มีข้อจำกัด รักษาเพียงครั้งเดียว ซึ่งต่างจากเลเซอร์ทั่วไปที่ต้องทำซ้ำถึง 3 – 4 ครั้ง


 

ข้อเสียของ  Thermax

อาจมีผลข้างเคียงได้บ้างเพียงเล็กน้อยในบางราย อย่างเช่นมีรอยแดงหรือเป็นรอยนูน แต่ไม่นานก็หายได้เองโดยไม่มีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ

 

ข้อควรระวังในการทำ 

ห้ามทำ  Thermax ในผู้ป่วยที่ติดอุปกรณ์เกี่ยวกับหัวใจหรือเป็นโรคหัวใจ ผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือโรคงูสวัด
รวมทั้งหญิงที่กำลังตั้งครรภ์และอยู่ระหว่างให้นมบุตร










ผลลัพธ์ที่ได้


ตอนทำเสร็จแล้วพี่ๆผู้ช่วยเค้าเอากระจกมาให้ส่องผิวหน้าดู คือตอนนั้น ประหลาดใจมาก 555 ช่วงกรามที่มีไขมันหนาย้อยๆ กระชับขึ้นเห็นได้ชัดเลย สโลปมาก แต่ผิวจะมีอาการ แดงขึ้นมาหน่อยนึง พี่ผู้ช่วยเลยทาตัวเจลสมุนไพร ที่มีกลิ่นประหลาดๆเหมือนน้ำมันงาให้ สัมผัสคือเหนียวหน่อย เลยใส่มาสก์ปิดหน้าเดินออกมาจากคลินิคเพื่อกันฝุ่นละออง เค้าบอกให้ทาไว้ก่อนประมาณครึ่งชม. แล้วค่อยล้างออก มันจะช่วยลดอาการแดงของผิวลงได้

กลับมาถึงบ้านลัลเลยรีบถ่ายรูปเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่าง ในช่วงก่อนทำ และหลังทำให้ดูซึ่งสังเกตว่าผิวก็ยังแดงๆอยู่ แต่ในส่วนบวมๆนั้น ยุบลงและกระชับขึ้นเห็นได้ชัด หลังจากผ่านไป 1 สัปดาห์แฟนทักว่า เออหน้าเรียวขึ้นแล้ว 555+ ประหนึ่งน้ำหนักลด ประหนึ่งผอมลงแล้วแก้มตอบ การสลายไขมันด้วย Thermax ตรงนี้มีเอฟเฟกต์ ต่อผิวลัลเล็กน้อยค่ะ นั่น ก็คือสิวขึ้น 555 สิวขึ้นมาตรงช่วงบริเวณกรามและใต้คางประมาณ 4-6 เม็ด เลยใช้ยาแต้มหัวสิว รักษาตามอาการไป บริเวณตรงนี้เป็นบริเวณที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย ทำให้ค่อนข้างจะไวต่อความร้อนจากเครื่อง 









ให้คะแนน 9.5/10 ค่ะ (หักนิดเดียวตรงเอฟเฟกต์ต่อผิวทำให้มีสิวอักเสบขึ้นมาพร้อมกันทีเดียว)

ความประทับใจตรงส่วนนี้ คือ หน้ามีมิติขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ต้องทำเฉดดิ้งหน้าหนักๆเหมือนแต่ก่อน ผิวดูตึงกระชับ วิธีการก็ทำให้เราเจ็บน้อยเห็นผลชัดเจน ในเรื่องของการยกกระชับไขมัน จริงๆ ถ้าหากใครมีไขมันสะสมเยอะ ผ่านไปสัก 2-3 เดือนสามารถกลับมาทำซ้ำได้เลยนะคะ แต่การทำ Thermax จริงๆ ผลจะอยู่ทนถึง 8-9 เดือนเลย ถือว่าทำครั้งนึง คุ้มค่ามากๆ ไม่ต้องลงทุนบ่อยแต่เห็นผลยาวนาน

อีกทั้งเป็นวิธีการที่ทำง่ายเราไม่ต้องเจ็บตัวอะไรเลย แค่ไปนอนเฉยๆ ก็ได้รับความสวยกลับบ้านแล้ว ซึ่งเอาจริงๆ หาได้ไม่บ่อยกับวิธีการรักษาแบบนี้
หากใครสนใจก็สามารถดูรายละเอียดติดต่อคลินิกได้ที่ด้านล่างเลยนะคะ สำหรับวันนี้ลัลขอตัวก่อน สวัสดีค่า ^^











ช่องทางติดตามข้อมูลข่าวสาร
Website : https://www.everydaymedicalclinic.com/
FB Page : https://www.facebook.com/Everydayclinic/
Line ID : @Everydayclinic
instagram : Everyday clinic


Everyday Clinic เวลาเปิดบริการ 12.00-20.00 น.
โครงการ Pickadaily bangkok ชั้น2 อยู่ระหว่าง ซ.อ่อนนุช 37 - 39 การเดินทาง ลง BTS อ่อนนุช



 

 



Create Date : 15 สิงหาคม 2562
Last Update : 25 สิงหาคม 2562 15:23:29 น.
Counter : 1905 Pageviews.

0 comment
[Review'n Workshop] : "Eye Need You" Beauty is in the eye By Ultima II Thailand

สวัสดีค่ะทุกคน บล๊อคนี้ลัลจะพาทุกคนไปร่วมเวิร์คช้อปกับทางกิจกรรมของ Ultima II Thailand (อัลติม่า ทู ไทยแลนด์)
แบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางชื่อดังจาก New York มีชื่อเสียงด้านการเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่อง "คอลลาเจน" ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกสำหรับลัล
ซึ่งได้มีการจัดกิจกรรมไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ที่ ห้างสรรพสินค้า SIAM TAKASHIMAYA @ICONSIAM ค่ะ 











กิจกรรมหลักๆในวันนี้จะว่ากันด้วยเรื่องของ การทำทรีทเมนต์ผิวรอบดวงตา ในชื่อกิจกรรมว่า "EYE NEED YOU ... Beauty is in the eye" 
โดยปกติแล้วคนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับผิวรอบดวงตาเท่าที่ควร (ลัลแอบสังเกตจากเพื่อนๆหลายคน หรือแม้กระทั่งตัวลัลเอง)
เพราะมักจะไปโฟกัสที่ปัญหาผิวอย่างอื่น เช่น ปัญหาสิว ปัญหาผิวไม่ใส หน้าหมองคล้ำ ปัญหาฝ้า กระ เป็นต้นค่ะ

แต่ลัลอยากบอกว่า ผิวรอบดวงตาของเรา เป็นจุดที่เรามองข้ามไม่ได้เลยนะคะ เพราะมันเป็นจุดเดียว
ที่จะแสดงออกถึงความสดชื่นของใบหน้าได้ชัดเจนที่สุด ฟังแล้วอาจจะดูงงๆ เอาเป็นว่าเดี๋ยวจะอธิบายกันให้เห็นภาพ ...

หากใครที่มีผิวรอบดวงตาไม่สดใส หมองคล้ำ รอยเหี่ยวย่นอย่างเห็นได้ชัด  มีรอยดำใต้ตาเป็นหมีแพนด้าแล้วละก็ มองหน้าตัวเองในกระจกครั้งใด
เราอาจจะรู้สึกกับตัวเองเหมือนคนที่เอาแต่ง่วงนอนตลอดเวลาก็เป็นได้ อิ้ๆ 15




พระเอกในงานของเราในวันนี้ จึงเป็น
Procollagen Supreme Caviar Eye Serum " เซรั่มรอบดวงตา
ที่ลัลได้ยินชื่อเสียงมาสักระยะ เค้าจะเน้นในเรื่อง "ปกป้อง , ป้องกัน และซ่อมแซม" ค่ะ







เรามาดูกันทีละอย่างว่า จะ "ปกป้อง , ป้องกัน และซ่อมแซม" กันอย่างไร ...
เริ่มต้นที่ การปกป้อง : เป็นการปกป้องผิวรอบดวงตาของเราจากมลภาวะในปัจจุบันอย่าง รังสี  UV , ฝุ่นละออง
ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอยลึกแห่งวัย

การป้องกัน : ป้องกันสัญญาณแห่งวัย และความร่วงโรยของผิวบริเวณรอบดวงตา สีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ และพวกผิวแห้งขาดน้ำ
 ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความเสียหายที่จะเกิดกับผิวเราทั้งสิ้นค่ะ

การซ่อมแซม : เป็นการฟื้นฟู เติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวรอบดวงตา และทำให้ดูสว่างกระจ่างใสขึ้นดวงตาแลดูอ่อนเยาว์ 
ผิวดูกระชับและลดอาการบวมรอบดวงตาลงด้วยค่ะ


เห็นแค่ 3 คุณสมบัติเด่นๆของ เซรั่มตัวนี้ไปยังต้องร้องว้าว! 28 28 28 เลยใช่มั้ยคะ เดี๋ยวลัลจะมาบอกว่าเค้ามีส่วนผสมอะไรอะไรบ้าง
ที่ส่งผลให้ประสิทธิภาพว้าวได้ขนาดนี้ แต่ก่อนอื่น จะพาไปชมบรรยากาศกิจกรรมกันสักหน่อยค่ะ (ขออนุญาตสาว Meanniek ในรูปด้วยค่ะ ^^)






Ingredients

เมื่อกี้ยังติดค้างเรื่องส่วนผสม อย่างที่บอกไปข้างต้นแล้วว่าแบรนด์นี้เค้าจะโดดเด่นมากในเรื่องของการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคอลลาเจน
431 เพราะฉะนั้นส่วนผสมหลักๆที่ต้องมีแน่ๆแล้ว คือ คอลลาเจน แต่ในเซรั่มตัวนี้จะเป็นประเภท  "โปรคอลลาเจน" (Pro-Collagen)
ซึ่งจะมีสายโพลีเปปไทด์สั้นกว่า คอลลาเจนทั่วไป ทำให้สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เยอะกว่าปกติ และยังเป็นสารตั้งต้นในสร้างคอลลาเจนให้แก่ร่างกายอีกด้วย"

431 ต่อมาคือ "Cavier Complex" มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Black Gold เป็นสารสกัดจากไข่ปลาสเตอเจียนเพศเมีย
อุดมไปด้วย phospholipids ที่ช่วยรักษาระดับความชุ่มชื้นของผิว, ปรับปรุงและเสริมความกระชับให้กับผิว 
/Amino Acidในปริมาณสูง ซึ่งกรดอะมิโนเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างเซลล์ช่วยให้ผิวแข็งแรง / โปรตีน ชนิดที่สามารถเร่งกระบวนการฟื้นฟูเซลล์ได้

431 และ "DNA Gel" เทคโนโลยีจากไข่ปลาแซลมอน ทำให้สามารถบำรุงผิวได้ล้ำลึกถึงระดับเซลล์ผิว ทำให้ผิวกระชับ





Treatment Time

เริ่มด้วยการเช็ดคราบเครื่องสำอางบริเวณรอบดวงตาให้สะอาดก่อนค่ะ ด้วยคลีนซิ่งอ่อนโยนสูตรน้ำ







อุปกรณ์ที่เราจะใช้ในการทำทรีทเมนต์ครั้งนี้คือ "Eye Applicator"  เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อใช้ควบคู่กับ eye serum 
ช่วยให้ผิวรู้สึกเย็นสบาย เซรั่มซึมตรงเข้าสู่ผิว และเสริมการไหลเวียนของเลือด
ลักษณะเป็นแท่งโลหะสีทองหัวลูกตุ้ม ตรงปลายด้ามมีลักษณะแบนเพื่อ รองรับนิ้วหัวแม่มือในขณะที่ใช้ ด้วยความยาวด้ามที่กำลังพอดี
และมีน้ำหนักค่อนข้างเบาค่ะ







1) วิธีการนวด เริ่มต้นจากใต้ตาก่อนโดยใช้ Applicator ด้านหัวกลม นวดวนเป็นคลื่นขึ้นตามแนวตั้งตรงบริเวณใต้ตา
ทิศทางจากหัวตา ลากไปยังหางตา ซ้ำกันประมาณ 3-4 ครั้ง ในแต่ละข้าง
2) ใช้ ด้านหัวแบน กดน้ำหนักลงบนผิวสักเล็กน้อย แล้วลากเบาๆบริเวณใต้ตาในทิศทางเดิม ซ้ำกันประมาณ 2 ครั้ง
3) จากนั้นใช้นิ้วกลาง หรือนิ้วนาง ก็ได้ นวดตรงบริเวณเบ้าตาเบาๆ นวดวนให้เป็นวงกลมรอบเบ้าตาประมาณ 3-4 ครั้ง
4) ท้ายสุดคือนวดเน้นบริเวณโหนกคิ้ว ก่อนที่จะใช้ ฝ่ามือปิดตาแล้วกดเบาๆ เพื่อให้เนื้อเซรั่มซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึกค่ะ 


คุณBA  บอกกับลัลว่า เจ้าตัว Applicator นี่ไม่มีขายนะ เอาไปใช้ที่บ้านไม่ได้ 555 ถ้าชอบแล้วอยากลองอีก ให้ลองมานวดหน้ากับทางแบรนด์รับรอง
ว่าฟินกว่านี้มาก หูยยยย ... แต่เพียงเท่านี้ลัลก็รู้สึกว่าฟินสุดๆ แล้วน้า คือเค้าจะเป็นการนวดเพื่อผ่อนคลายด้วยนะคะ
เลยทำให้เรารู้สึกเบาสบาย สมองปลอดโปร่งมากๆค่ะ 




เสร็จแล้วค่า หน้าตาสดชื่นเพิ่มขึ้นอีก 45% ต่างกับตอนมามาก ตอนมาถึงนี่หน้าง่วงสุดๆ 2







ต่อไปก็ทำการแต่งหน้าอีกครั้งค่ะ 555 ไม่อยากจะเดินเป็นมนุษย์ต่างดาวคิ้วบาง ทางคุณ BA มีการมองหน้าแล้วแบบ คิดว่าจะแต่งออกมาสไตล์ไหน อิ้ๆ 







แต่งหน้าเสร็จแล้วเเวะถ่ายรูปสักแชะ ร่วมกับผลิตภัณฑ์พระเอกของเรากันหน่อย ก่อนจะหอบหิ้วนางกลับมาใช้ต่อกันที่บ้าน



Ps. ให้ทายว่า 2 รูปนี้ต่างกันยังไง ? 555 ... 163 (ไม่ต่างค่ะ ลัลเลือกไม่ได้ ลงมันทั้งคู่นี่เลยอิ้ๆ )




17


กลับมาที่บ้านของเรากัน หลังจากที่ได้มาก็รีบแกะใช้เลยค่ะ 8 เห่อมาก 555 ...
ซึ่งก่อนจะได้ลองใช้ ผิวบริเวณใต้ตาของลัล จะค่อนข้างเป็นน้องแพนด้าเบาๆ ไม่ถึงกับขนาดดำคล้ำอย่างเห็นได้ชัด
... แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดกว่าคือ มีความหย่อนคล้อยและรอยเหี่ยวย่นหนักมาก โชคดีที่ตีนกายังไม่มา 

ซึ่งสำหรับคนวัยใกล้ 30 อย่างเรา จะประมาทตรงจุดนี้ไม่ได้เลยค่ะ เผลอคิดไป ว่าผิวเราผ่านช่วงชีวิตวัยรุ่นมาเมื่อวาน
แต่ก็ยังไม่สายจนเกินไปค่ะ ที่จะเริ่มละเอียดละออกับผิวมากขึ้นตั้งแต่วันนี้ 





ลักษณะของเนื้อเซรั่ม

เซรั่มตัวนี้บรรจุมาในขวดแก้วหัวปั๊มนะคะ เนื้อเป็นสีขาวขุ่น กลิ่นจะหอมอ่อนๆ ออกแนวสดชื่น เหมือนกลิ่นสวนดอกไม้หลังฝนตก
ตรงนี้คือกลิ่นดีมาก ไม่ได้กลิ่นของแอลกอฮอล์โดดขึ้นมานะคะ ค่อนข้างอ่อนโยน
ลองนำมาวอร์มที่ท้องแขน สัมผัสจะเย็นๆ รู้สึกได้เลยว่า เนื้อบางเบา และซึมไวใช้ได้เลยทีเดียวไม่มีอาการแสบผิว หรือผื่นแดงให้เห็นค่ะ












วิธีการใช้

ลัลใช้ทาบริเวณรอบดวงตา วันละ 2 ครั้ง ในตอนเช้า เพื่อที่จะให้เซรั่มช่วยปกป้องผิวเราจากมลภาวะ และรังสี UV
ส่วนในตอนก่อนนอน เพื่อให้ช่วยฟื้นฟูผิว หลายๆคนอาจจะคิดว่าเซรั่มใต้ตา ทาได้เฉพาะตอนก่อนนอนเท่านั้น
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ... เราสามารถทาตอนใดก็ได้ และทาได้บ่อยเท่าที่ต้องการเลยค่ะ
เพียงแต่ในการใช้/ครั้ง ให้จำไว้ว่า บีบ 1 ปั๊มในปริมาณที่เท่ากับเมล็ดถั่วเขียวเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าเพียงพอแล้วค่ะ สำหรับการที่ผิวจะซึมลงไป
-ทิศทางและวิธีการทา ลัลก็ลอกมาจากคุณ BA เลยค่ะ 555+ ถามว่าทำได้ดีเท่าเค้ามั้ย ตอบเลยว่า... ไม่ ! 26 26 26











ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น

อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าผิวบริเวณใต้ตาลัลหย่อนคล้อยมาก เห็นเส้นเลือดเขียวช้ำเชียว หลังจากที่ได้ใช้ติดต่อกันเป็นประจำเช้า-ก่อนนอน เป็นเวลา 10 วัน ความชัดเจนเกิดขึ้นตรงที่ ... ผิวที่หย่อนคล้อย มันดีขึ้นมากๆ ดูไม่อิดโรย ถุงใต้ตาบวมน้อยลงนะ  
รอยดำคล้ำและเส้นเลือดเข้มๆ นั้นจางลงอย่างเห็นได้ชัด ผิวรอบดวงตารู้สึกกระชับขึ้น จับแล้วตึงๆด้วยค่ะ









ภาพนี้แสดงให้เห็นถึงสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไป เมื่อปัญหาผิวบริเวณใต้ตาเริ่มดีขึ้นค่ะ เห็นได้ชัดว่าดูสดชื่น มีชีวิตชีวา
ดูไม่ง่วง ไม่เพลีย หน้าไม่เหนื่อยเท่าแต่ก่อน








ทดลองแต่งหน้า ด้วยการลงรองพื้นแบบ 1 เลเยอร์ ถือว่ามีความเป็นลุคธรรมชาติ ไม่น่าเกลียดเลยค่ะ
ลัลใช้แต่งหน้าโดยไม่ใช้คอลซีลเลอร์ช่วยในการปิดรอยดำใต้ตาเหมือนที่ผ่านมา
แต่ก็ยังแอบเห็นริ้วรอยอยู่บ้าง 








บทสรุป
สำหรับ " Procollagen Supreme Caviar  Eye Serum" ขวดนี้ ปริมาณ 15 ml. ในราคา 1,800 บาท ถือได้ว่าคุ้มค่าแก่การลงทุนมากๆนะ เพราะเค้ามีอายุการใช้งานถึง 2 ปี ลองคิดเล่นๆ ว่าเราลงทุนกับค่าเซรั่มใต้ตาแค่เดือนละ 75 บาทเอง ด้วยส่วนผสมที่เข้มข้นมากๆ 
ลัลชอบตรงที่เค้าสามารถฟื้นฟูและลดรอยคล้ำใต้ดวงตาได้เห็นผลทันใจ  ชอบความเป็นผิวตึงๆและถุงใต้ตาก็ดูกระชับ
ผิวเราดูมีชีวิตชีวาขึ้นและดูเด็กลงด้วยค่ะ
 ขอให้คะแนนไปเลย 10/10


สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วเกิดความสนใจ ลัลแนะนำให้ลองไปร่วม Workshop กับทางแบรนด์ Ultima II ก่อนได้นะคะ เข้าร่วมได้ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย
และกิจกรรมครั้งที่จะถึงนี้ ก็จะจัดขึ้นในวันที่ 9-18 ส.ค.62 นี่เอง สอบถามได้ผ่านทาง Facebook Fanpage และร่วมลงทะเบียนกับทางสาขาที่ให้บริการล่วงหน้าได้ เดี๋ยว
ลัลจะแปะไว้ด้านล่างของ Blog นี้เลย เราจะได้เก็บไว้เป็นแนวทางในการตัดสินใจด้วย


ลัลหวังว่า blog นี้จะเป็นประโยชน์ให้กับทุกคน ถ้าใครมีข้อเสนอแนะ หรือสอบถามเพิ่มเติมสามารถคอมเมนท์ไว้ในช่องแสดงความคิดเห็นได้เลยค่า
เดี๋ยวลัลมาตอบ ... เจอกันใหม่  blog หน้านะคะ23













ช่องทางติดตามข้อมูลข่าวสารและช่องทางจัดจำหน่าย

Facebook : Ultima II Thailand
Web Site : https://www.ultimaii.com/th
Ultima II Official Store ใน Lazada ( https://www.lazada.co.th/shop/ultima-ii-official-store )


เคาเตอร์ Ultima II
1.เซ็นทรัลพลาซ่า พระราม 9 โซนโรบินสัน ชั้น 1
2.ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต โซนโรบินสัน ชั้น G
3.เซ็นทรัลพลาซ่า เชียงใหม่ โซนโรบินสัน ชั้น 1
4.เซ็นทรัลพลาซ่า อุดรธานี โซนโรบินสัน ชั้น 1 
5.เดอะมอลล์งามวงศ์วาน นนทบุรี แผนก Beauty Hall ชั้น 2
6.เดอะมอลล์โคราช นครราชสีมา แผนก Beauty Hall ชั้น 1 
7.ทาคาชิมาย่า ไอคอนสยาม แผนกเครื่องสำอาง ชั้น M 
8.เสรีลำปาง แผนกเครื่องสำอาง ชั้น 1 
9.ร้าน วิน คอสเมติคส์ สาขาแจ่งหัวริน


***เคาน์เตอร์ใหม่ล่าสุดที่กำลังจะเปิด โซน The Beauty of ZEN Level 1 ที่ Central World
ในประมาณวันที่ 16 ส.ค.62 ค่ะ***


 



 



Create Date : 15 กรกฎาคม 2562
Last Update : 7 สิงหาคม 2562 0:13:21 น.
Counter : 920 Pageviews.

0 comment
[WorkShop]:พาชมกิจกรรม SculpSure for You By Sinota Clinic

  สวัสดีค่า วันนี้พบกันนอกสถานที่ลัลจะพาทุกคนมาร่วมประสบการณ์ใหม่ไปด้วยกันนั่นคือ




 
 SculpSure for You 

ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นโดยทาง  Sinota Clinic ให้เราได้ร่วมทดลองใช้เครื่องฉายลำแสงสลายไขมันแบบใหม่ที่ทางคลินิกมีให้บริการค่ะ 



 
เทคโนโลยีการดูดไขมันในปัจจุบันมีมากมายหลายวิธีแต่วิธีหนึ่งที่จะช่วยไม่ทำให้เราเจ็บตัว นั่นคือการฉายลำแสงนั่นเองค่ะ และก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักกับเทคโนโลยีนี้ เดี๋ยวลัลจะพาทัวร์บรรยากาศ บริเวณคลินิกกันหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้างค่ะ

คลินิกนี้เค้าตั้งอยู่ที่บริเวณ ชั้น 5 ของศูนย์การค้า Gateway เอกมัยค่ะ ใครมา รถไฟฟ้าก็เดินทางสะดวกมากๆ เพราะจะตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าเอกมัยเลย โดยจะเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น. ทางคลินิกออกแบบบรรยากาศให้มีความโปร่งโล่งสบาย ได้พักผ่อนและอยู่ท่ามกลางธรรมชาติรวมถึง มีการฟอกอากาศแบบพิเศษ เพื่อให้ลูกค้าที่มาใช้บริการได้รับบรรยากาศที่ดีที่สุดค่ะ







บริการของเค้าค่อนข้างหลากหลายค่ะ ไม่ว่าจะเป็น  การทำ HIFU เพื่อแก้ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย , นวัตกรรมโกรทแฟคเตอร์ (Growth Factor) เติมเต็มอาหารผิวด้วย GF Skin Cell, Ultherapy นวัตกรรมยกกระชับใบหน้า, Medisyst Intensed Light Energy (Advance IPL) , Super Lift เพื่อการยกกระชับฟื้นฟูผิว ,รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำด้วย Derma Light By Revlite, กำจัดไขมันถึงต้นเหตุด้วย Lipo Spectrum, ลดเซลลูไลท์ลดไขมันส่วนเกินด้วย Thermo Beam และ SculpSure กำจัดเซลล์ไขมันพร้อมสลายไขมัน นั่นเองค่ะ  และบริการอื่นๆอีกมากมายนอกเหนือจากที่ลัลยกตัวอย่างมา



ต่อมาลัลจะพามาสู่พระเอกของงานในวันนี้ อย่าง SculpSure ค่ะ โดยมีคุณหมอมาให้ความรู้เราในเรื่องของไขมันกันก่อน



ความอ้วนนั้นเกิดจากหลายสาเหตุและปัจจัย แต่หนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้อ้วนนั้นก็คือ “เซลล์ไขมัน” เพราะเซลล์ไขมันที่เยอะเกิน เมื่อสะสมในปริมาณมากก็เกิดเป็นปัญหาความอ้วนเฉพาะจุด หรือไขมันสะสมเฉพาะจุด ซึ่งเซลล์ไขมันเหล่านี้ล้วนเกิดจาก

1.การรับประทานอาหาร 

เป็นการเพิ่มปริมาณไขมันวิธีหนึ่งที่เรามักมองข้าม เพราะอาหารที่เพิ่มเซลล์ไขมันอาจไม่ใช่อาหารที่มันๆเสมอไปแต่ส่วนใหญ่มาจากอาหารที่ให้พลังงานสูงเกินไป 

2.ระบบเผาผลาญลดประสิทธิภาพ

สำหรับผู้ที่เคยลดความอ้วนด้วยวิธีอดอาหารส่วนใหญ่จะต้องประสบกับปัญหานี้ เนื่องจากร่างกายได้รับอาหารน้อยลง ระบบเผาผลาญจึงทำงานน้อยลงตาม

3.กรรมพันธุ์

สำหรับคนที่มีโรคอ้วนเป็นกรรมพันธุ์ สังเกตได้จากทุกคนในครอบครัวที่อ้วนเหมือนกันหมด
 

4.ปัญหาสุขภาพ

โรคประจำตัวบางโรค เช่น ไทรอยด์ เบาหวาน



***เซลล์ไขมันหรือไขมันสะสมในร่างกายไม่มีวันตาย ต่อให้พยายามลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายไปพร้อมกับควบคุมอาหารยังไงก็ตาม เซลล์ไขมันก็แค่ลดขนาดลงเท่านั้น แต่จำนวนเซลล์ไขมันยังคงปริมาณมากเท่าเดิม นั่นคือสาเหตุที่ว่า ทำทุกอย่างแล้ว แต่ห่วงยางรอบเอว ไขมันต้นแขนต้นขา ยังอยู่เหมือนเดิม นั่นเป็นเพราะเราไม่ได้กำจัดไขมันสะสมออกไปอย่างถาวรค่ะ ***

 

หลังจากนั้นจะมีจนท. มาอธิบายวิธีการทำงานและ
สาธิตการใช้เครื่อง SculpSure



" SculpSure ใช้พลังงานลำแสงความยาวคลื่นช่วง 1060 nm ซึ่งทำให้เกิดความร้อนที่อุณหภูมิ 42-47 องศาเซลเซียล จึงส่งผลให้เซลล์ไขมันช็อก และค่อยๆตายไปโดยไม่ทำลายอวัยวะข้างเคียงสามารถเข้าทำลายเซลล์ต้นกำเนิดไขมันได้ในระยะเวลา 25 นาที พร้อมสลายไขมันถึงเซลล์ได้อย่างเฉพาะเจาะจงและถาวร โดยที่ไม่เป็นอันตรายต่อเซลล์ชนิดอื่น ทั้งยังมีประสิทธิภาพในการสลายไขมันถึงเซลล์ได้มากถึง 24%
หลังการสลายไขมันด้วย SculpSure แล้ว คุณสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่บาดเจ็บ ไม่มีแผล และไม่มีผลข้างเคียงใดๆค่ะ "


วันนี้เลยมีแขกรับเชิญพิเศษที่เคยได้มีโอกาสร่วมทำ SculpSure มาเล่าถึงประสบการณ์ที่เคยทำให้ฟังกันด้วยค่ะ โดยพี่เค้าเล่าว่า ก็ไม่ได้เป็นคนที่น้ำหนักเยอะมาก ออกกำลังกายอยู่แล้ว แต่ทำไมต้นแขนยังใหญ่ ลดยังไงก็ไม่เล็กลง จนกระทั่งได้มาลองทำ SculpSure ความรู้สึกตอนแรกคือ จะรู้สึกร้อนตรงบริเวณผิวหนัง แต่ไม่ได้ร้อนจนกระทั่งทนไม่ได้ หรือเจ็บอะไร หลังจากผ่านไปถึงเริ่มสังเกตเห็นว่าแขนกระชับขึ้นมาก ไม่หย่อนคล้อยเหมือนแต่ก่อนเพราะเคยลองมาหลายวิธีแล้วเห็นผลช้ามาก และรู้สึกว่าวิธีนี้คือก็ปลอดภัยด้วยค่ะ 




อีกทั้งในตอนท้ายของกิจกรรมเรายังได้ลองใช้เครื่องจริงๆ









โดยมีตัวแทนที่มีปัญหาไขมันใต้ผิวแบบเรื้อรัง จะสังเกตว่าตัวนางแบบนั้นผอมมาก แต่รู้สึกกังวลตรงบริเวณหน้าท้อง หน้าท้องไม่กระชับและทำไมถึงยังมีไขมันอยู่ใต้ชั้นผิว คุณหมอก็จะทำการ set plate เพื่อจะใช้วางหัวเลเซอร์ ให้พอดีกับพื้นที่ของร่างกายค่ะ โดยธิบายว่า ถ้าเป็นคนตัวเล็กก็จะใช้ประมาณ 2 ช่อง แต่ถ้าเป็นคนตัวใหญ่หน่อยก็จะใช้ประมาณ 3-4 ช่องค่ะ การเซ็ทบริเวณนี้ก็เพื่อเป็นการกำหนดพื้นที่ให้ครอบคลุมในการกำจัดไขมันให้ได้ประสิทธิภาพที่สุดค่ะ 
 






หลังจากนั้นก็ทำการ เซ็ทค่าพลังงานตรงจอมอนิเตอร์ โดยจะเริ่ม เซ็ทจากค่าต่ำๆก่อน (จาก Chart ค่าพลังงานทั้งหมด 4 ระดับด้วยกัน)
เพื่อดูว่า คนไข้รับความร้อนในค่าระดับนี้ได้มั้ยและจะค่อยๆเพิ่มค่าพลังงานขึ้นเรื่อยๆค่ะ ระยะเวลาในการทำ Sculp sure นั้นจะใช้เพียงแค่ 25 นาทีเท่านั้น



 
 
 
 

ข้อดีของการใช้ลำแสง SculpSure สลายไขมันต้นกำเนิด

1.ทำให้สลายไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายได้จริงตามที่องค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริการับรอง เนื่องจากลำแสงเลเซอร์ชนิดนี้เป็นลำแสงแรกที่สามารถสลายไขมันได้ถึงครั้งละ 24%

2.ปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียงในการรักษา เนื่องจากไม่ใช่การทำศัลยกรรม (Non Invensive)

3.ใช้เวลาในการสลายไขมันต้นกำเนิดเพียง 25 นาที ซึ่งถือว่าใช้เวลาน้อยมากแต่สามารถสลายไขมันได้ถึงเซลล ต้นกำเนิดให้สลายออกไปจากร่างกายได้มากถึง 24%

4.สามารถทำการสลายไขมันได้ถึง 4 บริเวณในการทำ 1 ครั้งโดยใช้เวลาเพียง 25 นาที

5.หลังทำการสลายไขมันสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้น

6.ระหว่างทำการรักษาสลายไขมัน สามารถอ่านหนังสือ ดูทีวีได้ นอกจากนี้หลังสลายไขมันเสร็จยังไม่มีแผล ไม่เจ็บอีกด้วย

7.ช่วยให้ผิวบริเวณที่ทำการสลายไขมัน เนียบเรียบและกระชับ เพราะเป็นการใช้ลำแสงที่ให้พลังงานความร้อน ซึ่งความร้อนจะช่วยทำให้ผิวด้านบนเนียบเรียบและกระชับ



-- ปิดท้ายกิจกรรมวันนี้ด้วยการถ่ายภาพร่วมกันกับเพื่อนๆบล๊อคเกอร์ และทางผู้บริหารของ Sinota Clinic ค่ะ ต้องขอบอกว่า เป็นโอกาสที่ดีมากๆที่ได้มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ --











สำหรับใครที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ 
Tel. 02-056-1709
Facebook : Sinota Clinic
Line@ : @Sinota คลิ๊ก https://line.me/ti/p/~@SINOTA
Website: https://www.sinotaclinic.com


 

 



Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2562
Last Update : 15 มีนาคม 2562 1:20:17 น.
Counter : 505 Pageviews.

0 comment
[Review]: แบบละเอียด เสริมจมูก เสกดั้งใหม่ให้เป๊ะปัง ครั้งแรกในชีวิต รพ.จุฬารัตน์9 แอร์พอร์ต







  สวัสดีค่า วันนี้ลัลจะพาเดินทางกลับไปที่ 3A CENTER ศูนย์ดูแลสุขภาพและความงาม โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต กันอีกครั้ง สืบเนื่องจากการไปเสริมความงามมาครั้งแรก (Blog Review IPL) ทำให้รู้สึกประทับใจอะไรในหลายๆอย่าง บวกกับรพ.นี้เค้าเปิดบริการมาค่อนข้างยาวนาน ชื่อเสียงคือก็อยู่ในระดับเป็นที่ยอมรับ (มีเสียงเพื่อนๆหลายคนมาเล่าให้ฟังว่าประทับใจเรื่องการบริการและการผ่าตัดมากๆ) เพราะฉะนั้นจึงเป็นการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต
นั่นก็คือเลือกที่จะศัลยกรรมจมูกค่ะ 

 








คือต้องทำความเข้าใจก่อนว่านี่ไม่เคยเสริมอะไร หรือผ่านการศัลยกรรมอะไรเกี่ยวกับใบหน้ามาเลย ธรรมชาติยังไง ก็ธรรมชาติ (ลงโทษ)ฉันนั้น 555+ 22





 
ลัลเลยโทรไปนัดคิวกับทางคุณหมอ โดยพี่โอ๋เป็นคนหาคิวให้ การนัดครั้งแรกนี้ คือการนัดทำความเข้าใจและให้คุณหมอช่วยประเมินทรงจมูกพร้อมทั้งสอบถามข้อสงสัยต่างๆนานาที่อยู่ในใจค่ะ 4


ลัลเลือกทรงจมูกอยู่ 3 วัน คือไม่รู้จะเอาทรงไหน ปรึกษาเพื่อนทุกคนที่เคยทำจมูก ได้ผลโหวตมาว่า เป็นทรงเจนี่ เทียน / ทรงเก้า ศุภัสรา /ทรง ริชชี่ อรเณศ และสุดท้ายมาจบที่ จมูกสวยๆเชิดๆของพี่หญิง รฐา ค่ะฮ่าๆ แต่ละคนนี่คือเป็นดาราตัวท๊อปทั้งนั้น
(ช่างกล้าเอามาเปรียบเทียบมากๆ 11

-------------------

ถึงเวลานัดแล้วก็มาเจอกับพี่บุ๋มคนเดิม จนท.รับประวัติของเรา
พี่เค้าเป็นคนที่น่ารักและเทคแคร์ดีมากๆค่ะ ประทับใจในหลายๆครั้งวันนี้ขออนุญาตชมลงบล๊อคหน่อยคงไม่ว่ากันนะค้า ^^


 

 
หมอที่เป็นคนทำการผ่าตัดให้ลัลรอบนี้คือ คุณหมอเปาค่ะ หมอเปาเป็นคนตลกและไม่เครียดเลย ตอนเข้าไปปรึกษา หมอก็จับๆบิดๆตรงจมูกแล้วอธิบายให้ฟังว่า ปัญหาของลัลคือกระดูกจมูกเบี้ยว คือเบี้ยวแบบธรรมชาติเลย (ส่วนนี้ลัลก็พอจะทราบอยู่แล้ว บ้างเพราะสังเกตเห็นจมูกตัวเองว่าแอบเบี้ยว) ส่วนตรงปลายและทรงเดิมคุณหมอว่ามีความสวยอยู่แล้ว แต่อยากให้เข้าใจว่า เรื่องของเบี้ยวมันแก้ยาก กลัวทำไปแล้วมีคนทักว่า อุตส่าห์ไปทำจมูกมาแล้วยังเบี้ยวไรงี้ 
161616



 
 
ลัลเลยถามคุณหมอว่า แล้วปกติถ้าคนจมูกเบี้ยวแล้วต้องการแก้ให้กลับมาตรงจะต้องทำอย่างไร  -- คุณหมอบอกต้องเปิดจมูกออก แล้วทุบใหม่เพื่อใส่ซิลิโคนให้พยุงเป็นแกนของจมูก แต่ว่าวันใดวันนึงหากเราไม่มีซิลิโคนตรงนี้อยู่เราก็จะหายใจไม่ได้เหมือนกัน คุณหมอบอกว่าค่อนข้างอันตรายมากๆและไม่แนะนำให้ทำเลย  การเสริมซิลิโคนก็สามารถช่วยแก้ได้นิดหน่อย ทำให้ทรงสวยขึ้น และดูเบี้ยวน้อยลงด้วยค่ะ --
 

 
... นี่เลยเข้าใจกระจ่างว่าเออ แกนเบี้ยวแก้ไม่ได้ 555 เลยถามคุณหมออีกว่าลัลจะเอาทรง พี่หญิง รฐา คือชอบจมูกพี่หญิงรฐามาก อะไรจะเด้งเป๊ะปังขนาดนั้น หมอบอก โอเคเลยเอาทรงนี้ สวยทำได้ หน้าเราต้องไปทางเกาหลี แต่ลัลขอคุณหมอว่าเอาแบบที่ตา จะไม่ชิดกันจนตี่ หรือโด่งไปจนผิดธรรมชาติซึ่งทางคุณหมอเข้าใจและโอเคทุกอย่าง (แอบรู้มาว่าคุณหมอนี่มือโปรผ่านเคสมาหลายร้อยเคสแล้ว) ลัลเลยนัดวันเพื่อทำการผ่าตัด นั่นก็คืออีก 1 สัปดาห์ค่ะ 




24
วิธีการเตรียมตัวก่อนเสริมจมูก
1.ก่อนเสริมจมูก 1 สัปดาห์ลัลจะงด ทานอาหารเสริม พวกวิตามิน C และอื่นๆ

2. เตรียมปั่นน้ำใบบัวบกไว้รอ ความจริงปัจจุบันเห็นตามร้านขายยามีบัวบกแคปซูลขายแล้วนะคะอันนั้นก็สามารถทานได้เหมือนกัน แต่ส่วนตัวลัลชอบดื่มเป็นประเภทเครื่องดื่มมากกว่าเลยไปสั่งใบบัวบกสดไว้กับน้องร้านขายผัก ก็ปั่นโดยเครื่องปั่นและแยกกากกับผ้าขาวบางเป็นอันใช้ได้ค่ะ 
อีกทั้งงด ดื่มเครื่องดื่ม หรือทานอาหารที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วมผสมอยู่ รวมถึงปลาร้าและของหมักดองด้วยค่ะ 




3.เตรียมหมอนรองคอไว้ให้พร้อม (สำหรับการพักฟื้นหลังจากผ่าตัดแล้ว)

4.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อไม่ให้เกิดภาวะเครียดและอาการอ่อนเพลียหลังจากการผ่าตัดค่ะ 


--------------------

  บอกตรงๆค่อนข้างตื่นเต้น ใจนึงคือเฮ้ย! เรากำลังจะสวยแล้วนะ อีกใจคือ กลัวมีดหมอ 555 ด้วยความที่ไม่เคยผ่าตัดเลยแม้กระทั้งฟันคุด หรือไส้ติ่ง นอนรพ.มากสุดก็แค่ลำไส้อักเสบเพราะฉะนั้นความกลัวเลยเพิ่มขึ้นมาเองโดยอัติโนมัติ 8 ก็ถึงวันที่ต้องขึ้นเขียง 555+ 
...
วันนี้เราขึ้นมาที่ชั้น 3 เป็นห้อง OR ซึ่งก็คือจะเป็นห้องที่ใช้สำหรับการผ่าตัดเสริมจมูกในครั้งนี้ค่ะ





ไปถึงที่ รพ.พี่พยาบาลก็พาไปล้างหน้า และเปลี่ยนชุดที่ผ่านการฆ่าเชื้อเพื่อใช้ในห้องปลอดเชื้อ รวมทั้งสวมรองเท้า สำหรับเตรียมพร้อมผ่าตัด โดยให้ถอดเครื่องประดับและนาฬิการวมทั้งกระเป๋าฝากไว้ที่เพื่อนที่มาด้วยกันค่ะ 




888

เตรียมพร้อมคะ ปิดตา ปิดปาก และทายาฆ่าเชื้อเรียบร้อยแล้ว คุณหมอก็ได้ทำการเหลาซิลิโคนเพื่อให้รับกับรูปหน้าของเราที่สุด โดยใช้ 
 ซิลิโคนพรีเมียม USA ปลายมน แบบนิ่มบิดได้

หลังจากนั้นก็เริ่มเปิดเพลง ทำหน้าที่ดีเจโดยพี่พยาบาล ฮ่าๆ
ฉีดยาชา เป็นจำนวนทั้งหมด 3 เข็ม 3 จุดด้วยกัน คือบริเวณปลายจมูกทั้ง 2 ข้างและบริเวณสันจมูกค่ะ (คุณหมอบอกว่าหนูจะเจ็บแค่ตอนนี้เท่านั้นหลังจากนี้จะไม่เจ็บอีก 555 เพราะจะไม่รู้สึกอะไรแล้ว) 

ยาชาออกฤทธิ์เร็วไม่ถึง 20 วินาที แต่ก็พอจะรู้สึกตอนที่คุณหมอ ตัดปลายจมูก แล้วใส่ซิลิโคนเข้าไปในจมูกและจัดทรงอันนี้รับรู้ทุกอย่าง 555 ความรู้สึกตอนนั้นไม่ได้กลัวอะไรแล้วค่ะ ลุ้นไปกับคุณหมอด้วยว่า จะออกมาเป็นไงนะ ...






หน้าตาตอนลุกขึ้นมาจากเตียงผ่าตัดค่ะ 555 ยังดูมึนๆยาชา ตาสองข้างก็ยังไม่เท่ากัน แต่ตอนนั้นก็ดีมากโล่งมากคุณหมอให้ขุ่นแม่ พยาบาลนำกระจกมาให้ส่องดู ในใจคือชอบมาก แบบ สโลพอย่างที่คุยกับคุณหมอไว้ เบี้ยวนิดหน่อยตามแกนเดิมคือไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรเลย  คุณหมอก็แอบเป็นห่วงกลัวว่าเราจะไม่ชอบ (แต่เราก็เชื่อว่าต้องออกมาโอเคแน่ๆ) 






ทรงแรกเริ่มด้านข้างตอนผ่าตัดเสร็จใหม่ๆเลยค่ะ รับกับหน้าผากสุดๆ
(ช่วงนั้นสิวอักเสบและอื่นๆเยอะมากมองข้ามไปเนอะ ฮ่าๆ )





ผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยก็ถอดชุดและหมวก คืนให้กับทางแผนกห้องผ่าตัดไป
แล้วมานั่งรอที่แผนกจ่ายยา ตอนนั้นมีพยาบาลเดินนำมาส่ง และกดคิวรับยาไว้รอแล้วค่ะ นั่งรอได้สักพัก เภสัชกรเค้าก็เรียกชื่อให้ไปฟังรายละเอียดการทานยาและวิธีปฏิบัติ (ตรงนี้ลัลแนะนำว่าหากใครที่เคยมีประสบการณ์ สงสัยหรือไม่เข้าใจในกระบวนการอธิบายเรื่องยาแล้วไม่กล้าถามเพราะเกรงใจ ควรถามเภสัชกรเสียตั้งแต่ตอนนั้นเลยนะคะ กลับบ้านมาจะได้ไม่ต้องคอยหาคำตอบเอง เพราะคนที่รู้เรื่องยาดีที่สุดคือเภสัชกรค่ะ )






ยาที่ได้มาก็จะมี ยาฆ่าเชื้อ ,ยาแก้อักเสบ ลดอาการปวด , ยาแก้ฟกช้ำ ลดบวม , เจลประคบร้อน-เย็น ,ไม้พันสำลีและ Normal Saline (น้ำเกลือ) ใช้ตอนทำความสะอาดแผลบริเวณจมูกค่ะ




24

วิธีการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดเสริมจมูก

237อาหาร: 
ห้ามเด็ดขาด! เลย
ก็คือปลาร้า ของหมักดอง น้ำส้มสายชู  อาหารทะเล เครื่องดื่มและอาหารที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้แผลบวม
อาหารรสเผ็ดจัด จะทำให้บริเวณโพรงจมูกมีน้ำมูก เป็นแหล่งของเชื้อโรค 
วิตามินและอาหารเสริม เพราะจะทำให้เลือดแข็งตัวช้า หรือในบางรายเลือดไหลไม่หยุดอีกด้วยค่ะ 

237อาหาร:  ที่ควรทาน ในช่วง 1-3 วันแรกจะเป็นอาหารอ่อนๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก  เพราะเราจะตึงและปวดบริเวณเหนือริมฝีปากด้วยค่ะ ดังนั้นอาหารอ่อนๆจะทำให้เราออกแรงเคี้ยวน้อยลงไม่เจ็บแผลมากเท่าไหร่
ช่วงวันที่ 4 เป็นต้นไป ก็สามารถทานข้าวสวยได้แล้วแต่ยังคงเป็นคำเล็กๆ แบบไม่เต็มคำ เช่น ข้าวผัด ผัดผัก ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ 
24 อย่าลืมนะจ้ะ ทุกอย่างต้องรสไม่จัด และไม่เผ็ดเท่านั้น 24


***ไข่และไก่คุณหมอไม่ได้ห้ามนะคะ แต่ลัลว่าสำหรับบางรายที่เคยมีประวัติแพ้อยากให้ระวังเรื่องแผลเป็นนูนหรืออักเสบนิดนึง
ในส่วนของลัลขอไม่เสี่ยงช่วง 7 วันแรกเพราะเคยมีประวัติ ทั้งนี้ทั้งนั้นหากใครที่สามารถทานได้ก็ขอให้ทานแต่พอดีนะคะอย่ามากเกินไป ปลอดภัยที่สุด *** 


237 การใช้ชีวิตประจำวัน: ควรใช้อย่างระมัดระวังและมีสติมากๆเลยค่ะ เดินเบาๆอย่ากระทืบเท้าหรือลงน้ำหนักแรงไป ลัลต้องเดินทางโดยมอเตอไซต์รับจ้างและ รถไฟฟ้าทุกวัน ดังนั้นช่วงแรกๆลัลจะไม่นั่งมอเตอไซต์รับจ้างเลย เพราะมันกระเทือนจมูกหนักมาก ยอมออกจากบ้านไปทำงานเร็วหน่อยเผื่อระยะเวลาเดินไว้ (ระยะทางประมาณ 350 เมตรถึงสถานีรถไฟฟ้า) แต่สำหรับคนที่เลี่ยงไม่ได้ก็อาจจะบอกพี่วินไว้หน่อยก็ดีค่ะว่าเพิ่งผ่านการผ่าตัดมาขอให้ขับแบบเบามือที่สุดให้หน่อย ส่วนการเบียดเสียดใน BTS นั้นก็ให้ระวังเรื่องความสะอาดโดยการใส่หน้ากากอนามัย (ใส่ด้านที่ไม่มีลวดแข็งๆนะคะจะได้ไม่กดทับบริเวณดั้ง ) และ ระวังไม่ให้คนอื่นมาชนใบหน้าค่ะ 



237 การทำความสะอาดใบหน้า: ช่วงวันที่ 1-2 ไม่ได้ล้างหน้าเลยค่ะ (ล้างครั้งสุดท้ายคือก่อนเข้าห้องผ่าตัด) ส่วนวันที่ 3 เป็นต้นมาแบ่งเป็นสองพาร์ท พาร์ทแรกคือ ลัลจะมีฟองน้ำแต่งหน้าชิ้นเล็กๆที่มีลักษณะเหลี่ยมอยู่แล้ว ถูเบาๆด้วยโฟมล้างหน้าที่ใช้อยู่เป็นประจำ ตรงบริเวณทั่วใบหน้า ยกเว้น บริเวณจมูกและหน้าแก้ม

หลังจากนั้นก็ใช้ฟองน้ำอันเดิมเช็ดฟองโฟมล้างหน้าออกให้หมด ด้วยน้ำเปล่า 
พาร์ทสอง ใช้สำลีชุบโทนเนอร์สูตรไม่ผสมแอลกอฮอล์เช็ดหน้าแล้วเช็ดซ้ำด้วยน้ำเกลือในขั้นตอนสุดท้ายค่ะ เป็นอันเสร็จ 








237 การนอน: นอนในท่าเสมือนนั่งหลับ ให้หลังทำมุมประมาณ 70 องศากับแนวราบ และใช้สูตรทฤษฎีหมอน 3 +1 ใบค่ะ 
3 ใบแรกให้วางพิงหัวเตียงสลับกัน โดยเริ่มจากแนวนอน แนวตั้ง และแนวนอนค่ะ  (ตรงนี้จะช่วยทำให้เราไม่ปวดหลังตลอดระยะเวลาการนอน) ใบที่เป็น +1 คือหมอนรองคอ ให้ใส่ตลอดเวลาที่นอนหลับเพราะจะช่วย safe ไม่ให้คอเคล็ดและช่วยล๊อคให้ใบหน้าเรายังตั้งตรงอยู่ด้วยค่ะ หลับสบายมากเลยบอกเลยทุกคน 555 






237 การทำความสะอาดแผล: ใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำเกลือ เช็ดบริเวณรูจมูก พยายามแหย่เข้าไปลึกๆนิดนึงค่ะ เพื่อทำความสะอาด ขี้มูกแบะเกล็ดเลือดแห้งที่ค้างอยู่ รอสักพักแล้วจุ่ม เบตาดีน (ในที่นี้ลัลจะใช้แบบ ออยเมนต์ เพราะเค้าจะมีความหนืดกว่าแบบน้ำ และไม่ไหลออกมาด้วยค่ะ) ทาบริเวณแผลในรูจมูกบางๆ เป็นประจำในตอนเช้า-เย็น ระยะเวลา 1 สัปดาห์ หลังจากแผลแห้งแล้วก็ เช็ดแค่เพียงน้ำเกลือก็พอค่ะ

*** และอย่าลืมทานยาที่ได้มา ให้ตรงเวลาด้วยนะคะ ***






24
ความเปลี่ยนแปลง

169 ในช่วง 1- 2 วันแรกหลังจากผ่าตัดจะเป็นช่วงที่จมูกบวม มีรอยช้ำเขียวเยอะที่สุดแล้วค่ะ รู้สึกตึงและปวดมากด้วยแต่พอได้ทานยาแก้ปวด อาการปวดก็หายไปจนเริ่มหมดฤทธิ์ยาจึงจะกลับมารู้สึกอีกครั้ง
มีอาการตาบวมนิดๆ ส่วนปากก็ตึงมากเช่นกัน พูดได้เบาๆ พยายามไม่ให้ตัวเองมีความตลก 26 เพราะปกติเส้นตื้นมากเลยไม่ดูรายการตลกเลยไม่งั้นจะเจ็บมากหน่อย ...
ตอนนอนก็มีเลือดไหลออกมา ค่อนข้างถี่เลยเพราะแผลสดมาก พยายามอยู่แต่ในห้องไม่อยากออกไปไหนเพราะมีทั้งฝุ่นและควัน
ลัลต้องคอยใช้ไม้พันสำลี และคัตตอนบัด ซับเลือดอยู่ตลอด เพื่อนก็เป็นห่วงมาก ถึงกับขนาดมานอนด้วยเพื่อคอยดูอาการ


169  วันที่ 3 เลือดที่ไหลน้อยลง จนแทบจะไม่มีแล้วค่ะ จะมีก็แต่ซึมอยู่ภายในบริเวณจมูกบ้าง อาการปวดเริ่มดีขึ้น มีรอยช้ำเขียวตรงบริเวณสันจมูกอยู่ ตายังตึงและบวมอยู่นิดๆ

169 อาการก็ยังคงหายวันหายคืนจนกระทั่งวันที่ 6 ช่วงเย็นลัลตัดสินใจถอดเฝือกปลาสเตอร์ออก วิธีการถอดคือจะใช้สำลีชุบน้ำเกลือมาเช็ดเบาๆตรงบริเวณขอบปลาสเตอร์แล้วค่อยๆ ดึงออกจากทิศทางด้านล่างขึ้นสู่ด้านบนค่ะ เพื่อซิลิโคนกระทบกระเทือนน้อยที่สุด 
สังเกตเห็น่าตรงบริเวณรอยเฝือกผิวจะเป็นสีขาวมากกว่าบริเวณอื่นๆ อาจด้วยการโดนปิดทับอยู่เป็นเวลานาน รอยเขียวช้ำเริ่มเปลี่ยนเป็นโทนเหลือง แต่ยังเป็นบริเวณกว้างไปถึงหัวตา







169 วันที่ 7 วันนี้คุณหมอนัดติดตามอาการและดูแผลผ่าตัดค่ะ ลัลแอบรู้สึกว่าการไม่ยุ่งเกี่ยวกับหน้าเลย ไม่แต่งหน้าเลยมาเป็นเวลา 7 วัน นี่ทำให้หน้าใสขึ้นเยอะเลย ฮ่าๆ สิวไม่มีอักเสบขึ้นมาสักเม็ด ชอบมาก ชักจะติดใจความหน้าสดเสียแล้วสิ

คุณหมอบอกว่าดูแลแผลดีมากแผลแห้งแล้ว ภายในสะอาด สัปดาห์หน้างั้นก็นัดตัดไหมเลยแล้วกัน --  หลังจากนี้ก็สามารถแต่งหน้าได้ ใช้ชีวิตตามปกติได้ แต่ให้ระวังเรื่องอาหารการกินเหมือนเดิมเพราะแผลยังไม่เข้าที่ ระวังไว้ปลอดภัยที่สุด --

ลัลสังเกตว่ารอยช้ำเริ่มมีบริเวณแคบลงจากเดิม ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีมากๆค่ะ จมูกเราก็เริ่มไม่บวมมากแล้วดูเป็นทรงมากขึ้น อีกทั้งตาก็ดูโตมากขึ้นเยอะด้วย 555+





ตอนนี้เข้าสู่ช่วงวันที่ 10 แล้วยังรู้สึกตึงๆตรงบริเวณจมูกอยู่บ้าง เดี๋ยวลัลจะมาอัพเดทให้ชมกันอีกครั้งเมื่อครบ 20 วันนะคะ (ตอนนั้นคุณหมอนัดตัดไหมเรียบร้อยแล้วด้วย) ว่าทรงจมูกของเราจะเป็นอย่างไรกันบ้าง


2

วันนี้วันที่ 14 ลัลมาอัพเดทจมูกก่อนตัดไหมกันค่ะ ลัลลองเเต่งหน้าครั้งแรกตั้งแต่ทำจมูกมา ค่อนข้างยากพอสมควรตอนลงรองพื้นและสกินแคร์ต่างๆ เพราะเวลาเราลงบนแก้ม หรือบริเวณใกล้ๆจมูกก็จะแอบมีอาการตึงๆอยู่ค่ะ เราต้องทาด้วยความระมัดระวัง โดยนิ้วนางและนิ้วก้อย






วันไปตัดไหมบังเอิญว่าแผลตรงบริเวณรอยเย็บแห้งไปนิดเลยมีเหมือนสะเก็ดเกาะติดอยู่ เลยทำให้เกิดอาการเจ็บจี๊ดๆนิดนึงตอนตัดไหมค่ะ 
พี่เจ้าหน้าที่แนะนำว่า อาหารที่ควรงด ก็คงต้องงดอยู่ไปสักระยะ (ประมาณ 2 สัปดาห์) คราวนี้ไก่ ไข่ นม ก็งดด้วยค่ะ เพราะมีแผลสดเกิดขึ้นแล้วกลัวจะเกิดแผลคีลอยด์ ขึ้นมาได้ 



ตอนนี้เสริมจมูก ครบ 20 วันแล้วค่ะ แผลเริ่มเข้าที่เข้าทาง แต่ยังมีรอยแผลเป็นเล็กๆตรงบริเวณที่เย็บนิดเดียวค่ะ เวลาเม้มปากก็มีอาการตึงเบาๆอยู่บ้าง แต่โดยรวมคือไม่รู้สึกเจ็บหรืออะไรแล้ว ใช้ชีวิตได้ตามปกติยกเว้น การออกกำลังกายหนักๆ ตอนนี้ที่ลัลทำได้ เช่น พวก สควอช ยกเวทแขน เป็นต้นค่ะ 
ทรงจมูกก็ดูเข้าที่เข้ากับหน้ามากขึ้น ปลื้มมากค่ะ มีคนทักเยอะว่าสวยขึ้น หน้าคมขึ้นและตาโตกลมเลย ชีวิตเปลี่ยนรู้สึกมาจากภายในว่าตัวเองสวยขึ้น 555+ อย่าเพิ่งหมั่นไส้นะเคยเป็นป่าวเวลารู้สึกว่าตัวเองสวยขึ้นมันจะทำอะไรก็มั่นใจไปหมด
และที่ชอบที่สุดคือแต่งหน้าง่ายมาก ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนออกมาก็ไม่ติดขัดเหมือนแต่ก่อนแล้ว 

ขอบคุณความปลอดภัยในการผ่าตัดครั้งนี้ / ขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจทำ / ขอบคุณคุณหมอและจนท.รพ.ทุกคนเลยสำหรับการดูแลและเทคแคร์อย่างดีค่ะ ประทับใจมากจริงๆ













ความเปลี่ยนแปลง









-แวะมาอัพเดทจมูกเพิ่มเติมค่ะ-






สำหรับใครที่อ่านรีวิวมาถึงตรงนี้ แล้วคิดอยากทำจมูกเหมือนลัลบ้าง ลองสอบถามทางรพ. ตามข้อมูลนี้นะคะ

WEBSITE : https://www.chularat-cac.com
3A CENTER ศูนย์ดูแลสุขภาพและความงาม โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต
90/5 หมู่ที่ 13 ถนนกิ่งแก้ว ตำบลราชาเทวะ บางพลี สมุทรปราการ 10540







 


 



Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2562
Last Update : 18 กันยายน 2562 2:22:27 น.
Counter : 4355 Pageviews.

1 comment
1  2  

Beautyrush98
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



สวัสดีค่ะขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและทักทายกันนะคะ
ลัลเริ่มเขียน Blog จริงจังตอนปี 59 ส่วนมากจะเป็นรีวิวและสอนแต่งหน้าค่ะ มีท่องเที่ยวบ้างตามโอกาสที่ได้ไป
สีผิวกลางๆ undertone gold/neutral NC30
สภาพผิวผสม - ผิวมันขาดน้ำค่ะ แพ้ง่ายเป็นสิวบ่อย
อยากให้เขียนเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรหลังไมค์มาได้นะคะ จะได้เป็นข้อมูลแลกเปลี่ยนความรู้กัน

**************************
New Comments